บทที่ 4...3/3
สัปดาห์หน้าจะสอบไฟนอลแล้ว ทำให้ธามิณีต้องใช้สมาธิเพื่ออ่านหนังสือหลังกลับมาจากทำงานพิเศษ วันนี้ก็เช่นกัน หญิงสาวอ่านแล้วคิดตามพร้อมกับจดใส่สมุดเล่มเล็กเพื่อให้ง่ายในการทบทวนเนื้อหา จนกระทั่งผล็อยหลับไปในตอน 5 ทุ่มกว่าๆ แต่ว่ามือยังจับปากกา หนังสือยังกางอยู่ข้างตัว ทุกอย่างควรดำเนินไปตามปกติ หากเธอไม่ตื่นขึ้นมากลางดึก แทนที่จะเป็นรุ่งสางอย่างหลายวันที่ผ่านมา
ธามิณีลืมตามองไปรอบตัวที่โล่งและกว้าง มีแสงสว่าง แม้จะไม่มากนัก ทว่ามันแปลกจนไม่น่าจะเป็นจริงไปได้เพราะรอบตัวของเธอมีหิมะเต็มไปหมด จนเธอต้องกอดตัวเองไว้เพราะอากาศที่เย็นยะเยือก
“ที่ไหนเนี่ย หนาวชะมัด”
เสื้อยืดที่คอย้วยเพราะใช้มานานกับกางเกงขาสั้นแค่เข่าไม่สามารถช่วยปกป้องธามิณีจากความหนาวเย็นได้มากนัก หญิงสาวลุกขึ้นยังคิดว่ามันไม่ใช่ความจริง การเกิดเรื่องประหลาดในชีวิตของเธอไม่ใช่สิ่งที่ทำให้ตกใจได้อีกแล้ว แต่มันแปลกตรงที่เธอมีชีวิตปกติมาตลอด แล้วทำไมถึงเกิดเรื่องประหลาดได้อีก
“ฝันเหรอ”
แต่ในความฝันทำไมถึงรู้สึกหนาวมากและทุกก้าวที่ธามิณีเดินก็รับรู้ได้ถึงความนุ่มยวบ ทว่าเย็นเฉียบได้ฝ่าเท้าเปล่าเปลือยได้ เธอมองพื้นซึ่งปกคลุมด้วยหิมะสีขาวโพลนด้วยความไม่แน่ใจนักว่ามันคือที่ไหน แล้วเธอมาที่นี่ได้อย่างไร อีกทั้งใครบางคนที่นั่งอยู่ตรงนั้น โดยเอาหลังพิงกับต้นสนสูงมาก นั่นใช่ ‘เขา’ หรือเปล่านะ
หญิงสาวไม่รอช้าเดินแกมวิ่งไปหา หากไม่ใช่ ‘เขา’ คนนั้น อย่างน้อยก็อาจตอบเธอได้ว่าตรงมันคือส่วนไหนของโลกหรือว่ามันเป็นแค่ความฝันของเธอจริงๆ พอเข้าไปจนใกล้ธามิณีจึงแน่ใจว่าเป็น ‘เขา’ นั่นเอง
“คุณ...ทำไมถึง”
“เธอมาที่นี่ได้ยังไง” ศนิเอ่ยแทรกด้วยความฉงนว่าเหตุใดธามิณีถึงมาอยู่ที่นี่ได้ เธอไม่ควรมาและเป็นไปไม่ได้ที่จะรู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน ทำไมถึงเป็นไปได้
“ธามก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ ไม่รู้ว่ามาได้ยังไง ไม่รู้ว่าที่นี่ที่ไหน แล้วทำไมคุณถึงบาดเจ็บ” แม้ว่าแสงสว่างจะมีไม่มากนัก แต่เลือดสีแดงก็เด่นชัดบนหิมะ
“อยู่นิ่งๆ อย่าเพิ่งขยับ” ศนิเอ่ย
ธามิณีไม่เข้าใจว่าชายคนนี้บอกให้เธออยู่นิ่งๆ ทำไม จนกระทั่งเขาลุกขึ้นยืนแล้ววาดแขนทั้งสองข้างของเขาโอบรอบตัวของเธอไว้หลวมๆ ยังไม่ทันที่เธอจะถามว่าเขาทำแบบนี้ทำไม ความรู้สึกราวกับกระโดดเข้าไปนั่งในรถรางโรลเลอร์โคสเตอร์ก็ทำให้เธอหลับตาลงทันที เธอรับรู้ได้ว่าร่างกายกำลังผ่านแรงต้านบางอย่างที่ทำให้เหมือนร่างกายอาจขาดออกจากกัน วินาทีต่อมาเธอรู้สึกว่าร่างกายโงนเงนมึนงงและหายใจหอบๆ ศนิคลายอ้อมกอดแล้วยืนนิ่ง
ธามิณีหายใจแรงรู้สึกเหนื่อยพลางมองไปรอบตัวจึงได้รู้ว่ากำลังยืนอยู่ในห้องที่อบอุ่น ไม่ใช่กลางหิมะ เพียงไม่กี่วินาทีเขาพาเธอมาอยู่ตรงนี้ได้อย่างไร มันเกิดอะไรขึ้น ในวินาทีก่อนเธออยู่กลางหิมะ แต่เพียงพริบตาเดียวเธอกลับมาอยู่ให้องที่เปิดไฟสว่าง มีโซฟา ดวงไฟ เตาผิงและเตียง
เตียง...งั้นหรือ?
