STARCIN ภาคที่ 5 Elforia ตอนที่ 10 เสียงนั้น
ฝึมือเราทำไมมันถึงยังอ่อนหัดแบบนี้ ยังฝึกไม่มากพอเหรอ? หรือเรามาถึงขีดจำกัดของร่างกายแล้ว
"สเตล่า !"
"หะ!" เซนส่งเสียงเรียกแต่ไกลปลุกเธอให้ตื่นจากอาการเหม่อลอย
"นี่มันในสนามรบนะเฟ้ยอย่ามัวแต่ยืนเก๊กสิ"
มอนสเตอร์กลุ่มใหญ่ปล่อยออกมาจากเสาสีขาวแม้เลเวลจะไม่สูงมากนักแต่ด้วยจำนวนมหาศาลผลาญมานาและแรงไปมากโข
"ฝากทางซ้ายหน่อยคานะ !"
"รู้แล้วน่า !" ระเบิดน้ำของคานะโยนใส่เป็นเส้นตรงพยายามล่อพวกมอนสเตอร์ให้ไปรวมกันตรงจุดที่มีน้ำขังแล้วก็ตามด้วยไฟฟ้าช็อตพวกมันทั้งหมดจะมีเพียงแค่มอนสเตอร์เลเวลสี่ขึ้นไปที่รอดมาได้
"ไปเลยดาบผ่านรก !" ออร่ามานาห่อหุ้มมีดสั้นสร้างเป็นดาบยักษ์วางพาดลงกลางวงมอนสเตอร์ส่งคลื่นความร้อนที่เปรียบได้กับเหล็กหลอมผ่าร่างพวกมันออกเป็นสองส่วนกลิ่นไหม้เกรียมลอยฟุ้งไปยันซึฮากิที่นั่งมองอยู่ไกล ๆ
"ทำไมนายถึงไม่ไปช่วยพวกเขาล่ะ?" แม่สาวมังกรน้อยทักทายถามด้วยท่าทางอันนอบน้อมนั่งคุกเข่า
"ไม่จำเป็นหรอกปล่อยให้พวกนั้นได้เพิ่มเลเวลดีกว่า...โดยเฉพาะมังกี้"
แววตาอันเฉยชาชำเลืองดูท่าทางเงอะงะของมังกี้ที่พยายามจะโจมตีมอนสเตอร์ด้วยเวทดินของเธอแต่มันก็พลาดเป้าไปบ้างทำให้เสียมานาไปเปล่า ๆ แววตาของเธอที่เต็มไปด้วยคำถามและความไม่แน่ใจกลอกไปมามองดูศัตรูตรงหน้า
"วิธีปลดผนึกเสาสีขาวนั่นต้องมีเงื่อนไขบางอย่างแน่ ๆ ถ้าเทียบกับครั้งก่อนก็คือการจัดการกับมอนสเตอร์ให้หมดไปเรื่อย ๆ"
"อ้อเหรอ? ถ้าเป็นพวกนั้นข้าแค่เป่าทีเดียวก็หายเกลี้ยงแล้ว"
"สำหรับเธอมันก็ง่ายอยู่แล้ว มังกรถือเป็นเผ่าพันธุ์ที่อยู่เหนือสุดของห่วงโซ่แต่ถ้าเทียบกับแวมไพร์ที่เป็นรองลงมาพวกมันทั้งเล่ห์เหลี่ยมและชอบรุกรานมนุษย์...มังกรอย่างเธอไม่เห็นมีบันทึกว่าเคยรบกับมนุษย์เลยหรือว่าจะเป็นมิตรกัน?"
