บทที่ 13...1/4
มีนาประชุมสรุปงานของแต่ละคนในช่วงสาย โดยมีวรการคอยสอบถามถึงงานที่รับผิดชอบเพื่อไม่ให้ใครมีงานมากเกินไป ตอนนี้เธอมีงานของพริมา งานที่ทำร่วมกับพี่ๆ ในบริษัทอีก 2 งาน ทำให้พอมีเวลาเหลืออยู่บ้าง หลังจากนั้นมีนานั่งออกแบบห้องนั่งเล่นซึ่งเป็นงานที่ช่วยพี่ในทีมนั่นเอง การบรีฟงานมาพอสมควรทำให้เธอมีไอเดียมากพอที่จะออกแบบห้องให้ลูกค้าได้ไม่ยากนัก ช่างเป็นช่วงเวลาที่งานราบรื่นจนน่าดีใจ จากเมื่อก่อนที่เธอกังวลสารพัดว่างานจะดีพอหรือเปล่า ตอนนี้เธอไม่กดดันตัวเองแล้ว เพียงแค่พยายามเติมเต็มความต้องการของลูกค้าสำหรับงานออกแบบให้มากที่สุดเท่านั้น หากขาดตรงไหนไปการแก้ไขย่อมทำได้ ไม่ใช่เรื่องที่ต้องมาคิดมากจนนอนไม่หลับ
“รับลูกอมสักเม็ดไหมครับ”
มีนาเงยหน้ามองเจ้าของลูกอมแล้วก็ยิ้มกว้าง “สวัสดีค่ะคุณภู มาหาคุณการหรือเปล่าคะ”
ภูบดียิ้มรออยู่แล้ว “ครับ มีงานที่อยากให้รักษ์บ้านช่วยออกแบบ แล้วก็ผมอยากให้มีนเป็นคนดูแลน่ะครับ”
มีนาพยักหน้าพอจะเข้าใจ วรการบอกเธอตอนที่ประชุมว่าเธอมีอีกงานที่เขากำลังจะคุยกับลูกค้า ซึ่งลูกค้าคนนั้นคงเป็นภูบดีนั่นเอง
“ถ้างั้นเชิญทางนี้นะคะ คุณการอยู่ในห้องนี้ค่ะ”
มีนาเดินมาที่ห้องของวรการพลางเคาะประตูให้เสียงก่อน ภูบดียังคงยิ้มง่ายดังเดิม
“เที่ยงนี้ไปทานข้าวด้วยกันไหมครับ”
มีนามองนาฬิกาที่ตอนนี้ 10 โมงครึ่งแล้ว “สงสัยจะไม่ได้ค่ะ มีนต้องไปหาลูกค้าเจ้าของห้องที่มีนออกแบบตอน 11 โมง กว่าจะกลับมาที่นี่ก็บ่ายเลย เอาไว้คราวหน้านะคะ”
“ก็ได้ครับ ยังไงก็ต้องติดต่องานกันเรื่อยๆ อยู่แล้ว”
มีนายิ้มแทนตอบเพราะหากโปรเจคต่อไปของภูบดีเป็นเธอที่รับผิดชอบ การคุยงานเรื่อยๆ ย่อมเป็นเรื่องปกติ บางทีงานที่ล็อบบี้โรงแรมคงทำให้เขาพอใจมาก ถึงได้เลือกให้เธอมาทำงานชิ้นอื่นต่อกระมัง มีนาเดินกลับไปโต๊ะทำงานตัวเองเพื่อเตรียมของสำหรับไปหาลูกค้ากับพี่ในบริษัท
เสียงเพลงรักคลอเบาๆ ช่างเข้ากับบรรยากาศของงานแต่งงาน ในขณะที่เขมินท์เดินผ่านซุ้มดอกไม้เข้ามาไล่เลี่ยกับพริมาพอดี ทำให้เพื่อนๆ มหา’ลัยที่ยังติดต่อกันอยู่ แม้ว่าจะไม่บ่อยนักพากันแซวอดีตคนเคยรักที่ตอนนี้ได้กลับมาพบกันอีกครั้ง เขมินท์ไม่ได้ใส่ใจกับคำพูดเหล่านั้นนัก ชายหนุ่มเดินไปทักทายเจ้าบ่าวและเจ้าสาวซึ่งเป็นเพื่อนของเขาทั้งคู่
“ยินดีด้วยนะ” เขมินท์ส่งของขวัญที่สั่งให้เลขาเตรียมมามอบให้เจ้าบ่าวและเจ้าสาวของงานในวันนี้
“สองคนนี้มาพร้อมกันเสียด้วย หรือว่าจะมีข่าวดี”
