ตอนที่ 19 พิงต้นไม้

ผูกรักด้ายแดง
คุณกำลังอ่าน: ผูกรักด้ายแดง

-A A +A

ตอนที่ 19 พิงต้นไม้

บทที่ 19

ตอน พิงต้นไม้

               รุ่งเช้า ลู่เหลียนลุกออกจากเตียง เธอเดินกลับห้อง ตัดสินใจคุยกับองค์ชายให้รู้เรื่อง เมื่อเปิดประตูห้องไป กลับเจอห้องที่ว่างเปล่า เธอคิด ไปไหนของเขานะ ไม่เคยบอกกันเลย คอยดูคืนนี้จะเล่นตัวไม่ให้ดื่มเลือดเลย

               แล้วทันใดนั้น สาวใช้ได้วิ่งมาที่ห้องนอนของเธอ “พระชายาเพค่ะ ไต้กงกงขอเข้าเฝ้าเพค่ะ”

               “มีอะไรหรือ”

               แล้วเธอก็เดินไปหาไต้กงกงที่ห้องรับแขก ไต้กงกงคำนับเธออย่างสุภาพ

               “ไต้กงกง ท่านมาที่จวนมีเหตุอันใด องค์ชายสี่ไม่อยู่หรอกนะ”

               “ฝ่าบาทมีรับสั่งให้พระชายาทรงเข้าเฝ้าพ่ะย่ะคะ”

               เธอคิด ดีนะเขียนหนังสือเสร็จแล้ว

               แล้วลู่เหลียนก็เข้าวังไปพร้อมกับหว่านเอ่อร์และไต้กงกง

ที่ศาลากลางน้ำ

               “ถวายบังคมเสด็จพ่อ”

               “มาแล้วหรือ”

               “หม่อมฉันนำหนังสือมาด้วยเพค่ะ”

               ฝ่าบาทเดินไปหยิบหนังสือจากมือของนาง

               “ข้าจะอ่านมัน......แต่ครั้งนี้ ข้าอยากให้เจ้าพูดความจริง ข้ารู้ว่าสิ่งที่เจ้าพูดวันนั้นเพื่อปกป้องห่าวอู๋ เจ้าจะบอกความจริงให้ข้ารู้ได้หรือไม่”

 เธอครุ่นคิดอยู่นาน จะบอกหรือไม่บอกดี ถ้าบอกจะเกิดอะไรขึ้นถ้าไม่บอกก็ไม่ได้ ฝ่าบาททรงฉลาดยิ่งนัก บางที่พระองค์อาจจะรู้หรือสงสัยบางอย่างเป็นแน่

               “ได้เพค่ะ”แล้วเธอก็มองหว่านเอ่อร์ และไต้กงกง เพื่อบ่งบอกให้ทั้งสองออกไป เมื่อทั้งสองออกไปเธอก็ได้เล่าทุกอย่างให้ฮ่องเต้ฟังอย่างละเอียด ลู่เหลียนคุกเข่า

               “หม่อมฉันต้องขอประทานอภัยที่กราบทูลความเท็จในวันนั้น”

               เขาถอนหายใจ  จับมือลู่เหลียน “ข้าจะโกรธเจ้าได้อย่างไร ข้ากลับรู้สึกขอบใจเจ้าที่ยอมเสียสละตัวเองเพื่อรักษาห่าวอู๋” เขามองบาดแผลที่มือของลู่เหลียน

               “เสด็จพ่อ อย่าทรงวิตกไปเลยแผลที่หม่อมฉันได้รับ องค์ชายทรงดูแลรักษาเป็นอย่างดีเพค่ะ”

            “ข้าไม่เคยรู้เลยว่าห่าวอู๋จะต้องทนทุกข์ทรมานมากเพียงนี้ เมื่อก่อนห่าวอู๋เป็นคนที่เย็นชา มุทะลุ ไม่ลงรอยกับองค์ชายสาม แต่นั้นก็เป็นความผิดข้าเอง”

               “ทำไมเพค่ะ”

               “ข้ามอบตำแหน่งผู้บัญชาการองครักษ์ใหมทองให้องค์ชายสาม คุมทหารครึ่งหนึ่งของราชสำนัก ทั้ง ๆ ที่ผู้บัญชาการองครักษ์ใหมทองสมควรเป็นของเขา”

               “แล้วเหตุใดเสด็จพ่อถึงส่งมอบให้องค์ชายสาม”