"พวกแวมไพร์ต้องดื่มเลือดเพื่อคงพลังชีวิต เมื่อก่อนพวกเขาไม่ได้ชอบดื่มเลือดมนุษย์นักหรอกเพราะพวกนั้นถือเป็นทาสไม่ควรค่าแก่การดื่มแต่พอมีคนที่ลองแล้วติดใจก็ทำตามต่อ ๆ กันมาจนคิดไปเองว่าต้องดื่มเลือดมนุษย์" กอนด้าส่ายหน้าท่าทางเหนื่อยใจเมื่อนึกถึงภาพในอดีตวันวาน
"ดูเหมือนจะเชื่อในหนังสือของฝั่งมนุษย์อย่างเดียวไม่ได้แล้วสิ ต่อจากนี้ต้องหาข้อมูลจากพวกอมนุษย์ด้วย...อย่างเช่นเธอนั่นแหละ" แววตาที่มองดูก็รู้ว่ากำลังยิ้มอย่างมีเลศนัยทำเอากอนด้าขนลุกไปทั้งตัว
"ฉันขอบอกไว้อย่างหนึ่งก็คือห้ามเข้ามาแทรกแซงระหว่างที่พวกเรากำลังล่ามอนสเตอร์ ฉันต้องทำให้พวกเขาเพิ่มเลเวลให้ไวที่สุดเพราะมันนั้นเริ่มเคลื่อนไหวแล้ว"
"งั้น ๆ ข้าจะนอนรออยู่ตรงนี้นะ ไม่คิดเลยว่าจะได้นอนใต้ต้นไม้แบบนี้เพราะปกติตัวข้ามันใหญ่มาก ๆ จะหาที่นอนแต่ละทีก็ลำบากเหลือเกิน" รอยยิ้มแป้นรู้สึกสุขกายสบายใจทิ้งร่างลงนอนใต้ร่มไม้ไม่นานนักก็เผลอหลับไปจริง ๆ ส่งเสียงกรนดังจนน่าหนวกหู
"เรียบร้อยแล้ว ฮ่า ๆ ๆ มันง่ายอะไรแบบนี้" เซนหัวเราะลั่นอย่างกับจะประกาศให้โลกรู้
"เหอะฉันอ่อนให้ก่อนไม่งั้นก็เสร็จก่อนนายอีก"
พวกเขาดูสนิทกันมากจริง ๆ เหมือนเราเป็นส่วนเกินเลยนะเนี่ย สเตล่าชายตามองเซนและคานะออกหมัดใส่กันทำเป็นเล่นแต่โดนเข้าจริง ๆ ก็เจ็บเอาเรื่อง
หรือเราควรจะเดินทางด้วยตนเองต่อดีล่ะ? ตอนอยู่บ้านงานที่ได้รับมอบหมายก็คือตรวจตราทุกคนในบ้านมันแทบจะไม่มีประโยชน์อะไรเลย
"สเตล่า..." น้ำเสียงไร้อารมณ์เอ่ยขึ้นข้าง ๆ หู
"ว-ว่าอะไร?"
"เธอคงกำลังคิดลบกับตัวเองอยู่สินะ"
"ป-เปล่าฉันสบายดี" ซึฮากิยังคงจ้องตาเขม็ง
"เธอคงรู้สึกด้อยคุณค่าตัวเองสินะที่ไม่ค่อยมีบทบาทหน้าที่เหมือนคนอื่น แต่รู้อะไรไหมว่าฉันแจกจ่ายงานให้เหมาะสมกับคนและเธอเป็นคนเดียวที่มีความชำนาญในการซ่อนตัว ดักฟังและเคลื่อนไหว ฉันเคยผ่านอะไรที่คล้าย ๆ กันมาก่อนฉันรู้ว่าเธอฝึกมามากแค่ไหน?"
"นายเองก็เป็นเหมือนฉันเหรอ? นั่นก็คงเป็นเหตุผลที่วิธีการใช้มีดและเวทมนตร์เราคล้ายคลึงกันแต่ฉันมันก็แค่ของล้มเหลวที่ไม่มีค่าสำหรับพวกมัน"
"ของล้มเหลว? ฉันไม่รู้ว่ามันหมายถึงอะไร..." เพียงได้คุยกับสเตล่าเขาความทรงจำในอดีตที่อยากจะลืมแทบตายก็ได้ผุดขึ้นมา อาคารสูงสามเมตรที่มืดสนิทมีเพียงซึฮากิที่ยังเด็กต้องอาศัยอยู่ตัวคนเดียวอีกทั้งยังถูกพวกผู้ใหญ่ทำร้ายร่างกายเพียงเพราะก้าวเท้าเหยียบพื้นเสียงดัง
"ช่างมันเถอะฉันไม่อยากนึกถึงมัน-"
"ไม่ ! สเตล่า...เธอมีคนที่อยากจะฆ่าให้ตายไม่ใช่เหรอ? จงแข็งแกร่งขึ้นสิและฆ่ามันให้ตายสมกับที่มันทำกับเรา" มืออันหยาบกร้านจับไหล่ทั้งสองข้างแน่นจนมีรอยแดง
