ตอนที่ 22: ออกเดินทาง
ตอนที่ 22: ออกเดินทาง
มหาสมุทรแอตแลนติกในปัจจุบันกำลังอยู่ในช่วงสงบและท้องฟ้าก็ปลอดโปร่งปราศจากเมฆครึ้มที่เป็นสัญญาณก่อให้เกิดลมพายุ
ขณะเดียวกันกลางทะเลก็มีเรือบรรทุกสินค้าสตอร์มก็อดเดสกำลังแล่นอยู่และเพื่อให้เรือลำนี้มีความเหมาะสมสำหรับการสำรวจใต้ทะเล มันจึงได้รับการดัดแปลงจนแตกต่างไปจากเรือบรรทุกสินค้าโดยทั่วไป
บนดาดฟ้าของเรือเต็มไปด้วยหุ่นยนต์ดำน้ำและเรือดำน้ำที่ทันสมัย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังมีเครนขนาดใหญ่ที่สามารถยกสิ่งของได้มากกว่า 500 ตัน ส่วนทางด้านใต้ท้องเรือก็มีห้องสังเกตการณ์ที่เปิดไฟส่องสว่างทั่วทุกทิศทาง ซึ่งโดยรวมแล้วเรือลำนี้ก็ถูกออกแบบมาสำหรับการสำรวจทางท้องทะเลโดยเฉพาะ
เมื่อเฮลิคอปเตอร์ที่เซี่ยเฟยเดินทางมาได้ลงจอดบริเวณดาดฟ้าตรงท้ายเรือ อันเดร์กับชาร์ลีก็มารอต้อนรับพวกเขาอยู่แล้ว
“ในที่สุดคุณก็มาแล้วสินะ ไม่อย่างนั้นคุณก็คงจะพลาดการค้นพบที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของศตวรรษนี้ไป” อันเดร์กล่าวขึ้นมาด้วยความตื่นเต้นก่อนที่เขาจะเดินเข้าไปกอดทักทายเซี่ยเฟยอย่างเป็นมิตร
“ดูเหมือนว่าคุณจะมั่นใจในการสำรวจครั้งนี้มากเลยนะครับ” เซี่ยเฟยกล่าวถาม
“ฮ่า ๆ ๆ ฉันย่อมมีความมั่นใจอยู่แล้วและการเดินทางครั้งนี้ฉันก็มีความรู้สึกว่าพวกเราใกล้จะได้ค้นพบแอตแลนติสมากขึ้นทุกที” อันเดร์กล่าวพร้อมกับส่งเสียงหัวเราะออกมาอย่างเต็มที่และถึงแม้ว่าชายชราผู้นี้จะมีอายุมากกว่า 70 ปีแล้วแต่ใบหน้าของเขาก็ดูแจ่มใสมาก
“เป็นยังไงบ้างชาร์ลี? ฉันได้ยินมาจากปู่ของนายว่านายเป็นคนที่เก่งมากและในอนาคตนายจะกลายเป็นนายธนาคารที่โดดเด่นที่สุดของตระกูล” เซี่ยเฟยกล่าวกับชาร์ลี
เมื่อได้ยินคำยกยอจากเซี่ยเฟยใบหน้าของชาร์ลีก็เปลี่ยนไปอย่างเขินอายก่อนที่เขาจะพยักหน้าซ้ำ ๆ และกล่าวออกมาว่า
“ผมไม่เพียงแต่จะกลายเป็นนายธนาคารนะครับ แต่ผมยังต้องการเป็นผู้ใช้พลังพิเศษสายความเร็วเหมือนกับคุณด้วย”
“ทำไมนายถึงอยากเป็นผู้ใช้ความเร็วล่ะ ผู้ใช้ความแข็งแกร่งแบบฉันก็เท่นะ ลองดูนี่สิ!!” อู่หลงกล่าวก่อนที่เขาจะงอท่อเหล็กจนกลายเป็นรูปตัวยู จากนั้นเขาก็ได้กล่าวต่อไปว่า
“เป็นยังไงบ้าง? ผู้ใช้ความแข็งแกร่งก็เท่ดีเหมือนกันใช่ไหมล่ะ”
“นั่นมันอุปกรณ์ทดสอบคุณภาพน้ำนะครับ คุณทำลายมันทำไม” ชาร์ลีกล่าวถามพร้อมกับขมวดคิ้ว
“เอ่อ.. ขอโทษด้วย ฉันรู้ว่าฉันมันเป็นพวกไม่มีประโยชน์” อู่หลงกล่าวพร้อมกับใบหน้าที่เปลี่ยนไปเป็นสีแดง
เดิมทีอู่หลงเพียงแค่ต้องการจะอวดความสามารถของตัวเองเท่านั้น แต่เขาลืมคิดไปว่าสิ่งที่เขาทำมันคือการทำลายอุปกรณ์ที่มีประโยชน์
