บทที่ 9ไม่ได้ด้วยเล่ห์ ก็ต้องเอาด้วยกล 2
บทที่ 9ไม่ได้ด้วยเล่ห์ ก็ต้องเอาด้วยกล 2/2
ยามดวงดาราไร้ซึ่งแสงพร่างพราย ท้องนภาไร้ซึ่งประกายหมู่มวนชีวิตต้องล้มตายสูญหายสลายไปจากโลกา อนาคตมิมีใครรู้มิได้เหมือนยังอดีตกาลที่ผั่นผ่านมาแสนนาน เทวาและอสุรานั้นได้ห่างหายจากโลกา หลังจากสังครามครั้งสุดท้ายหรือถูกจารึกขนานนามว่าแร็คนาร็อค
ชายหนุ่มปิดหน้าหคำพีโบราณก่อนที่จะคอ่ย ๆ ยกน้ำเสียอำพันขึ้นจิบอย่างช้า ๆ สีเหลือพร่างพรายเป็นประกายค่อย ๆ ไหลลงคอของบุรุษหนุ่มที่ถูกเรียกขานนามว่าศิลา เสียงของเครื่องปรับอากาศพัดพาความเย็นยะเยือกของอากาศ ในขณะที่แอตัวเก่งยังคงทำงานของมันอย่างมิได้หยุดหย่อนราวกับว่ามันไม่ได้รู้จักกับความเหนื่อยล้า ชายหนุ่มมองท้องฟ้าที่ไร้ซึ่งแสงของดวงดารา เนื่องจากในเมืองหลวงแห่งนี้นั้นมีแต่แสงไฟพร่างพรายทำให้ปราศจากแสงของดวงดาราที่แสนเคยคุ้น โทรศัพท์ค่อย ๆ สั่นอย่างช้า ๆ อันเป็นสัญญาณว่ามีผู้ติดต่อ แต่ทว่าชายปหนุ่มกับมิคิดจะกดรับสาย เขายังคงปล่อยให้มันสั่นอยู่เช่นนั้น
ระยะเวลาผ่านไปนานเท่าไรมิมีผู้ใดตระหนักรู้รวมไปถึงชายหนุ่มที่กำลังมองฟ้าอย่างไร้จุดมุ่งหมาย เขายงคงทอดตาอย่างไร้จุดมุ่งหมายปล่อยตัวปล่อยใจให้ลอยไปตามสายลมจากเครื่องปรับอากาศ หนังสือถูกปิดลง จิตใจของชายหนุ่มนั้นลอยไปอย่างไร้จุดหมาย ในหัวของเขานั้นกำลังคุ้นคิดบางอย่างโดยที่มิมีผู้ได้จะรับรู้ แม้แต่พระเจ้าที่สรรค์สร้าง
ในขณะที่ชายหนุ่มกำลังคิดสะระตะ ทันใดนั้นเองเสียงของประตูบ้านกลับดังขึ้น เขาออกจากความคิดก่อนที่จะค่อย ๆ ลุกออกจากโต๊ะทำงานแล้วเดินตรงไปเปิดประตูอย่างรวดเร็ว ท่าทางที่เคยเคร่งเครียดกลับหายราวกับว่ามิได้เกินอันใดขึ้น
เด็กหญิงตัวน้อยในชุดนักเรียนพอดีตัวค่อย ๆ เดินตรงมายังบ้านใบหูของดรุณีน้อยทัดดอกไม้ทำให้เสริมความน่ารักน่าชังเข้าไปอีก สำหรับชายหนุ่มผู้นี้ภาพแบบนี้เป็นเรื่องที่เขาคุ้นตาย ในขณะเดียวกันมันก็เป็นสิ่งที่ทำให้ชายคนนี้ยิ้มได้ ประตูค่อย ๆ ถูกปิดลงอีกครั้งพร้อมกับน้ำเสียงที่แสนเริงร่าของเด็กน้อย
หญิงชรามองร่างกายที่มีบาดแผลของหลานชายคนโปรดท่าทางของหล่อนเต็มไปด้วยความโกรธา คิ้วของหญิงเฒ่าขมวดมุ่นสายตาที่มองมายังสองดรุณีกับหนึ่งบุรุธนั้นแฝงความคาดคั้นเป็นอันมาก จิตสังหารของหญิงชราแผ่ไปรอบ ๆ บริเวณทุกคนนั้นต้องกืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก
“มีใครสามารถอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นให้ยายแก่คนนี้รู้ได้บ้าง”
ทุกคนที่ได้ยินคำกล่าวมิคิดจะกล่าวอันใด บ้างก็มองกันไปมองกันมาอยู่เช่นนั้น
จอนค่อยๆ นำร่างกายของไบรท์ที่มีบาดแผลไปนั่งยังโซฟาในขณะเดียวกันเขก็พยายามส่งสายตาหาไบรท์
“ทำไงดีวะ” จอนค่อยกระซิบกับเด็กน้อย ทว่าไบรท์กลับทำท่าทางไม่รู้ไม่ชี้
สายตาของผู้คนที่ยืนอยู่ในห้องแห่งนี้นั้นแสดงถึงความกลัวเกรงเป็นอันมาก ทว่ากลับมีดรุณีน้อยผู้หนึ่งที่มิได้รบรู้ถึงสถานการณ์ตรงหน้า
ในขณะที่ทุกคนกำลังคุ้นคิดหาคำตอบอยู่นั้นเสียงเจื้อยแจ้วของมายด์ก็ดังขึ้นทำให้จิตสังหารของแอนนาลดน้อยลงไป สายตาของแอนนาที่มองมายังมายด์แต็มไปด้วยความรัก เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้คาเสะอาสึนะและไบรท์ที่อยู่ ณ ที่แห่งนี้เริ่มหายใจได้ทั่วท้อง
หลังจากที่มายด์อธิบายเหตุการณ์ที่เด็กสาวได้พบได้เจอ แอนนาก็กลับมามองยังไบรท์ที่ได้ความทรงจำกลับคือมาแล้ว หญิงชรานำมือมาลูบหัวของหลานชายสุดรัก ก่อนที่จะกวาดตาไปมองหาตตัวการทั้งสอง
“ยายไอกับโยดาอยู่ไหนกัน ทำไมถึงปล่อยให้เกิดเรื่องแบบนี้ได้ แล้วอีกอย่างคนที่ทำร้ายเจ้าจนเป็นแบบนี้คือผู้ใด”
หนึ่งหญิงหนึ่งชายสะดุ้งกับคำกล่าว ก่อนที่โมโมะกับจอนจะกล่าวอันใดออกไปเสียงของไบรท์ก็ดังขึ้นแก้สถานการณ์
“ย่าแอนนาผมหิวข้าวจัง แล้วอีกอย่างตอนนี้ก็ได้เวลากินข้าวแล้วด้วย”
ย่าแอนนาหันมายังอาสึนะก่อนที่จะกล่าวเสียงดุ “ทำไมการสอบของโรงเรียนเวทมนตร์ถึงเปลี่ยนไปถึงเพียงนี้ เดิมทีการสอบเข้าจะไม่มีการต่อสู้ไม่ใช่หรือ”
อาสึนะพยักหน้า “ใช่ค่ะยายแอนนา เดิมทีการสอบเข้าจะไม่มีการต่อสู้ที่ทำให้ผู้สอบถึงกับเลือดตกยางออก แต่ว่าการสอบของไบรท์เป็นการสอบแบบพิเศษที่มีน้อยคนที่จะทำ หากไบรท์สอบเข้าแบบปกติก็คง”
แอนนาค่อย ๆ ปล่อยจิตสังหารอีกครั้ง “หมายความว่าไงหรออาสึนะจัง ไบรท์หลานของย่าไม่ได้สอบเข้าแบบปกติหรือไง”
“ค่ะ ไบรท์ อือ คือว่าไบรท์สอบเข้าแบบพิเศษ”
“เดิมทีไบรท์ต้องไปสอบเข้าเกรดเจ็ดไม่ใช่หรือ ตอนที่บอกกับย่าก็เป็นแบบนั้น”
