บทที่ 2...2/3
การเรียนต่อมัธยม 5 ของธามิณีแปลกไปจากเดิม เมื่อต้องย้ายโรงเรียน เนื่องจากตลอดทั้งปิดเทอมและสัปดาห์แรกของการเรียน ตอนนั้นเธอยังคงรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล ทำให้พอมาเรียนในสัปดาห์ต่อมาหลังจากย้ายมาอยู่บ้านของรัดเกล้า ทำให้เธอต้องพยายามเรียนตามเพื่อนให้ทัน
กาญเกล้าเรียนห้องเดียวกับธามิณี แต่ไม่ได้ช่วยอะไรนัก ทั้งสองต่างคนต่างมาโรงเรียน ธามิณีต้องประหยัดจึงเลือกการเดินมาโรงเรียนที่ห่างจากบ้านเพียง 2 กิโลเมตรเท่านั้น ในขณะที่กาญเกล้าขี่จักรยานมาเรียน
“ไปเองแล้วกันนะ ฉันไม่ชอบซ้อนจักรยานให้ใครนั่ง” กาญเกล้าเอ่ยในวันแรกที่ธามิณีเดินไปโรงเรียนใกล้บ้านเอง
ธามิณีรับฟังทำหน้าเรียบเฉยไม่อยากทะเลาะกับกาญเกล้าให้รัดเกล้าไม่สบายใจ แต่ความไม่เดือดร้อนใจของเธอคงทำให้อีกฝ่ายไม่พอใจนัก
“แล้วอย่าไปฟ้องแม่ของฉันล่ะ ไม่งั้นแกโดนดีแน่ๆ”
ธามิณีพยักหน้าพร้อมกับคิดว่าคงต้องพูดให้เข้าใจกันเสียทีกระมัง “ฉันไม่ทำเรื่องหยุมหยิมแบบนั้นหรอก ถ้าใกล้กันแล้ว เธอไม่สบายใจ เราก็อยู่ห่างๆ กันตามที่เธอต้องการแล้วกัน”
ตอนที่พูดไปธามิณีหมายความตามนั้นจริงๆ ไม่ได้คิดประชัดประชัน แต่กาญเกล้ากลับหันมาค้อนใส่ แล้วปั่นจักรยานไปอย่างหัวเสีย
กาญเกล้ามองไปยังธามิณีที่กำลังตั้งใจเรียนและจดสิ่งที่ครูสอนลงบนสมุด ซึ่งไม่น่าแปลกใจนักเพราะผลการเรียนของธามิณีมักติดระดับท็อปของโรงเรียนเดิมก่อนที่จะย้ายมา ตอนนี้หากมีการสอบในเดือนหน้า ธามิณีคงจะโดดเด่นในเรื่องการเรียนเหมือนเดิม แต่เธอคงไม่ยอมให้ธามิณีมีชีวิตราบรื่นถึงเพียงนั้นหรอก
“ทำอะไรน่ะกาญ นี่มันชื่อของ...” เพื่อนกลุ่มเดียวกับกาญเกล้าถามเพราะเห็นว่าเพื่อนกำลังแอบหยิบโทรศัพท์ของธามิณีออกมาจากกระเป๋า แล้วใส่รหัสปลดล็อคซึ่งไม่น่ายากเพราะกาญเกล้าคงแอบดูเวลาธามิณีใช้โทรศัพท์ พอใช้เครื่องได้แล้วกาญเกล้าก็ส่งข้อความหาใครบางคน
“รอดูเรื่องสนุกๆ ก็แล้วกัน”
กาญเกล้าส่งข้อความเสร็จแล้วก็รีบเก็บโทรศัพท์ของธามิณีไว้ในกระเป๋านักเรียนดังเดิม ก่อนจะกลับไปนั่งที่เก้าอี้ของตัวเอง เรียวปากของเด็กสาวยิ้มชอบใจเพราะเย็นวันนี้คงได้เห็นเรื่องสนุกๆ อย่างที่บอกเพื่อนไปแน่นอน