“อย่าเพิ่งคิดไปก่อน ฉันพักอยู่ที่นี่” แม้ศนิจะไม่รู้ว่าธามิณีกำลังคิดอะไร แต่สายตาของเธอที่มองเตียงก่อนจะมองเขาอย่างกับพวกโรคจิต ทำให้เขาเดาได้ทันทีว่าจินตนาการของธามิณีไปไกลถึงไหนแล้ว
ธามิณีพยักหน้าพลางถอนใจโล่งอก ค่อยยังชั่ว แต่ทำไมเธอถึงทำแบบนั้นได้ ไม่สิ เขาต่างหากที่ทำได้
“ฉันปล่อยเธอแล้ว ทำไมเธอยังกอดฉันอยู่อีก”
ธามิณีมองแขนทั้งสองข้างที่กอดเขาไว้แน่น หญิงสาวรีบคลายอ้อมกอดที่เธอไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าไปกอดเขาตอนไหน ความตกใจและกลัวทำให้มนุษย์ทำบางอย่างได้โดยที่ไม่รู้ตัวเท่านั้นเอง แต่เธอคงไม่พูดออกไปแบบนั้นหรอก
“ธามกลัวคุณล้ม ไม่ได้อยากกอดคุณไว้นักหรอกค่ะ” ธามิณีเม้มปากเพราะกำลังประหม่า “ธามช่วยประคองคุณไปที่โซฟาแล้วกันนะคะ”
ศนิมองออกว่าเวลาไหนมนุษย์พูดความจริง และเวลาไหนที่โกหก แต่หลายครั้งที่เขาไม่พูดอะไรให้อีกฝ่ายประหม่ามากไปกว่าเดิม ชายหนุ่มยอมเดินไปตามแรงอันน้อยนิดของธามิณี แล้วยอมนั่งลงง่ายๆ ที่โซฟา ส่วนหญิงสาวนั่งลงกับพื้นพรม
“เธอมองฉันแบบนี้หมายความว่ายังไง” ศนิถามเมื่อรู้สึกแปลกๆ อยู่บ้างที่ธามิณีมองมาตาแป๋วแบบนั้น
“ประหลาดใจที่เห็นเลือดของคุณน่ะสิคะ คุณมีเลือด ตัวก็อุ่น แต่มีอะไรหลายอย่างที่มนุษย์ทำไม่ได้ คุณไม่ใช่ผี ไม่ใช่มนุษย์ แล้วคุณเป็นอะไร” ธามิณีไม่กลัวเขา แต่กลับรู้สึกว่าปลอดภัยเวลาอยู่ใกล้ๆ ไม่ว่าอย่างไรก็ตามเธอต้องรู้เสียก่อนว่าเขาเป็นใครกันแน่
เรียวปากหนาคลี่ออกคล้ายยิ้ม “ในเวลาแบบนี้เธอควรหาอะไรมาห้ามเลือดให้ฉันรึเปล่า ไม่ใช่สงสัย”
“จริงด้วย คุณมีพวกกล่องปฐมพยาบาลไหมคะ” ธามิณียิ้มเพิ่งรู้ตัวว่าลืมไปจริงๆ เธอไม่ได้พบเขามานาน ไม่นึกว่าหลังจาก 3 ปีกว่าผ่านไป เธอกลับได้พบเขาในสภาพกำลังบาดเจ็บ
“น่าจะมีอยู่ในห้องน้ำกระมัง”
ธามิณีเดินเข้าไปในห้องน้ำ เพียงครู่เดียวก็เดินออกมาพร้อมกล่องปฐมพยาบาลและผ้าขนหนูผืนเล็ก เธอเพิ่งสังเกตว่าเขาหน้าซีด อาจเพราะเสียเลือดไปมาก
“มีจริงๆ ด้วยค่ะ ถ้างั้นธามจะทำแผลให้คุณนะคะ”
