ตอนที่ 80 หนี

สวรรค์มวลดาว (Heavenly Star)
คุณกำลังอ่าน: สวรรค์มวลดาว (Heavenly Star)

-A A +A

ตอนที่ 80 หนี

หมวดหนังสือ: 

ตอนที่ 80 หนี

 

“คลื่นทะลวง? ไม่รู้สิ ข้าเคยได้ยินแต่ชื่อของเขา พวกเราคนรับใช้ไม่อาจเข้าใจคนพวกนั้นได้จริงๆ” เย่ซีกล่าว

 

“ข้าเข้าใจ เอาล่ะ เจ้าออกไปก่อน ห้ามเข้ามาจนกว่าข้าจะอนุญาต” เย่หวูเฉินโบกมือ

 

“ขอรับ!” เย่ซีถอยออกไปด้วยความเคารพ

 

มือของเย่หวูเฉินเรืองแสงสีแดงอ่อน เขาเคลื่อนมือไปบนเสื้อผ้าของหนิงเสวี่ยตรงที่ยังเปียกชื้น ทำให้เสื้อของนางแห้งในทันที เขายืนขึ้นแล้วกล่าว “เสวี่ยเอ๋อร์ มาเล่นต่อภาพกันเถอะ”

 

เย่หวูเฉินโปรยเศษเทียบเชิญที่มีขนาดเท่าๆกันลงบนเตียง ทั้งสองนอนบนเตียง หัวเราะและเอาเศษกระดาษมาต่อเรียงกัน เพียงไม่นานเทียบเชิญก็ต่อเรียงกันเป็นรูปร่างเดิม

 

เย่หวูเฉินยิ้มมุมปาก จากนั้นเคลื่อนพลังหวูเฉินไปที่มือ นิ้วของเขาเปล่งแสงไร้สีออกมา เขาเคลื่อนนิ้วผ่านรอยแยกของกระดาษ พวกมันประสานเข้าด้วยกันอย่างรวดเร็ว จนในที่สุดก็กลับมาอยู่ในสภาพสมบูรณ์ดังเดิม

 

เพียงชั่วเวลาไม่นาน เทียบเชิญที่มีชื่อ ‘เย่หวูเฉิน’ ก็อยู่ในมือของเย่หวูเฉิน ไม่มีร่องรอยฉีกขาดโดยสิ้นเชิง สภาพเรียบร้อยสมบูรณ์

 

“ท่านพี่เก่งจัง ท่านทำได้ยังไง?” หนิงเสวี่ยปรบมือและถามอย่างตื่นเต้น

 

“พลังของข้ารักษาได้กระทั่งบาดแผล เรื่องแค่นี้ถือว่าง่ายมาก” เย่หวูเฉินกล่าวพลางหัวเราะ “เจ้าจำตอนที่พวกเราล่าสัตว์ได้ไหม? เสื้อผ้าของข้าฉีกขาดครั้งแล้วครั้งเล่า แต่หลังจากนั้นเจ้าก็ไม่เห็นรอยฉีกขาดพวกนั้น พี่ต้าหนิวของเจ้ายังพูดเลยว่าสายตาของเขาคงจะมีปัญหา”

 

“อื้ม! ฮี่ ฮี่!”

 

“ตอนนี้ก็เปลี่ยนชื่อให้กลับเป็นเหมือนเดิม”

 

เขาใช้พลังหวูเฉินลบคำว่า ‘เฉิน’ ออกไป จากนั้นใช้พู่กันเขียนคำว่า ‘หยุน’ ลงไปแทน ยามเขากดลงบนกระดาษ น้ำหมึกก็แห้งสนิท ดูไม่ออกว่าเป็นการเพิ่งเขียนลงไป เขาบอกให้หนิงเสวี่ยนั่งรออยู่ตรงนี้ จากนั้นเขาปีนขึ้นหลังคาราวกับหัวขโมย

 

เขาวางเทียบเชิญไว้ใต้ฟูกนอนของเย่หวูหยุน จากนั้นกลับไปบนหลังคาเงียบๆ แค่นเสียงอยู่ในใจ ‘แม้ว่านี่เป็นเพียงเกมเล็กๆ แต่ในเมื่อเจ้าคิดจะเล่นกับข้า ข้าก็จะเล่นให้สมบูรณ์แบบ ต่อให้เจ้ามีร้อยปากก็ไม่อาจพูดอธิบาย ข้าจะทำให้เจ้ารู้สึกหมดหนทาง ไม่เช่นนั้นก็คงไม่ใช่ข้าเย่หวูเฉิน’

 

ระหว่างทางกลับห้อง เขาได้ยินเสียงที่ไม่คุ้นหูดังชัดใสมาจากห้องโถง หัวใจเขากระตุก แขกมางั้นเหรอ?

