EP03 - เสื้อทีมชาติ

-A A +A

EP03 - เสื้อทีมชาติ

หมวดหนังสือ: 


 

วันเวลาผ่านไปอีกแล้ว จากมอสามต้นกับสนก็ขึ้นมอสี่ เวลาส่วนมากของช่วงชีวิตวัยนี้หมดไปกับการเรียนอย่างไม่ต้องสงสัย ที่เหลือก็เล่นสนุกไปตามประสาวัย แต่ก็มีเด็ก ๆ บางคนช่วยพ่อแม่ทำงานด้วย

เปิดเทอมสองมาใหม่ สนก็เริ่มซ้อมฟุตบอลกับครูพละอย่างจริงจังเกือบทุกเย็น ที่จริงก็ซ้อมต่อเนื่องมาตั้งแต่เทอมก่อนแล้ว เพราะทางโรงเรียนจะส่งไปแข่งระดับจังหวัดปีหน้า รวมทั้งจะส่งนักเรียนบางคนที่มีแววเข้าร่วมคัดเลือกนักฟุตบอลทีมชาติรุ่นอายุไม่เกินสิบหกปีเร็ว ๆ นี้ด้วย คนที่มีแววมากที่สุดตอนนี้คือสนและเพื่อนร่วมชั้นอีกคนชื่อ "พระนาย" ครูพละจึงมาช่วยดูแลการซ้อมให้เป็นพิเศษ

ช่วงนี้สนกลับบ้านราว ๆ หกโมงเย็นหรือค่ำกว่านั้นนิดหน่อย เขาเริ่มซ้อมตั้งแต่บ่ายสามเศษ ๆ หรือเร็วที่สุดเท่าที่ครูจะปล่อยมาได้ พอต้นเลิกเรียนแล้วก็มักจะมานั่งดู ซื้อน้ำมาให้เหมือนเช่นเคย ส่วนหนึ่งเป็นเพราะต้องกลับบ้านพร้อมกับสน พ่อแต้วกำชับเสมอว่าให้สองคนกลับบ้านด้วยกัน

"เฮ้ยสน เมียมึงมารอกลับบ้านอีกแล้วว่ะ ช่วงนี้เห็นมาทุกวันเลย สงสัยกลัวมึงมีเมียน้อยแหง ๆ เลยว่ะ"

เพื่อน ๆ ในสนามพากันพูดแซว มีเสียงหัวเราะขบขันตามมาด้วย ดังพอที่ต้นจะได้ยิน แต่แทนที่สนจะกระอักกระอ่วนใจ เขากลับหันมาส่งยิ้มให้ต้น สนอาจจะชินแล้วก็ได้ เพราะเพื่อน ๆ มักแซวแบบนี้เป็นประจำ แต่บางทีต้นก็แอบกลัวว่าสนจะอึดอัด

ประมาณห้าโมงเย็นเศษ ๆ สนก็ซ้อมเสร็จ เขาวิ่งมาหาต้นในสภาพเสื้อกีฬาเปียกโชกด้วยเหงื่อ ต้นรีบส่งขวดน้ำให้อย่างรู้ใจ

"ทำไมวันนี้ซ้อมเสร็จเร็วล่ะ"

"ครูเขามีธุระ จะไปงานศพ" สนเปิดขวดน้ำดื่มอึกใหญ่หลายอึกจนหมดขวด พอหมดก็โอดครวญเรื่องการบ้าน "วันนี้เรามีการบ้านเยอะเลย ไม่รู้คืนนี้จะทำเสร็จหรือเปล่า"

"เดี๋ยวเราช่วยดูให้ วันนี้เราไม่มีการบ้าน"

สนยิ้มดีใจ เขาหันไปมองรอบ ๆ เพราะอยากรู้ว่ามืดแค่ไหนแล้ว พลันสายตาก็ไปสะดุดกับอะไรบางอย่าง แววตาของสนเปลี่ยนไปทันที

"เฮ้ยต้น น่ารักว่ะ นายรู้เปล่าว่าใคร"

รอยยิ้มและแววตาเจ้าชู้ของสนพาต้นหวั่นใจอีกแล้ว เมื่อต้นหันไปมองตาม สิ่งที่เห็นก็ไม่ยากเกินจะคาดเดา สาวน้อยคนหนึ่งนั่นเองที่เป็นเป้าสายตาของสนอยู่ตอนนี้

ต้นยิ้มแห้ง ๆ เท่านี้เขาก็พอจะรู้ชะตากรรมของตัวเองหลังจากนี้แล้ว

"ใบข้าวไง เขาเรียนชั้นเดียวกับเฟิร์นนั่นแหละ แต่คนละห้อง"

"จริงเหรอ สวยขึ้นเยอะเลย" สนมองสาวน้อยมอสามคนนั้นอย่างหลงใหล

แม้ว่าจะเรียนโรงเรียนเดียวกัน แต่ที่นี่ก็มีนักเรียนหลายร้อย บางคนเห็นหน้าแต่ไม่รู้จักชื่อ บางคนนาน ๆ ทีจะมาให้เห็น สาวน้อยคนนี้ก็เช่นกัน เมื่อก่อนไม่เคยอยู่ในสายตาสนเลย แต่ปีนี้เธอเริ่มโตเป็นสาวแล้ว พอรู้จักแต่งตัวก็ดูสวยขึ้นมากทีเดียว