ธามิณีกำลังเดินออกมาจากห้องเรียน แม้จะรู้สึกได้ว่ากาญเกล้ามองมาด้วยสายตาแปลกๆ แล้วเธอก็ได้คำตอบเมื่อเดินลงมาจากตัวอาคารและแวะเข้าห้องน้ำก่อนกลับบ้าน ที่นั่นมีรุ่นพี่มัธยม 6 มายืนรออยู่ก่อนแล้ว สายตาของรุ่นพี่กลุ่มนี้ที่มองเธอบอกชัดว่าไม่พอใจ แต่ด้วยเรื่องอะไรธามิณีก็ไม่รู้เพราะเธอไม่รู้จักรุ่นพี่คนนี้เลยด้วยซ้ำ
“แกใช่ไหมที่ส่งข้อความให้แฟนของฉันมาในแชท” รุ่นพี่ถามพร้อมกับโชว์หน้าจอโทรศัพท์ของแฟนที่มีข้อความว่า
‘ชอบพี่นะคะ มีแฟนหรือยัง’
ธามิณีเห็นชื่อคนที่ส่งน่ะเธอแน่ๆ แต่เธอไม่เคยพิมพ์ข้อความพวกนี้จากโทรศัพท์ของตัวเองไปหาผู้ชายที่เป็นแฟนของรุ่นพี่แน่นอน เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าแฟนของรุ่นพี่คนนี้เป็นใคร
...นี่ใช่ไหมคำตอบของรอยยิ้มขบขันจากกาญเกล้า
“ธามไม่ได้ส่งค่ะ เอาโทรศัพท์ของธามไปดูก็ได้”
รุ่นพี่รับโทรศัพท์ของธามิณีไปดูข้อความในแชท แต่ไม่เห็นการส่งจริงๆ ถ้าไม่ได้ส่งแล้วจะมีชื่อแชทของธามิณีในโทรศัพท์ของแฟนเธอได้อย่างไรกันล่ะ
“แกอาจจะลบไปแล้วก็ได้ รู้ไหมว่าฉันคบกับแฟนมา 2 ปีแล้ว น้องใหม่อย่างแกมาถึงก็ออกลายทันที เห็นอย่างนี้ฉันคงปล่อยเอาไว้ไม่ได้แล้วหละ”
ธามิณีรู้ดีว่าคงเป็นเรื่องที่เชื่อได้ยาก แต่เธอไม่อยากมีเรื่องกับใคร การมาเรียนเพื่อมีความรู้สำหรับนำไปสอบเข้ามหาวิทยาลัยเป็นเป้าหมายเดียวของเธอในตอนนี้
“แฟนของพี่เป็นใคร ธามไม่รู้จริงๆ ค่ะ แล้วจะส่งข้อความไปหาได้ยังไง” ธามิณีถามดีๆ ไม่ได้อยากมีเรื่อง
“ตบมันเลย” เพื่อนของรุ่นพี่ที่มากันอีกสองคนเอ่ย “พวกแมวขโมยมันไม่มีทางยอมรับหรอก รู้ตัวอีกทีก็คาบแฟนคนอื่นไปแล้วน่ะสิ”
ธามิณีไม่คิดเลยว่าการต้องย้ายโรงเรียนจะเกิดเรื่องราวแบบนี้ในวันแรก เธอยกแขนขึ้นตั้งการ์ดเตรียมตั้งรับด้วยวิชาเทควันโดที่พ่อเคยส่งไปเรียนมาตอนอยู่มัธยม 3 ตอนนี้แม้ไม่ได้ฝึกเท่าไหร่นัก แต่ก็พอจะปกป้องตัวเองได้ เธอถีบอีกฝ่ายจนล้มกองกับพื้น ทว่าอีกฝ่ายกลับใช้มีดซึ่งพกเข้ามาในโรงเรียนได้อย่างไรกัน และสิ่งที่หาได้ใกล้มืออย่างขันตักน้ำ
ธามิณีถอยกรูดเมื่อรู้แล้วว่าไม่น่าสู้ได้ เธอตะโกน แต่กลับถูกรุ่นพี่คู่กรณีปราดเข้ามาล็อคแขนแล้วปิดปากไว้ เธอกระทืบเท้าพยายามสะบัดเมื่อคนที่ถือมีดใกล้เข้ามา เกิดการยื้อยุดฉุดกระชาก ทำให้เล็บยาวๆ ของรุ่นพี่คนนั้นครูดไปตามแขนของธามิณีจนถลอกเลือดไหลซิบๆ เธอกลัวจนตัวสั่น เป็นครั้งแรกที่ไม่คิดว่าชีวิตต้องมาถึงจุดนี้
พ่อจ๋าแม่จ๋า...ธามกลัว!!!
