บทที่ 4: ข้าวที่หญิงชั่วคนนั้นทำหอมจัง!

-A A +A

บทที่ 4: ข้าวที่หญิงชั่วคนนั้นทำหอมจัง!

หูเจียวเจียวมาจากชนบท เนื่องจากครอบครัวของเธอมีฐานะยากจน เธอจึงทำไร่ไถนามาตั้งแต่เด็ก แล้วเธอยังทำอาหารเก่งมากด้วย

 

อย่างแรก เธอหยิบหม้อไปที่แม่น้ำเพื่อซาวข้าว 2 ครั้ง จากนั้นเธอตักน้ำกลับมาตั้งบนเตาก่อนจะหยิบหินเหล็กไฟจากชั้นวางมาจุดไฟด้วยท่าทางสบาย ๆ

 

ระหว่างที่หุงข้าว เธอก็หันไปจัดการหมูสามชั้น

 

อาหารเย็นสำหรับวันนี้หูเจียวเจียวตั้งใจว่าจะทำข้าวหมูตุ๋น

 

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะร่างที่เธอกำลังสิงอยู่ในปัจจุบันท้องว่างอยู่หรือเปล่า เมื่อเธอนึกถึงข้าวหุงสุกใหม่ ๆ กับหมูตุ๋นแสนอร่อย เธอก็อดน้ำลายไหลไม่ได้

 

หลังจากที่หญิงสาวหั่นหมูสามชั้นเสร็จ ข้าวในหม้อก็สุกพอดี

 

ต่อมา เธอเทน้ำต้มข้าวที่เหลือลงในอีกหม้อหนึ่งเพื่อให้ข้าวในหม้อสะเด็ดน้ำ และในขั้นตอนนี้ทำให้ได้น้ำข้าวสำหรับดื่มหลังอาหาร

 

เมื่อเวลาผ่านไป 30 นาที พระอาทิตย์ก็ลาลับขอบฟ้าไปโดยเหลือไว้เพียงแสงตะวันสีแดงบนเส้นขอบฟ้า

 

ยามนี้หมูตุ๋นของหูเจียวเจียวก็พร้อมเสิร์ฟแล้วเช่นกัน

 

ภายในหม้อใบใหญ่มีเนื้อหลาย 10 ชิ้นวางเรียงรายกันอยู่ก้นหม้อ หญิงสาวเห็นว่าการจะตักมันค่อนข้างลำบากนิดหน่อย เธอจึงหยิบหม้ออีกใบออกมาจากมิติเพื่อเปลี่ยนหม้อที่ใส่เนื้อสัตว์ ตามด้วยเทข้าวที่หมาดแล้วลงไป แล้วนำไปตั้งไฟต่ำไว้อีกครั้ง

 

“แปลกจัง ทำไมเด็ก ๆ ยังไม่กลับมาอีก ไม่ใช่ว่าพวกเด็กเกเรกลับมารังแกพวกเขาหรอกนะ...”

 

หลังจากที่ภูตจิ้งจอกเตรียมอาหารเย็นเสร็จเรียบร้อย เธอก็เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าก่อนจะรู้ตัวว่าตอนนี้มันเกือบจะมืดแล้ว แต่เธอยังไม่เห็นวี่แววว่าเด็ก ๆ จะกลับบ้านเลย

 

นั่นทำให้เธอรู้สึกเป็นกังวล เธอจึงปิดฝาหม้อเอาไว้ จากนั้นก็ออกไปตามหาลูกทั้ง 5

 

พอหญิงสาวเดินออกมาไม่ไกลนัก เธอก็พบร่างเล็ก ๆ ที่ซุกอยู่ใต้ต้นไม้

 

เนื่องจากบริเวณรอบบ้านมีต้นไม้ขึ้นหนาแน่น ดังนั้นหากคนที่ซ่อนอยู่แถวนี้ไม่ส่งเสียงดังหรือเข้ามาใกล้ มันก็ยากที่จะหาคนที่ซ่อนตัวอยู่หลังต้นไม้ได้

 

ประกอบกับในเวลาพลบค่ำมักจะมีลมพัดแรงขึ้น

 

“ฟืดดด แจ่บๆๆ...”

