ในโลกของฉัน
ผ่านมา 1 ปีเต็มที่ฉันไม่มีงานทำ ไปสัมภาษณ์มาก็หลายที่ “เฮ้อ!!” ฉันถอนหายใจออกมาอย่างเบื่อหน่ายแต่ก็ไม่พอที่จะยกภูเขาอันหนักอึ้งออกจากอกในตอนนี้ มือฉันจับราวรถไฟ พยายามทรงตัวให้ดีที่สุด ก็เหมือนกับชีวิตในตอนนี้ โควิดมันทำให้เวลาเดินผ่านไปอย่างรวดเร็ว ทุกอย่างมันผ่านไปอย่างรวดเร็วจนเหมือนจะล้มถ้าไม่ใช่เพราะสายพานเหนือหัวนี่กับมืออันอ่อนเปลี้ย ฉันลงจากรถไฟ มุ่งหน้าเดินออกไปอย่างรู้จุดหมาย ที่ทางออกนั้นฉันเห็นหญิงคนหนึ่ง เส้นผมสีน้ำตาลเข้ากับสีผิวเกือบแทนของเธอและขาเธอมันชั่งเป็นรูปทรงตะเกียบอันน่าสนใจ ฉันเดินเข้าไปใกล้พอที่จะเปล่งเสียงแล้วอีกฝ่ายได้ยิน “ฟาร่า?” เธอคนนั้นหันกลับมา ตกใจเล็กน้อยแต่ก็เริ่มพูดคุยกันถึงเรื่องต่างๆ มันเหมือนเป็นช่วงเวลาของการได้ระบายความรู้สึกที่สั่งสมมานาน พวกเราปิดฉากวันนั้นด้วยการที่ฟาร่าพาฉันไปนั่งที่เก้าอี้ริมถนน ฝั่งตรงข้ามฉันคือหญิงมีอายุที่เพื่อนของฉันมักเรียกเธอว่าแม่ แม่เริ่มสับไพ่ในขณะที่ฉันเริ่มตั้งคำถามในใจ คำตอบของแม่มันทำให้ฉันพึงพอใจพอสมควรจนมาถึงเรื่องความรัก แม้ตอนนั้นจะไม่ใช่สิ่งที่น่าสนใจแต่ก็อยากลองดูเพราะยังไงก็เสียเงินไปแล้ว ไพ่ที่เปิดออกมาดีไปหมดแต่มีสิ่งหนึ่งที่น่าสนใจ หัวใจและดาบ 3 เล่มที่ปักลง “ความรักของเธอจะเป็นรัก 3 เส้าเสมอ ไม่ว่าจากทางเธอเองหรือจากทางเขา”
ฉันไม่ได้นั่งรถไฟกลับบ้านเลยทีเดียวเพราะเปลี่ยนใจไปนั่งที่ห้องแคบๆ ของคอนโดเพื่อนฉัน เธอจ่ายเงินราคาแพงกับห้องที่เล็กแบบนี้เพื่ออะไรฉันเองก็ไม่ค่อยแน่ใจ รู้เพียงแต่ว่าอยู่กับเพื่อนคนนี้แล้วมีความสุขมาก แม้การเดินทางจะใช้เงินขั้นต่ำ 200 แต่ฉันก็พอใจ แม้จะคิดกลับกันที่เงินเก็บที่ได้มาก้อนโตจากการถูกเชิญออกเมื่อปีที่แล้วมันก็ใกล้จะหมดลงไปทุกที
บนชั้นรองดาดฟ้า ที่นั่นคือที่ที่ฉันชอบมากที่สุดสำหรับการไปเยี่ยมเยือนที่คอนโดของเพื่อน สระว่ายน้ำที่เงียบสงบกับวิวที่แสนน่าถ่ายรูป พวกเราใช้เวลาส่วนใหญ่บนนั้นและบ่อยครั้งที่พวกเราจะได้รูปมาลงโซเชียล เที่ยงคืนคือเวลาบอกลา ฉันต้องเดินทางกลับแล้วจากที่ๆ ฉันรู้สึกมีความสุขและเมื่อตื่นเช้ามา มันก็เหมือนกับหนังม้วนเดิมที่กลับมาฉายซ้ำอีกครั้ง