ระหว่างที่กำลังคุยกันเสาสีขาวก็ได้ขยายใหญ่ขึ้นอีกครั้งปล่อยมอนสเตอร์ที่มีรูปลักษณ์คล้ายกับมังกรออกมาแต่พวกมันตัวเล็กกว่ามาก
"ไวเวิร์น !" ทันทีที่พวกมันออกมาก็พ่นลูกไฟออกจากปากเล็งไปยังเซนที่กำลังตื่นตาตื่นใจจนเกือบโดนไปแล้ว
"หือ...พวกสายเลือดใกล้เคียงนี่เองแต่ก็ยังอ่อนแออยู่ดี" กอนด้ายิ้มเยาะกล่าวคำคำเชิงดูถูก
"สเตล่าเธอยังขาดสิ่งที่นักฆ่าควรมีไป...การตัดสินใจ" ซึฮากิกระโดดขึ้นไปกลางอากาศเข้าใกล้ไวเวิร์นพวกนั้นและใช้เวทพิเศษสร้างขอบเขตดูดอากาศออกทำให้พวกมันตกใจทำอะไรไม่ถูกแถมยังหายใจไม่ได้อีกต่างหาก
"ฉันจะทำให้ดูว่าถ้าควบคุมมานาได้ตามใจจะเป็นอย่างไง" พรรคพวกของเขาได้แต่ยืนดูอยู่ไม่ห่างทันใดนั้นพวกไวเวิร์นที่ถูกขังไว้ในขอบเขตสุญญากาศก็ถูกคมดาบนับร้อยพุ่งแทงตัดผ่านร่างอย่างรวดเร็วจากทุกทิศทาง
"วิธีนี้จะใช้ได้ผลดีกับมอนสเตอร์ที่เลเวลต่ำกว่าเรา หากมันแข็งแกร่งอย่างเมฆาหรือกอนด้าก็จะสลัดขอบเขตสุญญากาศออกไปได้ง่าย" ร่างกายที่เต็มไปด้วยเลือดโชกของไวเวิร์นค่อย ๆ ลงมายังพื้นดินอย่างนิ่มนวลพลางอธิบายไปด้วย
"และอย่าลืมดื่มเลือดพวกมันด้วย" ซึฮากิใช้กระบอกน้ำลองเลือดที่สาดกระเซ็นพวกนั้นและกระดกลงคอไปทีเดียว
"น-นายดื่มเลือดมอนสเตอร์เนี่ยนะ !" กอนด้าตะโกนลั่นท่าทางตกใจงุนงง
"ทำไมมีปัญหาอะไร?"
"ข้าไม่เคยเห็นมันมาก่อนเลย มีแต่พวกบ้าเท่านั้นแหละ-" ซึฮากิจ้องตาเขม็งเพียงแค่นั้นก็ทำให้กอนด้าหยุดชะงักสงบสติสงบปาก
"ข้าไม่รู้หรอกว่าตอนนี้มนุษย์พัฒนาไปถึงไหนแต่เมื่อก่อนไม่มีทางแน่ ๆ ที่จะดื่มเลือดของมอนสเตอร์" กอนด้ากล่าวด้วยถ้อยคำที่เรียบง่ายแต่แฝงไปด้วยความสงสัย
"เธอไม่ต้องไปสนใจมันหรอกรู้แค่ว่ามันได้ผล"
"พวกนายคุยอะไรกัน?" ในที่นี้มีเพียงสเตล่าและมังกี้ที่ไม่อาจเข้าใจภาษาของมังกรได้
"ไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรเอาเป็นว่าพวกเธอไปเตรียมตัวรับมือระลอกต่อไปเถอะ" ซึฮากิกลับไปนั่งดูอยู่ไกล ๆ แทนปล่อยให้พวกเธอได้ล่ามอนสเตอร์และเมื่อกลุ่มต่อไปได้ออกมาก็มีการผสมปนกันทั้งไวเวิร์นและมอนสเตอร์เลเวลต่ำหลายประเภท
"คราวนี้มีจำนวนระลอกมากกว่าดันเจี้ยนของลิงเมฆาแต่ถ้าให้เดานี่อาจจะเป็นขั้นตอนการปลดผนึกเสาสีขาว" ซึฮากิเฝ้ามองการต่อสู้ของพรรคพวกของตน ทุกคนต่างออมแรงไว้ยกเว้นแค่มังกี้ที่ดูจะลำบากยากเย็นเพราะเลเวลที่ต่ำแต่มันก็แสดงให้เห็นว่าตัวเธอมีศักยภาพที่จะเติบโตมีความมุ่งมั่นและไม่ย่อท้อเป็นหนทางสู่ความสำเร็จ
คานะ เซน...คิด ๆ ดูแล้วเราแทบจะไม่เคยคุยด้วยตอนอยู่โลกโน่นเลยไม่สิเราก็ไม่ได้ยุ่งกับใครอยู่แล้ว
"ฮ่า ๆ ๆ เห็นท่านั้นไหม" เซนเบ่งกล้ามโชว์คานะและเหวี่ยงมีดสั้นที่ห่อหุ้มไปด้วยมานาอย่างกับการร่ายรำ