ภายในกล่องปฐมพยาบาลมีสำลี แอลกอฮอล์ และผ้าก๊อซ และยาสามัญประจำบ้านกระมังเพราะธามิณีพยายามจะอ่าน แต่ก็อ่านไม่ออกเพราะไม่ใช่ภาษาอังกฤษ ตอนนี้เธอมาอยู่ที่ไหน ไม่สิ ประเทศอะไรต่างหาก
ธามิณีมองศนิพลางชี้ไปที่เสื้อเชิ้ตสีดำของเขาซึ่งต้องถอดออกก่อน เธอถึงจะทำแผลตรงไหล่ให้เขาได้ ศนิยอมถอดเสื้อออก แม้ว่าเขาจะสามารถใช้พลังรักษาตัวเองได้ แต่ในวันที่พลังของเขาถูกลดทอนไปจนเหลือเพียงส่วนเดียว การถนอมพลังไว้ย่อมดีกว่า เขาไม่ควรประมาท ศัตรูที่ซุ่มทำร้ายอาจลงมือซ้ำอีก เขาไม่มีวันตาย แต่ธามิณีอาจตายได้ แม้ว่าเขาจะอยากได้ผลึกกาลอีกครึ่งกลับคืนมา แต่ว่าต้องเป็นไปตามอายุขัยของเธอ
ธามิณีหลับตาก่อนจะถอนใจ แล้วลืมตามองแผล เธอไม่ชอบเห็นเลือด อาจเพราะการเสียพ่อแม่ไปในคืนนั้นทำให้เธอเกลียดการที่ต้องเห็นเลือด แต่สำหรับเขา เธออยากตอบแทนที่หลายๆ ครั้ง เขาช่วยชีวิตเธอไว้หลายต่อหลายครั้ง มือบางหยิบสำลีมาซับเลือดออกก่อนจะล้างแผลด้วยน้ำสะอาด ตามด้วยแอลกอฮอล์ จากลักษณะของบาดแผลเหมือนเขาถูกธนูยิงใส่ ทำไมเขาไม่ใช้พลังทำให้สิ่งนั้นที่จะทำร้ายเขาได้หยุดลงหรือเผามันให้เป็นจุณอย่างที่เธอเคยเห็นในหนัง ด้วยพลังที่เขามีสิ่งพวกนี้คงไม่ใช่เรื่องเหนือจินตนาการอยู่แล้ว
“ใครทำให้คุณบาดเจ็บหรือคะ แปลกจัง คุณดูไม่ใช่คนที่จะถูกใครมาทำร้ายได้ง่ายๆ เลย” หญิงสาวชวนคุย การถูกจ้องมองมาแบบนี้ แม้เขาจะสนใจแผลของตัวเอง แต่เธอก็เหมือนถูกจ้องไปด้วย
“เพราะครึ่งหนึ่งในตัวฉันเป็นมนุษย์เหมือนเธอ ย่อมมีวันที่ถูกทำร้ายได้ แต่ไม่บ่อยนักหรอก”
คิ้วของธามิณีขมวดมุ่น ศนิขยับกอดอก ทำให้เธอต้องขยับตามเพราะกำลังพันแผลให้เขา เธอหันหน้ามามองเขาคล้ายถามว่าแกล้งกันหรือ แต่กลับไม่พูดอะไร เธอพันแผลไปเงียบๆ จนเสร็จ ก่อนจะมองไปส่วนอื่นๆ ในร่างกายของเขาที่พอจะเห็นได้ พอเห็นว่าไม่มีแผลอะไรอีกจึงเก็บของรวมใส่ถุงแล้วทิ้งลงถังขยะ แล้วนำกล่องปฐมพยาบาลไปเก็บที่เดิม