 

หลังต้นไม้เก่าแก่ เหล่าเด็กหิวโซได้กลิ่นเนื้อหอมโชยมาในอากาศ ส่งผลให้ร่างกายมีปฏิกิริยาตอบสนองโดยที่หลั่งน้ำลายออกมาตลอดเวลา แล้วท้องของพวกเขาก็พากันร้องโครกคราก

 

“พี่ใหญ่ ข้าวที่หญิงชั่วคนนั้นทำหอมมากเลย!”

 

คนแรกที่พูดออกมาอย่างทนไม่ไหวคือ หลงหลิงเอ๋อ 

 

ส่วนเด็กคนอื่น ๆ ก็มีสีหน้าเหยเกเช่นกัน แต่พวกเขาก็พยายามอดกลั้นไว้

 

หญิงใจโหดเหี้ยมคนนั้นอยากให้ลูกของตนเองตายไปพ้น ๆ เด็กทุกคนรู้ว่านางคงไม่มีทางกลับตัวกลับใจมาดูแลพวกเขาดีแน่ ๆ 

 

ถ้าเป็นเช่นนั้น มันก็มีความเป็นไปได้เพียงทางเดียวว่านี่คือกับดัก!

 

หลงอวี้ผู้เป็นพี่คนโตกล่าวว่า “งั้นเราควรไปหลบให้ไกลกว่านี้ เราจะได้ไม่ได้กลิ่น”

 

หลังจากที่พี่ใหญ่พูดจบ พี่น้องทั้ง 5 ก็ตั้งท่าจะวิ่งออกไป ก่อนที่พวกเขาจะได้ยินเสียงของหูเจียวเจียวดังขึ้นมาจากด้านหลัง

 

“มาซ่อนตัวอยู่ที่นี่กันเองหรือ? มานี่เร็ว แม่เตรียมอาหารเย็นไว้แล้ว”

 

จิ้งจอกสาวยืนอยู่หลังต้นไม้ด้วยความโล่งใจที่เห็นว่าเด็กน้อยทั้งหลายสบายดี

 

เมื่อฝ่ายที่กำลังหลบซ่อนได้ยินเสียงที่เปรียบดั่งมัจจุราช ร่างของทุกคนก็ตัวแข็งทื่อพร้อมกับแสดงสีหน้าสยดสยอง

 

นางมาที่นี่ได้ยังไง!?

 

นางมาที่นี่เพื่อจับพวกเราไปทำโทษหรือ!?

 

พอหูเจียวเจียวเห็นร่างผอมติดกระดูกทั้ง 5 ยืนนิ่งอยู่กับที่ เธอก็ยื่นมือออกไปทำท่าจะพาอีกฝ่ายกลับบ้าน

 

การกระทำของผู้เป็นแม่ในสายตาของเด็ก ๆ ดูเหมือนจะทำให้พวกเขาหวาดกลัวเหมือนเห็นปีศาจที่ผุดขึ้นมาจากนรก

 

“หนีไป!”

 

“นางจะมาจับตัวเราแล้ว!”

 

แม้ว่าหูเจียวเจียวจะกำลังยิ้มอยู่ แต่ลูกตัวน้อย ๆ ก็ยังกลัวหัวหด และฝันร้ายในความทรงจำของแต่ละคนก็ไหลออกมาราวกับน้ำท่วม ตามมาด้วยฉากที่ตนเองถูกทำร้ายนับไม่ถ้วน พวกเขาจึงรีบวิ่งหนีโดยสัญชาตญาณ

 

“...”

 

นี่เธอทำหน้าเหมือนจะมาจับเด็กกินหรือไง?

 

“โอ๊ย!”

