ตอนที่ 20 เกิดอะไรขึ้น

ผูกรักด้ายแดง
คุณกำลังอ่าน: ผูกรักด้ายแดง

-A A +A

ตอนที่ 20 เกิดอะไรขึ้น

บทที่ 20

ตอน เกิดอะไรขึ้น

               รุ่งเช้า

               องค์ชายสี่และลู่เหลียนเดินออกจากหลังหุบเขา องครักษ์ทั้งสองเข้าไปหาพวกเขา

               “พวกเจ้าล่วงเกินพี่สามแล้ว”

               “คุณชายพวกเราพร้อมรับการลงโทษขอรับ”

               “ข้าจะบอกความจริงกับพี่สาม เพราะถึงอย่างไรคืนนี้พี่สามก็ต้องรู้ ถ้าปล่อยให้พี่สามสงสัย มีหวังคืนนี้พวกเจ้าได้ตายจริง ๆ แน่”

               “พี่สามโหดมากหรือค่ะ”

               “เจ้ารู้ฉายาของพี่สามหรือเปล่า”

               “ไม่รู้ค่ะ”

               “เป็นคนสุขุมก็จริงแต่เวลาโกรธแค่ดาบเดียวก็ปลิดชีพได้หลายคน  ชาวบ้านตั้งฉายาให้องค์ชายสามว่า กระบี่ปลิดชีพ ถ้าคนคืนนี้พวกเจ้าท้าทายพี่สามอีก เห็นทีพวกเจ้าคงต้องตายด้วยคมดาบเป็นแน่”

               “เพื่อปกป้องความลับ พวกเราขอยอมตาย”

               “แต่ข้ามีแค่องครักษ์ที่รู้ใจแค่พวกเจ้า”

               ทั้งสองมองหน้าแล้วคุกเข่าให้องค์ชายคิดทบทวนการจะบอกความลับนี้

               “ลุกขึ้นเถอะ อย่างไรเราก็หลีกเลี่ยงคืนนี้ไม่พ้น”

               ลู่เหลียนก้มหน้า เธอคิดจะบอกดีไม่ว่าเสด็จพ่อก็รู้แล้ว และยังเรื่องที่เราขัดคำสั่งอีก ถูกตีตายแน่เลยงานนี้

               “ลู่เหลียนเป็นอะไร”

               “เปล่า หม่อม......”เธอมองหน้าเขาที่กำลังดุเธออยู่

               “สมควรแล้วที่จะบอกความจริงค่ะ”

               ทั้งสี่เดินออกมาเข้าร่วมกลุ่มกับทุกคน องค์ชายสามนั่งดื่มน้ำชาที่ทหารจัดไว้ด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึม โดยมีหว่านเอ่อร์รินน้ำชาให้อยู่ข้าง ๆ เมื่อหว่านเอ่อร์มองเห็นทั้งสองเดินออกจากป่า เธอรีบวิ่งไปหาพวกเขาทันที

               “คุณชายสี่ คุณหนู ดูท่าทางอารมณ์ของคุณชายสามไม่ดีเอามาก ๆ เลยค่ะ ตั้งแต่เมื่อคืนจนถึงตอนนี้ไม่ยอมนอน ไม่พูดอยู่แบบนี้ทั้งคืนเลย”

               องค์ชายสี่ถอนหายใจ “หว่านเอ่อร์พาคุณหนูไปทำแผล”

               “เจ้าคะ”

               แล้วองค์ชายสี่ก็เดินเข้าไปหาเขา นั่งลงข้าง ๆ องครักษ์ยกน้ำชามาให้เขา

               “เมื่อคืนพวกเจ้าช่างกล้าท้าทายเรามาก”

               หลิ่งเหวิน และ เลี่ยงหรง คุกเข่าต่อหน้าทั้งสอง “พวกเราพร้อมรับการลงโทษขอรับ”

               “พี่สาม ข้ารู้ว่าพวกเขาผิดที่ทำเช่นนั้น แต่เพื่อปกป้องข้าพวกเขาจำเป็นต้องทำ”

               “พวกเจ้ารู้หรือไม่ ไม่เคยมีผู้ใดกล้าทำอย่างที่พวกเจ้าทำ เอาเถอะข้าก็ไม่ได้โกรธมากเท่ากับความสงสัยที่มีต่อเจ้าน้องสี่ ข้าแปลกใจนั่งคิดทั้งคืนว่าเหตุใด น้องสะใภ้ถึงยอมเสี่ยงตามขบวนเสบียงอาหารมาเช่นนี้ ข้าเกือบฆ่าพวกนางสองคนแล้วเจ้ารู้หรือไม่..... มันเกิดอะไรขึ้น”

