ตอนที่15:คำแนะนำ
" ใช้ชีวิตอย่างมีเมตตา ? ”
" หรือท่านจะหมายถึงการทำความดีใช่มั้ยค่ะ ”
" ใช่ "
ลูเบลล่ากระพริบตาปริบๆ เธอไม่คิดว่าซีคจะถามเรื่องแบบนี้ออกมาด้วยทีท่าที่จริงจังมาก แม้แต่เวกค์ที่นั่งอยู่ข้างเธอยังให้ความสนใจ
‘ ก็ช่วยไม่ได้จะให้ข้ามีเมตตา เริ่มต้นยังไงข้ายังไม่รู้เลย '
' การฆ่าหรือทำลายล้างไม่เห็นมีอะไรต้องคิดให้ยุ่งยากแบบนี้ ’
ที่ผ่านมาซีคก็แค่ใช้ชีวิตไปตามต้องการ มาตอนนี้จะลอง'หมั่นทำความดี'แล้วจะบรรลุเป้าหมายด้วยวิธีไหนกันละ ตอนนี้เขาก็แค่ทำอะไรไปตามความคิดที่ผุดขึ้นมา ยังไม่รู้เลยว่าสอดคล้องคำว่า'หมั่นทำความดี'หรือไม่
' ผู้หญิงคนนี้อาจจะบอกเราได้ว่าต้องเริ่มจากตรงไหน '
ก่อนที่ซีคได้โอกาสมาเริ่มใหม่ เธอนั้นเคยเป็นถึงนักบุญแม้ไม่ใช่ตอนนี้อย่างน้อยก็พิสูจน์ว่าเธอมีคุณสมบัติพอตั้งแต่ก่อนได้รับเลือก
สำหรับซีคงานนักบุญมันน่าขยาดเกินไป คุณสมบัติสำคัญอย่างความเมตตา เขาก็เคยคิดว่าเป็นเรื่องที่ไม่ต่างจากความโง่เขลาเลย
“ อืม เรื่องนั้น…”
ลูเบลล่าไม่รู้จะตอบให้รวบรัดได้อย่างไร การใช้ชีวิตอย่างมีเมตตา—เป็นคำถามกว้างเหมือนอย่างคำถามที่ว่าชีวิตคืออะไร
“ ก่อนที่ข้าจะตอบ ท่านซีคพอจะบอกเหตุผลของคำถามนี้ได้มั้ย ”
“ มีคนแนะนำมาหนะว่าให้ลองใช้ชีวิตหมั่นทำความดีดูสักครั้ง ”
“ แต่ชีวิตที่ผ่านมาก็ทำแต่เรื่องที่ค่อนข้างแย่ เรื่องความเมตตามันเลยเข้าใจยากว่าคืออะไรแล้วทำยังไง ”
ซีคบรรยายทางอ้อมถึงความโหดร้ายตัวเอง แต่แทนที่ลูเบลล่าจะตำหนิเธอกลับยกย่องเขาแทน
“ น่าประทับใจมากค่ะ ต้องเป็นเรื่องท้าทายจริงๆที่พยายามเปลี่่ยนเส้นทางเดินใหม่ของท่าน ”
ตามลักษณะนิสัยของผู้คนที่จิตใจดี เธอมักจะคิดในแง่บวกเกี่ยวกับทุกสิ่งเสมอ
“ การที่เราจะหมั่นทำความดีมีหลายวิธีค่ะ แล้วท่าซีคมีข้อดีอะไรในตัวคะ ”
“ ข้ามีดีด้านการทำลายล้าง”
“ อ-อย่างนั้นเหรอ”
เห็นลูเบลล่าชะงักเล็กไป เวกค์ที่นั่งด้านข้างก็หัวเราะออกมาเงียบๆ จากที่พูดคุยกันไม่เยอะพวกเขาเริ่มจะเข้าใจบุคลิกพิเศษของซีค
“ ท่านซีคคงหมายถึงว่ามีความถนัดด้านการใช้พละกำลังหรือแรงกาย ข้าเข้าใจถูกใช่มั้ยค่ะ ”
“ ใช่ จะพูดแบบนั้นก็ได้ ”
“ งั้นทำไมท่านซีคไม่ลองเริ่มจากช่วยเหลือผู้คนที่ต้องการอยู่ละคะ ”
“ ให้ความช่วยเหลือกับคนที่ต้องการงั้นหรอ? ”
