บทที่ 558: ถ้าเจ้ากลับมาอยู่กับข้า ข้าจะมอบสิ่งนี้ให้เจ้า
“นี่! เจ้ามายืนทำลับ ๆ ล่อ ๆ อะไรอยู่ตรงนั้น!”
ชายคนที่ช่วยแบกเหยื่อมาส่งที่บ้านของพวกเด็ก ๆ ตะโกนถามเสียงดัง
ร่างนั้นสะดุ้งตกใจเหมือนกับคนที่ทำอะไรผิดมา เขารีบหันกลับมามองทางต้นเสียง พอเห็นว่าเป็นหลงหลิงเอ๋อและคนอื่น ๆ เขาก็เผยรอยยิ้มทันที
“ข้า-ข้ามาที่นี่เพื่อตามหาเด็กของเผ่าเรา”
คนที่ทำตัวมีพิรุธคือคู่ของหยินเสวี่ย ระหว่างที่พูดสายตาของเขาก็เหล่ไปทางหยินชาง ก่อนที่เขาจะพูดกับอีกฝ่ายว่า
“หยินชาง ท่านอาของเจ้าขอให้ข้ามาเรียกเจ้าไปหา นางมีของบางอย่างจะมอบให้เจ้า ตามข้ามาสิ”
เมื่อภูตชายที่ส่งเหยื่อได้ยินเช่นนี้ก็ทำท่าทางสงสัย
ทางด้านหลงหลิงเอ๋อ พอเห็นว่าเด็กหนุ่มกำลังขมวดคิ้ว นางจึงหันไปยิ้มหวานให้ชายคนนั้น
“ท่านลุง ขอบคุณที่ท่านช่วยเรานำเหยื่อกลับมาส่งที่บ้าน ท่านเอาวางไว้ตรงนี้เลยก็ได้ ลำบากท่านแล้วท่านลุง”
“ท่านไม่ต้องเกรงใจหรอก มันไม่หนักเลย นี่เป็นสิ่งที่ข้าสมควรทำอยู่แล้ว”
ภูตชายที่นำเหยื่อมาส่งแสดงท่าทางใจดีพลางเกาหัวพูดอย่างเขินอาย ซึ่งการแสดงออกของเขามันแตกต่างจากการพูดกับคู่ของหยินเสวี่ยโดยสิ้นเชิง
หลังจากที่เขายกเหยื่อไปวางที่ประตูหลังบ้านเสร็จแล้ว เขาก็เดินเลี่ยงออกไปทันที
“หยินชาง ตามข้ามาเร็วเข้า ท่านอาของเจ้ากำลังรออยู่!” พอคู่ของหยินเสวี่ยเห็นว่าไม่มีคนมาคอยขัดจังหวะ เขาจึงพูดเร่งเร้าอีกฝ่าย
คราวนี้หลงหลิงเอ๋อไม่ได้ออกหน้าพูดอะไร นางทำเพียงยืนอยู่ข้างเด็กหนุ่มเงียบ ๆ
เพราะนี่เป็นเรื่องของหยินชาง การที่นางจะเข้าไปแทรกแซงตลอดเวลามันคงจะดูไม่เหมาะสมนัก
“ข้าจะไม่ไปกับท่าน ถ้าท่านรีบ ท่านก็ไปเถอะ” เด็กหนุ่มขับไล่แขกด้วยสีหน้าเย็นชา
คำพูดของเขาทำให้รอยยิ้มของฝ่ายตรงข้ามแข็งค้างอยู่บนใบหน้า
เมื่อภูตชายนึกถึงสิ่งที่เขาคุยกับหยินเสวี่ยก่อนจะมาถึงที่นี่ ในไม่ช้าเขาก็รีบพูดว่า
“ท่านอาของเจ้ามีบางอย่างที่สำคัญมากจะมอบให้เจ้า มันเป็นของดูต่างหน้าของพ่อแม่เจ้า เจ้าแน่ใจหรือว่าไม่อยากไปหานาง?”
“เจ้าไม่อยากได้ข้าวของของพ่อแม่หรือไง?”
สิ่งที่ชายคนนั้นพูดเป็นผลให้หยินชางกลั้นหายใจไปชั่วขณะ
“ของดูต่างหน้าของพ่อแม่ข้าหรือ?”