               “พวกเจ้าออกไปให้หมด” องค์ชายสี่พูด

               แล้วองครักษ์ทั้งสี่ก็เดินออกไปทันที

               “นี่คือความจริง คำนินทา กล่าวว่า ข้าคือปีศาจ มันย่อมมีมูลความจริง” แล้วเขาก็เล่าทุกอย่างให้พี่สามฟังจนหมด

               เขานั่งฟังด้วยสีหน้าที่วิตกกังวล ทางด้านลู่เหลียนก็บอกความจริงทุกอย่างให้หว่านเอ่อร์ฟัง และบอกเรื่องที่นางได้บอกให้ฮ่องเต้รู้เรื่องนี้ด้วย

ที่ลำธาร ลู่เหลียนนั่งอาบน้ำ หว่านเอ่อร์ทำแผลให้นาง

               “ หว่านเอ่อร์สงสารคุณชาย จริงซิแล้วแบบนี้คุณหนู ฮ่องเต้ไม่ต้องโบยคุณหนูเหรอคะ”

               “เมื่อถึงเวลาค่อยว่ากัน แต่เจ้าอย่าบอกคุณชายเรื่องที่ฮ่องเต้รู้นะ เพราะเจ้าบ้านั้นต้องโกรธแน่ ๆ”

               “คุณหนู...เรียกพระสวามีว่าอย่านั้นได้อย่างไร เอ่อ.....”หว่านเอ่อร์มีสีหน้าเริ่มแดง จับกระบี่ไว้แน่นบีบมันราวกับบิดผ้าไปมา

               “เป็นอะไรของเจ้า”

               “หว่านเอ่อร์สงสัยว่า...”

               “ว่าอะไร”

               “คุณหนู เข้าหอหรือยังค่ะ”

               “นี่เจ้า....” เธอหันหลังให้ ก้มหน้าแล้วดึงแขนเสื้อตัวเอง

               “อย่าบอกนะว่า...”

               “อือ....ตามนั้น”

               “คุณหนู แต่งงานกันก็ต้องเข้าหอซิค่ะ”

               “นี่หว่านเอ่อร์” เธอมองไปรอบ ๆ แล้วพูดเสียงเบาลง “ฉันจะเอาเวลาใหนเข้าหอละ แค่ทะเลาะ แค่รักษาเขาเวลาก็หมดแล้ว”

               “คุณหนู...ระวังนะคะ คุณชายสี่เนื้อหอมไม่ใช่เล่น เมื่อก่อนเป็นคนที่เย็นชาก็จริง แต่ที่ตำหนักมีสาว ๆ ทั้งลูกขุนนาง แม้แต่องค์หญิงต่างแคว้น ต่างก็แวะเวียนมาพูดคุยกันอยู่บ่อย แต่หลังจากที่คุณชายป่วย สาว ๆ เหล่านั้นก็หายหน้าไป”

               “จะกลัวทำไม ตอนนี้เขามีเจ้าของแล้ว”

               “คุณหนู......แต่ฮ่องเต้หรือแม้แต่องค์ชายก็มีอนุได้หลายคนนะค่ะ”

               เธอมองหน้าหว่านเอ่อร์ แล้วคิด ใครกล้าแม่จะตบให้หน้าคว่ำเลย

               เมื่อหว่านเอ่อร์ทำแผลที่ถลอกให้ลู่เหลียนเสร็จพวกเธอก็แต่งตัวเป็นหญิงเช่นเดิม

ความสงสัยได้หายไปหมดสิ้น เมื่อองค์ชายสามรู้ความจริงทุกอย่าง มันทำให้เขาเข้าใจทุกอย่างมากขึ้น

“เป็นอย่างนี้นี่เอง น้องสะใภ้ถึงรีบมาขนาดนั้นเพราะต้องการถอนคำสาปให้ทันเวลาอย่างนั้นซินะ..แล้วถ้าน้องสะใภ้มาไม่ทันจะเกิดอะไรขึ้น”

“ข้าก็ไม่รู้”

“พี่สามโปรดอภัยด้วย” องค์ชายทั้งสองหันมองพวกเธอที่เดินมาในชุดที่งดงามแม้ไม่ได้ตกแต่งเครื่องประดับมากมายแต่ก็ทำให้องค์ชายทั้งสองไม่อาจละสายตาได้เลย

หญิงสาวอมยิ้ม ก้มหน้าด้วยความเขินอาย

“พี่สามค่ะ ท่านจองมองหว่านเอ่อร์แบบนี้หมายความว่าอย่างไรกัน”

องค์ชายสามได้สติ เขาหลบหน้ามองมาทางลู่เหลียน

“ข้าคงต้องขอบใจเจ้าที่ดูแลน้องสี่เป็นอย่างดี”

