บทที่ 12 นักปราชญ์ปะทะราชัน 2

มนตราสะท้านโลกา
คุณกำลังอ่าน: มนตราสะท้านโลกา

-A A +A

บทที่ 12 นักปราชญ์ปะทะราชัน 2

 

วินเคลื่อนร่างหลบหลีกการจู่โจมของชายหนุ่มนัยน์ตาสีชาติ ในมือของวินพลันปรากฎดาบสีดำชายหนุ่มผมทองตวัดมันใส่ชายหนุ่มในตาสีแดงดุจทับทิม ทว่าชายหนุ่มผู้นั้นกลับสามารถรับการจู่โจมของบุรุษหนุ่มนัยน์ตาสีน้ำทะเลได้ ชายหนุ่มทั้งสองผลัดกันรุก ผลัดกันรับ แม้ว่าพลังสภาวะของชายหนุ่มนัยน์ตาสีชาตินั้นจะมิสามารถเทียบเทียมกับวินชายหนุ่มนัยน์ตาสีฟ้า ทว่าการเคลื่อนร่างกับความรวดเร็วของชายหนุ่มผู้นั้นกลับมิได้ด้อย

วินสบัดดาบใส่ชายเบื้องหน้า ทว่าเบื้องหลังของเขาพลันมีบางอย่างพุ่งเข้าจู่โจม ชายหนุ่มชำเลืองมองในมือของหญิงตาสองสีพลันปรากฏคลื่นพลังงานบางอย่าง เดิมทีชายหนุ่มคิดจะรับการจู่โจม ทว่าเขากลบพลิกตัวเคลื่อนร่างพริ้วไหวไปตามสภาวะที่โดนโจมตี 

“สมแล้วที่เป็นผู้ชนะในมหาสงครามครั้งก่อน”

วินยิ้มรับกับคำกล่าวของหล่อน ชายหนุ่มไม่คิดเลยว่าแม้แต่เรื่องนี้หญิงตรงหน้ายังสามารถรับรู้ได้ เหตุการณ์ที่แหญิงผู้นี้ได้กล่าวออกมานั้นมันเป็นเรื่องที่นานแสนนานสำหรับคนปกติ ทว่าสำหรับเขาอาจจะเป็นเรื่องเมื่อไม่กีปีก็ตาม เขาหยุดการโจมตีก่อนที่จะมาประเมินหญิงตรงหน่าใหม่ ชายหนุ่มไม่อยากจะคิดเลยว่าหากเขาปล่อยให้สตรีเช่นนี้ไปร่วมทีมกับพวกที่ต้องการสิ่งนั้นแล้วมันจะเป็นเช่นไร ความรอบรู้ของหญิงผู้นี้นั้นไม่ใช่คนธรรมดา

หากจะกล่าวให้ถูกหญิงผู้นี้ไม่ใช่คนที่เป็นเพียงผู้ข้ามมิติ แต่ทว่าอาจจะเป็นคนที่เกี่ยวข้องกับมิติแห่งความวุ่นวายของเทพผู้ชั่วร้าย หากเป็นเช่นนั้นจริงการที่เธอได้มาเจอกับเขานี้อาจจะเป็นคำสั่งของฟ้าดินก็เป็นได้

“แล้วรู้อะไรอีกหรือไม่ ผู้ข้ามมิติ”

“ข้ารู้เรื่องของเจ้ามากกว่าเจ้ารู้เรื่องของตนเองเสียอีก” 

สิ้นวาจาที่แสนโอหังของหญิงตรงหน้า ชายหนุ่มนามว่าวินพลันตระหนักได้ทันทีว่าเขาไม่ควรที่จะปล่อยให้กลุ่มของเมฆาได้ร่วมมือกับหญิงผู้นี้ สติปัญญาของหญิงผู้นี้อันตรายเกินไป หากปล่อยเอาไว้ฝ่ายของวินอาจจะมีความเสียเปรียบก็เป็นได้

ชายหนุ่มสูดหายใจพลางกำดาบในมือแน่น เขารู้ดีว่าหากใช้เพียงแค่พลังเวทมนตรเพียงอย่างเดียวคงมิสามารถเอาชนะผู้คนทั้งสองได้โดยง่าย แล้วคงไม่สามารถได้ชัยอย่างรวดเร็ว 

ชายนัยน์ตาสีแดงเตรียมเคลื่อนกายไปหาบุรุษเบื้องหน้า ทว่าเขากับพบว่าวินนั้นลดพลังสภาวะในร่างกายของตนเองเสียสิ้น หากทำเช่นนี้มันคงมิได้ต่างกับการปล่อยให้ตนเองตายภายใต้น้ำมือของศัตรู ชายหนุ่มเคลื่อนร่างเพียงพริบตาร่างกายพลันปากฏอยู่เบื้องหลังของชายหนุ่มผมฟ้า