ฉันเบื่อบ้านหลังนี้ เบื่อที่ต้องฟังเสียงบ่นและการเหน็บแนมที่เจ้าตัวก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจริงรึเปล่า ก็แค่มองด้วยตาและคิดไปเอง บางครั้งฉันก็คิดว่าจะหนีไปไหนที่ไกลๆ เลยดีไหม ทำไมถึงไม่มีใครเข้าใจฉันเลยแต่สุดท้ายก็ไม่ได้ทำมันเพราะฉันมันขี้ขลาด
และแล้วมันก็สัมฤทธิ์ผล คำทำนายที่บังเกิดผลในเดือนมีนาคม ฉันบอกแฟนของฉันและทุกคนในบ้านต่างก็มีความสุข มันเป็นบริษัทที่ดูไม่ใหญ่และฉันก็ไม่มั่นใจว่ามันทำเกี่ยวกับอะไร รู้เพียงแต่เงินเดือนมันชั่งน้อยนิดเหลือเกิน เอาเถอะ ก็ยังดีกว่าไม่มีอะไรทำ แค่ 2 เดือนที่ทำ ฉันรู้จักกับทุกคนในบริษัท พวกเขาเอ็นดูฉันและฉันก็เริ่มมีเพื่อนเยอะขึ้นมากแม้บางครั้งฉันก็ต้องยอมปฏิเสธที่จะไปกินข้าวด้วยกันเพราะฉันอยากไปนอนที่บ้านญาติซึ่งก็ดันอยู่ใกล้กับบริษัทฉันจนแค่เดินไม่ถึง 10 นาทีก็ได้นอนสบายๆ
เข้าสู่เดือนที่ 3 ฉันเห็นหลายคนที่เข้ามาและจากไป บางทีฉันเองก็คงต้องไปเหมือนกัน ไม่รู้เพราะคิดแบบนั้นรึเปล่าแต่วันนั้นก็มาถึง วันที่ฉันตะโกนใส่หน้าหัวหน้าอย่างสุภาพว่าฉันไม่ชอบหน้าเขา มันคือจุดเปลี่ยนที่ทำให้ฉันได้ทำงานที่บ้าน พอว่างมากขึ้นก็ยิ่งทำให้ฟุ้งซ่านเช่นเดียวกับที่เวลาที่เรามีเงินจากงานมันก็ยิ่งทำให้เราอยากซื้อของที่ไม่เคยได้ซื้อมาเก็บไว้แต่สำหรับฉันมีแต่อาหารและการดูดวงเท่านั้นซึ่งล่าสุดที่ดูกับแม่หมอเหมือนจะผิดพลาดไปหมด ทำให้จิตใจของฉันมันขาดศรัทธาในตัวเธอแต่รู้อะไรไหม เวลาที่ฉันถามเรื่องความรักกับแฟนคนปัจจุบัน ฉันเห็นมันปรากฏขึ้นอีกครั้ง เจ้าไพ่ใบนั้นที่คุ้นตาและมันทำให้ฉันขนลุกกับคำพูดที่เกือบเหมือนจะก๊อบปี้มาจากครั้งแรก “ความรักของเธอจะเป็นรัก 3 เส้า” จริงไหมฉันไม่รู้ ที่แน่ๆ ฉันมีเพื่อนไม่สนิทแต่ก็พอจะทำได้มากกว่าเพื่อนอยู่คนหนึ่ง อาจจะเป็นเขาคนนั้นละมั้งที่ไพ่พยายามบอก