 

หลงหลิงเอ๋อที่วิ่งรั้งท้ายเผอิญสะดุดก้อนหินล้มลงกับพื้น

 

เนื่องจากเด็กสาวอุ้มหลงเหยาที่อยู่ในร่างสัตว์ไว้ในอ้อมแขนของตัวเอง เพราะนางปกป้องน้องชายด้วยมือทั้ง 2 ข้าง นางจึงไม่มีมือไว้ป้องกันตัวเอง การหกล้มครั้งนี้จึงทำให้นางค่อนข้างเจ็บปวด

 

“หลิงเอ๋อ!” พวกหลงอวี้หันมาเห็นน้องสาวตัวเล็กล้มจึงพากันหยุดวิ่ง

 

ก่อนที่พวกเขาจะหันกลับไปช่วยหลงหลิงเอ๋อ หูเจียวเจียวก็ขมวดคิ้วเดินมาที่ด้านหน้าสาวน้อยแล้ว จากนั้นนางก็กางกรงเล็บปีศาจออกมา

 

แย่แล้ว ๆ!

 

หลิงเอ๋อกำลังจะถูกตี!

 

หลงหลิงเอ๋อหลับตาแน่นด้วยความกลัวสุดขั้วหัวใจและกระชับกอดเพื่อปกป้องหลงเหยาไว้ในอ้อมแขนของนาง

 

ฝ่ามือที่คาดว่าจะมากระทบบนร่างกายกลับไม่เกิดขึ้น แต่มีมืออบอุ่นคู่หนึ่งสอดไปที่ใต้รักแร้ของเด็กสาวก่อนจะยกนางขึ้นจากพื้น

 

ต่อมา หูเจียวเจียวค่อย ๆ ปัดฝุ่นออกจากตัวของหลงหลิงเอ๋อพลางถามอย่างอ่อนโยนว่า “เจ็บไหม? ขอแม่ดูหน่อย มีแผลตรงไหนหรือเปล่า?”

 

เมื่อจิ้งจอกสาวพบว่าเสื้อผ้าหนังสัตว์ที่ลูกสาวสวมอยู่เปียกโชก เธอก็ยิ่งขมวดคิ้วแน่นขึ้น

 

ทางด้านหลงหลิงเอ๋อลืมตาขึ้นมองไปที่คนตรงหน้าด้วยความประหลาดใจ

 

ข้ากำลังฝันอยู่หรือ?

 

เหตุใดวันนี้นางมารร้ายถึงอ่อนโยนนัก นางอ่อนโยนยิ่งกว่าแม่ในฝันของข้าเสียอีก…

 

หลังจากที่หูเจียวเจียวตรวจสอบอีกฝ่ายแล้วไม่พบบาดแผล เธอจึงอุ้มหลงเหยาจากอ้อมแขนของสาวน้อยก่อนจะเดินกลับบ้านโดยจับมือเล็ก ๆ ของลูกไว้

 

“เสื้อผ้าเปียกหมดแล้ว ไปกันเถอะ กลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วค่อยกินข้าวกัน”

 

เมื่อหลงหลิงเอ๋อได้ยินเสียงที่อ่อนโยนนั้น ขาของนางก็เดินตามผู้เป็นแม่ไปโดยไม่รู้ตัว

 

หูเจียวเจียวรู้ว่าลูก ๆ รักกันมาก ตราบใดที่เด็กสาวคนนี้กลับไปกับเธอ ลูกคนอื่น ๆ ก็จะตามมาอย่างแน่นอน

 

เธอจำเป็นต้องใช้กลยุทธ์แยกเด็กออกจากกันเพื่อส่งผลต่อเด็กที่เหลือ

 

มันเป็นไปตามที่เธอคาดไว้ เมื่อเหล่าพี่ชายเห็นว่าน้องสาวถูกแม่ใจยักษ์พาตัวไป ทั้ง 3 คนก็มองหน้ากันด้วยความตกใจก่อนจะรีบเดินตามไปทันที

 

หากหญิงชั่วร้ายคนนั้นต้องการจะทำร้ายหลิงเอ๋อ พวกเขาจะไม่ยอมปล่อยนางไปแน่!