เพื่อนเจ้าสาวมาช่วยรับของขวัญไป เจ้าบ่าวตบไหล่ของเขมินท์เบาๆ เป็นเชิงทักทาย ตอนเรียนมหา’ลัยพวกเขาเคยไปทำกิจกรรมต่างๆ อยู่บ่อยๆ แม้จะเรียนคนละคณะ แต่ก็สนิทกันพอสมควร
พริมาได้ยินพอดีจึงเดินเข้ามาขอร่วมเฟรมเพื่อถ่ายรูปอีกคน จึงกลายเป็นเขมินท์กับพริมายืนขนาบข้างเจ้าบ่าวและเจ้าสาวราวกับนัดกันมาเพื่อเข้างานมาด้วยกันอย่างไรอย่างนั้น
“เมื่อไหร่เขมจะมีข่าวดีบ้างล่ะ หรือว่าจะรีเทิร์น เข้างานมาพร้อมกันเสียด้วย นัดกันมาหรือเปล่า” เจ้าสาวซึ่งเรียนคณะเดียวกับเขมินท์อดไม่ได้ที่จะแซวเพราะรู้จักพริมาด้วยเหมือนกัน
“ไม่เชิงหรอก แต่ตอนนี้พริมกลับมาแล้ว การที่จะคุยกับเขมก็ไม่ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้นี่นา” พริมาจงใจพูดให้คนฟังคิดได้ต่อ เธอได้คุยกับเขมินท์แล้วจริงๆ เพียงแค่ยังกลับไปเหมือนเดิมไม่ได้เท่านั้นเอง
“ความเป็นเพื่อนมันตัดไม่ขาดหรอก แต่สำหรับความสัมพันธ์อื่นถ้าขาดแล้วก็กลับมาเหมือนเดิมไม่ได้” เขมินท์ยิ้มเพื่อไม่ให้เสียบรรยากาศ มีหรือที่เขาจะไม่รู้เท่าทันว่าพริมาพูดแบบนั้นไปเพื่ออะไร
พริมาหน้าเจื่อนไปเสี้ยววินาที เธอไม่คิดว่าเขมินท์จะไร้เยื่อใยถึงขนาดนี้ เจ้าบ่าวเจ้าสาวมองหน้ากันแล้วเข้าใจทันที เรื่องที่เพื่อนๆ พากันลุ้นว่าเขมินท์กับพริมาอาจคืนดีกัน คงไม่มีทางเป็นไปได้ถ้าเขมินท์พูดออกมาขนาดนี้แล้ว
“ถ่ายรูปกันอีกสักรูปนะ นานๆ จะเจอกันสักที” เจ้าบ่าวตบบ่าเพื่อนเป็นอันรู้กัน
เจ้าสาวจับมือของพริมาแล้วเชิญชวนให้มองไปที่กล้อง เพื่อนคนอื่นๆ ที่เพิ่งมาถึงงานพากันมาขอเข้าเฟรมด้วย ทำให้เสียงหัวเราะดังไปทั่วงาน
“ขอบใจมากๆ ที่มางานแต่งของเราสองคน” เจ้าสาวเอ่ยพลางเช็ดน้ำตาด้วยความดีใจที่เพื่อนมาร่วมยินดี เจ้าบ่าวเลยต้องรีบหากระดาษทิชชูมาช่วยซับ
เขมินท์ยิ้มดีใจไปกับเพื่อนก่อนจะออกมารวมกับเพื่อนกลุ่มที่เคยไปติวหนังสือด้วยกัน ตอนนี้แต่ละคนมีครอบครัวกันไปหลายคนแล้ว บางคนกำลังเติบโตในสายงาน อีกหลายคนที่เป็นเจ้าของธุรกิจ ครู่ใหญ่ต่อมาเขมินท์ก็ขอตัวเพราะเจตน์โทรมา ปู่มักจะโทรหาเขาเสมอในช่วงค่ำ หากเขาไม่ได้กลับไปที่บ้าน เขาไม่อยากให้ปู่กังวลทำให้หากไม่ได้ติดงานสำคัญก็จะรับสายจากปู่ทุกครั้ง
ข้อดีของคนปากแข็งคือถ้าพูดเมื่อไหร่อาจมีคนเงิบ ตอนนี้ เพราะคุณคือรักแรก วางจำหน่ายใน MEB แล้วนะคะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค่ะ ลงให้อ่าน 60% ของเนื้อหาทั้งหมดนะคะ
บรรพตี
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 280
แสดงความคิดเห็น