ที่ที่พวกเราเป็นหนึ่ง

-A A +A

ที่ที่พวกเราเป็นหนึ่ง

                ท้องฟ้าสีคราม   แสงแดดกำลังจัดจ้านได้ที่   สิ่งมีชีวิตปริศนาร่างกายสีส้ม   ปีกนกที่มีขนสีแดง   ใบหน้ามีกระดูกแหลมสีขาวไม่ต่างจากสันขวานอันไร้ความมันวาว   ไร้แขนและขา   แต่มีหางยาวไร้ขน   ขนาดของมันราวเครื่องบินเจ็ตเห็นจะได้   ชายวัยกลางคนจ้องมองลงมา   ทัศนวิสัยเบื้องล่างคือวงล้อมของภูเขาไฟและภูเขาฝน   กึ่งกลางคือผืนป่าสีเขียวขจี   ชั่งดูขัดตากับบรรยากาศโดยรอบนัก   เขากระตุกบังเหียนของสิ่งมีชีวิตประหลาดพลันมันพาเขาเลี้ยวกลับไปยังอีกจุด   ผ่านปล่องภูเขาไฟร้อนระอุที่มองเห็นบางอย่างคล้ายบอลลูนใสลางๆ   ก่อนที่ไม่นานก็มาถึงที่ลานหญ้าของหมู่บ้านแห่งหนึ่ง   เขาเดินตรงเข้าไปในเขตหมู่บ้าน   บ้านเกือบสิบหลังตั้งหันหน้าชนกันอย่างมีระเบียบ   วัสดุแข็งแรงเพราะทำจากไม้   กองไฟขนาดใหญ่ยังไม่ถูกจุดดีแต่พอเห็นว่ามีกลุ่มชายฉกรรพ์กำลังแล่เนื้อสัตว์กันอยู่

                “เจออะไรบ้างไหม?”   ชายที่เดินผ่าน   เขากำลังแบกท่อนไม้ตรงไปที่กองไฟ   “ไม่มีร่องรอยอารยธรรมมนุษย์แล้วก็มีป่าขนาดใหญ่โตที่กลางหุบเขาล้อมรอบ”   เขากล่าวตอบหลังจากดื่มน้ำในแก้วที่ทำจากซุงไม้   หันซ้ายทีขวาทีก่อนจะขมวดคิ้วเล็กน้อย   “อนานำยังไม่มารึ?”   ชายคนนั้นหันมาพยักหน้าในขณะเรียงท่อนไม้อย่างเป็นระเบียบ   “มือใหม่คงไม่ชินกับเจ้าโดพีฟิฟน่ะ”   ชายที่กำลังแล่เนื้อกล่าวจบก็ส่งเสียงหัวเราะออกมา   “ให้ตายเถอะ   เก่งเป็นแต่ใช้ฟ้าผ่าคนอื่นแต่เรื่องเลี้ยงสัตว์นี่ห่วยสุดๆ”   ชายอีกคนที่นั่งข้างกันกล่าวเสริม   “แต่จะว่าไปเจ้าบ้านั่นไม่ได้กลับมาตั้งสามวันละนะ”   ชายแล่เนื้อคนแรกกล่าว   บรรยากาศที่กำลังครึกครื้นพลันเงียบลง   เริ่มมีความตึงเครียดเกิดขึ้นแม้จะเสี้ยวหนึ่งก็ตาม   “เอาน่า   เจ้านั่นมันไม่ตายง่ายๆ   แน่   รอสักหน่อยเดี๋ยวมัน...”   ครื่นลมกระโชกโหมกระหน่ำเข้าใส่กองเพลิงที่ยังไม่ติด   พาให้ท่อนไม้ที่เรียงตัวสวยกระจัดกระจายไปคนละทิศละทาง   แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่เรียกเสียงโวยวาย   และการแตกรังของพวกเขาเพราะสิ่งมีชีวิตปริศนาตัวเดิม   ไม่สิ   น่าจะเป็นอีกตัวร่วงลงมาทับกองเนื้อสัตว์อย่างจัง   กว่าฝุ่นและเศษหญ้าจะตกตะกอนบนพื้นจนหมดก็ใช้เวลาอยู่เกือบนาที