 

หลังจากที่หูเจียวเจียวพาเด็กน้อยกลับมาถึงบ้าน เธอก็พบว่าในบ้านไม่มีเสื้อผ้าให้ลูก ๆ เปลี่ยนเลยสักตัว

 

ไม่น่าแปลกใจที่เด็กเหล่านี้จะสวมเสื้อผ้าเปียก ๆ อยู่ข้างนอกแล้วไม่ยอมกลับเข้ามาในบ้าน

 

ถัดมา หญิงสาวมุ่งตรงเข้าไปในห้องเพื่อหยิบกรรไกรออกมาจากมิติ แล้วเธอก็นำมาตัดหนังสัตว์บนเตียงออกเป็น 4 ส่วน

 

แม้ว่าหนังผืนนี้จะมีกลิ่นเล็กน้อย แต่มันก็เป็นหนังชิ้นเดียวที่มีอยู่ในบ้าน แล้วหนังสัตว์นั้นสะอาดมาก ซึ่งเธออนุมานได้ว่ามันน่าจะเป็นของใหม่

 

เมื่อภูตจิ้งจอกนำหนังสัตว์ที่ตัดแล้วไปที่ลานบ้าน เธอก็เห็นลูก 4 คนยืนตัวแข็งทื่ออยู่ตรงนั้นพลางทำตาละห้อยมองไปที่หม้อบนเตา ก่อนจะพากันเลียริมฝีปากอย่างอดไม่ได้

 

แม้ว่าเด็ก ๆ จะหิวจนตาลาย แต่พวกเขาก็ไม่กล้าแตะสิ่งของของแม่ใจร้ายเพราะกลัวว่าตนจะถูกทุบตีอีก 

 

ในเวลานั้น หลงเหยาทิ้งตัวผิงไฟให้ตัวเองอบอุ่นอยู่ข้างเตา ซึ่งความจริงนอกจากอาหารแล้ว เด็ก ๆ ยังต้องการความอบอุ่น นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมหลงหลิงเอ๋อถึงอุ้มเขาไว้ในอ้อมแขนของนางตลอดเวลา

 

ต่อมา หูเจียวเจียวก้าวเดินออกไปพร้อมกับยื่นหนังสัตว์ในมือให้เด็ก ๆ พลางพูดว่า “มามะ ถอดเสื้อผ้าเปียกพวกนั้นออกแล้วเอาหนังพวกนี้ห่อตัวไปก่อนนะ เดี๋ยวแม่จะตากเสื้อผ้าพวกเจ้าให้แห้งก่อนแล้วค่อยเปลี่ยนกลับทีหลัง”

 

ในระหว่างที่คนเป็นแม่พูด เจ้าลูกน้อยทั้ง 5 พยายามถอยหนีให้ห่างออกไปหลายก้าว พวกเขามองเข้าไปในดวงตาของคนตรงหน้าอย่างหวาดระแวง ซึ่งนอกจากความหวาดกลัวที่แสดงออกมาแล้วยังมีความไม่เชื่อถืออีกด้วย

 

นี่คือหนังสัตว์ที่มีค่าที่สุดของหญิงชั่วร้ายคนนี้ พวกเขาไม่เคยได้รับอนุญาตให้แตะต้องมันด้วยซ้ำ แล้วทำไมจู่ ๆ นางถึงตัดหนังสัตว์มามอบให้พวกเขาล่ะ?

 

เมื่อหูเจียวเจียวมองเข้าไปในดวงตาที่ระแวดระวังของเด็กทั้ง 5 เธอก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องเข้าหาหลงหลิงเอ๋อซึ่งเป็นวิธีเกลี้ยกล่อมที่ดีที่สุดในตอนนี้ 

 

“หลิงเอ๋อ มานี่มา แม่จะเปลี่ยนชุดให้เจ้า พอเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้ว เราจะกินข้าวเย็นกัน!”

 

จิ้งจอกสาวยิ้มและโบกมือให้สาวน้อยเพื่อให้ตัวเองดูเป็นมิตรที่สุด

 

พอหลงหลิงเอ๋อได้ยินคำว่า ‘ข้าว’ ก็ยอมคล้อยตามทันที

 

เนื่องจากเด็กผู้หญิงนั้นอ่อนแอกว่าเด็กผู้ชาย ประกอบกับเด็ก ๆ ไม่ได้กินอะไรมาหลายวันแล้ว ร่างกายของนางจึงเกือบจะถึงขีดจำกัดที่จะรับไหว

 

ขณะนี้เด็กสาวที่เห็นรอยยิ้มอันอ่อนโยนของหูเจียวเจียวขยับขาเข้าไปหาผู้เป็นแม่ราวกับถูกมนต์สะกด