"ต้น ไปกับเราหน่อย" สนบอกพลางเดินดุ่ม ๆ นำไปก่อน

ต้นรีบเดินตามไปอย่างงง ๆ ไม่นานก็ถึงบางอ้อ สนแกล้งทำเป็นเดินเฉียดไปทางสาวน้อยคนนั้นเพื่อหาทางทำความรู้จักนั่นเอง

"ใบข้าว ยังไม่กลับบ้านอีกเหรอ" สนร้องทักพลางส่งยิ้มให้

ใบข้าวหันมามอง เธอทำหน้าแปลก ๆ เพราะที่ผ่านมาสนแทบไม่เคยคุยกับเธอเลย อยู่ดีๆ วันนี้ก็มาทัก แถมยังยิ้มแปลก ๆ ให้อีก คงจะมาจีบแน่

"อ๋อ...กำลังจะกลับ พ่อใกล้จะมาถึงแล้ว"

พอเห็นต้นเดินตามมาสมทบอีกคนเธอก็หันไปมอง ใบข้าวจำต้นได้ แถมยังรู้ด้วยว่าต้นกับสนเป็นเพื่อนรักกัน เพราะใคร ๆ ก็รู้เรื่องนี้กันแทบทั้งโรงเรียน

"ทำไมพ่อมารับค่ำจังล่ะ" สนถามต่อ

"ช่วงนี้พ่อต้องทำยอดน่ะ ก็เลยต้องออกไปหาลูกค้าเยอะ นั่นไง พ่อมาแล้ว ไปก่อนนะ"

สาวน้อยวิ่งถือกระเป๋านักเรียนไปหารถเก๋งกลางเก่ากลางใหม่สีน้ำเงิน ๆ คันหนึ่ง ไม่แสดงท่าทีสนใจหนุ่มน้อยที่มาคุยด้วยสักนิด

"น่ารักว่ะต้น พอเขาไว้ผมยาวแล้วน่ารักขึ้นเยอะเลย มีเขี้ยวด้วย อึ๋มอีกต่างหาก" สนทำหน้าทะเล้นตอนท้าย

"สงสัยเขาจะไม่ชอบนายหรือเปล่า วิ่งหนีไปเลย" ต้นพูดเหมือนปลอบใจตัวเอง ความรู้สึกหวิว ๆ เริ่มก่อตัวอีกแล้ว

"แรก ๆ ก็งี้แหละ แต่เชื่อมือเราดิ นายคอยดูละกัน ไม่เกินหนึ่งอาทิตย์หรอก" สนยิ้มมั่นใจ แววตาเป็นประกาย

... ... ...

หลังจากนั้นไม่กี่วัน สนก็จีบใบข้าวเป็นแฟนสำเร็จ หลัง ๆ ต้นจึงมีเพื่อนมานั่งรอสนซ้อมบอลเพิ่มอีกคน ถึงเธอจะคุยกับต้นระหว่างรอพ่อมารับ แต่เป้าหมายของเธอก็ไม่ใช่ต้น

ใบข้าวบอกต้นว่าพ่อกับแม่ของเธอทำธุรกิจขายตรงยี่ห้อหนึ่งเป็นรายได้เสริม ช่วงนี้กำลังมีเป้าหมายว่าจะเปลี่ยนตำแหน่ง ก็เลยเร่งสร้างฐานลูกค้าใหม่ ทำให้ต้องกลับบ้านมืดค่ำทุกวัน เมื่อก่อนเธอกลับบ้านกับพี่ชาย แต่ตอนนี้พี่ชายไปเรียนที่กรุงเทพแล้ว เธอก็เลยต้องรอพ่อมารับ

"พี่ต้นรู้ยัง พี่สนบอกว่าจะเอาเสื้อทีมชาติมาเป็นของขวัญวันเกิดให้ใบข้าวด้วย โคตรตื่นเต้นเลย" ใบข้าวอวดอย่างภูมิใจ สายตาของเธอคอยมองดูสนตลอดเวลา บางทีสนก็หันมายิ้มและโบกมือให้

สนจะเอาเสื้อทีมชาติมาเป็นของขวัญวันเกิดให้ใบข้าวงั้นหรือ?

ทำไมสนไม่เคยบอกต้นเรื่องนี้เลย แต่ที่น่าน้อยใจกว่านั้นก็คือ ทำไมสนไม่คิดจะเอาเสื้อทีมชาติมาเป็นของขวัญวันเกิดให้ต้นบ้าง เขาอดคิดไม่ได้เลยว่าสนให้ความสำคัญกับใบข้าวมากกว่าเพื่อนคนนี้ซะแล้ว แต่อย่างว่า...เขาสองคนเป็นแฟนกันนี่นา

"ข้าวเกิดวันไหนเหรอ" ต้นหันไปถาม

"สิบสี่ธันวา" ใบข้าวตอบเสียงใส ก่อนเอ่ยชวน "พี่ต้นอย่าลืมไปงานวันเกิดใบข้าวด้วยนะ ปีนี้พ่อบอกให้ใบข้าวชวนเพื่อน ๆ ทุกคนมาที่บ้านเลย"

ต้นพยักหน้ารับไปตามมารยาท แต่ก็ไม่รู้ว่าถึงวันจริงจะกล้าไปหรือเปล่า

กว่าพ่อของใบข้าวจะมารับ สนก็เลิกซ้อมพอดี ต้นไม่ได้เอาน้ำเตรียมไว้ให้เพื่อนเหมือนอย่างเคย เพราะมีคนทำหน้าที่นั้นแทนแล้ว ไม่รู้ว่าสนรู้สึกอะไรบ้างหรือเปล่า แต่เมื่อสนไม่พูดหรือมีท่าทีใด ๆ ต้นจึงอดคิดไม่ได้ว่าสนคงไม่สนใจหรอก