สถานการณ์นี้ทำให้อันเดร์กับเซี่ยเฟยอดที่จะส่งเสียงหัวเราะขึ้นมาไม่ได้ เพราะท้ายที่สุดอู่หลงก็เป็นคนที่มีนิสัยตรงไปตรงมาและพวกเขาก็ชื่นชอบนิสัยแบบนี้ของอู่หลงอยู่แล้ว
“ไม่ต้องห่วงพวกเรามีอุปกรณ์สำรองอยู่อีกเยอะ ถ้ามันพังพวกเราก็แค่ต้องเอาอันใหม่ออกมาเปลี่ยนเท่านั้น” อันเดร์กล่าวอย่างไม่ใส่ใจ
“เซี่ยเฟยตามฉันมาทางนี้ดีกว่าฉันจะได้แนะนำให้คุณได้รู้จักกับผู้เชี่ยวชาญในโครงการสำรวจครั้งนี้”
หลังจากนั้นพวกเขาก็ได้เข้าไปในห้องประชุมขนาดใหญ่ที่มีคน 8 คนนั่งกระจายกันอยู่คนละมุม ซึ่งบนโต๊ะของห้องประชุมก็เต็มไปด้วยเครื่องมือที่ไม่รู้จักอย่างมากมาย ส่วนผนังรอบ ๆ ห้องประชุมก็เต็มไปด้วยแผนที่ด้วยเช่นเดียวกัน นอกจากนี้มันยังมีภาพโปรเจคเตอร์ที่กำลังฉายภาพวิดีโอที่ถ่ายจากใต้น้ำอยู่ตลอดเวลา
“ขอเวลาพวกคุณสักครู่ ฉันขอแนะนำให้พวกคุณรู้จักกับเซี่ยเฟย เขาเป็นหุ้นส่วนของฉันและเป็นพันธมิตรที่ดีของตระกูลรอธส์ไชลด์อีกด้วย” อันเดร์กล่าวแนะนำทุกคนภายในห้อง
“สวัสดีครับยินดีที่ได้รู้จักพวกคุณทุกคน การสำรวจในครั้งนี้ขึ้นอยู่กับพวกคุณทุกคนแล้ว ถ้าหากว่าพวกเราสามารถค้นหาซากปรักหักพังของแอตแลนติสได้สำเร็จ ผมก็จะทำการมอบของขวัญแทนคำขอบคุณให้กับพวกคุณทุกคนอย่างแน่นอน” เซี่ยเฟยกล่าวอย่างตรงไปตรงมา
เมื่อได้ยินคำพูดจากเซี่ยเฟยทุกคนในห้องประชุมต่างก็ปรบมือ ยกเว้นชายชราผมดำที่มีอายุประมาณ 60 ปีก่อนที่เขาจะได้พูดออกมาด้วยน้ำเสียงอันเย็นชาว่า
“พวกเราทุกคนต่างก็ล้วนแล้วแต่เป็นผู้เชี่ยวชาญในสาขาของตัวเองและพวกเราก็มาที่นี่เพื่อค้นหาแอตแลนติส ดังนั้นสิ่งที่สำคัญสำหรับพวกเรามากที่สุดคือการค้นพบประวัติศาสตร์ พวกเราไม่ได้มาที่นี่เพื่อเงินสกปรกของพวกตระกูลนายธนาคาร”
ทันใดนั้นทั่วทั้งห้องก็ได้ตกอยู่ในความน่าอึดอัดใจ
ขณะเดียวกันอู่หลงก็พับแขนเสื้อขึ้นมาและจ้องมองไปยังชายชราผมดำด้วยสีหน้าอันดุร้าย แต่เซี่ยเฟยได้รั้งตัวของเขาเอาไว้ก่อน
ตั้งแต่เหตุการณ์บนเครื่องบินครั้งก่อน อู่หลงก็ให้ความเคารพเซี่ยเฟยมากขึ้นและถึงแม้ว่าเขาจะแก่กว่าเซี่ยเฟยเป็น 10 ปีแต่เขาก็ยังยินดีที่จะทำตามการตัดสินใจของชายหนุ่ม
“เซี่ยเฟย! เขาคนนี้คือศาสตราจารย์โคบายาชิ โกจิโร่ พวกคุณต่างก็มาจากเอเชียตะวันออกเหมือนกัน พวกคุณน่าจะทำความรู้จักกันไว้นะ” อันเดร์พยายามไกล่เกลี่ยสถานการณ์
“ยินดีที่ได้รู้จักครับศาสตราจารย์โคบายาชิ ผมชื่อเซี่ยเฟยเป็นเพียงแค่คนธรรมดา ๆ ถ้าหากว่าในก่อนหน้านี้ผมทำอะไรให้ศาสตราจารย์ขุ่นเคืองก็โปรดยกโทษให้กับผมด้วย” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับยื่นมือไปทักทายอย่างสุภาพ