เขายิ้มกับชัยที่ได้โดยง่าย ใบดาบของชายหนุ่มกำลังสัมผัสกับร่างกายที่มิได้มีพลังอันใดปกป้อง ในขณะที่ชายนัยน์ตาสีชาติกำลังยิ้มย่องอยู่นั้น ทันใดนั้นเองพลันเกิดบางสิ่งล้อมรอบร่างกายของชายหนุ่มผมทอง ใบดาบที่จะสัมผัสร่างกายกลับโดนบางอย่างดีดออกและค่อย ๆ ถูกเพลิงกรรจ์สีดำเผาผลานไปอย่างช้า ๆ 

หนึ่งชายหนึ่งหญิงกืนน้ำลายลงคออย่างอยากลำบาก ก่อนที่เสียงของอิสตรีที่อยู่ ณ ที่แห่งนั้นเพียงลำพังจะดังขึ้น

“ไม่จริง นี่มันพลังของผู้ทำลาย ไม่จริงตอนนี้แกไม่น่าจะมีพลังนี้ได้”

“พลังของผู้ทำลาย ไม่สิคนไม่ใช่คนของโลกใบนี้นี่นา ดังนั้นการที่คุณจะรู้เรื่องที่ถูกปิดผนึกไปนั้นคงไม่ใช่เรื่องที่แปลกอะไร คุณมีความสามารถทั้งการท่องเวลาแถมยังมีความสามารถในการเดินทางข้ามมิติด้วยใช่ไหม”

“ทำไมถึงรู้ว่าฉันมีความสามารถในการท่องเวลาล่ะ”

คำถามของหญิงสาวทำให้วินยิ้ม “เรื่องนี้ไม่เห็นจะเป็นเรื่องยากตรงไหน เรื่องสงครามครั้งสุดท้ายนอกจากคนที่อยู่ยุคก่อนประวัติศาสตร์ แล้วยุคของประถมกาล ก็คงไม่มีคนส่วนใหญ่ให้ความสนใจเรื่องแบบนี้ ในยุคสมันยนี้ประวัติศาสตร์ของโลกเวทมนตร์นั้นไม่ค่อยมีคนสนใจเรียนหรอกนะ ผู้คนส่วนใหญ่สนใจเวทมนตร์จนไม่แยแสกับโลกที่เต็มไปด้วยสงครามที่แสนหน้าเบื่ออีกแล้วิ เวทมนตร์ถูกใช้ในการอำนวยความสะดวกสบายมากมาย  ดังนั้นคนที่จะมีความรู้เวทมนตร์ที่เกี่ยบกับเวทของผู้ทำลสายคงต้องเป็นผู้ที่สามารถเดินทางข้ามห่วงเวลาได้แน่นอน”

“เป็นการสันนิษฐานที่ยอดเยี่ยม”  

แม้ปากของหญิงสาวจะกล่าวเฉกเช่นนั้น ทว่าภายในใจของหล่อนนั้นเต็มไปด้วยความยินดีปรีดา อย่างน้อยจอมปราชญ์ก็ได้รับรู้แล้วว่าตัวของวินคนนี้ ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่ได้ติดต่อกับวินที่อยู่ในอนาคต หากเป็นเช่นนี้เธอก็เหมือนกับยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว 

เดิมทีจอมปราชญ์จะกลับมายังยุคนี้เพื่อนำสิ่งนั้นให้กับรูรุและกำจัดไบรท์เพียงเท่านั้น แต่ทว่าหากเหตุการเป็นไปเช่นนี้เธอก็ยังมีโอกาสกำจัดสามพระเจ้าของโลกใบนี้อยู่ ถึงแม้ว่าวินในยุคนี้จะมีพลังของตรีโลกาแล้วก็ตาม ทว่าหากรวบรวมกำลังกับผู้คนคงสามารถจัดการพระเจ้าตนนี้ได้ แล้วหลังจากนั้นเธอจึงจะได้ขึ้นเป็นพระเจ้าของโลกนี้เสียเอง  หากสามารถดำเนินการได้ตามที่วาดหวังดังนั้นการกระทำครั้งนี้นี่เท่ากับไม่เสียแรงเปล่า

“การใช้พลังของสามโลกจะทำให้ผู้ใช้สูญเสียอายุขัยไปไม่น้อยเลยทีเดียว แสดงว่าเจ้าเองก็คิดจะกำจัดพวกข้าให้ตกตายเสียที่แห่งนี้เลยสินะ”

วินยิ้มรับกับคำกล่าว“หากเป็นไปได้ผมจะไม่ยุ่งเรื่องนี้ คุณเองก็ยังจำเป็นต่อโลกใบนี้อยู่ หากคุณตายเสียที่นี่โลกแห่งนี้คงไม่สามารถรักษาสมดุลได้โดยง่ายเป็นแน่ ดังนั้นผมมีเข้าเสนอ”

ชายหนุ่มหยุดกล่าวแต่ทว่าเขากลับไม่คิดจะลดดาบลง “คนรีบกลับไปยังที่คุณจากมาเสีย”