 

เขาคิดอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นขยับเข้าไปใกล้ขึ้น เอนร่างเอียงหูฟัง

 

“...ขุนพลเย่ ฮูหยินเย่ ที่ข้ามาวันนี้อันที่จริงมีเรื่องจะกล่าว”

 

“โอ้? ใต้เท้าจี้มีสิ่งใดก็กล่าวกับพวกเราเถิด”

 

“ข้าได้ยินมาว่าบุตรชายของท่านจนถึงตอนนี้แล้วยังไม่ได้แต่งงาน และลูกสาวของข้าก็อายุครบ 16 ในปีนี้พอดี เป็นเวลาสมควรที่นางจะเลือกคู่ครอง เนื่องจากนางได้เห็นความสง่างามของบุตรชายท่าน และนางแอบปกปิดความรักต่อเขาไว้ข้างใน ดังนั้น.... โอ้ ไม่ ไม่ ไม่ ลูกสาวของข้าไม่มีความคิดที่จะแข่งกับองค์หญิงเฟยฮวงในฐานะภรรยาหลวง ลูกสาวข้าแค่ต้องการเข้าสู่ตระกูลเย่ในฐานะนางบำเรอเท่านั้น....อะแฮ่ม! อะแฮ่ม! ข้าหมายถึงบุตรชายของท่านกับองค์หญิงเฟยฮวงจะแต่งงานกันในอีกสามปีข้างหน้า บุตรชายของท่านอย่างไรก็เป็นถึงบุรุษผู้กล้า แต่กลับยังไม่มีสตรีอยู่เคียงข้างเขา ทั้งลูกสาวของข้ายังมีการศึกษา ,ฉลาดรอบรู้ , สวยสดงดงาม....”

 

เย่หวูเฉินพูดไม่ออกเมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้น แต่งเข้ามาในฐานะนางบำเรอ!? ยิ่งกว่านั้นฟังจากน้ำเสียงแล้ว เขาน่าจะเป็นขุนนางระดับสูง ตาเฒ่าผู้นี้กับลูกสาวของเขาบ้าไปแล้วหรือยังไง?

 

“เรื่องนี้...พวกเราคงต้องถามความเห็นของเฉินเอ๋อร์ก่อน” ฟังจากเสียงของหวังเวิ่นชู เขาสามารถจินตนาการได้ถึงสีหน้าของนางในเวลานี้

 

“ใต้เท้า ชางกวน มาถึงแล้ว!”

 

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า! ไม่พบกันตั้งนานเลยขุนพลเย่ ข้าผิดเอง ข้าผิดเอง โอ้? ใต้เท้าจี้ ท่านก็อยู่ที่นี่ด้วย!” เป็นน้ำเสียงหยาบกระด้างของชายผู้หนึ่ง

 

หลังจากทักทายสั้นๆ ชายที่ชื่อใต้เท้าชางกวนก็ตะโกนกล่าวเสียงดังลั่น “ข้าชางกวน เป็นคนตรงไปตรงมา ข้าจะไม่พูดอ้อมค้อม บุตรสาวข้าได้เห็นความสง่าผ่าเผยของบุตรชายท่าน หลังจากนั้น นางประกาศว่าชั่วชีวิตนี้จะไม่แต่งงานกับผู้ใดนอกจากบุตรชายของท่าน นางกลัวว่าอาจจะมีคนอื่นชิงตัดหน้านางไป ดังนั้นข้าจึงมาที่นี่ อ้อ ลูกสาวข้าพึ่งอายุได้ 15 ปี ถึงแม้อารมณ์ของนางจะ...ไม่ถึงกับดีมากนัก แต่รูปร่างหน้าตาของนางนับได้ว่าเป็นหนึ่งในร้อย ทั้งยังมีกิตติศัพท์เลื่องลือ! มีผู้คนมากมายมาสู่ขอนางถึงประตูหน้าบ้านของพวกเรา...”

 

“ใต้เท้า หลิว มาถึงแล้ว!”

 

“โอ้ ขุนพลเย่ ไม่ได้เจอกันเสียนาน กล่าวตามตรงข้ามาที่นี่เพื่อเสนอการแต่งงานแทนลูกสาวข้า ลูกสาวของข้าพึ่งอายุครบ 16 ในปีนี้....”

 

“ใต้เท้า ชูเกอ มาถึงแล้ว!”

 

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า! น้องเย่ เพื่อมิตรภาพของพวกเรา ข้าจะพูดเข้าประเด็นเลยก็แล้วกัน ลูกสาวข้าเมิ่งเอ๋อร์ขอร้องให้ข้านำจดหมายกับผ้าเช็ดหน้าลายปักแทนใจ มามอบให้กับบุตรชายท่าน ดูจากของพวกนี้ ลูกสาวของข้าคงหลงรักบุตรชายท่านแล้ว ทำไมพวกเราไม่มาเป็นทองแผ่นเดียวกันผ่านการแต่งงาน นี่ย่อมกลายเป็นความสัมพันธ์แน่นแฟ้นระหว่างพวกเราสองตระกูล...”