                “แกนี่มันจริงๆ   เลยนะ   รู้อยู่หรอกว่าหิวน่ะแต่...”   “ว๊าก!!”   เสียงร้องตกใจปนเจ็บปวดดังมาจากเจ้าของบังเหียนที่กำลังยืนดูสัตว์เลี้ยงตัวเองกำลังแทะเล็มเนื้ออย่างเอร็ดอร่อย   “แกนั่นแหละ   อนานำ   นั่นมันเนื้อของพวกเราทุกคนนะเว๊ย!!”   ชายแล่เนื้อคนแรก   มือถือไม้ลักษณะคล้ายมีดอีโต้   จากใบหน้าและน้ำเสียงก็รู้ว่าเป็นเขาที่เขกอีโต้ไม้ลงบนหัวของอนานำ   “อะไรกัน   โทษข้าได้ไง   เจ้าต้องโทษเจ้าโดพีฟิฟไม่ใช่รึไง?!!”   “อั่ก!!”   โดนเข้าไปอีกรอบ   เพียงชั่วพริบตาอนานำก็กลายเป็นผู้ถูกด่าไปโดยปริยายจากคนโดยรอบ   แต่มีหนึ่งที่ยังคงมีสีหน้าเรียบนิ่ง   จริงๆ   แล้วก็ดูจริงจังตลอดเวลานั่นแหละ   “อนานำ   เจ้าเห็นอะไรมาบ้างรึ?”   เป็นอีกครั้งที่เสียงของเพรนิควีสยบเสียงอื่นจนหมด   อนานำหันมาจ้องหน้าอีกฝ่ายครู่หนึ่งก่อนจะแสยะยิ้มออกมา   “ท่านอยากได้เมียสักคนไหมล่ะ?”   ผัวะ!   ก่อนจะตามมาด้วยเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดของอนานำ   “ตลกนักรึไง   ไอ้บ้านี่”   ชายแล่เนื้อมือหมีไม่รู้จะสรรหาคำใดมาด่าชายหนุ่มขี้เล่นคนนี้   ไม่ทันสังเกตด้วยซ้ำว่ามีรอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าของเพรนิควี

 

                ค่ำคืนนั้น   ท่ามกลางกองไฟที่สูงส่ง   เพรนิควี   เป็นเพียงคนเดียวที่ยืนตระหง่านอยู่ด้านหน้าของความร้อน   จ้องมองมันราวกับกระจกเงาที่ปราศจากภาพสะท้อนของตน   “เช้าพรุ่งนี้พวกเราจะออกเดินทางไปยังอีกฟากของเกาะกัน”   ไม่มีใครตอบอะไร   ทุกอย่างดูเงียบไปหมดจนเหมือนทุกคนกำลังตั้งใจฟังเขาเป็นอย่างดี   “อนานำพบเจอชนเผ่าหนึ่งที่เรียกตัวเองว่าออปโปซี   ตั้งรกรากที่เกาะอีกแห่งทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ   พวกเขายินดีต้อนรับพวกเราเป็นส่วนหนึ่งของพวกเขา”   เสียงปรบมือดังขึ้นพร้อมเสียงโห่ร้องในทันใด   ต่างคนต่างมีจินตนาการในหัว   ไปไกลถึงขนาดมองเห็นครอบครัวของตนเองแต่ไฉนกลับมีเพียงหนึ่งคน   และเป็นคนที่เอ่ยปากชักชวนทุกคนให้ไปที่นั่น   ถึงมีใบหน้าเป็นกังวลได้ขนาดนั้น