หัวใจของธามิณีเต้นกระหน่ำ เมื่อสิ่งที่เห็นตรงหน้าแม้ว่ามันจะเร็วมาก แต่สำหรับการเห็นมันด้วยตาตัวเอง ทุกอย่างกลับช้าลงๆ มีดในมือของรุ่นพี่กำลังใกล้เข้ามา ทว่าในวินาทีนั้นแสงสีม่วงที่เธอเคยวิ่งตามหาก็ราวกับหมุนวนไปรอบๆ บริเวณนั้น แล้วพลันชายที่เธอจำได้ทั้งใบหน้าและน้ำเสียงก็ปรากฏกายขึ้นพร้อมๆ กับทุกอย่างรอบตัวเธอราวกับหยุดนิ่ง เธอมองไปที่เขาซึ่งกำลังมองมาเหมือนกับชอบใจอะไรสักอย่าง ปลายคิ้วของเขาเลิกขึ้น พริบตาเดียวร่างของรุ่นพี่ที่กำลังเข้ามาทำร้ายเธอทั้งหมดก็ถูกมือที่มองไม่เห็นทำให้ลอยขึ้นก่อนจะหล่นมากองรวมกันที่พื้น
“คุณ...”
ศนิหันมามองธามิณีซึ่งมีรอยแผลที่แก้มจางๆ และที่แขนถลอกเป็นรอยช้ำมีเลือดซึมออกมาเล็กน้อย ทว่าดวงตาของเธอแน่วแน่ แม้จะกลัว แต่กลับไม่ร้องไห้ออกมา
“เธออีกแล้วหรือ” เขาถามน้ำเสียงเรียบๆ แม้จะเต็มไปด้วยความแปลกใจก็ตาม
ธามิณีพยักหน้าพลางมองพวกรุ่นพี่ที่นอนกองกันในสภาพสิ้นท่า ทั้งที่อาวุธต่างๆ ยังอยู่ในมือ
“คุณทำแบบนั้นได้ยังไง คุณ...คุณเป็นอะไรกันแน่”
“เธอไม่จำเป็นต้องรู้หรอก” ศนิมองธามิณีด้วยความสงสัย ตอนนี้เธอกลายเป็นปริศนาของเขาไปแล้ว “เธอทำให้ฉันมาที่นี่ได้ยังไง”
“ธามเปล่าค่ะ” ธามิณีนึกว่าเขาอยากมาช่วยเธอเสียอีก แต่ถ้ารู้ชื่อแล้วเรียกได้แบบยักษ์จินนี่ก็ว่าไปอย่าง “ตอบธามมา คุณเป็นอะไร ผีหรือว่าคนกันแน่”
ศนิถอนใจเพราะไม่ชอบคำถามแบบนี้ เขาไม่เคยตอบว่าเป็นอะไรหรือใครให้มนุษย์แปลกหน้าได้รู้ตลอดหลายร้อยปีที่ผ่านมา เด็กคนนี้ย่อมไม่มีสิทธิ์ได้รู้เช่นกัน
“ไม่ใช่ทั้งสองอย่าง”
ศนิแบมือแล้วยกหันไปทางกลุ่มคนที่กำลังจะทำร้ายธามิณีเมื่อสักครู่ เพื่อลบความทรงจำที่อาจทำให้เกิดเรื่องราวน่ารำคาญใจออกไป ก่อนจะหันปลายมือมาที่ธามิณี คราวก่อนอาจเป็นความบังเอิญหรือความผิดพลาด เขาอยากลองลบความทรงจำของธามิณีอีกครั้ง แสงสีม่วงลอยเป็นวงกลมรอบๆ ตัวของเธอก่อนจะเข้าไปในร่าง ทว่าสายตาที่เธอมองเขาไม่เปลี่ยนไปเลย ทั้งที่มันควรว่างเปล่าเพราะจดจำเขาไม่ได้แล้ว