 

“ใต้เท้า เฉิง มาถึงแล้ว!”

 

..........

 

“ใต้เท้า เลี่ยว มาถึงแล้ว!”

 

..........

 

“ใต้เท้า โอหยาง มาถึงแล้ว!”

 

“ใต้เท้า ลู่ มาถึงแล้ว!”

 

“ใต้เท้า หวง มาถึงแล้ว!”

 

“ใต้เท้า หวู่ มาถึงแล้ว!”

 

.....................

 

.....................

 

เย่หวูเฉินเริ่มจากเม็ดเหงื่อผุดพราว จากนั้นเม็ดเหงื่อเริ่มไหลร่วงกราว เขาแทบลื่นตกจากหลังคา ขณะที่หวังเวิ่นชูสั่งคนใช้ให้ไปเรียกเขา เขารีบพุ่งตรงกลับไปที่สวนน้อยของตนเองทันที

 

เมื่อกลับมาถึงในห้อง เขาพาหนิงเสวี่ยเตรียมเผ่นหนีออกไป บังเอิญเสี่ยวลู่เข้ามาพอดี นางนำอาหารมาให้และกล่าวอย่างนุ่มนวล “นายน้อย เมื่อครู่ข้าบังเอิญเจอคุณหนูใหญ่ นางฝากบอกมาว่าถ้าท่านมีเวลาว่างให้ไปหานางที่ห้อง”

 

ราวกับได้ยินเสียงจากสวรรค์ เขาแทบอยากกอดและจูบเสี่ยวลู่ เขารีบพาหนิงเสวี่ยพุ่งออกไปราวกับสายลม แต่ไม่ทันไรเขาก็พุ่งกลับมาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “เสี่ยวลู่ บอกเย่ซีกับเย่บา หรือใครก็ตามที่ถามถึงข้า บอกไปว่าข้าไม่อยู่ที่นี้ บอกพวกเขาว่าข้าออกไปเดินเล่นและจะกลับมาในตอนเย็น เจ้าได้ยินที่ข้าพูดมั้ย? บอกนายหญิงกับนายท่านแบบเดียวกันด้วย!”

 

“จะ...เจ้าค่ะ!”

 

เย่หวูเฉินพุ่งออกไปราวกับสายลมอีกครั้ง ด้วยความเร็วที่ทำให้เสี่ยวลู่ต้องตะลึง

 

สวนของเย่ฉุ่ยเหยาสงบสุขเหมือนทุกวัน สำหรับเย่หวูเฉินแล้วไม่มีที่ไหนปลอดภัยมากไปกว่าที่นี่ เนื่องจากไม่มีใครก้าวเท้าเข้ามาในสวนของนาง นอกจากว่าพวกเขาจะมีธุระ ย่อมไม่มีผู้ใดรู้ว่าเขามาซ่อนตัวอยู่ที่นี่ เย่หวูเฉินเดินตรงไปที่ห้องหนังสือ เขาพลักประตูเดินเข้าไปโดยไม่เคาะประตู

 

กลิ่นหอมที่คุ้นเคยโชยกระทบจมูก เย่หวูเฉินหลงใหลยามที่สูดกลิ่น สตรีงดงามที่อยู่ในห้องไม่ส่งเสียงใด นอกจากเย่หวูเฉินแล้วก็ไม่มีใครกล้าเข้ามาโดยไม่เคาะประตู

 

“พี่หญิงเรียกข้ามาที่นี่ น้องชายของท่านรู้สึกยินดียิ่งนัก นี่หรือว่าพี่หญิงจะคิดถึงข้า?”

 

เย่ฉุ่ยเหยาหมุนกายมามองเขา จากนั้นหันกลับไป น้ำเสียงของนางชัดใสและเย็นชา “มาตรงนี้แล้วสอนข้าวาดภาพ”

 

เขาวางหนิงเสวี่ยลงบนเก้าอี้ แอบทำท่าจุปากว่าอย่าส่งเสียง จากนั้นเดินไปยืนอยู่ข้างเย่ฉุ่ยเหยาอย่างเงียบๆ ร่างของเย่ฉุ่ยเหยาแข็งทื่ออย่างเห็นได้ชัดขณะที่เขาเข้ามาใกล้ แต่นางคืนสู่ภาวะปกติอย่างรวดเร็ว และคลี่กระดาษวาดภาพแผ่นใหม่ออก

 

“สอนวิธีวาดภาพให้ข้า ภาพ‘ดอกบัวคู่บนก้านเดียว’”

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 
 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.