ยินดีต้อนรับ เพื่อนของฉัน
“ท่าน ถึงท่านจะพูดเมื่อคืน แต่ข้าก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าทำไมพวกเราถึงไม่สามารถใช้เส้นทางลัดได้?” ชายผมบลอนด์จ้องมองผืนน้ำที่พวกเขากำลังเคลื่อนผ่านด้วยเรือไม้ที่สร้างขึ้นอย่างลวกๆ ตัวเรือขับเคลื่อนด้วยโดพีฟิฟหนึ่งเชือก ทำให้มันมีความเร็วที่พอจะช่วยลดเวลาเดินทางไปจุดหมายได้บ้าง “อืม ข้าเข้าใจว่าเจ้าคิดเช่นไร เพียงแต่เจ้าไม่คิดว่ามันน่าประหลาดรึ กับสภาพอากาศที่รายล้อมไปด้วยภูเขาไฟแต่ป่าหนานั่นดูจะไม่ได้รับอิทธิพลของพื้นที่แต่อย่างใด” เพรนิควีกล่าวเสียงเรียบ “อย่าได้เป็นห่วงไป ด้วยความเร็วของการเดินเรือ พวกเราจะไปถึงที่นั่นในไม่เกินเดือนนี้” ทั้งที่ตัวเองพูดไปแบบนั้นแต่กลับมีสีหน้าเป็นห่วง
ค่ำคืนเคลื่อนผ่าน จอดแวะข้างทาง และออกล่าหาอาหาร วนซ้ำไปเรื่อยๆ กระทั่งในที่สุดก็เริ่มมองเห็นต้นไม้นับร้อยของหมู่เกาะตรงหน้าที่เรือกำลังแล่นผ่าน “พวกเรามาถึงแล้ว!!” ชายคนหนึ่งตะโกนขึ้นอย่างมีความสุข หลายคนตอนนี้ก็มีสีหน้าไม่ต่างกัน เต็มไปด้วยรอยยิ้ม แม้แต่เพรนิควีเองก็ปริรอยยิ้มออกมาบ้าง มันเหมือนกับทุกอย่างที่ผ่านมาเป็นเพียงความฝัน ทั้งภูเขาสีดำและกลิ่นของความตาย เหมือนกับว่าทุกอย่างคือความฝันที่ยาวนาน และมันจะจบลงเมื่อพวกเขาเหยียบขาลงที่เกาะนั้น ตื่นจากความฝัน และมองความจริง ตู้ม!!!!!! ภาพสุดท้าย ภาพของพายขนาดยักษ์ แต่งแต้มด้วยเกล็ดสีดำเปล่งแสงสีเขียวราวกับทับทิม มันฟาดลงที่เรือ ความรู้สึกที่เหมือนกับกำลังจมน้ำ ทรมาณ จุก อากาศกำลังหายไป ถูกแทนที่ด้วยของเหลว แรงกระชาก ไม่รู้ว่าแรงมากแค่ไหนแต่นั่นเป็นสิ่งสุดท้ายที่จำได้
“อืม~~” ลืมตาอีกครั้ง แสบตาเพราะแสงจ้า สิ่งที่เห็นคือเพดานสีขาว เสียงสัญญาณที่ดังตลอดเวลา และไอเย็นของห้องที่จับขั้วหัวใจ กับความรู้สึกอันน่ารำคาญเสมือนข้อมือตัวเองมีอะไรติดอยู่ พยายามลุกขึ้นนั่งบนเตียงนุ่ม สอดส่ายสายตามองไปโดยรอบ มันคือห้องสี่เหลี่ยมสีขาว มีประตูเข้าออกเพียงบานเดียว และกล่องสี่เหลี่ยมทรงผืนผ้าที่มีชายผมน้ำตาลนั่งสัปหงกอยู่ “อนานำ?” เสียงเกือบจะแหบพร่า มันไม่ดังพอให้อีกฝ่ายคืนสติกลับมาได้ เขาลุกออกจากเตียง ค่อนข้างยากลำบากเอาการเพราะเหมือนขามันไม่มีแรงชั่วขณะ ทิ้งตัวลงนั่งกล่องสี่เหลี่ยมทรงผืนผ้า จ้องหน้าที่ก้มต่ำราวกับหัวจะหลุดร่วงลงพื้นให้ได้ “อนานำ?” ปฏิกิริยาตอบสนองอย่างฉับพลันทำให้อนานำตั้งท่าเตรียมหาเรื่องเพรนิควีทันใด “ท่าน!?” แต่พอเห็นใบหน้าแม้จะสวมชุดประหลาดก็ทำให้เข้าใจสถานการณ์ทันที
“ที่นี่ที่ไหน?” “อืมม ข้าไม่แน่ใจเช่นกัน โฮ อะไรซักอย่าง ข้ารู้แค่มันคือที่พักรักษา” อนานำเอ่ย “ใช่เกาะของชนเผ่าออปโปซีรึเปล่า?” อนานำอึ้งไปครู่หนึ่ง “ไม่ใช่” เขาตอบด้วยเสียงเรียบๆ ทำเอาเพรนิควีอึ้งไปใหญ่ ความสับสนบังเกิดพร้อมคำถามมากมาย หนึ่งในนั้นคือ “ทำไมเจ้าอยู่นี่?” อนานำขมวดคิ้วเล็กน้อย ใบหน้าดูกลุ้มใจพอสมควร “พวกเรา...ไม่ได้ไปไหนไกลเลย” ยิ่งได้ฟังก็ยิ่งสงสัยเข้าไปใหญ่
