บทที่ 3: รอดตายแล้ว! เธอมีมิติเก็บของที่หยิบใช้ได้ไม่จำกัด!
เดิมทีหูเจียวเจียวรู้สึกมีความหวังขึ้นมาแล้ว แต่ทันทีที่เธอได้ยินคำพูดของหลงจง เธอก็ไม่สามารถฝืนยิ้มได้อีก
ในนิยายที่เธออ่านบอกเพียงว่าเจ้าของร่างเดิมชอบทำร้ายร่างกายลูกของตนเอง แต่ไม่ได้เขียนลงรายละเอียดไว้มากขนาดนั้น เธอจึงไม่คาดคิดว่านางจะใจยักษ์ใจมารได้ขนาดนี้
แต่ถ้าเธอมัวมานั่งบ่นอยู่แบบนี้ก็คงจะไม่ได้อะไรขึ้นมา
ดังนั้นหลังจากที่หญิงสาวครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เธอก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยอมประนีประนอมต่อลูก ๆ ทั้ง 5 “งั้นแม่จะกลับไปทำอาหารก่อน พวกเจ้าก็ไปล้างตัว ถ้าเสร็จแล้วก็รีบ ๆ กลับบ้านกันล่ะ อย่าทำให้แม่ต้องเป็นห่วง”
ลูกภูตไม่ได้บอบบางเหมือนลูกมนุษย์ แม้ว่าลูกภูตจะมีอายุประมาณ 5-6 ขวบ แต่ความสามารถในการดูแลตัวเองของพวกเขาก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าเด็กวัยรุ่นเลย ยิ่งไปกว่านั้น ร่างเดิมไม่เคยดูแลลูก ๆ อยู่แล้ว เด็กน้อยทั้งหลายจึงเหมือนได้ฝึกทักษะการเอาชีวิตรอดอยู่ตลอดเวลา
นอกจากนี้ยังมีแม่น้ำสายเล็ก ๆ อยู่ติดกับบ่อโคลน หูเจียวเจียวจึงไม่จำเป็นต้องกังวลว่าจะมีใครมาสร้างปัญหาให้กับครอบครัวของเธออีก
หลังจากที่หญิงสาวพูดจบ เธอก็หันหลังเดินออกไปทันที
ทางด้านกลุ่มเด็กผอมโซที่ถูกทิ้งไว้ก็จ้องมองแผ่นหลังของผู้เป็นแม่ด้วยสายตาเหลือเชื่อ
หลงหลิงเอ๋อรู้สึกตกตะลึงกับท่าทีที่เปลี่ยนไปของแม่ “นะ-นางไม่ได้ตีเรา...”
หลงเซียวที่เป็นพี่ชายคนรองและตามองไม่เห็นดึงหลงจงกับหลงหลิงเอ๋อขึ้นจากพื้นด้วยใบหน้าที่เศร้าหมองพลางกล่าวว่า “ข้าไม่เชื่อคำพูดไร้สาระของนางหรอก นางต้องพยายามโกหกเราแน่ ๆ เหมือนกับครั้งนั้นที่นางขังเราไว้ในห้องแล้วตีเราจนเกือบตาย”
“แต่วันนี้นางช่วยไล่พวกคนที่มาแกล้งเราไปนะ และนางก็ไม่ได้ทำร้ายเราด้วย นางอาจจะเปลี่ยนไปแล้วหรือเปล่า?” ดวงตาที่สดใสของเด็กสาวเพียงคนเดียวในบรรดาพี่น้องเต็มไปด้วยความหวัง
สาวน้อยคนนี้เฝ้าฝันถึงแม่ที่อ่อนโยนทะนุถนอมนางอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน
เมื่อพี่ชายคนโตได้ยินดังนั้น เขาก็พูดขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง “หลิงเอ๋อ หญิงชั่วคนนั้นชอบใช้เล่ห์เหลี่ยม อย่าไว้ใจนางเด็ดขาด”