“ใช่ ท่านอาของเจ้านำมันติดตัวมาที่นี่ด้วย นางเก็บรักษามันไว้เป็นอย่างดี ถ้าเจ้าไม่ไปตอนนี้ เจ้าอาจจะไม่ได้เห็นของสิ่งนั้นอีก” คู่ครองของหยินเสวี่ยทำหน้าสลดพร้อมกับส่ายหัว
ขณะเดียวกัน หยินชางกำหมัดแน่น เขาไม่แน่ใจว่าควรจะตามอีกฝ่ายไปดีหรือไม่
“หยินชาง งั้นข้าจะไปกับเจ้าเอง ข้าจะไปดูด้วยว่าสภาพแผลของนางเป็นยังไงบ้าง” หลงหลิงเอ๋อเห็นว่าเด็กหนุ่มอยากจะไปตามคำเชิญ และรู้ว่าเขาให้ความสำคัญกับเรื่องพ่อแม่ของตน แต่เขาก็รู้ว่าท่านอาของตัวเองมีเจตนาไม่ดี ดังนั้นเขาจึงรู้สึกลังเลขึ้นมา
ยามนี้เสียงหวานปานน้ำผึ้งเป็นเหมือนน้ำทิพย์ชโลมใจที่ช่วยชะล้างความอึดอัดในใจของหยินชางไปจนสิ้น
เขาสบตากับคนตัวเล็ก ซึ่งดวงตาสีน้ำตาลเข้มคู่นั้นเปล่งประกายสดใส
หลังจากหลงหลิงเอ๋อยืนเงียบ ๆ อยู่ครู่หนึ่ง ไม่นานนางก็ขมวดคิ้วพลางเอ่ยว่า “หยินชาง ไปกันเถอะ เราต้องรีบกลับมาจัดการเหยื่ออีก ถ้ามัวแต่ชักช้าอยู่แบบนี้มันก็จะเน่าเหม็นไปเสียก่อน”
ถึงอย่างไรเขาก็จะต้องกลับมาที่นี่อยู่ดี
ใช่แล้ว เพราะนี่คือบ้านของเขา!
เด็กหญิงไม่ได้มองว่าเขาเป็นคนนอก และนางก็ไม่ได้โกรธเนื่องจากเขาเองก็ต้องการพบหยินเสวี่ยผู้เป็นอาแท้ ๆ เหมือนกัน
ในไม่ช้าหยินชางก็พยักหน้ารับก่อนจะมองไปที่คู่ของหยินเสวี่ย
“ไปกันเถอะ”
ฝ่ายที่เฝ้ารอคำตอบทำหน้าตามีความสุขแล้วก็รีบนำทางเด็กทั้ง 2 ไป
ทางด้านหลงหลิงเอ๋อกับหยินชางทิ้งเหยื่อไว้ตรงนั้น ก่อนจะเดินตามภูตชายที่เป็นคู่ของหยินเสวี่ยไป
ปัจจุบันเสบียงอาหารถือได้ว่ามีความสำคัญมาก แม้ว่าเหยื่อจะถูกวางไว้บริเวณลานบ้าน แต่คนในเผ่าก็ไม่กล้าขโมยเหยื่อของคนอื่นไปอย่างแน่นอน เพราะถ้าใครก็ตามที่ถูกจับได้ คนคนนั้นจะต้องโทษสูงสุดตามกฎของเผ่า
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่า เจ้าของบ้านมีทั้งภูตมังกรที่ทรงพลังที่สุด สตรีที่ได้รับพรจากเทพอสูรและหมอผี
คงไม่มีใครกล้ามีเรื่องกับตระกูลอันยิ่งใหญ่เช่นนี้แน่นอน
หลังจากนั้นไม่นาน ทั้ง 3 คนก็เดินออกมานอกบ้าน
ในเวลาเดียวกัน หยินเสวี่ยคอยชะเง้อคอมองออกไปนอกกระท่อมอยู่ตลอดเวลา พอนางเห็นหยินชางเดินมาทางตน นางก็รู้สึกตื่นเต้นมากจนรีบร้อนที่จะเดินออกไปต้อนรับแขก
แต่เหตุการณ์เดิมก็เกิดขึ้นซ้ำ เพราะภูตที่เฝ้าประตูเข้ามาขวางนางไว้ไม่ให้นางได้ก้าวออกจากกระท่อมอีกครั้ง
“เจ้าไม่เห็นหรือไงว่าแม่หมอเดินมาโน่นแล้ว! ข้าแค่อยากจะไปคุยกับหลานชายของข้าก็ไม่ได้หรือไง? รีบออกไปให้พ้น!” หญิงสาวจ้องคนเฝ้ายามเขม็ง
นั่นทำให้ภูตชายที่ทำหน้าที่เฝ้าประตูเกิดความลังเลเล็กน้อยเมื่อเห็นหลงหลิงเอ๋อ
ในตอนนั้นเด็กหญิงอยู่ใกล้พอที่ได้ยินการสนทนาของทั้งคู่ นางจึงพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้มว่า
“ไม่เป็นไรหรอก เราคุยกันแบบนี้ก็ได้ ถึงท่านจะอยู่ในบ้าน แล้วเราอยู่ข้างนอก มันก็ไม่มีผลกับการพูดคุยของเราหรอก”
สิ่งที่หมอผีตัวน้อยกล่าวทำให้หยินเสวี่ยยืนตัวแข็งทื่อ ก่อนที่นางจะตวัดตามองอีกฝ่ายด้วยสายตาไม่พอใจ
ทำไมเด็กผู้หญิงคนนี้ถึงทำตัวเกาะติดหยินชางอยู่ตลอด?