ภายในห้องสี่เหลี่ยมแห่งหนึ่ง โต๊ะทำงานที่ทำจากไม้ ด้านบนคือโน็ตบุ๊คขนาดกะทัดรัดสีดำ มีตราสัญลักษณ์รูปหมาป่าสีเทากำลังงับแสงสว่างและอักษรที่เขียนว่า ‘This asset belongs to Operation Greywolf’ สลักบนมุมซ้ายของฝาหน้าจอ
“ท่านประธานาธิบดี แขกมาถึงที่ห้องประชุมแล้วครับ” ชายวัยกลางคนในชุดเครื่องแบบที่แตกต่างจากชุดของชายเจ้าของประโยคลุกขึ้นยืนจากเก้าอี้ทำงาน หยิบแฟรชไดร์สีขาวบนโต๊ะ และเดินตามชายคนนั้นไปยังห้องอีกแห่ง ไม่ไกลจากห้องทำงาน เมื่อประตูถูกเปิดออก ทั้งสองเห็นกับชายในชุดเครื่องแบบสีเทาเหมือนของชายผู้นำทางแต่ทรงผมกับลักษณะใบหน้ากลับแตกต่างโดยสิ้นเชิง “ยินดีที่ได้เจอครับ สมาชิกชนเผ่าอีโวลนู....หรือจะให้ผมเรียกว่าอดีตประชาชนประเทศเอซเรดนูดีครับ” ประธานาธิบดีเอ่ยทักผู้มาเยือนหลังจากนั่งลงแล้ว “ท่านรู้จักพวกข้าได้เช่นไร...พวกท่านลักพาตัวพวกข้ามาที่นี่ใช่รึไม่ ด้วยสิ่งมีชีวิตนั่น?” เพรนิควีจ้องอีกฝ่ายตาไม่กระพริบ ประโยคที่เขาเอ่ยทิ้งไว้ทำให้ใบหน้าของเพื่อนร่วมชาติต่างแสดงออกว่าตกใจและเริ่มไม่ไว้วางใจชายปริศนาทั้งสองที่นั่งอยู่ตรงข้าม
ประธานาธิบดีแสยะยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ มือล้วงหยิบกล่องปริศนาขนาดเล็กกะทัดรัด ดูประหลาดตายิ่งนัก เสียบลงไปบนโต๊ะสีขาวที่ปรากฏประตูกะทัดรัดเลื่อนออก เผยให้เห็นช่องประหลาด “สมกับที่เป็นถึงพระราชาของประเทศเอซเรดนู ชั่งหลักแหลมยิ่งนัก” ประธานาธิบดีกล่าวต่อ “อย่างที่เข้าใจ The Hunter เป็นหนึ่งในความภาคภูมิใจของพวกเรา และประเทศลาฟฮิล” “ท่านยังไม่ตอบคำถามของข้า…ที่ว่าท่านรู้จักพวกข้าได้ยังไง?” เพรนิควียังคงแสดงท่าทางคุมเชิง ไม่แสดงออกว่าหดหู่ หรือจะรู้สึกว่าตัวเองเป็นเหยื่อในกรงปีศาจ ทั้งหมดนั้นสะท้อนอยู่ในดวงตาสีฟ้าสว่างคู่นั้น “รบกวนหันหลังกลับไปที่กำแพงด้วยครับ” ประธานาธิบดีจิ้มนิ้วลงบนโต๊ะพลันเก้าอี้ของคนทั้งสิบค่อยๆ หมุนกลับไปข้างหลัง “นี่มันเวทมนต์บ้าอะไร?!!” ชายผมน้ำตาลหนึ่งในสิบหนุ่มฉกพรรด์เด้งตัวลุกจากเก้าอี้ทรงไข่ของตน ไม่ใช่แค่เขาแต่คนอื่นก็มีปฏิกิริยาตอบสนองไม่แพ้กัน เกิดเป็นความโกลาหลที่ไม่รู้จักเวทมนต์ประหลาดนี้ “ฮ่าๆๆๆ พวกคุณนี่ตลกดีนะครับ” เสียงหัวเราะชอบใจของประธานาธิบดีรังแต่จะสร้างความหงุดหงิดให้พวกเขามากกว่าจะคล้อยตาม “นั่นไม่ใช่เวทมนต์ครับ วิทยาศาสตร์ต่างหาก เอาล่ะ นั่งลงก่อนแล้วดูที่กำแพงด้านหลังของพวกคุณครับ ผมจะได้อธิบายทุกอย่างให้เข้าใจ” เพรนิควีเป็นคนแรกที่นั่งลง สายตามองจ้องไปที่ผนังกำแพงตามที่ประธานาธิบดีบอก มันก็ยังดูเป็นกำแพงสีขาวโล้นๆ ไม่ได้มีอะไรประดับให้แตกต่าง แต่พอสมาชิกทั้งหมดนั่งประจำที่เรียบร้อยแล้ว มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นกับตัวกำแพงที่นูนออกมาและเบนหน้าลง เพียงครู่หนึ่งก็แสดงภาพวาดที่เคลื่อนไหวได้ รูปร่างของหมาป่าสีเทากำลังงับแสงสว่าง
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 323
- 👍 ถูกใจ
แสดงความคิดเห็น