" ใช่ค่ะ การทำความดีทำได้หลายวิธี เพราะพื้นฐานของมันคือทำเพื่อมอบความสุขให้กับบุคคลอื่นไม่ว่าจะมากหรือน้อยก็ตาม ”
“ ทำเพื่อมอบความสุขให้กับบุคคลอื่น…”
ประสบการณ์เรื่องนี้มันใกล้เคียงกับศูนย์เลย—ไม่เลย ที่เขาทำเคยทำมันต่างกัน เขารู้จักแค่การมอบความทุกข์ทรมานและน้ำตามากกว่า
“ ในเมื่อท่านซีคถนัดเรื่องการใช้แรง ก็ลองเอามันไปช่วยบุคคลอื่นดูสิค่ะ ”
“ ข้าเข้าใจแล้ว งั้นข้าก็แค่ต้องช่วยคนที่ต้องการความช่วยเหลือสินะ ”
“ ใช่ค่ะ แค่ท่านซีคเริ่มทำ ไม่นานท่านซีคจะค่อยๆเริ่มเข้าใจเรื่องการใช้ชีวิตอย่างมีเมตตาค่ะ ”
ซีคพยักหน้า
" ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ "
“ ไม่เป็นไรค่ะ ข้ารู้สึกดีใจที่ได้ช่วยเหลือท่านที่ตั้งใจเปลี่ยนตัวเอง "
" ข้าอธิษฐานให้เทพการุณาอวยพรแด่ท่าน ”
การได้รับอวยพรในนามเทพการุณาทำให้ซีครู้สึกหนาวหนาวแต่ไม่ได้แสดงมันออกมา ขณะที่ลูเบลล่าอวยพรซีคคอยย้ำอยู่ในใจว่าเขาตอนนี้ยังไม่ได้เป็นศัตรูของศาสนจักร
ซีคก้าวลงมาจากรถมาสู่พื้นดินอีกครั้ง
“ ท่านซีคขึ้นไปบนรถม้าทำไมหรือครับ ”
ฮานมองที่ซีคด้วยแววตาสงสัย ดูแล้วใจยังคงจ้องอยู่ที่ลูเบลล่า
“ ไม่มีอะไรมาก ข้าแค่ไปถามเรื่องการใช้ชีวิตอย่างคนเมตตา ”
“ การใช้ชีวิตอย่างคนเมตตาหรือครับ? ”
‘ นี้เขาเอาจริงเอาจริงกับคำพูดไร้สาระนั้นอยู่หรอ ’
ซีคเคยพูดเรื่องนี้ก่อนจะออกมาจากสตีลวอลล์ ฮานคิดว่านั้นแค่เรื่องเหลวไหลจนลบออกจากหัวนานแล้ว
“ ทำไม มันน่าตกใจขนาดนั้นเลยรึไง ”
“ ม--ข้าไม่ตกใจอะไรทั้งนั้นครับท่านซีค!”
ถึงฮานจะดูยังไงก็โกหกแต่ต้องปฎิเสธอย่างเอาเป็นเอาตาย ฮานพูดออกไปไม่ได้ว่ามันรู้สึกประหลาด แต่เหมือนจะรู้ว่าฮานคิดอะไร
“ มันคงไม่เหมาะกับข้างั้นสินะ ”
“ ครับ-ครับท่านซีค”
ปากของฮานเริ่มสั่นซีดพยายามเหลือบมองสีหน้าของซีค โชคดีสิ่งที่เขากลัวไม่เกิดขึ้นดูเหมือนซีคจะไม่โกรธ ซีคยังคงเขี่ยฟืนต่อพร้อมเสียงฮัมเพลง
ฮานโล่งใจที่ซีคไม่ได้ทุบตีเขา จากที่ดูบรรยากาศสบายๆจึงเริ่มถามต่อ
“ แล้วเธอแนะนำท่านซีคว่ายังไงบ้างครับ ”
“ เธอแนะนำให้เริ่มจากการช่วยเหลือผู้คน หากว่าใครต้องการให้ช่วยละนะ ”
“ หลังจากที่บอกว่าข้าถนัดเรื่องการทำลายล้าง เธอก็แนะนำว่าใช้แรงช่วยคนอื่นก็เป็นเรื่องที่ดี ”
“...”