“แต่ข้าหิวมาก ทั้งหมดนี้เป็นความผิดของข้า ถ้าพวกมันไม่ฉกเนื้อชิ้นนั้นไป คืนนี้เราคงได้กินอะไรอร่อย ๆ กัน” หลงหลิงเอ๋อก้มหน้าลงต่ำด้วยความหงุดหงิด
“อดทนไว้ พรุ่งนี้ท่านพ่อก็กลับมาแล้ว ท่านพ่อจะเอาอาหารมาให้พวกเรา” หลงอวี้กำหมัดแน่นในระหว่างที่พูด แต่น้ำเสียงของเขากลับมีแต่ความสิ้นหวัง
เขาต้องเติบโตและแข็งแกร่งขึ้นโดยเร็วที่สุด มีเพียงวิธีนี้เท่านั้นที่เขาจะสามารถออกไปล่าสัตว์หาอาหารเอง แล้วเขาจะสามารถปกป้องน้องชายและน้องสาวได้ด้วย
เมื่อเด็ก ๆ คิดว่าพรุ่งนี้จะมีอาหารกิน ทุกคนก็หยุดคิดเรื่องที่เป็นกังวลก่อนจะลากสังขารที่อ่อนล้าไปอาบน้ำในแม่น้ำ
หลังจากล้างเนื้อล้างตัวเสร็จเรียบร้อย เหล่าเด็กน้อยก็สวมเสื้อหนังสัตว์ที่เปียกโชกแล้วเดินไปอีกฝั่งของบ้านตัวเอง ซึ่งการทำแบบนี้บ่งบอกว่าพวกเขาไม่ได้ตั้งใจที่จะกลับบ้านเลย
ส่วนหูเจียวเจียวเดินมาถึงประตูบ้านแล้ว
บ้านของร่างเดิมเป็นบ้านไม้ทรงสี่เหลี่ยมเรียบง่าย ผนังด้านนอกเต็มไปด้วยตะไคร่น้ำ หลังคาถูกมุงด้วยหญ้าแฝก บริเวณด้านนอกถูกล้อมรอบด้วยรั้วไม้และมีลานเล็ก ๆ ให้ได้ใช้สอย
นอกจากนี้ยังมีกองฟางกับท่อนไม้กองอยู่ทางด้านซ้ายของลานบ้าน ซึ่งของพวกนี้เป็นของที่เหล่าเด็กตัวผอมแห้งพวกนั้นช่วยกันไปตัดมาจากในป่าเมื่อตอนกลางวัน
เจ้าของร่างเดิมไม่เพียงแค่ทำร้ายลูก แต่นางทั้งไม่แบ่งอาหารหรือน้ำดื่มให้ลูกด้วย แล้วยังให้พวกเขาทำงานหนักอีก หากเด็ก ๆ ทำงานเสร็จไม่ทันเวลา พวกเขาจะถูกแม่ใจยักษ์เฆี่ยนตีอย่างรุนแรง
เมื่อหญิงสาวคิดถึงร่างกายที่ผอมแห้งจนน่าสังเวชของลูก ๆ เธอก็สาปแช่งหูเจียวเจียวคนเก่าในใจอีกครั้ง
เธอหวังเพียงว่าเธอยังมีโอกาสแก้ไขสถานการณ์ได้ มิฉะนั้นเมื่อลูกทุกคนโตขึ้น เธอต่างหากที่จะเป็นคนที่ต้องทนทุกข์ทรมาน
พอหูเจียวเจียวคิดจบก็รีบเข้าไปทำอาหารเย็น
แต่อนิจจา เมื่อเธอเดินเข้าไปข้างใน เธอก็ต้องตกตะลึงกับสิ่งที่อยู่เบื้องหน้า
นี่คือคอกหมูหรือไง!?
กลิ่นที่อธิบายไม่ได้โชยออกมาจากในห้องทันที ซึ่งกลิ่นนั้นเหมือนกับกลิ่นอาหารบูดผสมกับสิ่งปฏิกูลของสัตว์ มันทำให้หญิงสาวแทบอยากจะขย้อนเอากรดในกระเพาะอาหารออกมาเลยทีเดียว
ต่อมา ภูตจิ้งจอกมองไปรอบ ๆ ก่อนจะพบว่านอกจากเตียงที่ทำด้วยหญ้าแห้งแล้วปูทับด้วยหนังสัตว์อีกที ก็มีเพียงกองอุจจาระที่ถูกทิ้งไว้อยู่ตรงด้านซ้ายของประตู
แค่คำว่า ‘โสโครก’ ก็ยังไม่เพียงพอที่จะมาอธิบายบ้านหลังนี้ได้เลย!