เธอยิ้ม องค์ชายสี่เดินเข้ามาหาลู่เหลียน

“เจ้ารู้ได้อย่างไรเรื่องที่ข้ากับพี่สามทำอยู่”

“ฮ่องเต้ทรงบอกค่ะ”

“เจ้าเข้าวังอย่างนั้นหรือ”

“คือ.....ไต้กงกงมาที่จวนบอกว่ามีรับสั่งให้หม่อมฉันเข้าวัง”

“คงเป็นเพราะหนังสือของเจ้า”

“ใช่.....ใช่ค่ะ”

แล้วองครักษ์ฟงหยาง ก็เดินเข้ามารายงาน

“ทุกอย่างเตรียมพร้อมออกเดินทางขอรับ”

แล้วทุกคนก็ขี่ม้าคุ้มกันเสบียงอาหาร การเดินทางผ่านไป ครึ่งวันก็ไม่มีปัญหาอะไร

“ไม่กี่เวลาก็จะเข้าเขตหัวเมืองทางใต้แล้ว พวกเจ้าระวังด้วย” องค์ชายสามพูด

 ระหว่างเดินทางได้มีกลุ่มชาวบ้านเข้ามาขวางขบวนเสบียงจำนวนหนึ่งทุกคนต่างมอมแมม เสื้อผ้าสกปรก ขาดเป็นริ้ว ทั้งเด็ก ผู้หญิงคนแก่

พวกทหารหยุดขบวนเสบียงอาหาร

“พวกเจ้ารู้หรือไม่ขัดขวางขบวนเสบียงอาหารมีความผิด”

แต่ดูเหมือนชาวบ้านเหล่านี้ไม่พูดอะไร นอกจากนั่งกอดกัน จนทำให้ทุกคนลงจากม้า ลู่เหลียนเดินไปที่กลุ่มชาวบ้านพวกนั้นทันที

“แปลกนะน้องสี่ มีแต่สตรีเด็กและคนแก่เท่านั้น บุรุษไปให้กันหมด”

“แย่แล้ว ลู่เหลียน” ไม่ทันสิ้นเสียงขององค์ชายสี่ กลุ่มชายที่หลบซ้อนอยู่ได้ออกมาล้อมกลุ่มทหารและพวกเขา ชายหนุ่มเนื้อตัวมอมแมมได้จับลู่เหลียนเป็นตัวประกันโดยมีมีดจ่ออยู่ที่คอเธออยู่

“นี่พวกเจ้า อยากตายกันมากใช่ไม่” ลู่เหลียนพูด

“หุบปาก” ชายหนุ่มที่จับตัวลู่เหลียนตะโกนขึ้น

“ได้ ได้ หุบปากแล้ว”

ชายหนุ่มสั่งให้เด็กคนแก่และสตรี ออกจากจุดนี้

“พวกเจ้านี่กล้านักดักปล้นเสบียงของทางการรู้หรือไม่มีโทษเช่นไร” องค์ชายสามพูด

“จะต่างอะไรในเมื่อพวกเราก็จะอดตายกันอยู่แล้ว”

“เป็นไปได้อย่างไร ทางราชวังส่งเสบียงมาไม่เคยขาดเพื่อจุลเจือภัยพิบัติที่ราษฎรได้รับ”องค์ชายสี่พูด

“พวกท่านก็แค่คนของทางการ จะรู้อะไร”

“ใช่  ใช่”เสียงชาวบ้านต่างร้องตะโกนเสริม

“ส่งเสบียงมาไม่นั้นแม่นางผู้นี้ตาย” เขากดมีดลงที่คอเธอ องค์ชายสี่และทุกคนต่างขยับตัวพร้อมโจมตี

ลู่เหลียนยกมือเป็นสัญญาณบอกให้ทุกคนใจเย็น

“อย่าขยับ”ชายหนุ่มพูดขึ้น

“ได้ ๆ ไม่ขยับ”ลู่เหลียนพูด

“เราแค่ต้องการอาหารแค่บางสวนให้เด็ก ผู้หญิงและคนแก่ก็เท่านั้น”

ลู่เหลียนคิด ถ้าเป็นแบบนี้ชาวบ้านพวกนี้ต้องตายด้วยฝีมือเหล่าทหารแน่  เธอมองหน้าองค์ชายสี่

“อย่าฆ่าชาวบ้าน”ลู่เหลียนพูด

“ได้อยากได้อาหารก็มาเอาไป”องค์ชายสามพูด

“ให้ทหารถอยไป”

เมื่อทหารและทุกคนถอยออกจากอาหาร ชายหนุ่มที่เหลือพยายามยกกระสอบอาหารไปแค่บางส่วน ตามที่พูด พวกเขานำอาหารไปไม่กี่กระสอบเท่านั้น