เพราะต้นก็เป็นแค่เพื่อนคนหนึ่ง

ซ้อมบอลเสร็จสนก็พาต้นซ้อนมอเตอร์ไซค์กลับบ้าน ไม่รู้ว่าหลังจากนี้จะยังเป็นเหมือนเดิมหรือเปล่า ต่อไปสนคงอยากจะไปไหนมาไหนหลังเลิกเรียนกับใบข้าวตามประสาคนเป็นแฟนกันมากกว่า เหมือนคราวที่เป็นแฟนกับเฟิร์นตอนนั้น

"ใบข้าวบอกว่าอาทิตย์หน้าพ่อกับแม่เขาจะกลับดึกหน่อย ก็เลยจะให้เราไปส่งที่บ้านน่ะต้น"

นั่นไง ไม่ทันไรสิ่งที่ต้นกลัวก็เริ่มส่อเค้ารางขึ้นมาแล้ว

"อืม"

"นายไม่โกรธเรานะ"

"โกรธทำไม เรากลับกับซีลก็ได้ ไม่เห็นเป็นไรเลย"

"แล้วนายจะน้อยใจเราอีกหรือเปล่า"

"ไม่น้อยใจหรอก อย่าคิดมาก เราเป็นแค่เพื่อนกันนะสน นายมีแฟนแล้วเราก็เข้าใจ ไม่ต้องห่วงเรามากหรอก" พูดคำว่าเพื่อนไปแล้วต้นก็เจ็บซะเอง

"ก็คราวที่แล้วนาย..." สนเหมือนลืมไปดื้อ ๆ ว่าจะพูดอะไร

"เราบอกว่าไม่เป็นก็ไม่เป็นไรสิ นายไปกับแฟนก็ดีแล้ว เพื่อน ๆ จะได้เลิกล้อเราสองคนไง"

"นายจะไปสนใจทำไมต้น ล้อก็ล้อไปดิ ไม่เห็นมีอะไรเลย นายไม่ชอบเหรอ"

"เปล่า แต่พ่อเราไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ นายก็รู้ เราเป็นลูกชายคนเดียว พ่อเขาไม่ชอบให้ใครมาล้อเราแบบนั้นน่ะ ก็เหมือนนายนั่นแหละ"

"แล้วไง นายพูดอย่างนี้แปลว่านายไม่อยากไปไหนมาไหนกับเราเหรอ" สนคาใจ

"ไม่ใช่อย่างงั้นซะหน่อย เราแค่จะบอกว่า...นายมีแฟนก็ดีแล้ว พวกเพื่อน ๆ มันจะได้เลิกล้อ เราไม่อยากให้นายโดนเพื่อนล้อน่ะ พ่อของเราสองคนก็จะได้สบายใจด้วยไง" ต้นอธิบายด้วยเสียงเรียบ ๆ

สนไม่ตอบโต้อะไรอีก เขาขี่มอเตอร์ไซค์คู่ใจต่อไปเงียบ ๆ จนกระทั่งต้นเป็นฝ่ายชวนคุยอีก

"เราได้ยินมาว่า...นายจะเอาเสื้อทีมชาติมาให้เป็นของขวัญวันเกิดใบข้าวเหรอ"

"นายรู้ได้ไง" สนถามแทบจะทันที คงตกใจที่ต้นรู้เรื่องนี้

"เมื่อกี้เขาบอกเราน่ะ"

"อือ" สนรับคำสั้น ๆ แล้วก็เงียบไปเลย

ถ้าต้นสามารถมองเห็นหน้าสนได้ตอนนี้ คงจะเห็นว่าเพื่อนรักของต้นหน้าเครียดมากทีเดียว แต่คงไม่รู้ว่าเครียดเรื่องอะไร

"พรุ่งนี้เราจะกลับกับซีลนะ มีรายงานต้องทำด้วยกัน อาทิตย์นี้เราจะกลับกับซีลทุกวันเลย นายไม่ต้องรอเรานะ เดี๋ยวเราบอกพ่อแต้วให้ นายจะได้ไม่โดนพ่อดุไง"

ต้นพูดจบแล้วสนก็ยังคงเงียบ ก็ถือว่าสนรับรู้แล้วละกัน คราวนี้ต้นไม่รู้ว่าจะต้องห่างเหินกันเหมือนคราวที่แล้วอีกหรือเปล่า แต่จะให้ต้นมาทนเห็นสนอยู่กับแฟนทุกวันคงไม่ไหว

ถ้าจะต้องเป็นอย่างนั้นอีกก็คงช่วยไม่ได้

... ... ...