มันเหมาะกับคนอย่างซีคโดยสมบูรณ์ ฮานรู้ว่าที่ผ่านมาซีคต้องเจออะไรบ้าง อย่างการที่คนในปราสาทก็ไม่อยากจะคุยกับซีคแม้แต่คนรับใช้ หมดหวังที่จะได้รับความรักจากผู้เป็นพ่อ แถมหลายเหตุการณ์ล่าสุดที่เปลี่ยนมุมมองฮานต่อซีคจนตอนนี้เขามองว่าซีคนั้น—เผด็จการแก้ปัญหาทั้งหมดด้วยอำนาจและความรุนแรง
‘ อืม บางทีทุกอย่างกำลังจะดีขึ้นจากคำแนะนำคนใจบุญอย่างท่านหญิงลูเบลล่า ’
‘ ท่านซีคคงอยากเป็นคนดีขึ้นมา เกิดขึ้นจริงๆหรอวะเนี่ย '
แต่ถึงฮานจะคิดเช่นนี้ แต่อดมองดูซีคด้วยแววตาสงสัยไม่ได้
* * *
นักบุญของคารุวิมานก็เปรียบเสมือนบุคคลต้นแบบ เพราะฉะนั้นขั้นตอนรวมถึงกระบวนการต้องผ่านการคัดเลือกอย่างซับซ้อนและยาวนาน อย่างเช่นการทดสอบที่ลูเบลล่ากำลังทำอยู่ ต้องเดินทางไปรอบโลก หาประสบการณ์ และคอยรับฟังความคิดจากผู้คน
“ ออกเดินทางกันต่อค่ะ ”
ลูเบลล่าสั่งเดินทางต่อหลังจากทำหน้าที่และอวยพรคนในหมูบ้านเสร็จไปอีกแห่ง
“ เหนื่อยเอาเรื่องเลยละสิแม่หนู ”
“ นิดหน่อยค่ะ ข้ายังไหว”
ลูเบลล่าตอบคำถามเวกค์พร้อมรอยยิ้มตึงๆ ราวกับดึงแรงฮึดออกมา เธอยกกำปั้นขึ้นชูด้วยสองแขน
“ แต่ในฐานะสาวกผู้ติดตามของเทพการุณา ข้าต้องยึดมั่นคำสอนมุ่งมั่นในการทำสิ่งดีดีเสมอค่ะ ”
“ เหนื่อยแค่นี้ไม่เท่าไหร่เลยค่ะ ถึงหนูจะทำอะไรเพื่อคนอื่นได้ไม่มากนัก แต่อย่างน้อยการปลอยโยนพวกเขาก็เป็นหน้าที่ของหนูเช่นกันค่ะ ”
“ ดีดี ถึงยังไงแม่หนูก็มีแนวโน้มสูงที่จะเป็นนักบุญคนต่อไปนี่เนอะ ”
“ ท่านเวกค์! ”
เวกค์หัวเราะให้กับเสียงตำหนิของลูเบลล่า
“ ฟุฟุฟุ ดูเหมือนว่าเมื่อข้าแก่ขึ้น คิดอะไรก็พูดออกไปเลย ”
“ หยุดแกล้งฉันเลยนะค่ะ”
“ เช่นนั้นก็ให้อภัยข้าด้วย ”
เวกค์ก้มศีรษะลงอย่างมีความสุภาพตามธรรมเนียม
“ แต่ที่ตาแก่อย่างข้าพูดมันคือเรื่องจริง นักบุญคนต่อไปคงไม่พ้นเธอนะ ”
“ แต่ที่ข้าทำสิ่งเหล่านี้ไม่ใช่เพื่อให้ได้ตำแหน่งนักบุญนะค่ะ ”
“ ก็เพราะแนวคิดแบบนี้แหละแม่หนูถึงเหมาะกับการเป็นนักบุญที่สุดไง ”
ลูเบลล่าไม่มีความได้เปรียบเลยเวลาคุยกับเวกค์ความห่างชั้นของประสบการณ์มากเกินไป ลูเบลล่าทำหน้ามุ่ยแล้วหันหนี
' เธอยังเด็กอยู่ '
อารมณ์และท่าทางของเธอแสดงออกอย่างซื่อตรงแต่มันไม่แปลกหรอก ตลอดชีวิตเธออาศัยอยู่ในฟองสบู่เล็กๆที่สวยงาม ดังนั้นการเดินทางครั้งนี้จึงสำคัญต่อประสบการณ์รวมถึงความไร้เดียงสาของเธอ
‘ แต่เทียบกันแล้วในหมู่ผู้รับการทดสอบ แม่หนูคนนี่แหละเหมาะสมจะเป็นนักบุญที่สุดแล้ว ’
ถึงจะเป็นผู้มีสิทธิ์เหมือนกัน แต่ไม่ได้หมายความว่าทุกคนจะจิตใจดีมีมารยาทเหมือนลูเบลล่า เธอเหมือนนางฟ้าไปเลยเพราะบางคนเวกค์ยังสงสัยผ่านการคัดเลือกเข้ามาได้ยังไง
แต่เธอก็มีข้อบกพร่องบางอย่างเช่นกัน
‘ เธอขาดความหนักแน่นและจิตใจที่เข้มแข็ง ’