“ฉับลบความทรงจำของเด็กๆ พวกนั้นแล้ว อีกไม่นานก็ฟื้น แต่ทำไมกับเธอถึง...เธอทำแบบนี้ได้ยังไง”
“ธามต่างหากที่ต้องถามว่าคุณเป็นใคร ทำไมถึงมาช่วยธาม ทั้งสองครั้ง ไม่สิ สามต่างหาก” ธามิณีจ้องชายแปลกหน้าที่มาช่วยชีวิตไว้ด้วยสงสัยมากกว่ากลัว ก่อนจะยกมือไหว้เพราะถ้าไม่ได้เขา เธอคงตายไปแล้ว “แต่ก็ขอบคุณะนะคะที่ช่วยชีวิตธามไว้ คุณชื่ออะไรคะ”
“แปลก...ทำไมถึงเป็นแบบนี้”
ศนิมองธามิณีแล้วก็ยิ่งไม่เข้าใจ เขาสามารถเรียกผลึกกาลในร่างของเธอกลับมาได้หากว่าจะทำ แต่เขาไม่สามารถควบคุมเธอได้เลย แม้กระทั่งการลบความทรงจำ รวมทั้งทำให้หยุดการเคลื่อนไหว แต่เขาสามารถใช้พลังเทพรักษาแผลถลอกและรอยช้ำที่แขนของเธอได้ ทำไมถึงเป็นแบบนั้น อดีตเทพที่มีอายุเป็นพันปีอย่างเขาไม่อาจมีอำนาจเหนือมนุษย์ธรรมดาๆ ได้อย่างไร
“คุณ...คุณคะ”
ธามิณีเรียกเมื่อร่างของชายผู้นั้นกำลังจะจางหายไปท่ามกลางแสงสีม่วงที่เธอเคยเห็นมาก่อน จนกระทั่งตรงหน้าในตอนนี้ไม่มีใครอีกแล้ว
“ไม่ใช่คน ไม่ใช่ผี แล้วเขาเป็นอะไร”
ธามิณีได้แต่สงสัยก่อนจะมองไปยังรุ่นพี่ มือที่เริ่มขยับแสดงว่ากำลังจะฟื้นแล้ว เธอไม่รอช้ารีบหยิบกระเป๋าที่หล่นอยู่แถวๆ นั้นมา แล้วรีบออกไปจากห้องน้ำ แม้รุ่นพี่จะจำไม่ได้ว่าทำอะไรเธอบ้างและมาอยู่ตรงนี้ทำไม แต่การไม่ต้องเกี่ยวข้องกันอีกน่าจะดีกว่า เธอไม่ถูกทำร้ายไปมากกว่านี้และไม่มีเรื่องให้รัดเกล้าร้อนใจก็น่าจะพอแล้ว
คล้อยหลังไปไม่กี่นาทีต่อมารุ่นพี่ของธามิณีทั้ง 3 คนก็ฟื้นขึ้นมาด้วยความสับสนถึงเหตุผลของการมานอนหลับอยู่แถวนี้ แต่เมื่อไม่ได้คำตอบก็พากันกลับบ้านไม่มีความทรงจำใดๆ ต่อเหตุการณ์เมื่อครึ่งชั่วโมงก่อนหลงเหลืออยู่แม้แต่นิดเดียว
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ
อัมราน_บรรพตี
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 180
- 👍 ถูกใจ
แสดงความคิดเห็น