พอพูดเรื่องนั้นกับสเตล่าก็ดันไปสะกิดความจำช่วงนั้นขึ้นมาอีก ให้ตายสิไม่อยากจะนึกถึงมันเลย
"เซน ! อย่าขวางทางฉันสิ" สเตล่าตะโกนด่าเกือบจะขว้างใบมีดลมโดนหัวเซน
"อะไรของเธอใช้เวทมนตร์ให้มันระวัง ๆ หน่อย" เซนไม่แม้แต่จะยอมขอโทษแต่ยังยืนต่อล้อต่อเถียง
พยายามกันเข้าล่ะ...ฉันไม่อยากให้พวกนายต้องมาเสียใจทีหลัง
ภาพของการต่อสู้กันดุเดือดได้หายวับไปกับตากลายเป็นเพียงห้องนอนธรรมดาที่ซึฮากิเคยนอน
"แบบนี้มัน...เธออีกแล้วสินะ" น้ำเสียงอันเฉยชาที่เอ่ยออกมาอีกทั้งยังถอนหายใจเฮือกใหญ่
"ฮี่ ๆ ๆ ฉันชอบจริง ๆ ไอ้ท่าทางแบบนั้นน่ะ" หญิงสาวผู้ที่เป็นดั่งพระเจ้าสำหรับคนของสตาร์คินแม้แต่วิกตอเรียยังโหยหาที่จะได้พบ
"คราวนี้มีอะไรก็ว่ามา?"
"ฉันแค่สงสัยเรื่องที่คุยกันก่อนหน้านี้น่ะเลยอยากจะไปดูสักหน่อย" ทันใดนั้นห้องนอนอันแสนเรียบง่ายกลายเป็นความดำมืดไร้ซึ่งทางออกไม่ว่าจะมองไปทางไหน
"ปกติจะเป็นเหมือนท้องฟ้าสว่าง ๆ เหมือนอยู่ในฝันไม่ใช่เหรอ? ทำไมคราวนี้ถึงมามืดแบบนี้ล่ะ"
"นี่เป็นส่วนหนึ่งของความทรงจำของนายยังไงล่ะ" ซึฮากินึกขึ้นได้ทันทีดูจะตกใจเป็นอย่างมากแต่ก็ยังทำใจเย็นพยายามเบี่ยงความรู้สึกไปทางอื่น
"ไหน ๆ ขอดูหน่อยสิ"
ท่ามกลางความมืดมิดจู่ ๆ ก็มีแสงจากจอทีวีฉายภาพของนักมวยระดับโลกต่อด้วยนักว่ายน้ำและฉายวิดีโอของแชมป์โลกต่อ ๆ ไป
"หยุดได้แล้ว..." เสียงที่สั่นเล็กน้อยดูไม่มั่นคงเหมือนอย่างเคยแถมยังก้มหน้าไม่กล้ามองสิ่งรอบข้าง
"เอ? ทำไมถึงเอาแต่ฉายอะไรน่าเบื่ออย่างเดียวเลย..."
"กิ..." เสียงของหญิงสาวปริศนาที่กล่าวออกมาท่ามกลางความมืดไม่เพียงทำให้ซึฮากิจับตามองแต่ยังทำให้เขากระวนกระวายเดินแหวกความมืดเหล่านั้นหาที่มาของเสียง
"ม-แม่ขอโทษนะ..." เสียงสะอื้นที่มีหยดน้ำตาโรยริน
"อ้อ ๆ ฉันเข้าใจแล้ว มันคงเป็นเรื่องสมัยเด็กสินะ"
"มัวทำอะไรอยู่รีบออกมาได้แล้ว" เสียงของชายหนุ่มดังขึ้นก่อนที่หญิงสาวคนนั้นจะเดินออกไปทิ้งไว้เพียงแค่ซึฮากิที่กำลังยืนอ้ำอึ้งเหม่อลอย
"ทำไมต้องทำแบบนี้?" ซึฮากิเอ่ยถามด้วยความหงุดหงิดจ้องเด็กสาวไม่หยุด
"ทำอะไร? ฉันก็แค่อยากจะรู้เรื่องที่คุยกันแค่นั้น" ท่าทางอันใสซื่อไม่รู้สึกทุกข์ร้อนยิ่งทำให้ซึฮากิโกรธจนกำมือแน่น
"เธอก็แค่เข้าไปดูความทรงจำเองก็ได้...ทำไมถึงต้องเอามาให้ฉันดูด้วย !" ซึฮากิตะคอกเสียงดังที่สุดเท่าที่เคยทำมาแม้ปกติเขาจะนิ่งเงียบคิดอะไรในหัวและมักจะทำสิ่งต่าง ๆ ด้วยความใจเย็นแต่กลับกันคราวนี้อารมณ์ได้เป็นตัวนำพาเขาไปเอง
"ถ้าแบบนั้นจะไปสนุกอะไร? ถึงฉันจะทำอะไรก็ได้แต่เพราะแบบนั้นแหละฉันเลยไม่ทำ" เธอพาซึฮากิกลับไปยังห้องนอนของเขาที่อยู่ในบ้านเลี้ยงเด็กกำพร้า
"หมดธุระหรือยัง?"