 

เมื่อหญิงสาวเห็นหลงหลิงเอ๋อเดินเข้ามาหาตน เธอก็เผยรอยยิ้มที่พึงพอใจและค่อย ๆ ช่วยเจ้าตัวเล็กถอดเสื้อผ้าหนังสัตว์ที่เปียกออก เสร็จแล้วก็ห่อตัวนางด้วยหนังสัตว์ที่ตัดมา

 

หนังสัตว์ผืนนี้มีขนาดใหญ่มาก หลังจากที่แบ่งออกเป็น 4 ส่วน มันก็พันรอบตัวของเด็กน้อยได้เหมือนเสื้อคลุมอาบน้ำ

 

“เอาล่ะ เรียบร้อยแล้ว หลิงเอ๋อเก่งมาก!”

 

หลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว หูเจียวเจียวก็ลูบหัวลูกสาวตัวน้อยด้วยความรักพร้อมกับเอ่ยปากชมนาง

 

นี่เป็นครั้งแรกที่หลงหลิงเอ๋อเข้าใกล้แม่ใจมารมากขนาดนี้ และนางก็ไม่ถูกอีกฝ่ายทำร้ายด้วย

 

“หลิงเอ๋อหิวหรือเปล่า แม่ทำอาหารอร่อย ๆ ไว้ด้วยน้า เจ้าอยากกินไหม?”

 

ถ้าเป็นปกติจะหาได้ยากมากที่ลูก ๆ จะไม่ปฏิเสธเธอ ดังนั้นหญิงสาวจึงใช้โอกาสนี้เอาชนะใจเด็กสาว

 

หลงหลิงเอ๋อที่ได้ยินคำถามของผู้เป็นแม่ก็กลืนน้ำลายพลางชำเลืองมองหม้อที่ตั้งอยู่ข้าง ๆ ก่อนจะพยักหน้ารับ “ข้าอยากกิน ข้าขอกินได้ไหม?”

 

“แน่นอน แม่ทำไว้เยอะเลย ไม่ใช่แค่วันนี้นะ แต่หลังจากนี้ไปทุก ๆ วัน แม่จะทำกับข้าวให้เจ้ากินเอง”

 

หูเจียวเจียวมองคนตัวเล็กที่ผอมโซด้วยรอยยิ้ม

 

เมื่อหลงหลิงเอ๋อได้ยินคำพูดที่ใฝ่ฝันมานาน นางก็รู้สึกสะเทือนใจทันทีเพราะไม่มีใครเคยปฏิบัติต่อนางอย่างอ่อนโยนเช่นนี้มาก่อน “ฮือ... ท่านแม่… ท่านพูดจริงหรือเปล่า?”

 

อาจเป็นเพราะเด็กสาวมีจิตใจที่บริสุทธิ์ หรืออาจเป็นเพราะนางหิวโหยมาเนิ่นนาน หลังจากที่นางรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นของแม่ นางก็ลืมไปจนสิ้นว่าอีกฝ่ายเคยทรมานนางอย่างไรบ้าง

 

“จริงสิ เมื่อก่อนแม่ผิดเอง แม่ขอโทษนะ ต่อไปนี้แม่จะไม่ทุบตีเจ้าอีก” หูเจียวเจียวพูดพร้อมกับยกมือขึ้นสาบาน

 

“หลิงเอ๋อ เจ้าเรียกมันว่าแม่ได้ยังไง! เจ้าลืมไปแล้วหรือว่าเจ้าเพิ่งสัมผัสหนังสัตว์ของนางไป ตอนนั้นนางทุบตีเจ้าจนเจ้าเดินไม่ได้ตั้งครึ่งเดือน!”

 

ในตอนนั้นเอง หลงจงตะโกนขึ้นมาด้วยความโกรธ

 

คำพูดของพี่ชายทำให้หลงหลิงเอ๋อฟื้นคืนสติทันทีราวกับถูกสาดด้วยน้ำเย็น จากนั้นนางก็มองหูเจียวเจียวด้วยสายตาหวาดกลัวมากขึ้น

 

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 
 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.