เที่ยงวันหนึ่งที่โรงอาหาร ต้นลงมากินข้าวกับเพื่อนตามปกติ มีซีลกับป้องเดินมาเป็นเพื่อนด้วย จังหวะที่กำลังเดินผ่านโต๊ะหนึ่ง เสียงแซวก็ดังขึ้น

"เฮ้ยไอ้ต้น ทำไมวันนี้มึงไม่มากับผัวมึงวะ โดนผัวทิ้งเหรอ"

ต้นกับเพื่อนหยุดชะงัก พอหันไปมองก็เห็นพระนายและเพื่อนๆ ห้องมอสี่ทับสามนั่งอยู่ แต่ไม่เห็นสน สงสัยจะไปกินข้าวกับแฟนนั่นแหละ

ถ้าไม่โกหกตัวเองจนเกินไป ต้นก็ยอมรับว่าโกรธมาก นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาโดนพระนายล้อ ตอนอยู่มอสามก็เคยโดนล้อเรื่องคล้าย ๆ กันมาแล้วจนเกือบมีเรื่อง โชคดีครูปกครองมาเจอเสียก่อน

"ก็ผัวไปมีเมียใหม่แล้วนี่หว่า ใช่ไหม ขนาดเสื้อทีมชาติยังจะเอามาให้น้องใบข้าวเลย ไม่เอามาให้เพื่อนต้นสักตัว ตอนนี้ก็ไปส่งน้องใบข้าวมืด ๆ ค่ำ ๆ ทุกวันเลย ไม่รู้ไปส่งถึงไหน แต่ตอนนี้เมียเก่าตกกระป๋องซะแล้ว ฮ่าๆๆ "

เพื่อนอีกคนล้อบ้าง ไม่รู้ว่ารู้เรื่องเสื้อทีมชาติมาจากไหน เรียกเสียงหัวเราะชอบใจได้เป็นอย่างดี

ซีลเห็นอย่างนั้นก็ทนไม่ไหว จึงโวยวายกลับไปบ้าง "พูดเหี้ยอะไรวะ! "

"อะไรวะไอ้ซีล แค่นี้ทำเป็นจริงจังไปได้ แซวเล่นเฉย ๆ ไม่ได้หรือไงวะ" พระนายลอยหน้าท้าทาย

"พวกมึงไปเหอะ อย่าไปยุ่งกับพวกมันเลย" ต้นสะกิดเพื่อน จากนั้นก็รีบเดินนำเพื่อนออกไป ป้องกับซีลจึงต้องรีบเดินตามมา

พอหาที่นั่งกินข้าวได้ ป้องก็บ่นว่าเพื่อนต่างห้องที่มาระรานต้นเมื่อกี้ "ไอ้นายนี่แม่งยังปากหมาเหมือนเดิมไม่มีผิด"

ตอนแรกซีลว่าจะผสมโรงด้วย แต่พอเห็นสีหน้าของต้นแล้ว เขาก็หันไปปลอบแทน "มึงไม่ต้องไปสนใจมันหรอกต้น มันก็เป็นอย่างนี้ของมันมาตั้งนานแล้ว"

ต้นพยักหน้า ขณะที่ในใจก็คิดถึงเพื่อนอีกคน ถ้าสนนั่งอยู่ตรงนั้น พระนายไม่กล้าล้อแบบนี้แน่นอน

"เออต้น มึงกับไอ้สนมีปัญหาอะไรกันเปล่าวะ เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยเห็นมึงกลับบ้านกับไอ้สนเลย" ป้องเปลี่ยนเรื่อง เพราะเขาสังเกตว่าช่วงนี้ต้นกลับบ้านกับซีลทุกวัน

"ไม่มีอะไร ช่วงนี้สนบอลซ้อมหนักน่ะ กูอยู่รอทุกวันไม่ไหวเว้ย" ต้นพูดให้ฟังดูตลก

"มึงเนี่ยนะรอไม่ไหว กูเห็นมึงนั่งรอมันมาตั้งแต่มอสามแล้ว" ป้องทำหน้าไม่เชื่อ

"คนเรามันก็ต้องมีเปลี่ยนแปลงกันบ้างสิวะ" ต้นแก้ตัว

"เออ เรื่องของมึง แต่ก็ดีแล้วแหละ ไม่ต้องไปรอมันหรอก กูเห็นไอ้สนมีแฟนทีไรนะ มึงตกกระป๋องทุกทีเลย" ป้องสัพยอก

"ไอ้เหี้ย พูดแบบนี้เดี๋ยวต้นมันน้อยใจนะเว้ย" ซีลว่าเพื่อนไม่จริงจังนัก ก่อนพูดสืบไป "แต่กูว่านะ ไอ้นายมันต้องอิจฉาไอ้สนแน่ ๆ เลยว่ะ สนมันเล่นเก่งมากเลยนะเว้ย ครูพละยังชมเลย แต่ไอ้นายมันติดขี้แอคไปหน่อย มันไปคุยให้รินฟังเว้ยว่ามันอยากติดทีมชาติคนเดียว มันจะเขี่ยไอ้สนออกให้ได้ แถมมันยังบอกอีกนะว่า…ให้ไอ้สนคอยดูแฟนให้ดี ๆ " รินที่ซีลเอ่ยถึงก็คือเพื่อนผู้หญิงที่อยู่ห้องเดียวกับสน

"มันจะแย่งแฟนไอ้สนเหรอ" ป้องทำหน้าประหลาดใจ

"กูไม่รู้ว่า แต่เมื่อวานกูเห็นไอ้นายมันเข้ามาคุยกับใบข้าวที่ห้องสมุดเว้ย เห็นกันตั้งหลายคน" ซีลยืนยัน

"เอาล่ะเว้ย กูว่ามีรักสามเส้าแน่ ๆ " ป้องหัวเราะ ขณะที่ต้นได้แต่นั่งฟังเงียบ ๆ

... ... ...