"เหอะ...นายยังคงปฏิเสธของขวัญจากฉันอยู่สินะ" รอยยิ้มฉีกกว้างดูมีทั้งเลศนัยและความพึงพอใจ
"ฉันไม่รู้หรอกว่าทำไมเธอถึงอยากจะยื่นของขวัญให้นักหนาแต่ฝันไปเถอะ"
"เซน ! มาลองเจ้านั่นกันดีกว่า" เสียงของคานะตะโกนมาแต่ไกลก่อนจะค่อย ๆ ขยับตำแหน่งเข้าหากัน
กลับมาแล้วสินะ...ไอ้พระเจ้าเวรนั่นเห็นพวกเราเป็นแค่เรื่องสนุกเท่านั้นแหละใครจะอยากรับของขวัญจากมันกัน
"ไปเลยเวทผสาน ! [มังกรคลั่ง]" กลุ่มก้อนมานารูปลักษณ์มังกรพุ่งลงกลางวงมอนสเตอร์แผดเผาพวกมันและยังเคลื่อนที่ต่อไปด้วยการควบคุมของคานะ
คานะคงจะใช้เวทมังกรอะไรนั่นเป็นคนควบคุมมานาหลักและเซนจะเป็นคนแปรสภาพธาตุของมานาเหล่านั้น ไม่ใช่การผสมธาตุแต่เป็นการยืมเทคนิคซึ่งกันและกัน ซึฮากิกวาดสายตามองดูพรรคพวกที่เชื่อใจได้มากที่สุดกำลังล่ามอนสเตอร์ด้วยความสนุกราวกับกำลังเล่นเกมอยู่ไม่กลัวตายเลยแม้แต่น้อย
"มังกี้ ! ใช้เจ้านั่นสิ" ซึฮากิตะโกนส่งเสียงไปยังมังกี้ที่อยู่ไม่ไกลนักเมื่อเธอได้ยินก็ได้แปลงกายกลายเป็นลิงขนาดยักษ์ใช้การต่อสู้ด้วยกำปั้น หมัดและทุบ
การตรวจสอบในครั้งแรกตอนอยู่ที่หมู่บ้านทำให้รู้ว่าเธอมีมานาต่ำสุด ๆ ไม่แน่พวกคิโนริคงแซงหน้าไปแล้ว
แววตาที่เต็มไปด้วยความสงสัยกำลังมองดูการอาละวาดของมังกี้ในร่างของคิงคอง
พละกำลังความแข็งแรงเพิ่มขึ้นรวมทั้งพลังชีวิต พลังเวทยังเท่าเดิม ไหวพริบลดลงคงเพราะตัวใหญ่ขึ้นและที่น่าแปลกใจก็คือมานากลายเป็นศูนย์
ตลอดระยะเวลาหลายชั่วโมงที่ซึฮากิเฝ้ามองมังกี้และความสามารถพิเศษของเธอหลังจากคืนสภาพจากคิงคองแล้วแม้มานาจะเป็นศูนย์แต่ก็ไม่หมดสติหรือเหนื่อยเท่าที่ควร
"พวกมันยังไม่หมดอีกเหรอ? ฉันจะชักจะเบื่อแล้ว" เซนดื่มเลือดของพวกมันเข้าไปท่าทางกระอักกระอ่วนอยากจะอาเจียนออกมาแต่ก็ต้องฝืนกลืนลงไป
"ฉันก็เหมือนกันพวกมันอ่อนแอจนจัดการได้ง่าย ๆ ขนาดไวเวิร์นยังไม่เป็นปัญหาเลย"
"นั่นสิปกติไวเวิร์นในเกมหรืออนิเมะมันต้องแข็งแกร่งแต่ทำไมถึงไม่ต่างอะไรกับมอนสเตอร์พวกนั้นเลย...หรือว่าพวกเราจะเก่งเกินไป-" ขณะที่เซนกำลังยิ้มเอ้อระเหยนึกฝันว่าตัวเองเป็นดั่งตัวเอกของเกมถูกกำปั้นเขกหัวเรียกสติ
"เตรียมมานาให้พร้อมไว้แล้วกัน เพราะมันกำลังจะมาอีกระลอกแล้ว"
ทันใดนั้นร่างกายอันใหญ่โตของมิโนทอร์จำนวนนับสิบก็ได้เดินผ่านเสาสีขาวย่างกายออกมาสู่พื้นดินไม่เพียงแค่พวกมันจะแข็งแกร่งกว่ามิโนทอร์ธรรมดาและยังดูมีสติปัญญาไม่อาละวาดเหมือนกับมอนสเตอร์ตัวอื่น ๆ