“ปล่อยคนของข้า”องค์ชายสี่พูด

“เมื่อพวกเราปลอดภัยแล้วจะปล่อยนางกลับมา”

“นี่เจ้า” องค์ชายสี่มีสีหน้าที่โกรธ เขาได้หักกิ่งไม้ใกล้ตัวแล้วขว้างใส่มือที่จับมีดสั้นนั้นจ่อคอลู่เหลียนด้วยความเร็ว จนทำให้มีดหลุดออกจากมือเขา ลู่เหลียนจึงได้โอกาสหนีออกมาได้ แล้วทหารก็เข้าจับกุมชาวบ้าน พวกเขาไม่ทันได้ต่อสู้แต่อย่างใด เพราะดาบทุกเล่มตอนนี้ได้จ่อที่คอรอคำสั่งฆ่าก็เท่านั้น กระสอบอาหารหล่นกองกับพื้น ทุกคนคุกเข่าไม่มีเสียงร้องขอชีวิตแต่อย่างใด แล้วกลุ่มเด็กสตรีคนแก่ก็วิ่งออกมาคุกเข่าขอชีวิตพวกเขา

“คุณชายทั้งสอง อย่าฆ่าพี่ชายหนูเลย”เด็กหญิงพูด

“โปรดไว้ชีวิตด้วย” ทุกคนก้มกราบ ภาพที่เห็นสุดแสนเวทนายิ่งนัก

“เจ้าเป็นไงบ้าง” องค์ชายสี่ถาม

“ไม่เป็นไรค่ะ....ชาวบ้านพวกนี้หน้าสงสารนะคะ”

“แต่พวกเขาปล้นเสบียงอาหาร ถือเป็นความผิด”องค์ชายสี่พูด

“ท่านทั้งสอง ความอดอยากทำเพื่อให้ครอบครัวและคนที่รักอยู่รอดพวกเขาต้องทำ”

“คุณชายเจ้าคะ พวกเราเดิมทีก็ทำสวนทำไร่หาเลี้ยงชีวิตก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไร แต่เมื่อหลายเดือนก่อน ได้มีการปรับเปลี่ยนตำแหน่ง ใต้ท้าวคนก่อนถูกฆ่าตายทั้งครอบครัว ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เสบียงอาหารที่ทางราชวังส่งมาไม่เคยถึงมือชาวบ้านเลย แถมยังขึ้นภาษีเก็บเงินส่วย ยึดที่นาทำกินของพวกเรา จนพวกเราไร้หนทาง หมู่บ้านโดยรอบต่างโดนกันทั่วหน้า แต่ด้านหลังกำแพงสูงใหญ่ต่างอยู่กันอย่างมีความสุข”หญิงชราพูดขึ้นร้องไห้

“ท่านแม่พูดไปพวกเขาก็ไม่สนใจหรอก”ชายหนุ่มที่จับลู่เหลียนพูดขึ้น

“มีเรื่องแบบนี้ด้วยหรือ” องค์ชายสามพูด

“หากพวกท่านจะฆ่าก็ฆ่า ขอแค่อาหารให้คนในหมู่บ้านข้า หรือสงสารเด็กและคนแก่ด้วย”

“พี่สามเห็นทีเราคงต้องสืบความจริงแล้ว”องค์ชายสี่พูด

“อึม......ปล่อยตัวพวกเขา.........พวกเจ้านำอาหารไป แล้วทีหลังอย่าทำแบบนี้อีก” องค์ชายสามพูดขึ้น

ทุกคนต่างขอบคุณพวกเขาด้วยน้ำตา ชายหนุ่มที่จับตัวลู่เหลียนเดินเข้ามาที่นาง

“ข้าต้องขอโทษท่านด้วย”

“ไม่เป็นไร”

เขาจ้องมองลู่เหลียนแล้วยิ้มให้กับนางเล็กน้อย องค์ชายสี่ยืนมองด้วยสีหน้าที่ไม่พอใจ

“พี่ พวกเราไปเถอะ” เด็กหญิงวิ่งมาดึงเขา

“ได้ ได้” แล้วเขาก็วิ่งออกจากกลุ่ม ก่อนจากหายเข้าป่าไป ชายหนุ่มได้หันมองลู่เหลียนอีกครั้ง

“เจ้านั้นคงจะถูกใจเจ้าเข้าแล้วกระมัง”องค์ชายสี่พูด

“ถูกใจอะไรของท่าน”

“เอาละ รีบเดินทางเถอะ”องค์ชายสามพูด

แล้วทุกคนก็เดินทางต่อไป   

 

 

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 
 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.