“ เออจะว่าไปแล้วหลังจากการเดินทางสิ้นสุดลง แม่หนูก็ต้องกลับไปที่ศาสนจักรเพื่อรับการทดสอบต่อนิ ”
เวกค์พูดออกมาดังๆเพื่อปฎิกิริยาของลูเบลลล่า
และเขาก็เดาะลิ้นอย่างเซ็งเมื่อเห็นท่าทางมืดลงของเธอ
“ เฮ้ออย่าว่าตาแกคนนี้ดุเลยท่านหญิงลูเบลล่า "
" ข้าย้ำท่านมาโดยตลอด แค่ท่านวางตัวดีมีคุณธรรมมันไม่พอหรอกนะ ”
“ ในฐานะสาวกผู้ติดตามของเทพการุณา หน้าที่เราไม่ใช่แค่การปลอบโยนผู้คน เรายังต้องปกป้องพวกเขาด้วยการมีจิตใจที่เข็มแข็งเป็นเรื่องที่สำคัญมากรู้มั้ย ”
"…ข้ารู้ "
ลูเบลล่าฟังเรื่องนี้มาหลายครั้งมากและเธอพยักหน้าอย่างเข้าใจ อย่างไรก็ตามเสียงตอบของเธอช่างแผ่วเบา
‘ ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยจริงๆ ’
ความสามารถทางกายแข็งแกร่งขึ้นได้จากการฝึกฝนอย่างหนัก แต่ในด้านจิตใจมันมีความซับซ้อนกว่านั้น
เวกค์รู้สึกว่าถ้ายังพูดเรื่องเดิมซ้ำๆคงยิ่งตอกย้ำลูเบลล่าลงไปอีกจึงลองเปลี่ยนหัวข้อพูด
“ จะว่าไปแม่หนูคิดว่าสหายเราคนนั้นจะเป็นยังไงบ้างละ ”
“ เพื่อนเราหรือคะ ? ”
“ ไม่นานนี้ไง ก็ชายหนุ่มที่ขอให้แม่หนูสอนเขาเรื่องความเมตตาหนะ ”
" อา! " ภาพเหตุการณ์นั้นเด่นชัดขึ้น มันไม่ใช่เรื่องที่ผ่านมานานเธอจึงนึกออกได้ง่าย
“ จำได้แล้วค่ะ ตอนนั้นหนูตกใจมาก ไม่เคยคิดว่าจะมีคนมาถามคำถามแบบนั้นออกมา ”
“ ใช่ พ่อหนุ่มนั่นให้ความสำคัญกับคำถามนี้มากเลย ตาแก่คนนี้ยังแปลกใจ ”
ขบวนเดินทางของลูเบลล่ามีอัศวินศักดิ์สิทธิ์คุ้มกันอย่างเคร่งครัด หากอยากเข้าพบเธอต้องมีความกล้าแค่ไหนกัน
“ ค่ะ สายตาเขาดูจริงจังมากตอนถามหนู ”
“ หนูก็อยากรู้เหมือนกัน ว่าทีี่แนะนำไปจะเป็นประโยชน์ให้เขาได้บ้างไหมนะ ”
ลูเบลล่าสวดอธิษฐานเงียบๆ ให้เขาพบทางสว่าง
* * *
เหล่าสาวกคารุวิมานได้เดินทางมาถึงเมืองใหญ่อย่างแรกที่ต้องทำคือหาที่พัก พวกเธอไม่สามารถใช้สิทธิ์ตัวเองเข้าพักที่วิหารประจำเมืองได้เพราะยังอยู่ในช่วงการทดสอบว่าที่นักบุญ เธอยังทีหน้าที่ต้องทำต่ออย่างการไปกราบบูชาเทพการุณาและออกพบเจอกับชาวบ้านโดยมีอัศวินติดตามสองสามนาย
การทำหน้าที่ครั้งนี้เธอไม่มีเวกค์ติดตามมาด้วย เขามีภารกิจด่วนจากศาสนจักรต้องออกไปทำชั่วคราว
“ เราลองไปที่นั่นกันเถอะท่านอัศวิน ”
ลูเบลล่าชี้นิ้วไปทางตรอกมืดแห่งหนึ่งที่มีคนไม่กี่คนยืนอยู่ มองแวบแรกมันดูอันตรายอัศวินที่ติดตามมารู้สึกไม่เห็นด้วย แต่ก็กล่าวห้ามเธอออกมาไม่ได้
การเดินทางมีขึ้นเพื่อให้เธอรู้จักโลกต่อให้เรื่องที่เลวร้ายมากเธอก็ต้องได้เห็นมัน
อัศวินที่ตามมาหวังว่าจะไม่มีเรื่องเลวร้ายเกิดขึ้น แต่แค่ก้าวเดินเข้าไปไม่นานที่หวังก็พังลง มีเสียงร้องและการข่มขู่ดังออกมา
“ ได-ได้โปรดช่วยข้าด้วย! ใครก็ได้! ”
“ แกจะร้องตะโกนให้ได้อะไรหะ ก็บอกแล้วแค่เอาของมาแล้วข้าจะไว้ชีวิต ฟังไม่เข้าใจรึไง ”
ปึก! ปัคคค!