ในขณะนั้นหางตาของหญิงสาวก็กระตุก
หากจะให้เธออยู่ในสภาพแบบนี้ต่ออีกสักอึดใจ แค่คิดเธอก็ทนไม่ได้แล้ว เจ้าของร่างเดิมนี่มันทั้งขี้เกียจและนิสัยเสียมากจริง ๆ ขนาดการรักษาความสะอาดในบ้านนางยังทำไม่ได้เลย แล้วนับประสาอะไรกับการทำอาหาร
หลังจากที่หูเจียวเจียวยืนทำใจอยู่พักหนึ่ง เธอก็หยิบท่อนไม้และเศษหญ้าจากข้างนอกมาคลุมอุจจาระกองนั้นไว้ เสร็จแล้วเธอก็เปิดประตูเพื่อระบายอากาศในห้อง
ถัดมา เธอทำการห่อสิ่งไม่พึงประสงค์ด้วยใบไม้ขนาดใหญ่แล้วนำมันไปทิ้งข้างนอก
หูเจียวเจียวใช้เวลากว่าครึ่งชั่วโมงในการทำความสะอาดบ้านอันแสนสกปรกจนเสร็จ
ขณะนี้เธอกำลังนั่งซบหน้าลงบนหนังสัตว์พลางเช็ดเหงื่อที่หน้าผาก แต่ก่อนที่เธอจะทันได้ดีใจ เธอก็ตระหนักถึงปัญหาที่ร้ายแรงขึ้นมาได้
นั่นก็คือในบ้านหลังนี้ไม่เหลืออาหารอยู่เลย!
แหล่งอาหารที่ใหญ่ที่สุดสำหรับร่างเดิมคือสามีที่เป็นตัวร้าย, พ่อ, แม่และพี่ชายของนาง
ปัจจุบันหญิงสาวพบว่าในบ้านไม่มีเนื้อเหลืออยู่แล้ว ดังนั้นเธอจึงคาดเดาว่าหูเจียวเจียวคนเดิมคงจะกินมันไปจนหมด
ต่อมา เธอก็นึกขึ้นได้ว่าเนื้อชิ้นสุดท้ายถูกเจ้าเด็กเหลือขอที่มารังแกลูก ๆ ฉกไป
ในเวลานั้นเธอมัวแต่โกรธจนลืมฉวยชิ้นเนื้อกลับมาจากมือของเด็กเกเรพวกนั้น
พอคิดที่จะหวังพึ่งหลงโม่ผู้เป็นสามี เธอก็จำได้ว่าตั้งแต่ที่เจ้าของร่างเดิมกับตัวร้ายบังเอิญมีลูกด้วยกัน ฝ่ายภรรยาไม่ยอมอยู่ร่วมกับสามีเพราะไม่ชอบที่เขาเป็นตัวซวย ดังนั้นฝ่ายสามีจึงไปอาศัยอยู่ในป่าเพียงลำพังแล้วเขาจะกลับมาส่งอาหารให้ครอบครัวเป็นครั้งคราวเท่านั้น
และตอนนี้หูเจียวเจียวไม่แน่ใจว่าครั้งต่อไปตัวร้ายจะกลับมาอีกเมื่อไหร่
“คงต้องพึ่งตัวเองแล้วสินะ!”
“คงไม่ใช่ว่าฉันทะลุมิติเข้ามาในนิยายวันแรกแล้วต้องมาหิวข้าวตายไปกับลูก ๆ หรอกใช่ไหม?”
ถ้าเป็นคนอื่นที่ทะลุมิติเข้ามาอยู่ในนิยาย พวกเขามักจะได้รับความสามารถพิเศษติดตัวมาด้วย แต่เธอกลับไม่มีความสามารถอะไรเลย แล้วคนที่เธอมาสิงร่างนั้นกลับเป็นนางร้ายที่ทุกคนรังเกียจอีก นี่พระเจ้าจงใจแกล้งกันหรือไง!
ในระหว่างที่หูเจียวเจียวกำลังสาปแช่งความยุ่งเหยิงที่ร่างเดิมทิ้งไว้
ทันใดนั้นภาพตรงหน้าเธอก็เปลี่ยนไป
ห้องโถงที่ทรุดโทรมเลือนหายไปในอากาศ ก่อนจะถูกแทนที่ด้วยสภาพแวดล้อมที่แปลกประหลาด
“นี่มันอะไรกัน ฉันอยู่ที่ไหน?” หญิงสาวตัวแข็งทื่ออยู่กับที่พร้อมกับความคิดที่สับสนวุ่นวายในหัว
เบื้องหน้าของเธอคือชั้นวางขนาดใหญ่ที่จัดไว้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย ซึ่งทอดยาวไปสุดลูกหูลูกตาจนนับไม่หวาดไม่ไหว
เธอมองเข้าไปใกล้ ๆ และเห็นว่ามีวัตถุดิบประกอบอาหารทุกชนิดวางอยู่บนชั้นวาง ไม่ว่าจะเป็นไก่, เป็ด, ปลา, หม้อ, กระทะ, ข้าว, น้ำมันและเกลือซึ่งมีหลากหลายกว่าในซุปเปอร์มาร์เก็ตเสียอีก
ด้วยความที่ว่าหูเจียวเจียวเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว เธอจึงรู้สึกหิวมาก พอเธอได้เห็นอาหารวางอยู่ตรงหน้าก็อดไม่ได้ที่จะต้องกลืนน้ำลายเสียงดังพลางนึกถึงความเป็นไปได้บางอย่าง
ชั้นวางนับไม่ถ้วนที่เต็มไปด้วยสิ่งของพวกนี้เหมือนกับมิติในนิยายแฟนตาซีเลยไม่ใช่หรือ!