                การประชุมหน้ากองเพลิงจบลง   ต่างก็แยกย้ายกันไปหลับนอนในบ้านของตนเอง   ช่วงเวลาผ่านไปยังไม่ทันถึงเที่ยงคืนด้วยซ้ำที่กองเพลิงถูกจุดขึ้นมาอีกครั้ง   เป็นเพรนิควีผู้กำลังนั่งยองๆ   อยู่หน้ากองเพลิง   ท่ามกลางความมืดที่พยายามคุกคามรอบกาย   เสียงถอนหายใจดังออกมาแผ่วๆ   พร้อมกับภาพของผืนป่าที่เขายังจำได้ดี   มันดูทะแม่งๆ   ยังไงชอบกล   ในขณะที่คิ้วกำลังจะขมวดชิดติดกันเพราะความคิดเรื่อยเปื่อย   อยู่ๆ   ก็มีเสียงเปิดประตูบ้านออกมาจนต้องหันกลับไปมอง   พอเห็นว่าเป็นคนก็คลายสีหน้าระแวงนั้นปั้นหน้าธรรมดา   หันมองไปที่กองเพลิงตามเดิม   “อย่าหาว่าอย่างงั้นอย่างงี้เลยนะ   ท่านเพรนิควี   แต่ว่าข้าไม่คิดว่าท่านกำลังอมทุกข์เพราะเรื่องที่จะมีเมียใช่ไหม?”   อนานำหย่อนตูดลงนั่งข้างๆ   ไม่ได้มองหน้าอีกฝ่ายแต่ได้เสียงเสียงหัวเราะเบาๆ   ในลำคอ   “ข้าล่ะอิจฉาเจ้านะ”   เพรนิควีเอ่ยเสียงเรียบ   “ที่ข้าหล่อกว่าท่านรึ?   เอาจริงๆ   ข้าว่าท่านเองก็หล่อเช่นกัน   หล่อแบบแก่ๆ”   ยังตลกไม่เลิก   แต่ครั้งนี้มันต่างไป   ทำไมไม่มีเสียงหัวเราะแบบเมื้อกี้ออกมาล่ะ?   เขาเอียงหน้ามองเล็กน้อย   ใบหน้าของเพรนิควีอมทุกข์อีกแล้ว   “ข้าขอโทษที่พูดความจริง....”   “ทำไมเจ้าถึงไม่รู้สึกเศร้าบ้าง?”   อนานำขมวดคิ้วเล็กน้อย   “เจ้าโกรธข้าบ้างไหมที่พาเจ้ามาที่นี่?”   “เจ้าไม่แค้นข้ารึที่ไม่รั้งให้เจ้าอยู่กับแม่ของเจ้าที่นั่น   เจ้า....”   เสียงถอนหายใจของอนานำช่วยเบรกไม่ให้เพรนิควียิงคำถามไปมากกว่านี้   “ไม่เลย   ข้ารู้สึกดีด้วยซ้ำที่ตามท่านมา   อุดมการณ์เดียวกันไม่ใช่รึ?”   อนานำหัวเราะในลำคอ   เขาลุกขึ้นยืน   ใบหน้ามองจ้องไปที่กองไฟ   “พระเจ้าที่ฆ่าพี่ชายของข้า   ข้าไม่นับว่ามันคือสิ่งที่สมควรแก่การบูชาหรอกนะ”   เพียงเสี้ยววินาทีที่เขากล่าวออกมา   ใบหน้ากวนโอ๊ยนั้นเปลี่ยนเป็นราวกับมีอีกคนแทรกตัวอยู่ในนั้น  

                ความเงียบเข้าปกคลุมอย่างน่าประหลาด   ได้ยินแต่เสียงเปาะแปะของท่อนไม้ที่ใกล้พังทลายด้วยฤทธิ์ของเปลวไฟ   หางตาของเพรนิควีมองเห็นว่าอีกฝ่ายลุกขึ้นยืน   เหมือนจะเดินกลับไปนอน   ต่างฝ่ายต่างไม่พูดอะไรกระทั่ง   “ตื่นเช้ากว่าเดิมด้วยล่ะ”   อนานำพยักหน้าให้ในขณะที่เดินห่างออกมาจากรัศมีของกองไฟ   เพรนิควียังคงใช้เวลากับตัวเองและกองเพลิงนั้น   มันให้ความรู้สึกเหมือนกับเขาได้เห็นใครบางคนที่เขาเองก็แทบจะลืมหน้าไปแล้ว   ใบหน้าของหญิงวัยกลางคน   เส้นผมสีฟ้าราวกับมันถักทอใต้ผืนทะเลในยามแสงสุริยันต์ทรงอำนาจ   รอยยิ้มของริมฝีปากบางกว้างใหญ่ไม่ต่างจากผืนน้ำในมหาสมุทร   เธอผู้เป็นดั่งมหาสมุทร   และชายผู้เป็นดั่งผืนดินใต้น้ำ   คอยโอบกอดเธอทุกครา   ไฉนสองเราจึงมีชะตาเช่นนี้?   เสมือนบทกลอนที่เล่นอยู่ในหัวของเขา   วนไปไม่มีวันจบสิ้น   จากสวยงามเปลี่ยนเป็นความเศร้า   ย้อมด้วยสีแดงของเลือด   และแผ่นหลังนั้นจนกลายเป็นความแค้น   เกิดเป็นคำถามที่เธอคนนั้นเท่านั้นที่จะตอบได้   ‘อันนากา.....เจ้ารักมันมากกว่าข้าอีกรึ?’  

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 
 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.