ศนิเดินไปที่ตู้เสื้อผ้าของเขาเพื่อหยิบเสื้อผ้าชุดใหม่สำหรับสวมใส่ในคืนนี้ ปกติแล้วเขาไม่จำเป็นต้องเลือก แค่คิดว่าจะใส่เสื้อผ้าชุดไหน เสื้อผ้าชุดนั้นจะมาอยู่ที่ร่างของเขาอย่างง่ายดาย เทพกึ่งมนุษย์เดินไปยังห้องน้ำที่ธามิณีเพิ่งออกมาเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้า แทนการใช้พลังสำหรับเรื่องง่ายๆ แบบนี้
ธามิณีมองหาที่นั่งให้ตัวเองในระหว่างที่รอชายผู้นั้นเปลี่ยนเสื้อผ้า เพียงครู่เดียวเขาก็เดินกลับมาโดยใส่เสื้อยืดแขนยาวสีดำกับกางเกงตัวยาวสีเดียวกัน เธอมองแล้วเม้มปากกลั้นยิ้มเมื่อคิดว่าเขาคงชอบสีดำเป็นชีวิตจิตใจ
ว่าแต่คืนนี้เธอต้องอยู่ที่นี่อย่างนั้นหรือ ถ้าเธออยากกลับไปที่หอพักต้องทำอย่างไร เธอมาที่นี่โดยมีเพียงชุดที่ใส่กับเท้าเปล่าๆ เท่านั้นเอง แถมไม่มีเงินติดตัวสักบาท ว่าแต่ที่นี่มันคือที่ไหน ทำไมเต็มไปด้วยหิมะ ไม่ใช่ประเทศไทยแน่นอน เธอถูกดึงมาอยู่ที่ไหนกันเนี่ย
ศนิมองด้วยความสนใจว่าธามิณีจะทำอะไร ในห้องนี้เป็นห้องกว้างๆ มีเคาน์เตอร์สำหรับทำอาหารที่เขาไม่เคยสนใจนัก โซฟาตัวยาว ระเบียงและเตียงนอน ธามิณีมองมาที่โซฟาอีกฝั่งแล้วนั่งตรงนั้น แม้ใจจริงอยากจะไปที่เตียงแทรกตัวเข้าไปในผ้าห่ม ตอนนี้เลยต้องมานั่งกอดตัวเอง
“เธอมาที่นี่ได้ยังไง” ศนิถามสิ่งที่เขาสงสัยเป็นอันดับแรก ธามิณีไม่รู้วิธีใช้ผลึกกาล แต่เธอกลับมาอยู่ที่นี่ โดยที่เขาไม่ได้เป็นฝ่ายเรียกผลึกกาล
“ธามไม่รู้ค่ะ จำได้ว่าหลับไปบนเตียงในห้อง แต่เพราะมันหนาวมาก ธามเลยตื่น แต่กลับเห็นคุณบาดเจ็บ” ธามิณีก็สงสัยเหมือนกัน ทั้งที่คิดว่าเขาคงรู้เหตุผลของสิ่งที่เกิดขึ้น แต่กลายเป็นว่าเขาก็ไม่รู้ เรื่องแปลกประหลาดในชีวิตของเธอไม่ได้มีต้นเหตุมาจากเขาหรอกหรือ
“หนาวใช่ไหม” ศนิถาม
“ค่ะ หนาวมาก ธามคิดว่ามันต้องหนาวเพราะข้างนอกมีหิมะ” ธามิณีมองไปที่หน้าต่างที่หิมะกำลังโปรยปราย “แต่ในนี้ก็มีฮีตเตอร์ แต่ทำไมธามยังหนาวเหมือนตัวจะแข็งให้ได้เลย คุณไม่หนาวบ้างหรือคะ”
“แย่แล้ว!”
ผลึกกาลทำให้ศนิมาหาธามได้และทำให้ธามไปหาศนิได้เหมือนกัน ขอบคุณสำหรับการติดตามอ่านนะคะ
อัมราน_บรรพตี
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 196
แสดงความคิดเห็น