คนที่นางอยากพบก็คือหลานชายตัวเอง ไม่ใช่หมอผี!
แต่แล้วหญิงสาวก็คิดขึ้นมาได้ว่านางยังคงจะต้องพึ่งพาคนอื่นอยู่ นางไม่ได้มีอิสระแบบที่เคยเป็น ดังนั้นนางจึงต้องกล้ำกลืนฝืนทนต่อไป
“ถ้าพวกเจ้าจะไม่ให้ข้าออกไปก็ไม่เป็นไร งั้นหยินชางก็เข้ามาข้างในสิ อามีเรื่องจะคุยกับเจ้าเป็นการส่วนตัว” หยินเสวี่ยพยายามยิ้มให้ตัวเองดูอ่อนโยนและใจดีที่สุด
แต่หญิงสาวลืมไปว่าใบหน้าของตัวเองพันผ้าพันแผลไว้จนมิด มันทำให้ไม่มีใครเห็นรอยยิ้มที่นางพยายามปั้นแต่งขึ้นมา
“ท่านอา ข้ายืนอยู่ตรงนี้ก็คุยได้ ของดูต่างหน้าพ่อแม่ของข้าอยู่ที่ไหน?” เด็กหนุ่มถามเข้าประเด็นเพราะไม่อยากเสียเวลากับผู้เป็นอาอีก
“เจ้าเด็กนี่ เจ้าจะพูดมากทำไม! เสวี่ยเอ๋อเรียกให้เจ้าเข้าไปหามันก็เพื่อผลประโยชน์ของตัวเจ้าเองทั้งนั้น” คู่ของหยินเสวี่ยรู้สึกไม่พอใจกับท่าทางของเด็กทั้ง 2 คน เขาจึงอดไม่ได้ที่จะดุอีกฝ่าย
“ของดูต่างหน้าพ่อแม่ของข้าอยู่ที่ไหน?” หยินชางยังคงถามคำถามเดิมไม่เปลี่ยน
“นี่เจ้า!” สามีของหยินเสวี่ยเริ่มหมดความอดทนพลางคิดว่าทำไมลูกของหยินเหลยถึงดื้อรั้นเช่นนี้
เมื่อเด็กหนุ่มยังคงยืนกรานที่จะเอาคำตอบให้ได้ พวกเขาก็รู้สึกทำอะไรไม่ถูก
ทางด้านหยินเสวี่ยแอบกัดฟันกรามแน่น จากนั้นก็เปลี่ยนสีหน้ามาพูดด้วยรอยยิ้มดังเดิม
“แน่นอนว่าของดูต่างหน้าของพ่อแม่เจ้าอยู่กับอา เจ้ารอสักครู่ เดี๋ยวอาจะไปเอามาให้เจ้าดู”
หลังจากที่หญิงสาวพูดจบ นางก็หันหลังกลับเดินเข้าไปในกระท่อม
เวลาผ่านไปไม่นาน หยินเสวี่ยก็ออกมาอีกครั้งโดยยืนอยู่ตรงประตูกระท่อมขณะถือหนังสัตว์สกปรกไว้ในมือซึ่งดูเหมือนจะมีอะไรบางอย่างอยู่ข้างในอีกที
หยินชางที่ได้เห็นภาพเบื้องหน้ารู้สึกเพียงว่าหัวใจของเขาเต้นแรงขึ้น
ในเวลานั้นเขาแทบจะสงบสติอารมณ์ตัวเองไม่ได้เพราะเขาอยากจะเห็นสิ่งที่อยู่ข้างในห่อหนังสัตว์
เด็กหนุ่มมีลางสังหรณ์ว่าคราวนี้ท่านอาไม่ได้โกหกเขา
ไม่กี่อึดใจต่อมา หยินเสวี่ยเปิดผ้าออกเผยให้เห็นเกล็ดบางอย่างข้างใน
เกล็ดชิ้นนี้มีความโปร่งแสง มันหยอกล้อกับแสงแดดที่ส่องลงมาจนให้ความรู้สึกเหมือนกับว่ามันเคลื่อนไหวได้ ภาพที่ปรากฏช่างดูสวยงามชวนฝันมาก
หลงหลิงเอ๋อที่กำลังเฝ้าดูอยู่ข้างหลังสอดสายตามองด้วยความอยากรู้อยากเห็น นางไม่เคยเห็นเกล็ดที่สวยเช่นนี้มาก่อน! ในขณะที่เกล็ดมังกรบนตัวของนางนั้นมีสีดำสนิทเหมือนกับถ่านที่ใช้ก่อไฟ
นางรู้ว่าคนของเผ่าไป๋ผีมีร่างสัตว์ที่มีขนปุกปุยไร้เกล็ด ดังนั้นเกล็ดในมือของหยินเสวี่ยต้องเป็นของท่านแม่ของหยินชางแน่นอน
แสดงว่าแม่ของเขาก็ต้องเป็นคนที่สวยมากใช่ไหม?