"ทำไมพวกมันยืนอยู่เฉย ๆ ล่ะ? เหมือนกำลังคุยกันเลย" สเตล่าเห็นท่าไม่ดีจึงถอยออกมาตั้งหลักเช่นเดียวกับพวกเซน
"[ล่วงรู้]"
---ชนชั้นสูงของเหล่ามิโนทอร์ชื่นชอบการทรมานเหยื่อก่อนฆ่าและยังมีสติปัญญาระดับเดียวกับเหล่าอมนุษย์ จุดอ่อนเพียงหนึ่งเดียวก็คือหัวใจที่มีอยู่สามดวงได้แก่ หน้าอกซ้าย ต้นขาขวา และข้าง ๆ กะเพราอาหาร---
"ดูเหมือนสกิลล่วงรู้จะพัฒนาขึ้นแล้วนะเนี่ย เล่นบอกรายละเอียดจนขี้เกียจจำเลย" สเตล่ากระตุกมุมปากยิ้มดูมีความสุขแต่เพราะยังอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้จึงไม่อาจยิ้มได้เต็มปาก
"พวกเจ้า ! เป็นผู้ปลุกพวกข้าสินะ" หนึ่งในมิโนทอร์ตะโกนลั่นดั่งเสียงคำรามของเจ้าป่าแต่สำหรับพวกเซนกลับได้ยินเป็นคำพูดที่เข้าใจได้คงเพราะความสามารถในการสื่อสารข้ามภาษาที่ได้รับมา
"ใช่ ๆ ...มั้ง?" เซนตอบกลับไปด้วยความใสซื่อไม่รู้สึกรู้สาอะไร
"พวกเจ้ามีทางเลือกสองทางคือยอมจำนนและเป็นทาสที่จงรักภักดีหรือจะเป็นมื้อเย็นดี" พวกมันเดินกรูกันเข้ามาท่าทางองอาจไร้ซึ่งความกลัวอีกทั้งยังมั่นอกมั่นใจมีเพียงมือเปล่าเท่านั้น
"อ้อ ๆ ขอเป็นมื้อเช้าได้ไหม? พอดีว่าเย็นนี้จะกินเนื้อย่างน่ะ-" พูดไม่ทันขาดคำพวกมันก็ปล่อยหมัดที่มีพลังทำลายแหวกพื้นตรงหน้าให้กลายเป็นหลุมได้ทันทีแต่เซนกลับหลบไปได้อย่างรวดเร็วใบหน้าที่กำลังยิ้มสนุกหายไปเหลือเพียงแววตาที่จ้องเขม็ง
"เซนไม่เป็นอะไรนะ?" สเตล่าเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง ทุก ๆ คนต่างก็เงียบสนิทเอาแต่จ้องมองพวกมิโนทอร์พล่ามภาษาอะไรสักอย่างที่เธอและมังกี้ไม่อาจเข้าใจได้
"เฮ้อ...หมดเวลาสนุกแล้วสิ" เสียงถอนหายใจราวกับกำลังนึกเสียดายบางสิ่งไปทำให้เซนตั้งการ์ดพร้อมกับมีดสั้นเตรียมพร้อมด้วยมานาจำนวนหนึ่ง
ขณะเดียวกันซึฮากิก็ได้ย่างกายเข้ามาในระยะหมัดของมิโนทอร์ชำเลืองมองดูสเตตัสของพวกมัน
"เห็นว่าพวกแกเป็นผู้ปลุกพวกข้าจึงยอมยื่นข้อเสนอ แต่ในเมื่อเป็นแบบนี้ข้าก็คงจะล้มเลิกข้อเสนอและฆ่าพวกแกเสีย"
"พูดมากว่ะลองชิมหมัดเพลิงโลกันตร์ของฉันหน่อย" เซนใช้จังหวะทีเผลอที่พวกมันกำลังมองซึฮากิเข้าประชิดตัวพร้อมกับปล่อยหมัดขวาที่ห่อหุ้มไปด้วยเวทเพลิงกระแทกร่างอันใหญ่โตกระเด็นออกไปหลายเมตรสร้างบาดแผลไว้ได้ไม่น้อย