               “ไม่ว่าบุตรคนใดคุมกองกำลังนี้ ย่อมเกิดภัยอันตรายตามมาเสนอ ด้วยนิสัยของห่าวอู๋ในตอนนั้น อารมณ์เขาร้อน มุทะลุเกินไป ด้วยความที่เขาเย็นชา ในตอนนั้นหน่วยทหารองครักษ์ใหมทองคิดว่าเขาไร้ความเมตตา ไร้หัวใจ ข้าไม่อยากให้เขาต้องเผชิญหน้ากับทหารที่ต่อต้าน จึงแต่งตั้งองค์ชายสามแทน แต่นิสัยทั้งสองคนนี้ก็ไม่ได้ต่างกันมาก เพียงแต่องค์ชายสามเขามีผ่อนหนักผ่อนเบาได้ตามสถานการณ์ ซึ้งต่างกับองค์ชายสี่ในตอนนั้นมาก ตั้งแต่นั้นห่าวอู๋ก็ห่างเหิน เจอหน้าพี่รองเมื่อไรต้องมีเรื่องกันตลอด แต่หลังจากเหตุการณ์ลอบปลงพระชนองค์รัชทายาทในครั้งนั้น ทำให้ข้ารู้ว่า สามพี่น้องเขายังรักและยอมตายแทนกันได้ แม้จะทะเลาะไปบ้าง พวกเราเกือบสูญเสียห่าวอู๋ไป ยังโชคดีชะตาเขาไม่ถึงคาด แต่หลังจากเขาฟื้นขึ้น ทุกอย่างในตัวเขาก็เหมือนไม่ใช่เขา เหมือนห่าวอู๋คนเก่าได้ตายไปแล้ว”

               ลู่เหลียนก้มหน้า เธอคิด ฉันเริ่มเข้าใจมากขึ้นแล้ว

               “เจ้าบอกว่ายังเหลืออีกกี่คืน”

               “สองคืนเพค่ะ”

               “แย่แล้ว”

               “มีอะไรหรือเพค่ะเสด็จพ่อ”

               “ข้ามีราชโองการให้องค์ชายสามและองค์ชายสี่พร้อมกับเหล่าองครักษ์แขวงตัวเป็นพ่อค้าคุ้มกันเสบียงอาหารส่งให้ หัวเมืองทางใต้ แบบนี้ห่าวอู๋ไม่เดือดร้อนหรือ กว่าจะถึงและเดินทางไปกลับก็กินเวลาไปสี่ห้าวันแล้ว”

               “เสด็จพ่อมีราชโองการตั้งแต่เมื่อไรเพค่ะ”

               “สองวันก่อน”

               ลู่เหลียนคิด เฮนรี่ นายมันบ้าไม่รู้ผลด้วยซ้ำว่าจะเกิดอะไรขึ้นหากนายไม่ได้ดื่มเลือด

               “เสด็จพ่อทรงให้หม่อมฉันติดตามพวกเขาด้วยเถอะเพค่ะ”

               “แต่มันอันตราย ข้าจะให้เจ้าไปได้อย่างไร”

“หม่อนฉันและหว่านเอ่อร์มีวรยุทธเสด็จพ่อทรงลืมไปแล้วหรือเพค่ะ”

“แต่เจ้าเป็นหญิงถึงมีวรยุทธ ข้าจะปล่อยเจ้าไปได้อย่างไร พ่อกับแม่ของเจ้าไม่ต้องตำหนิข้าหรือ”

“แต่...”

“ไม่ต้องพูด ข้าไม่อนุญาต หากเจ้าขัดคำสั่งข้าจะโบยเจ้า”

“หม่อมฉันรับทราบเพค่ะ”

“ออกไปเถอะ”

ลู่เหลียนถวายบังคมลาแล้วเดินออกไป

“หวังว่าเจ้าคงรู้ว่าต้องทำอย่างไร”ฮ่องเต้พูด

เมื่อเธอกลับถึงจวนได้สั่งให้ทหารจัดเตรียมม้า แล้วเปลี่ยนชุดแต่งกายเป็นชาย

“ท่านพ่อบ้าน”

“พระชายาอย่างฝ่าฝืนคำสั่งของฮ่องเต้เลยพ่ะย่ะคะ”

“ระหว่างที่ข้าและหว่านเอ่อร์ไม่อยู่ หากใครถามก็แค่บอกว่าข้ากลับจวนหวังลี่ก็แค่นั้น เข้าใจใช่ไม่”

“พ่ะย่ะคะ”

“ออ.ดูแลสวนดอกไม้ข้าด้วย หากดอกไม้ตายแม้แต่ต้นเดียวรับรองพวกเจ้าได้เป็นปุ๋ยแน่ ๆ”

“พ่ะย่ะคะ”

แล้วเธอกับหว่านเอ่อร์ก็ควบม้าออกทางประตูลับทันที

ทั้งคู่ควบม้ามุ่งหน้าไปตามเส้นทางที่เสบียงอาหารผ่าน ไม่ยอมหยุดพัก ลู่เหลียนรู้ดีว่าระหว่างทางคงไม่มีที่ให้พักแน่นอนค่ำคืนนี้พวกเขาต้องนอนในป่า เธอทั้งโกรธและเป็นห่วงเขามาก ใจร้อนรุมดั่งไฟเผา