“ใช่ค่ะ แต่ว่าไบรท์ไปสอบเข้าเกรด 11 ซึ่งการสอบแบบนี้ไม่สามารถเกิดขึ้นได้ง่าย ๆ โดยเฉพาะเด็กที่ไม่เคยเรียนในโรงเรียนมาก่อน แต่ว่าโรงเรียนเวทมนตร์บาบิโลเนียได้เตียมความพร้อมรับกับสถานการณ์เช่นนี้แล้ว ดังนั้นไบรท์จึงสามารถเข้าสอบได้ โดยที่โรงเรียนเวทมนตร์จะคัดเลือกเอาคนที่มีความสามารถที่โรงเรียนเห็นว่าควรนำมาทดสอบ แต่ว่าพลังของไบรท์กับผู้สอบมันต่างกันเกินไปทำให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นมา”
หญิงชราพยักหน้ารับ “แสดงว่าเรื่องทั้งหมดมันเป็นความผิดของโยดากับไอ ทั้งที่รู้ว่าไบรท์มีพลังไม่พอก็ยังฝืนให้ไปสอบ”
หล่อนค่อย ๆ นำมือมาสัมผัสแผลของไบรท์อย่างแผ่วเบา ไบรท์เห็นว่าได้เอาคืนพี่สาวของตนจึงทำท่าทางเจ็บปวด น้ำตาของไบรท์ค่อย ๆ ไหลช้า หญิงชรากัดฟันก่อนที่จะสบดออกมา
“ตาแก่เวณ คอยดู ถ้าแกกลับมาที่บ้านฉันจะตีแกให้ตาย”
ต่อให้แอนนาอยากจะด่าโยดาและไอออกมาสักหลายคำ ทว่าหญิงชรากลับมิคิดจะกระทำ หลังจากนั้นพวกไบรท์ก็เริ่มรับประทานอาหารเย็น
เวลาผ่านไปไม่นานท้องฟ้าก็เริ่มเข้าสู่สนธยาไบรท์มองหน้าต่างห้องนอนของตนเอง หลังจากที่ไบรท์กินข้าวเสร็จเด็กหนุ่มจึงขอตัวกลับมานอนที่ห้อง
ถึงแม้ว่าไบรท์จะรู้ดีว่าพลังเวทของเขาน้อยกว่าพวกจอน ทว่าฝีมือรวมไปถึงกระบวนท่าต่าง ๆ ไบรท์ยิ่งมิสามารถต่อสู้ได้ ดังนั้นไบรท์จึงคิดว่าจะหาคนฝึกวิชาที่เกี่ยวกับกระบวนท่า เพื่อให้เขาสามารถรับมือกับนักเวทสายเสริมพลังได้
เสียงของประตูทำให้ไบรท์ละสายตาออกจากหน้าต่าง ชายหนุ่มที่เป็นสหายใหม่ค่อย ๆ เดินตรงมาหาไบรท์ เขายิ้มก่อนที่จะกล่าว
“ฉันนึกว่านายหลับแล้วนะ คิดอะไรอยู่หรือไง”
ไบรท์ยิ้มรับ “ฉันคิดว่า ต่อจากนี้ฉันคงต้องหาอาจารย์สอนกระบวนท่า”
จอนยิ้ม “ก็ดีนี่นา ว่าแต่ถ้านายไม่คิดมากเรื่องการประลอง นายให้ฉันสอนเวทมนตร์เสริมกำลังกับวิชาดาบให้ดีไหม”
ชายหนุ่มผมทองมองท้องฟ้าที่ไร้ซึ่งแสงดาว เขาถอนหายใจก่อนที่จะมองยังหญิงสาวที่นั่งอยู่เคียงข้าง ชายหนุ่มนำมือไปเชยคางของหญิงสาวผมสีฟ้าก่อนที่จะค่อยโน้มหน้าลงแล้วประทับริมฝีปาก หญิงสาวไม่คิดจะขัดขืนหล่อนค่อย ๆ รับความรักของชายตรงหน้า เพียงไม่นานชายหนุ่มจึงค่อย ๆ ถอนปากออก
“อีกไม่นานแล้วที่สิ่งนั้นจะมาใกล้”
“ใช่แล้ว อีกไม่นานสงครามที่เคยยุติจะกลับมาอีกครั้ง” หนึ่งหญิงหนึ่งชายถอนหายใจ ก่อนที่ชายหนุ่มจะค่อย ๆ เอนร่างลงแล้วใช้ศีรษะหนุนนอนยังตักของหญิงสาว
“ครั้งนี้ฉันอาจจะไม่ได้กลับมาก็ได้นะ”
หญิงสาวไร้ซึ่งวาจา เธอปล่อยให้เวลาผ่านไปช้า ๆ
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 200
แสดงความคิดเห็น