"เหอะ เป็นแค่มนุษย์ต่ำต้อยริอาจมาแยกเขี้ยวใส่ สงสัยข้าจะอยู่ในที่แห่งนี้นานไปหน่อยพวกแกถึงได้เหิมเกริมขนาดนี้" มิโนทอร์ตัวนั้นลุกขึ้นยืนกัดฟันกรอดโกรธจนเส้นเลือดปูด
"เป็นพวกที่พูดเก่งจริง ๆ แต่ฝีมือจะเก่งตามนั้นหรือเปล่า?" เซนส่งยิ้มเยาะยั่วโมโหพวกมันไม่หยุดอีกทั้งยังเดินเข้าใส่ไม่หวั่นเกรง
"ปากดีนักนะ" หนึ่งในมิโนทอร์ที่เป็นดั่งหัวหน้าผู้นำทัพออกหมัดอย่างรวดเร็วจนเซนหลบไม่ทันจำเป็นต้องใช้โล่มานาป้องกันไว้แต่มันก็ถูกทำลายได้อย่างง่ายดาย
"แกไปกับข้าเสียดี ๆ [ลานนักสู้]" มันคว้าเอาร่างของเซนและแยกตัวออกไปสร้างกำแพงหินปิดล้อมทุกทิศทาง
"เซน !" คานะพยายามจะตามไปแต่ก็ถูกพวกที่เหลือขวางทางไว้
"ปล่อยเซนไปเถอะมาตั้งใจกับพวกที่อยู่ตรงหน้าดีกว่า" ซึฮากิเอ่ยด้วยท่าทางใจเย็น
"เลเวลพวกมันมีทั้งห้าและสูงกว่านั้นซึ่งฉันมองไม่เห็น...คงรับมือหลาย ๆ ตัวพร้อมกันได้ยาก" สเตล่าใช้เวทล่วงรู้มองดูสเตตัสถึงกับเหงื่อตกเพราะระดับความแข็งแกร่งที่สูงกว่าไม่เหมือนกับมอนสเตอร์ก่อนหน้านี้
"เลเวลสูงสุดของพวกมันคือหกและดูท่าทางตัวที่เป็นผู้นำที่อยู่กับเซนจะแข็งแกร่งกว่าตัวอื่น" กระสุนเพลิงพุ่งผ่านหน้าของสเตล่าไปโชคดีที่เธอมีไหวพริบดีจึงหลบได้
"ฆ่าพวกมันให้หมด ! [คลื่นพสุธา]" หนึ่งในพวกมันกระทืบเท้าลงพื้นสร้างแรงสั่นไหวระดับที่สามารถถล่มอาคารที่ไม่แข็งแรงได้แค่นั้นก็ทำให้มังกี้ยืนไม่อยู่แล้ว
สเตล่าลากหนึ่งในมิโนทอร์ที่เลเวลสูงกว่าออกไป มันพยายามจะคว้าจับร่างของเธอแต่ก็ไม่เป็นผลด้วยความรวดเร็วที่ต่างกันยิ่งนัก
ถึงจะไม่เข้าใจก็เถอะแต่ซึฮากิบอกจะรับมือพวกมันเอง...หวังว่าจะไม่เป็นอะไรนะ
"มัวเหม่ออะไรยัยหนู ! [ค้อนหิน]" มันใช้มานารวมเป็นกลุ่มก้อนสร้างเป็นอาวุธขึ้นที่มือขวารูปลักษณ์ที่ดูแสนจะธรรมดาแต่ใหญ่เท่ากับตัวสเตล่าหากถูกค้อนนั่นไปคงกระดูกแหลกแน่ ๆ
"พูดอะไรของแกฉันฟังไม่รู้เรื่อง [ล่วงรู้]"
---ทางซ้าย---
สเตล่ากระโดดม้วนตัวหลบค้อนหินและฟาดคมมีดวายุลงไปที่ใบหน้าของมันแต่มันก็ยกอีกแขนขึ้นป้องกันได้ทัน
"[ล่วงรู้]"
---ข้างบน---
แขนที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามเนื้อง้างค้อนหินสุดองศาฟาดลงเล็งไปยังหัวของสเตล่าหวังจะบี้ให้แหลกในทีเดียวแต่เธอก็สามารถเบี่ยงตัวหลบไปด้านข้างเข้าประชิดในจุดบอดและใช้คมมีดวายุฟาดฟันไม่ยั้งไล่ตั้งแต่สีข้าง หลังไปยันคอของมันอาศัยความรวดเร็วที่เหนือกว่า