ทางด้านองค์ชายทั้งสอง พวกเขาหยุดพัก ทหารต่างจัดเตรียมอาหารก่อนที่ฟ้าจะมืด ทุกคนเรียกทั้งสองว่าคุณชายแม้จะรู้ว่าพวกเขาคือใครแต่ตอนนี้พวกเขาต้องปลอมตัวเป็นพ่อค้าขนเสบียง

“คุณชายรอง”องครักษ์หลิ่งเหวินพูดกับองค์ชายสี่

“ใกล้จะมืดแล้ว”

“ข้ารู้”

องครักษ์ทั้งสองมองหน้ากันด้วยความเป็นห่วง

“น้องสี่ เจ้าเป็นอะไรหรือเปล่า”

“ไม่เป็นอะไรพี่สาม ข้าแค่รู้สึกอยากอาบน้ำ”

“ด้านหลังหุบเขานี้มีลำธารเจ้าไปอาบที่นั้นได้”

“แล้วพี่สามละ”

“ข้าชินแล้ว”

เขาพยักหน้าก่อนจะลุกออกจากกลุ่มไป ไม่นานฟ้าก็เริ่มมืด ลู่เหลียนน้ำตาเริ่มไหล อารมณ์เธอตอนนี้สับสนทั้งโกรธและเป็นห่วง เวลาผ่านไปจนถึงยามไฮ่ เธอคิดใกล้เที่ยงคืนเข้าไปทุกทีแล้ว

แล้วทันใดนั้นก็ได้มีเชือกดักขาของม้าทำให้ทั้งสองตกจากหลังม้า กลิ้งไปบนทางเท้า แล้วกลุ่มทหารและองค์ชายสามก็เข้ามาจับกุม

“พวกเจ้าเป็นใครกัน”

เมื่อองค์ชายสามส่องไฟไปที่หน้าหว่านเอ่อร์ เขาถึงกับตกใจ

“หว่านเอ่อร์”

“องค์ชาย”

ลู่เหลียนเห็นว่าเป็นองค์ชายสามเธอดีใจลุกเดินเข้าหาเขาทันที

“องค์ชายสาม องค์ชายสี่ละเพค่ะ”

“เขาอาบน้ำอยู่ด้านหลัง”

“คุณหนู แขนท่าน”

“ช่างมันแค่รอยถลอก” เธอรีบเดินไปทางหลังเขาที่องค์ชายสามบอกทันที

“พวกเจ้ามาได้ไง”

“หม่อมฉันไม่รู้แค่ตามคุณหนูมา ไม่เข้าใจว่าทำไมคุณหนูถึงต้องรีบขนาดนี้”

องค์ชายสามสงสัยจึงเดินตามไปพร้อมกับหว่านเอ่อร์

เมื่อองครักษ์มองเห็นพระชายาพวกเขายิ้มดีใจ

“องค์ชายอยู่ไหน”

“ที่ลำธารพ่ะย่ะคะ”

เธอเดินเข้าไปด้วยสีหน้าที่เป็นห่วงน้ำตาเริ่มไหล องค์ชายสามและหว่านเอ่อร์ได้เดินตามมาติด ๆ  พวกเขาจะเข้าไปแต่ถูกองครักษ์ขวางไว้

“ข้าจะไปหาน้องรองถอยไป”

ทั้งสองคุกเข่า เลี่ยงหรงพูด “โปรดอภัยให้พวกกระหม่อมด้วย พวกกระหม่อมไม่สามารถให้พระองค์ผ่านไปได้ หากพระองค์ยืนกรานจะผ่านเข้าไป ทรงรับสั่งประหารพวกกระหม่อมก่อนพ่ะย่ะคะ”

“พวกเจ้า พวกเจ้ามีความลับอะไรกัน ทำไมเราถึงผ่านไปไม่ได้” แม้เขาจะโกรธมาก แต่ก็สั่งลงโทษพวกเขาไม่ได้ แววตาและความมุ่งมั่นขององครักษ์ที่ภักดีนั้นต้องยอมตายเป็นแน่หากเขาดื้อดึงต่อ เขาสะบัดแขนเสื้อแล้วเดินจากไปด้วยอารมณ์ที่โกรธ

“องค์ชายสาม”หว่านเอ่อร์เรียก

“เจ้าเรียกข้าว่าคุณชายสามเถอะ”

“ค่ะ”

เขาหยุดเดินแล้วหันมาทางหว่านเอ่อร์

“เจ้าเจ็บตรงไหนหรือเปล่า”

“เปล่าค่ะ”

“รู้ไม่ว่ามันอันตราย”

เธอก้มหน้าไม่ตอบ “หว่านเอ่อร์”