เมื่อโคบายาชิเห็นว่าเซี่ยเฟยยอมถอยให้กับเขาเล็กน้อยเขาก็ไม่อยากจะทำให้สถานการณ์ตึงเครียดไปกว่านี้เช่นเดียวกัน ดังนั้นเขาจึงยื่นมือออกไปพร้อมกับจับมือของเซี่ยเฟยอย่างรุนแรง
“ผมรู้ดีว่าพวกคุณทุกคนเป็นผู้เชี่ยวชาญที่มีความสามารถแต่ผู้เชี่ยวชาญก็ยังต้องสวมเสื้อผ้าและรับประทานอาหารด้วยเช่นกัน นอกจากนี้การวิจัยของพวกคุณก็จำเป็นที่จะต้องใช้เงิน ดังนั้นผมให้สัญญากับพวกคุณทุกคนว่าถ้าหากพวกเราสามารถค้นพบแอตแลนติสได้สำเร็จผมจะบริจาคเงินจำนวน 10 ล้านแอลไลคอยน์เพื่อเป็นเงินทุนสำหรับการวิจัยของพวกคุณ” เซี่ยเฟยกล่าวขึ้นมาเสียงดัง
เมื่อได้ยินเช่นนั้นผู้เชี่ยวชาญทุกคนต่างก็ปรบมืออย่างยินดี เพราะท้ายที่สุดพวกเขาทุกคนก็ยังคงเป็นมนุษย์ แล้วมันจะมีใครอยากพลาดเงินจำนวนมากขนาดนั้นได้ยังไง?
ด้วยเงินอัดฉีดจากเซี่ยเฟยมันจึงทำให้พวกผู้เชี่ยวชาญมีความกระตือรือร้นในการทำงานมากยิ่งขึ้น
‘10 ล้านแอลไลคอยน์! เขาคนนี้ช่างเป็นคนใจกว้างจริง ๆ ทุนวิจัยตลอดทั้งปีของฉันมีเพียงแค่ 2 ล้านแอลไลคอยน์เท่านั้น ถ้าหากว่าเขายืนกรานที่จะมอบทุนวิจัย ฉันก็จะทำใจยอมรับมันไปก่อนก็แล้วกัน’ โคบายาชิแอบคิดภายในใจ
แต่อย่างไรก็ตามคำกล่าวต่อไปที่เซี่ยเฟยได้พูดออกมามันก็ถึงกับทำให้โคบายาชิต้องอ้าปากค้าง
“ศาสตราจารย์โคบายาชิ ผมรู้ดีว่าคุณเป็นคนที่รักคุณธรรมและไม่ชื่นชอบเงิน ดังนั้นถ้าหากว่าพวกเราได้ค้นพบแอตแลนติสพวกเราจะขอมอบธงปักให้กับคุณเป็นการส่วนตัว ผมจะไม่ยอมให้เงินทำให้คุณสูญเสียศักดิ์ศรีของคุณไปอย่างเด็ดขาด” เซี่ยเฟยกล่าวออกมาเสียงดังและน้ำเสียงของเขาก็จริงจังมาก
(ธงปักเป็นธงสัญลักษณ์สำหรับการพิชิตสถานที่บางแห่ง ยกตัวอย่างเช่น การนำธงไปปักบนดวงจันทร์)
เหตุการณ์นี้ทำให้ทุกคนต่างก็พยายามเอามือมาปิดปากและกลั้นเสียงหัวเราะของตัวเองเอาไว้โดยเฉพาะอู่หลงที่เกือบจะกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ ส่วนทางด้านชาร์ลีก็แอบหัวเราะอยู่ด้านหลังของอันเดร์เบา ๆ
‘ธงปัก!? คุณให้เงินพวกเขาทุกคนคนละ 10 ล้านแอลไลคอยน์แต่ให้ฉันแค่ธงปักเนี่ยนะ!’ โคบายาชิคิดในใจอย่างโกรธเกรี้ยว ซึ่งมันก็ทำให้ใบหน้าของเขาได้เปลี่ยนจนกลายเป็นสีแดง
หลังจากออกมาจากห้องประชุมอู่หลงก็อดที่จะระเบิดเสียงหัวเราะออกมาไม่ได้ จากนั้นเขาก็ได้กล่าวไปว่า
“ฮ่า ๆ ๆ น้องเฟยนายทำได้ดีมาก! เจ้าโคบายาชิคนนั้นกวนประสาทฉันมาระยะหนึ่งแล้ว หลังจากที่พวกเราได้ค้นพบแอตแลนติสฉันจะเป็นคนมอบธงปักให้กับเขาเป็นการส่วนตัวเอง”