วันที่แสนเจ็บปวดสำหรับช่วงเวลาที่ดีคือวันที่ได้รู้ว่าฟาร่า เพื่อนของฉันจะไม่ได้บินไปอเมริกาอย่างที่ตั้งใจ เธอตั้งความหวังไว้สูงและฉันก็พยายามย้อมมันด้วยสีรุ้งที่เจิดจรัสแต่เมื่อถูกหักปีก มันก็เหมือนช่วงเวลาในเงามืด เธอปฏิเสธไม่ให้ฉันไปหา เธออยากอยู่คนเดียวฉันเข้าใจดีแต่ฉันเองพอได้ยินว่าเธอไม่ผ่านก็ใจหาย มันคืออารมณ์ที่เศร้ามากเพราะรู้ว่าเพื่อนตั้งความหวังไว้สูงแค่ไหนแต่สุดท้ายเราก็ได้เจอกันอีก ในห้องแคบๆ และบนสระว่ายน้ำนั้นที่ๆ เราเริ่มคุยกันอย่างเปิดเผยมากขึ้นและฉันก็เผลอบอกเรื่องแฟนออกไปให้เธอฟังเพราะฉันเองรู้สึกว่ารักของฉันมันค่อนข้างแตกต่างจากของเธออย่างสิ้นเชิง ทุกครั้งในเวลาเดิม ฟาร่าจะโทรปลุกแฟนที่อเมริกา เขาคือผู้ชายไทยที่โชคดีได้สัญชาติและเป็นเขาที่ทำให้ฝันของเพื่อนฉันเติบโตอย่างสมบูรณ์ พวกเขาคุยกับทุกคืน อย่างน้อยก็ทุกคืนที่ฉันเห็นและได้ยิน ได้มองหน้ากันและกันแม้ช่วงเวลาที่แตกต่างก็ไม่ใช่ปัญหาสำหรับพวกเขา บางทีฉันก็อิจฉาเพื่อนตัวเองเหมือนกันเมื่อมองดูความสัมพันธ์ของตัวเอง ฉันจำได้ว่าพวกเราเคยคุยผ่านกล้องแค่ครั้งเดียวและเป็นช่วงเวลานั้นที่แสนน่าจดจำ ใบหน้าที่ยิ้มให้ฉัน เราไม่ได้เปล่งเสียงพูดเพราะเขากลัวใครในบ้านจะได้ยิน ทุกอย่างมันเงียบไปหมด ฉันได้ยินแค่เสียงหายใจของตัวเองกับหัวใจที่เต้นรัว เป็นครั้งแรกและครั้งเดียวที่ฉันได้เห็นภาพเคลื่อนไหวนั้นจากเขา
วันหนึ่งฟาร่าแนะนำให้ฉันรู้จักกับเพื่อนของเธอที่ชื่อแคท ตอนแรกฉันก็ไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่แต่พอฟังว่าเป็นเธอคนนี้ที่ทักเพื่อนฉันแตกต่างจากแม่หมอคนเก่าเรื่องที่เธอจะยังไม่ได้บินไปอเมริกาในปีนี้ ฉันก็เลยรู้สึกว่าเธอน่าจะเป็นแม่หมอคนใหม่ให้ฉันได้ เอาจริงๆ เลยนะ ฉันก็แค่อยากให้ใครสักคนหนึ่งตะโกนใส่หน้าฉันดังๆ ว่า จงเชื่อในความไม่แน่นอนที่แฟนเธอมอบให้ จริงๆ มันก็เกือบจะได้ผลแล้วนะแต่เพราะความย้ำคิดย้ำทำก็เลยหมดเงินไปพอสมควรกับอนาคตที่ฉันไม่เคยคิดว่าตัวเองจะกำหนดเอง ให้ไพ่บอกละกันว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป ครั้งแรกที่ถามมันก็ดีอยู่หรอก แต่ก็ยังไม่มั่นใจก็เลยต้องถามไปอีก เดือน 7 เดือน 8 ปีนี้หรือที่เขาจะมา ตอนนี้เพิ่งจะเดือน 4 เอง ฉันจะรอไหวถึงวันนั้นไหมนะ? แล้วมันจะเป็นเรื่องจริงรึเปล่า? แต่ที่เขาทักมาส่วนใหญ่ก็แม่นนะ ฉันหมายถึงถ้าลองจับอันนี้ไปใส่อันนั้นน่ะนะ
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 403
- 👍 ถูกใจ
แสดงความคิดเห็น