หลังเลิกเรียนวันหนึ่ง สนขี่มอเตอร์ไซค์ไปส่งใบข้าวที่บ้านทันทีเพราะวันนี้ไม่มีซ้อมบอล เธอบอกว่าวันนี้พ่อกับแม่จะกลับดึกหน่อย อยากให้สนอยู่เป็นเพื่อน ไม่รู้ว่าจริงเท็จแค่ไหน สนเป็นผู้ชายย่อมดูออกว่าอีกฝ่ายกำลังเชื้อเชิญ เขาเคยฟังหรืออ่านประสบการณ์ทำนองนี้มาบ้างแล้ว

"อาทิตย์หน้ามีงานลอยกระทง พี่สนมีใครไปลอยกระทงด้วยหรือยัง"

สาวน้อยเอียงหน้ามาถาม ใจคอสนไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเลย ไหนจะมือที่กอดอยู่ที่เอว ไหนจะหน้าอกสาวแรกรุ่นที่แนบเข้ามาทางด้านหลัง ผู้ชายคนไหนไม่รู้สึกอะไรคงเป็นพระอิฐพระปูนไปแล้ว

"ยัง ยังไม่เคยไปลอยกับสาวที่ไหนเลย เคยไปแต่กับต้น" สนตอบขณะที่สายตาคอยมองทางข้างหน้า

"งั้นไปกับใบข้าวไหมล่ะ ไปนะ ใบข้าวก็ยังไม่เคยไปลอยกระทงกับใครเลย เมื่อก่อนไปแต่กับพ่อแม่ ใบข้าวอยากเป็นผู้หญิงคนแรกที่ไปลอยกระทงกับพี่สนน่ะ"

"อือ" สนรับปากง่าย ๆ ทว่าสีหน้าหน้าเริ่มกังวล

"จริงนะ"

"จริงสิ ถ้าพี่ไม่ไปลอยกระทงกับแฟนจะให้พี่ลอยกับใคร แต่ว่า...ให้ต้นไปด้วยนะ"

"อ้าว ทำไมไม่ให้พี่ต้นไปกับแฟนล่ะ พี่ต้นยังไม่มีแฟนอีกเหรอ หน้าตาก็ออกจะดี"

"ต้นยังไม่มีแฟนหรอก เขายังไม่อยากมีตอนนี้" สนแก้ตัวแทนเพื่อน

"พี่สนห่วงเพื่อนมากไปหรือเปล่า คราวที่แล้วพี่สนก็เบี้ยวไม่ไปเที่ยวตลาดเครื่องบินกับใบข้าว เนี่ย ยังโกรธอยู่เลย" ใบข้าวแสร้งทำหน้างอ

ก่อนหน้านั้นหนึ่งวัน สนโดนพ่อดุเรื่องไม่มาส่งต้นที่บ้าน เขาก็เลยต้องเบี้ยวนัดกับใบข้าวและไปส่งต้นที่บ้านแทนในวันต่อมา สาวเจ้าก็เลยงอน

"อ้าว แล้วจะให้พี่ทำไง"

"ถ้างั้น...งานลอยกระทงปีนี้ เราไปกันสองคนดีไหม ใบข้าวอยากไปกับพี่สนสองคนน่ะ ถ้าพี่ต้นมาด้วย ใบข้าวจะนั่งตรงไหน มันซ้อนสามไม่ได้ซะหน่อย" ใบข้าวเริ่มกระเง้ากระงอด

"พี่กลัวต้นน้อยใจน่ะ"

"หา! ทำไมพี่ต้นต้องน้อยใจด้วยล่ะ ใบข้าวว่าพี่สนคิดเยอะไปแล้ว พี่ต้นเขาเป็นเพื่อนพี่สนนะ ถ้าเพื่อนอยากจะไปสวีทกับแฟนสองคน พี่ต้นจะน้อยใจทำไม พี่สองคนไม่ได้เป็นอะไรกันซะหน่อย"

ก็จริงที่สนไม่ได้เป็นอะไรกับต้นนอกจากเพื่อน ทำไมสนต้องกังวลขนาดนั้น ทว่าความสัมพันธ์ของเขากับต้นเป็นเรื่องยากที่ใครจะเข้าใจ

"เดี๋ยวพี่จะลองคุยกับต้นดูนะ" สนแบ่งรับแบ่งสู้

ไม่ช้าก็มาถึงบ้านของใบข้าว วันนี้ทั้งบ้านมีแค่ใบข้าวคนเดียว ชีวิตที่ต้องดิ้นรนของพ่อแม่บีบบังคับให้ต้องปล่อยลูกสาวอยู่บ้านคนเดียวในบางครั้ง เมื่อเข้ามาในบ้านใบข้าวก็เชื้อเชิญให้สนนั่ง สนใจสั่นแทบแย่เมื่อใบข้าวนั่งลงข้าง ๆ เธอเอียงคอซบไหล่สนอย่างออดอ้อน ในที่รโหฐานแบบนี้ อะไร ๆ ก็อาจเกิดขึ้นได้

"พี่สนรู้ไหม ใบข้าวหาเวลาอยู่สองคนกับพี่สนแบบนี้มานานแล้ว พี่สนว่ามันดีไหม"

สนไม่รู้จะตอบว่ายังไง จะว่าดีก็ดีอยู่หรอก แต่ที่ผ่านมาสนไม่เคยให้ความสนิทสนมกับสาวคนไหนจนถึงขั้นเกินเลย กระทั่งกอดหรือจูบสนก็ไม่กล้าทำ