“นี่อาจจะเป็นนิ้วทองที่พระเจ้ามอบให้เป็นของขวัญ?”
“โอ้พระเจ้า! ขอบคุณพระเจ้า! ฉันรักคุณ!”
หญิงสาวมีความสุขมากจึงรีบตรงไปเลือกอาหารที่ชั้นวางโดยไม่คิดอะไรอีก
บนชั้นแรกเต็มไปด้วยอุปกรณ์ในการประกอบอาหารซึ่งเป็นสิ่งที่เธอต้องการมากที่สุดในตอนนี้
เมื่อนึกถึงเด็กตัวผอม ๆ 5 คน สิ่งแรกที่เธอเลือกหยิบมาคือหมูสามชั้น
“ลูก ๆ ผอมเกินไป พวกเขาจะกินแต่เนื้อไม่ติดมันไม่ได้ ฉันต้องเพิ่มไขมันให้” มิตินี้ทำให้หูเจียวเจียวมีความมั่นใจที่จะเลี้ยงลูกให้อ้วนพลีโดยไม่ต้องกังวลเรื่องอะไรอีก!
แต่ของในชั้นแรกเป็นเพียงส่วนเล็ก ๆ เท่านั้น เนื่องจากในมิติแห่งนี้มีชั้นวางอยู่มากมาย แต่เธอก็ไม่ได้สงสัยอะไรเพราะว่าตอนนี้เธอต้องการอาหารในการดำรงชีวิตเป็นอย่างแรก อย่างน้อยเธอก็ไม่ต้องอดตายตั้งแต่วันแรกที่มาสิงอยู่ในร่างใหม่ และนั่นถือว่าเธอไม่ได้ขาดทุนอะไรด้วย
หมูสามชั้นชิ้นนี้หนักประมาณ 600 กรัม และตอนนี้หูเจียวเจียวอยู่ในร่างของภูต ดังนั้นเนื้อ 600 กรัมจึงไม่หนักสำหรับเธอ
แต่ทันทีที่เธอหยิบหมูสามชั้นออกจากชั้นวางก็มีหมูสามชั้นอีกชิ้นหนึ่งปรากฏขึ้นแทนที่
ภาพนั้นทำให้คนที่ได้เห็นต้องกะพริบตาปริบ ๆ ด้วยความสับสน
ชั้นวางนี้เติมของได้เองโดยอัตโนมัติ!
เมื่อได้รู้อย่างนี้หญิงสาวก็รู้สึกมีความสุข เธอจึงหยิบหมูสามชั้นออกมา 2 ชิ้น, ข้าว 1 กระสอบ, หม้อ, กระทะและเครื่องปรุงต่าง ๆ ติดมือมาก่อนจะกลับไปที่บ้าน
เนื่องจากบ้านหลังนี้ไม่มีหน้าต่าง มันเลยยังหลงเหลือกลิ่นเหม็นอยู่ในอากาศ
แม้ว่าหูเจียวเจียวจะดูถูกบ้านไม้หลังนี้ แต่เธอก็ไม่อยากทำอาหารในบ้านเพราะเธอกลัวจะเผลอทำไฟไหม้บ้านจนวอดไปทั้งหลังเสียก่อน แล้วตัวเองจะไม่มีที่ซุกหัวนอนอีก
ดังนั้นจิ้งจอกสาวจึงรีบย้ายของไปที่ลานบ้านก่อนจะทำการย้ายก้อนหินเรียบ ๆ มาตั้งเป็นเตา จากนั้นเธอก็จุดไฟเพื่อเริ่มประกอบอาหาร
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 338
แสดงความคิดเห็น