"[ล่วงรู้]" สเตล่ายังคงใช้เวทมนตร์ต่อไปมองหาเส้นทางในการเอาชนะมอนสเตอร์ที่มีเลเวลมากกว่า
"ทำได้แสบดีนี่นังหนู [เสริมกำลังระดับหก]" ขณะที่เหมือนจะได้เปรียบแต่พอได้เห็นออร่ามานาอันหนาแน่นปกคลุมร่างกายของมิโนทอร์ไม่ว่าจะใช้มีดฟันเข้าไปเท่าไรก็ไม่เป็นผลถึงจะหลบการโจมตีได้หมดแต่ก็ไม่อาจเอาชนะได้
ทำไมจู่ ๆ ก็แข็งแกร่งขึ้นล่ะอย่าบอกที่มันพล่ามอะไรสักอย่างคือการใช้เวทมนตร์ แถมรูปแบบนี้คงจะเป็นเสริมกำลังและยังหนาหลายชั้นซะด้วย
ขณะเดียวกันคานะ มังกี้และซึฮากิกำลังรับมือมิโนทอร์กว่าแปดตัวถึงส่วนใหญ่จะเลเวลห้าแต่ก็ยังมีตัวที่เลเวลหกอยู่ด้วย
"มีแต่พวกเลเวลหกที่พูดได้สินะ?" ซึฮากิกล่าวเป็นนัย ๆ ให้คานะได้รับรู้
"จัดการพวกมันเสีย" เสียงอันหยาบกร้านสั่งการมิโนทอร์ตัวอื่น ๆ ขณะที่ตัวเองยืนมองดูด้วยความรื่นเริงสำราญใจ
"ฉันฝากถ่วงเวลาด้วยล่ะพวกเธอ" ซึฮากิพยายามอ้อมไปอีกฝั่งเพื่อปิดพวกมิโนทอร์ปล่อยให้มังกี้ที่กลายร่างกับคานะปะทะกับพวกมันตรง ๆ
"เหอะลูกไม้ตื้น ๆ แค่นี้คิดว่าข้าไม่รู้หรือยังไง" มิโนทอร์ที่มีสติปัญญาสูงมองเห็นการเคลื่อนไหวของซึฮากิปล่อยให้ลูกน้องรับมือกับคานะไปส่วนตัวเองนั้นมุ่งหน้าไปหาซึฮากิทันที
"อะ !" เสียงร้องลั่นไปทั่วสนามรบก่อนที่มิโนทอร์ทั้งเจ็ดตัวจะล้มลง
"ก-เกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นวะ !" ทันทีมันหันหลังกลับไปมองดูพวกพ้องล้มลงซึฮากิก็ใช้จังหวะนี้พุ่งแทงที่หลังปักมีดไปได้ครึ่งเล่มแต่มันก็แทบจะไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลย
"หน็อยไอ้พวกมดปลวก-" ด้วยความโมโหมันได้ร่ายเวทสร้างค้อนหินและกำลังจะเหวี่ยงแต่กลับล้มลงเสียก่อน
"พวกมันเป็นอะไรกัน?" คานะเองก็ยังตกใจเช่นกันก่อนซึฮากิจะค่อย ๆ สลายกลายเป็นควันสีดำ
"ดีมากที่ถ่วงเวลาไว้"เสียงของเขามาจากด้านบนเหนือหัวก่อนที่ซึฮากิจะค่อย ๆ ลอยลงสู่พื้นอย่างนิ่มนวล
"นายทำอะไรไปกันแน่? เลเวลพวกมันก็ไม่ใช่น้อย ๆ เลยนะ"
"เอาไว้ทีหลังแล้วกันตอนนี้ไปฆ่าพวกมันให้ตายก่อนเถอะ" ซึฮากิกระตุกมุมปากยิ้มพร้อมกับใช้มีดสั้นแทงไปตามจุดที่มีหัวใจทั้งสามดวงแววตาที่เต็มไปด้วยความเยือกเย็นค่อย ๆ สังหารมิโนทอร์ไปทีละตัว
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 278
แสดงความคิดเห็น