"พอพี่ชายไม่อยู่ ใบข้าวก็เง้าเหงา ดีนะวันนี้มีพี่สนมาอยู่เป็นเพื่อนด้วย" ใบข้าวเบียดตัวเข้ามาอีก สนได้แต่นั่งตัวแข็งทื่อ

"พี่สนมีแฟนมากี่คนแล้ว" ใบข้าวเปลี่ยนเรื่อง

"ไม่เยอะหรอก" สนตอบด้วยเสียงประหม่า

"เหรอ แล้ว...เคย...หรือเปล่าล่ะ" ใบข้าวช้อนตาขึ้นมอง ยิ้มหวาน ๆ นั้นยิ่งทำให้สนใจคอไม่ดี

"เคยอะไร" สนถามอย่างพาซื่อ

ใบข้าวหัวเราะคิกคัก "พี่สนไม่รู้หรือแกล้งไม่รู้เนี่ย ใบข้าวหมายถึงจูบ ไม่ใช่เรื่องนั้นซะหน่อย"

สนดูจะตกใจไม่น้อยกับเรื่องที่ใบข้าวพูด แม้ความรักในวัยนี้ยังใส ๆ ไร้เดียงสา แต่เขาก็มักเจอผู้หญิงที่รุกหนักมาตั้งแต่มอสามมาแล้ว ว่าแต่เขาจะยอมให้จูบแรกเป็นผู้หญิงคนนี้หรือเปล่า แต่จะตัดสินใจตอนนี้ก็คงไม่ทันแล้ว เพราะใบข้าวกำลังเลื่อนใบหน้าสวยพริ้มเพราเข้ามาหา

ต่อให้ไม่อยากให้จูบแรกของตัวเองเป็นผู้หญิงคนนี้ สนก็คงไม่สามารถหยุดมันได้

แต่ก่อนที่ปากของสองหนุ่มสาวจะสัมผัสกัน โทรศัพท์ของสนก็ดังขึ้นขัดจังหวะเสียก่อน ใบข้าวชะงักและถอยตัวออกอย่างไม่สบอารมณ์เล็กน้อย สนรีบหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดู ชื่อพ่อปรากฏบนหน้าจอเล็ก ๆ ของโทรศัพท์โนเกียรุ่น 3360 ที่พ่อซื้อให้ สนกดรับแล้วกรอกเสียงลงไปทันที

"ครับพ่อ"

"สนอยู่ไหนลูก กลับมาบ้านเร็ว ต้นมีเรื่องชกต่อยกับเพื่อนน่ะ แม่เยากับพ่อแอ๊ดกำลังซักใหญ่เลย สนรีบมาเร็วลูก" เสียงพ่อบอกมาอย่างร้อนรน

สติสัมปชัญญะทั้งหมดของสนกลับคืนมาทันที อารมณ์วาบหวามใจเมื่อครู่หายไปหมดสิ้น จะว่าไปก็โชคดีด้วยซ้ำ ไม่งั้นเขาอาจจะเผลอทำลูกสาวชาวบ้านท้อง พ่อแม่คงอกแตกตายถ้าเขาจะต้องมาเป็นพ่อคนตั้งแต่อายุสิบหก เผลอ ๆ จะเสียอนาคตเอาได้

"จริงเหรอครับพ่อ ผมจะไปเดี๋ยวนี้ครับ"

สนเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋ากางเกงอย่างลนลาน จากนั้นก็ลุกขึ้นเดินไปหยิบกระเป๋านักเรียนบนโต๊ะขึ้นมาถือไว้

"พี่สนจะไปไหน" ใบข้าวร้องถามก่อนที่สนจะวิ่งออกไป

สนหยุดชะงักและหันมาตอบ "พี่จะไปดูต้น ต้นมีเรื่องกับใครไม่รู้"

“แต่ว่า…ใบข้าวจะอยู่กับใครล่ะคะ พี่สนไม่ห่วงใบข้าวเหรอ" ใบข้าวทำเสียงกระเง้ากระงอดให้ดูน่าสงสาร

สนชะงักไปชั่วครู่ สักพักก็ทำสีหน้าอ่อนลง "เดี๋ยวพ่อแม่ของใบข้าวก็กลับมาแล้ว ปิดประตูบ้านให้ดี ๆ ละกันนะ พี่ต้องไปดูต้นตอนนี้เลย ไม่ไปไม่ได้"

“ค่ะ ไปเถอะค่ะ เพื่อนพี่สำคัญกว่าแฟนนี่"

ใบข้าวทำเสียงจิ๊กจั๊กอย่างไม่สบอารมณ์ ก่อนจะเดินปึงปังขึ้นไปบนบ้าน สนทำให้สาวงอนอีกแล้ว แต่ตอนนี้คงไม่ใช่เวลามาปรับความเข้าใจกัน ตอนนี้เขาต้องรีบไปดูต้นให้เร็วที่สุด

ว่าแล้วสนก็วิ่งไปที่มอเตอร์ไซค์ที่จอดไว้และขี่ออกไป ใช้เวลาไม่ถึงสิบนาทีก็มาถึงบ้านต้น เขาขับรถมาเร็วพอสมควร แต่ก็โชคดีที่ไม่เป็นอะไร เขารีบวิ่งเข้าไปในบ้านทันที ทุกคนที่นั่งอยู่หันมามองเขาเป็นตาเดียวกัน