“รู้ค่ะ แต่ในเมื่อคุณหนูต้องการทำสิ่งใดหว่านเอ่อร์ก็ต้องช่วย”

เขาถอนหายใจ มองหน้าเธอ “ไปเถอะ” เขาจับมือหว่านเอ่อร์เดิน ทำให้เธอถึงกับอมยิ้มแล้วเดินตามเขาไปทันที

ทางด้านของลู่เหลียน

เธอเดินไปที่ลำธาร สายตามองหาเขาในเงามืดที่มีเพียงแสงจันทร์อ่อน ๆ เท่านั้น แต่เขากลับไม่ได้อยู่ในน้ำ เธอร้อนใจเป็นอย่างมากเดินหาเขาไปเรื่อย ๆ

“เฮนรี่.....เฮนรี่” เธอคิดได้ บ้าจริงรู้ว่าเขาปวดหัวกับชื่อนี้ “ห่าวอู๋ ห่าวอู๋ ท่านอยู่ไหน ออกมานะ รู้ว่าหม่อมฉันกลัวความมืดยังจะแกล้งอีกหรือ ห่าวอู๋”

“น้อยคนนักที่เรียกเราอย่างนี้ แต่ก็ดีกว่าชื่อ.....เฮนรี่ที่เจ้าเรียก”

ลู่เหลียนหันมองตามเสียง เขานั่งพิงหลังต้นไม้ใหญ่ เหงื่อท่วมไปทั้งตัว เธอวิ่งเข้ามาหาเขานั่งลงตรงหน้า น้ำตาที่ไหล่อาบแก้ม ลู่เหลียนร้องไห้สะอื้น สภาพเขาตอนนี้ไร้เรียวแรงหายใจถี่ หน้านี้ซีดเผือก

“ทำไมเจ้าชอบร้องไห้จัง”เสียงที่เปล่งออกมาฟังแล้วช่างดูอ่อนล้ายิ่งนัก

“ใครชอบร้องไห้ .....ท่านนะ” เธอตีเขาที่หน้าอกหลายครั้งต่อหลายครั้ง จนเขาจับมือเธอทั้งสองข้างไว้ พลิกตัวเธอพิงกับต้นไม้แทนเขา แล้วค่อย ๆ ก้มลงจูบเธออย่างแผ้วเบา ลู่เหลียนดวงตาเบิกกว้าง หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ ร่างกายเธอร้อนไปทั้งตัว เธอคิด เขาจูบเราเหรอ ไม่ได้ฝันไปใช่ไม่ เธอหลับตาลง รสสวาทที่หวานหอม ริมฝีปากที่อ่อนนุ่ม กลิ่นกายหนุ่มที่เย้ายวน  เธอรู้สึกตัว ให้ตายซิ ไม่ได้ เธอใช่มือดันร่างของเขาออกเบา ๆ

องค์ชายมองหน้าเธอ เขาคิด ทำไมความต้องการถึง.......

“ข้าขอโทษ”

ลู่เหลียนก้มหน้า

“เจ้ามาได้ไง”

“ดี ท่านพูดขึ้นมาก็ดี” เธอเปลี่ยนอารมณ์ทันที “เหตุใดถึงทำเช่นนี้”

“เป็นคำสั่งของฝ่าบาทเจ้าจะขัดอย่างไร”

“แล้วทำไมไม่บอก”

“กลัวเจ้าจะไม่ยอม แต่สิ่งที่กลัวคงไม่จำเป็นแล้ว เพราะเจ้ามาแล้วนี”

ลู่เหลียนลุกออกจากต้นไม้ ด้วยอารมณ์ที่โกรธ “ท่านไม่รู้ด้วยซ้ำว่าผลที่ตามมาจะเกิดอะไรขึ้นหากท่านไม่ถอนคำสาปให้ครบ แถมยังเสี่ยงที่จะ........ท่านรู้หรือไม่ท่านได้รับบาดเจ็บอยู่นะ”

เขาเดินเข้ามาหาลู่เหลียน จับไหล่นางเพื่อให้หันมาหาเขา จับมือเธอเบา ๆ ดึงผ้าที่พันแผลออก เขามอง แล้วก้มลงกัดแผลที่ผ่ามือเล็กน้อยเพื่อให้แผลเปิด แล้วดื่มเลือดจากเธอ สายตาลู่เหลียนที่มองเขาราวกับกระหายเลือดเวลาดูดมัน เธอคิด ถ้าเขารู้ว่าฝ่าบาทรู้แล้วจะโกรธเธอหรือไม่ เฮนรี่ แล้วคำสาปที่หกก็หายไปคือผมขาว คืนนี้พวกเขาพักผ่อนที่ต้นไม้ใหญ่ข้างลำธารจนสว่าง โดยไม่มีใครสามารถผ่านเข้ามาได้

 

 

 

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 
 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.