“เซี่ยเฟยคุณไม่ควรทำให้ศาสตราจารย์โคบายาชิรู้สึกขุ่นเคืองนะ ท้ายที่สุดเขาก็เป็นนักอุตุนิยมวิทยาทางทะเลเพียงแค่คนเดียวในคณะสำรวจของพวกเรา” อันเดร์กล่าวพร้อมกับส่ายหัว
“ก็เขาบอกเองว่าเขาไม่ชอบเงินแล้วผมจะยัดเยียดเงินให้กับเขาไปทำไม” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับเผยรอยยิ้มออกมาอย่างซุกซน
—
ณ สมาพันธ์จัสทิสระหว่างดวงดาว สาขาโลกซึ่งตั้งอยู่ที่เมืองนิวยอร์ก
ปัจจุบันคาห์นผู้ซึ่งเป็นจัสทิสระดับ 3 ดาวทองแดงกำลังรู้สึกเบื่อหน่ายมากและเขาก็ได้วางเท้าทั้งสองข้างของเขาลงบนโต๊ะทำงานพร้อมกับดื่มเบียร์เย็น ๆ เข้าไปด้วยท่าทางที่เต็มไปด้วยความขี้เกียจ
คาห์นเข้ามาทำงานยังสมาพันธ์จัสทิสแห่งนี้ตั้งแต่เมื่อหนึ่งปีก่อน แต่นอกเหนือจากการดื่มเบียร์ในทุก ๆ วันแล้วเขาก็ไม่มีงานอะไรให้ทำอีกเลย
“ฉันไม่รู้จริง ๆ ว่าคนพวกนั้นกำลังคิดอะไรอยู่ถึงได้มาตั้งสมาพันธ์บนดาวเคราะห์ที่คร่ำครึแบบนี้ โชคดีที่ถ้าหากว่าฉันสามารถอดทนไปได้อีกปีครึ่งฉันก็จะได้กลับไปยังที่ที่ฉันสมควรอยู่” คาห์นกล่าวกับตัวเอง
แต่ในทันใดนั้นอุปกรณ์สื่อสารก็เริ่มมีการกระพริบขึ้นมาด้วยแสงสีเหลือง คาห์นจึงรีบลุกจากที่นั่งโยนขวดเบียร์ทิ้งและจัดผมเผ้าของเขาให้เรียบร้อยก่อนที่เขาจะทำการเปิดอุปกรณ์สื่อสารขึ้นมา
ในอุปกรณ์สื่อสารได้ปรากฏภาพของชายชราผู้ซึ่งมีร่างกายอันผอมเพรียว, มีเบ้าตาลึก, จมูกโด่งและปากที่ค่อนข้างใหญ่ราวกับว่าเขาสามารถกลืนกินคนเข้าไปได้ทั้งตัว
“ผู้อำนวยการโรเบิร์ตสบายดีไหมครับ?” คาห์นเอ่ยทักทาย
โรเบิร์ตเป็นผู้อำนวยการสมาพันธ์จัสทิสของภูมิภาคดาวเอ็นดาโร่หรือมันอาจจะกล่าวอีกนัยหนึ่งได้ว่าเขาเป็นผู้มีอำนาจเหนือกว่าจัสทิสทั้งหมดที่อยู่ในภูมิภาคดาวแห่งนี้
“สบายดีไหม? ฉันไม่สบาย! ดูสภาพตัวเองหน่อยเถอะ คุณเป็นคนจัดการเรื่องนี้ไปใช่ไหม!” โรเบิร์ตกล่าวขึ้นมาด้วยความโกรธ
หลังจากนั้นหน้าจอของเครื่องสื่อสารก็ฉายภาพเอกสารที่ออกมาจากสมาพันธ์จัสทิสสาขาโลกและตราประทับบนเอกสารก็เป็นตราประทับของคาห์น
“ใช่ครับท่านผู้อำนวยการ ผมเป็นคนออกเอกสารประกาศรับสมัครจัสทิสฝึกหัดแผ่นนั้นเอง ไม่ทราบว่ามันมีปัญหาอะไรอย่างนั้นหรอครับ” คาห์นกล่าวถามขึ้นมาด้วยความระมัดระวัง
“มีปัญหาอะไร? นี่คุณยังกล้าถามจริง ๆ เหรอว่ามันมีปัญหาอะไร!” โรเบิร์ตรู้สึกเหมือนกับว่าเขากำลังจะกลายเป็นบ้าเมื่อได้เห็นท่าทีอันไม่รู้สึกรู้สาของคาห์น
“ไอ้โง่! สมาพันธ์ต้องการสรรหาจัสทิสฝึกหัดเพื่อเอาใจโลกที่เพิ่งเข้าร่วมกับพันธมิตรมนุษย์ระหว่างดวงดาว แต่ดูสิ่งที่คุณทำลงไป! ทำไมถึงไม่รับสมัครเฉพาะชาวโลกเท่านั้น!?”