"ต้น! "

สนเรียกเพื่อนพร้อมกับวิ่งถลาไปหาคนที่นั่งอยู่บนโซฟา มีพ่อกับแม่ของทั้งสองบ้านนั่งรายล้อม

"ใครทำอะไรนายน่ะต้น"

สนนั่งลงข้าง ๆ สำรวจดูใบหน้าและเนื้อตัวของต้นอย่างเป็นห่วง จนกระทั่งแน่ใจว่ามีเพียงรอยแตกและฟกช้ำที่ปากที่เดียว

"เข้าใจผิดกับเพื่อนนิดหน่อย" ต้นตอบเบา ๆ เพราะเจ็บปาก มีเลือดออกและบวมเจ่อพอสมควร

"เพื่อนคนไหน บอกเรามา เดี๋ยวเราจะไปจัดการมันให้! " สนปากสั่นและหน้าแดงด้วยความโกรธ เขาจะไม่ปล่อยคนที่ทำต้นเจ็บแน่

"ใจเย็น ๆ สน"

พ่อแอ๊ดตบไหล่สนเบา ๆ เป็นการเตือนสติ สนจึงลดท่าทางขึงขังลง ก่อนถามต้นอย่างเป็นห่วงอีกครั้ง

"เจ็บไหม นายทำแผลหรือยัง"

ต้นส่ายหน้า เขาเพิ่งกลับมาถึงบ้านได้ไม่นานนัก มาถึงก็โดนพ่อแม่รุมซักใหญ่ เขากลัวมากว่าแม่จะส่งไปอยู่กับยายเหมือนตอนมอสามที่เคยมีเรื่องกับพระนายอีก ก็เลยใช้เวลาอธิบายนานหน่อนว่าเป็นความเข้าใจผิด ไม่ใช่จงใจจะมีเรื่องกัน พอพ่อจะพาไปทำแผล สนก็มาถึงพอดี

"งั้นขึ้นไปบนห้อง เดี๋ยวเราทำให้"

สนบอกแล้วก็จูงมือต้นพาเดินออกไป ผู้ใหญ่ที่นั่งอยู่ได้แต่มองตาม ทุกคนรู้ว่าสนรักเพื่อนมาก เห็นเพื่อนเจ็บแบบนี้คงรู้สึกไม่ดี

ต้นเดินตามสนขึ้นบันไดไปอย่างว่าง่าย เห็นสนเป็นห่วงและอุตส่าห์มาหาก็รู้สึกดีใจไม่น้อย เขานึกว่าสนจะไม่สนใจซะแล้วเพราะเห็นหายไปกับใบข้าวตั้งแต่เลิกเรียน

"นายกินข้าวหรือยัง" สนถาม

"ยัง"

"เดี๋ยวทำแผลเสร็จ เราจะทำข้าวต้มให้นายกินนะ นายจะได้ไม่ต้องเคี้ยวไง"

สนให้ต้นนั่งรอบนเตียง จากนั้นเขาก็วิ่งลงบันไดมาเอาชุดปฐมพยาบาลขึ้นไปอย่างรวดเร็ว สนดูเป็นห่วงต้นมากจนแทบไม่สนใจใครเลย ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพ่อกับแม่นั่งมองดูอยู่

การแสดงออกถึงความห่วงใยของสนครั้งนี้ จะว่าธรรมดาก็ธรรมดา จะว่าแปลกก็แปลก

พอกลับเข้ามาในห้อง สนก็เอาสำลีชุบยาทาแผลให้ต้น เห็นเพื่อนเจ็บเขาก็สงสาร ที่น่าโมโหกว่านั้นก็คือสนไม่ได้มาอยู่ด้วยตอนเกิดเรื่อง ไม่อย่างนั้นต้นคงไม่เจ็บตัวแบบนี้

"ถ้าเจ็บก็บอกนะ เราทำเบามือที่สุดแล้ว"

"ไม่เจ็บมากหรอก แค่ปากแตกนิดเดียวเอง" ต้นนึกขำที่เห็นสนเป็นห่วงจนดูเงอะงะลนลาน

เมื่อทำแผลเสร็จ สนก็ขอให้ต้นเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟัง

"ใครทำนายเหรอต้น"

"ไอ้ชิน"

"ไอ้ชินเหรอ" สนทำหน้าฉงน ไม่เข้าใจนักว่าต้นมีเรื่องกับชินได้ยังไง เพราะสองคนนี้ไม่เคยมีปัญหากันมาก่อน

"เมื่อวานครูท็อปเดินมาคุยกับเรา คุยเสร็จก็เดินลงไปข้างล่าง แล้วยังไงไม่รู้ เขาจับได้ว่าไอ้ชินมันแอบสูบบุหรี่ในห้องน้ำ ครูท็อปก็เลยบังคับให้ไอ้ชินเอาบุหรี่ขยี้ใส่น้ำ แล้วก็ให้มันกินจนหมดแก้ว มันอ้วกใหญ่เลย"

ที่โรงเรียนเข้มงวดเรื่องยาเสพติดมาก เพราะเพิ่งได้รางวัลโรงเรียนสีขาวดีเด่นประจำจังหวัดนครปฐมมา จึงต้องรักษามาตรฐานและภาพลักษณ์ของโรงเรียนไว้ นักเรียนคนไหนถูกจับได้ว่าสูบบุหรี่ กินเหล้า เล่นการพนันหรืออบายมุขอื่น ๆ มักจะโดนลงโทษ