“แล้วหากข้าตอบว่าไม่ เจ้าจะทำเช่นไร” ชายหนุ่มนัยน์ตาสีแดงกล่าว ก่อนที่จทะยานร่างเข้าหา 

ร่างกายของวินพลันกลายสภาพเป็นเปลวเพลิงสีดำราวกับเพลิงทมิฬที่ปรากฏนั้นมาจากผืนอเวจี วินเคลื่อนร่างหายไปจากชายหนุ่มเบื้องหน้า

“โลกทั้งสามนั้น เดิมทีเคยเป็นผืนแผ่นดินเดียวมาก่อน ทำให้การเรียนรู้พลังทั้งสามนั้นสามารถทำได้ง่าย ทว่าผู้ที่ใช้พลังนี้จำต้องสูญเสียบางอย่างทุกครั้งที่ใช้” สิ้นเสียงของวิน ชายหนุ่มพลันปรากฏตัวขึ้นต่อหน้านักปราชญ์

จอมปราชญ์รู้ได้ทันทีว่าชายหนุ่มนามว่าวิ นนั้นต้องเสียสิ่งใด เธอยิ้มนัยน์หน้าก่อนที่จะได้คิดทำสิ่งใดต่อนั้นร่างกายของจอมปราชญ์พลันหนาวยะเยือก ใบดาบสีดำพลันปรากฏขึ้นเบื้องหน้าก่อนที่จะค่อย ๆ เสียบแทงเข้าไปทางหน้าอกด้านซ้ายอย่างรวดเร็ว 

“ผมรู้ดีว่าหากปล่อยให้คุณมีชีวิตอยู่คนนี่แหละจะเป็นตัวอันตราย ดังนั้นตายเสียที่นี่พร้อมกับเมฆาซะเถอะ”

“อาณาเขตเวทมนตร์ เป็นอาณาเขตของย่าแอนนา”  ไบรท์ลำพึงกับตนเอง หากเป็นเช่นนี้เกรงว่าเขาคงไม่สามารถออกไปจากที่แห่งนี้ได้ นอกจากพวกที่มีพลังระดับหนึ่งที่จะสามารถเข้าออกเขตแดนนี้ได้ดังใจเช่นโยดาและสุริยะ

ไบรท์เบ้ปากก่อนที่จะหันไปมองพี่สาวของตนเอง ทว่าไอนั้นกลับหายเข้าห้องนอนของตนเองไปเสียแล้ว เด็กหนุ่มถอนหายใจก่อนที่จะเริ่มสำรวจเวทเขตแดนที่เขารู้ดีว่าต่อให้จะพยายามดูให้ตายไบรท์ก็ไม่มีทางเข้าใจ ถึงแม้ว่าไบรท์จะสามารถจำอักขระที่โผล่ขึ้นมาได้เกือบหมด ทว่าวิธีที่จะใช้มันได้ดังใจนั้นมันอีกเรื่อง

หากจะเปรียบให้เห็นง่าย ๆ ก็เหมือนกับสามารถจำ code ของภาษา pythonได้ แต่ว่ายังใช้มันไม่ได้ดังใจนี่แหละ ผู้อ่านน่าจะนึกออกนะครับ จากนักเขียน

ปล. สวัสดีครับนักอ่าน ความจริงวั้นนี้ผมอยากจะเขียนให้นักอ่านได้อีกสักสามตอน ทว่าผมเจอปัญหานิดหน่อยครับ  ปัญหานี้แบบว่าคิดคนเดียวไม่ได้ แต่ทว่าพอให้พี่ใน facebook ช่วยคิดมันกลับเป็นเรื่องง่าย ผมอาจจะเป็นคนใจดีเกินไปก็ได้มั้งครับ ช่างแม่ง เอาเป็นว่าตอนนี้สำคัญนะครับ ผมแน่นำเลยครับ แล้วอีกอย่างตอนนี้ก็จะจบภาคสามแล้วจะต่อภาคสี่แล้วนะครับ อีกไม่นานนิยายเรื่องที่ผมทำเรื่องแรก ไม่ไม่เกิดใหม่นี่สิเรื่องแรก ทว่าเรื่องนี้มันเสร็จก่อนฮ่าๆๆๆ ฮาฮาไปนะครับผมเครียดมากจริงวันนี้ เอาเป็นว่านิยายเรื่องนี้ก็เดินทางมาได้ 40 ของเรื่องแล้วครับ อีกไม่นานเราก็คงต้องลาแล้ว น่าจะนานฮ่าๆๆๆๆ ผมจะไม่แต่งออกทะเลแน่นอน จะกระชับเนื้อเรื่องให้เร็วที่สุดเลยครับ ผมอยากจะลองเขียนแนวใหม่ดูครับ แต่ตอนนี้พอรู้แล้ว่าชอบนิยายที่มันสั้นๆ แต่ว่าตอนอ่านนี่ชอบเรื่องยาว เอาเป็นว่าก็ขอให้ผู้อ่านสนุกสนานก็แล้วกันครับ

 

 

 

 

 

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.