เมื่อคาห์นได้อ่านประกาศใหม่อีกครั้งดวงตาของเขาก็เบิกกว้างขึ้นมาด้วยความตกใจ
ในตอนที่เขาทำเอกสารออกประกาศเขาได้ทำการคัดลอกเอกสารมาจากสำนักงานใหญ่ โดยเขาตั้งใจที่จะทำการแก้ไขเอกสารเล็กน้อยก่อนที่จะประกาศออกไป
อย่างไรก็ตามในวันนั้นเขาก็ดื่มไปค่อนข้างมากมันจึงกลายเป็นว่าเขาได้ออกเอกสารรับสมัครพลเมืองภายในเขตภูมิภาคดาวเอ็นดาโร่ทั้งหมด ซึ่งมันก็หมายความว่าไม่ว่าใครที่เป็นผู้มีพลังพิเศษภายในเขตภูมิภาคดาวเอ็นดาโร่ต่างก็สามารถลงทะเบียนเพื่อเข้ารับการประเมินในครั้งนี้ได้
จัสทิสมีสถานะที่สูงศักดิ์มากและผู้มีพลังพิเศษทุกคนต่างก็ล้วนแล้วแต่มีความใฝ่ฝันที่จะได้เป็นจัสทิสด้วยกันทั้งสิ้น
โดยปกติการรับสมัครจัสทิสจะคัดสรรผู้คนจำนวนนับไม่ถ้วนมาจากในทั่วทุกพื้นที่ มันจึงทำให้สมาพันธ์จัสทิสเป็นแหล่งรวมตัวของนักสู้ชั้นยอด
ขณะเดียวกันสาเหตุที่สำนักงานใหญ่ต้องการที่จะให้สมาชิกภายในโลกกลายเป็นจัสทิสฝึกหัด นั่นก็เพราะพวกเขาต้องการที่จะแสดงให้เห็นว่าพวกเขาปฎิบัติตัวต่อทุกคนอย่างเท่าเทียมแม้ว่าโลกจะเป็นดาวเคราะห์ที่อ่อนแอมากเพียงใดก็ตาม
ผู้ที่ลงทะเบียนในสหพันธ์โลกทั้งหมดมีผู้มีพลังพิเศษระดับสตาร์เบสอยู่น้อยกว่า 100 คน ซึ่งการประเมินขนาดเล็กลักษณะนี้มันก็เพียงพอที่จะรับสมัครจัสทิสฝึกหัดจากโลกจำนวน 3 คนได้
แต่ตอนนี้คาห์นกลับได้ออกประกาศรับสมัครผู้คัดเลือกจากภูมิภาคดาวเอ็นดาโร่ทั้งหมด ด้วยความผิดพลาดของเขามันก็จะมีผู้ที่มีความสามารถมาสมัครเข้าร่วมการแข่งขันในครั้งนี้จำนวนหลายล้านคนและมันก็คงจะไม่มีที่ว่างสำหรับคนที่อาศัยอยู่บนโลกอย่างแน่นอน
จากแผนการที่จะทำการแข่งขันกันในกลุ่มเล็ก ๆ กลับพัฒนากลายเป็นการต่อสู้อันดุเดือดระหว่างภูมิภาคดาว ซึ่งสำหรับสหพันธ์โลกที่เพิ่งก่อตั้งขึ้นมาได้เพียงแค่ไม่นานเรื่องนี้ถือได้ว่าเป็นหายนะอย่างไม่ต้องสงสัย!
***************
จะมีการแข่งขันชิงตำแหน่งจัสทิสบนโลกแหละ… พี่เฟยจะมาแข่งขันกับเขาด้วยหรือเปล่านะ
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 314
แสดงความคิดเห็น