ในเวลาเดียวกัน เด็กหนุ่มที่อยู่ด้านข้างยืนตัวแข็ง และลมหายใจของเขาก็สะดุด
“นั่นคือ… เกล็ดของท่านแม่!”
เขารู้สึกได้ถึงกลิ่นอายอันคุ้นเคยที่มาจากสายเลือดอีกครึ่งหนึ่งของตัวเอง
มันคือเกล็ดจากตัวท่านแม่ของเขา!
“ใช่ นี่เป็นของดูต่างหน้าที่แม่เจ้าทิ้งไว้ มันเป็นสิ่งเดียวที่หลงเหลืออยู่” หยินเสวี่ยกล่าว จากนั้นนางก็ห่อหนังสัตว์กลับเหมือนเดิมและเอามันไปซ่อนไว้ด้านหลัง
การกระทำของผู้เป็นอาทำให้หยินชางมองไม่เห็นเกล็ดอีกต่อไป ตอนนี้เขารู้สึกแค่ว่าร่างกายของตนอ่อนแรงไปทุกส่วน
นั่นเป็นเพราะจิตใจของเด็กหนุ่มไม่มั่นคงจึงส่งผลให้เขาไม่สามารถสงบสติอารมณ์เอาไว้ได้ดังเดิม
“หยินชาง เจ้ากลับมาอยู่กับอาเถอะ ขอแค่เจ้ากลับมา อาจะมอบเกล็ดของแม่คืนให้เจ้า”
ความหมายที่หยินเสวี่ยต้องการจะบอกหลานชายก็คือ 'ถ้าเจ้าไม่กลับมา ข้าก็จะไม่มอบมันให้เจ้า'
ชั่ววินาทีนั้น สายตาของหยินชางแสดงออกถึงความลังเล
แต่เขาก็สามารถรวบรวมสติได้อย่างรวดเร็ว ก่อนจะตวัดตามองคนเป็นอาด้วยสายตาที่เฉียบคม
“ท่านพ่อกับท่านแม่ของข้าถูกคนในเผ่าสังหาร แล้วทำไมเกล็ดของท่านแม่ข้าถึงไปอยู่ในมือของท่าน?”
เขารู้ดีว่าท่านแม่ของเขาจะต้องมีสภาพอย่างไรหลังจากที่นางเสียชีวิต
คนพวกนั้นจะสูบเลือดออกจากร่างกายของนางจนไม่ให้เหลือแม้แต่หยดเดียว ถ้าไม่ใช่เพราะเลือดพวกนั้นที่ไปล่อตาล่อใจเหล่าคนโลภ ท่านแม่ก็จะไม่ตาย!
“แน่นอนว่า... แม่ของเจ้ามอบมันให้อาก่อนที่นางจะเสียชีวิต” หยินเสวี่ยลังเลอยู่ชั่ววินาทีก่อนที่จะพูดโกหกออกมา
--------------------------------------------------
พูดคุยท้ายตอนกับเสี่ยวเถียว: ชั่วเกินบรรยายจริง ๆ โกหกเด็กไม่พอยังเก็บของดูต่างหน้าของแม่เด็กไว้กับตัวอีก
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 327
แสดงความคิดเห็น