"แล้วมันเกี่ยวอะไรกับนายล่ะ" สนยังไม่เข้าใจอยู่ดี

"เกี่ยวสิ ก็ไอ้ชินมันเข้าใจว่าเราเป็นคนไปฟ้องครูท็อปไง มีคนไปบอกมันว่าเห็นเราคุยกับครูท็อปก่อนที่มันจะถูกจับได้ มันก็เลยหาว่าเราเป็นคนฟ้องครูท็อป แต่เราไม่ได้ฟ้องซะหน่อย ครูท็อปเขารู้ตั้งนานแล้ว แต่เขายังจับไม่ได้เฉย ๆ ตอนที่นายออกไปกับใบข้าว ไอ้ชินมันมาหาเรื่องเรา เราบอกว่าเราไม่ได้ฟ้องมันก็ไม่เชื่อ ก็เลยโดนมันต่อย แค่หมัดเดียวแต่แม่งต่อยหนักชิบเป๋งเลย" ต้นพูดติดตลกตอนท้าย

สนมองต้นด้วยสีหน้าครุ่นคิด พอผ่านไปสักพักเขาก็ใจเย็นลง เพราะต้นเองก็ไม่ถึงกับเจ็บมาก ที่สนลนลานเมื่อกี้เป็นเพราะเขารู้สึกผิดมากกว่า

"เอางี้ นายอยากให้เราทำไงกับไอ้ชิน ถ้านายจะให้เราแก้แค้นให้ เราก็จะไปต่อยมันให้นาย แต่ถ้านายไม่อยากแก้แค้น เราก็จะแค่เตือนมันเฉย ๆ "

"ช่างมันเหอะ เราไม่อยากมีเรื่องกับใครน่ะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ครูท็อปก็จะจัดการมันเองแหละ"

สนพยักหน้าตกลง เมื่อต้นขอแล้วเขาก็ยินดีจะทำให้ด้วยความเต็มใจ แต่ก็ยังมีอีกเรื่องที่เขาต้องเคลียร์

"วันนี้...ไอ้นายมันล้อนายเหรอ"

สนน่าจะรู้เรื่องนี้เพราะเพื่อนในห้องเล่าให้ฟัง ทว่าต้นก็ไม่เข้าใจนักว่าทำไมสนถึงเอาเรื่องนี้มาถาม

"นายโกรธเหรอ"

"ใช่ เราว่าไอ้นายมันชักจะล้ำเส้นแล้วนะ มันไม่ชอบเราก็ควรจะมาทำกับเรา ไม่ใช่ไปหาเรื่องนายแบบนี้" สนพูดอย่างเหลืออด

"ช่างมันเหอะ พวกนี้มันก็ชอบล้ออยู่แล้ว เราชินแล้วล่ะ อ้อ นายบอกเราเองไม่ใช่เหรอว่าไม่ต้องไปสนใจ"

"ก็ใช่ แต่ว่า…” สนนึกไม่ออกว่าจะอธิบายยังไง เขาก็เลยเสไปพูดอย่างอื่น “นายไม่ต้องไปฟังใครนะต้น สำหรับเรา...นายมาก่อนคนอื่น"

พระนายล้อว่าสนมีเมียใหม่แล้ว แถมยังล้อเรื่องเสื้อทีมชาติอีก ต้นก็เลยตกกระป๋อง เรื่องแรกสนชินแล้ว แต่เรื่องที่กังวลมากที่สุดคือเรื่องหลังนี่แหละ ไม่รู้ว่าเพื่อนของเขารู้เรื่องนี้ได้ยังไง

"นายไปบ้านใบข้าวมาเหรอ" ต้นถามอย่างเกรงใจ

"อืม แต่ก็ไม่มีอะไรหรอก แค่ไปส่งเฉย ๆ " สนปฏิเสธราวกับร้อนตัว

เอาเถอะ อย่างน้อยคำตอบนั้นก็ทำให้ต้นรู้สึกดีขึ้นมาบ้าง สนไม่โกหกต้นหรอก เพราะฉะนั้นเขาก็น่าจะวางใจได้ แต่อนาคตก็ไม่แน่เพราะธรรมชาติของชายหญิงยากจะห้ามได้

"เดี๋ยวเราลงไปทำข้าวต้มให้นายกินนะ นายจะรอนี่หรือว่าจะลงไปด้วยกัน" สนเปลี่ยนเรื่อง

"เรารอนี่ละกัน" ต้นยิ้มบาง ๆ

เรื่องหนุ่มสาวเลยเถิดคงไม่มีอะไรให้กังวลตอนนี้ แต่ที่ยังคาใจก็คือเรื่องเสื้อทีมชาตินี่แหละ แม้พยายามไม่คิดเล็กคิดน้อย แต่ต้นก็อดน้อยใจไม่ได้ว่าทำไมสนถึงไม่อยากเอาเสื้อทีมชาติมาให้เขาบ้าง เรื่องนี้จึงกลายเป็นแผลในใจของเขาไปแล้ว

เจ็บยิ่งกว่าแผลบนปากตอนนี้ด้วยซ้ำ

TBC...

สารบัญ / นำทาง

ความคิดเห็น

รูปภาพของ tor

ขอบคุณครับ

เป็นเรื่องที่แอบมีความโรแมนติกปนเศร้านิดๆ

แสดงความคิดเห็น

 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.