“อัก! อ๊ากก!”
เสียงร้องอย่างหวาดกลัว เสียงตวาดข่มขู่ และเสียงหมัดหนักๆกระทบเนื้อดังก้องขึ้นได้ยินทั่วซอย
เด็กน้อยยังเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น
ลูเบลล่าพร้อมอัศวินติดตามรีบเดินเข้าไปที่เกิดเหตุ
" หยุดซะ! "
อัศวินศักดิ์สิทธิ์ที่มาถึงคนแรกรีบห้ามเหตุการณ์ทำให้เสียงต่อยหยุดลง
ลูเบลล่าที่มาถึงช้ากว่าก็กำลังประเมิณสถานการณ์ สิ่งแรกที่เห็นคือมีคนล้มอยู่ใบหน้าบวม ริมฝีปากและจมูกมีเลือดออกเขาน่าจะถูกทุบตีหลายครั้ง ชายที่ล้มอยู่เหมือนเห็นพระแม่มาโปรดเมื่อมองทางพวกลูเบลล่า
จากนั้นเธอหันไปทางคนทำผิดมีทั้งหมดสี่คนท่าทางดูอันธพาล พวกนั้นชะงักนิ่งจากการมีคนนอกเข้ามาและกลัวที่เห็นอัศวินศักดิ์สิทธิ์—ทั้งหมดยกเว้นเพียงคนเดียว
“ อ้าว ท่านหญิงลูเบลล่ากับอัศวินศักด์สิทธิ์เองหรอ ธุระอะไรหอบพาพวกท่านมานี้กัน ”
" ท่าน…! "
ลูเบลล่าตกใจมาก คนที่เป็นแกนนำเรื่องแย่ๆนี้—คือซีค!
“ ข้าไม่คิดว่าจะได้เจอพวกท่านอีกครั้งเร็วขนาดนี้เลย ขอข้าถามได้ไหมมีเหตุผลอะไรถึงรีบวิ่งเข้ามากันละ? ”
“ ท่านถามว่าพวกเรารีบว่ามาทำไมเนี่ยนะ?! ”
ท่าทางมึนๆไร้ยางอายของซีคทำลูเบลล่าหมดคำจะพูด แต่ในไม่ช้าเธอตั้งสติได้จึงพูดตวาดออกมา
“ ฉันก็ต้องเข้ามาช่วยคนสิท่านไม่เห็นหรือยังไง! นี่ท่านทำอะไรไปเนี่ยไหนท่านบอกเราว่ากำลังตั้งใจทำความดี ท่านกำลังรังแกคนอื่นอยู่นะ! ”
สักพักหนึ่งแล้วที่ลูเบลล่าโกรธมากๆ แต่ซีคทำท่างงๆเหมือนไม่รู้ไม่เข้าใจ นั่นทำให้เธอโกรธขึ้นกว่าเดิม
“ แต่ว่าข้ากำลังทำตามที่ท่านแนะนำข้าอยู่นะ ? ”
“ นี่เรียกทำตามที่เราแนะนำตรงไหนกันคะ! ”
“ ก็ท่านแนะนำมาให้ข้าที่ถนัดใช้แรงช่วยเหลือคนอื่นที่ต้องการไง ”
ซีคชี้ไปที่อันธพาลสามคนด้านหลังเขา
“ นั่นแหละเหตุผลที่ข้าช่วยพวกเขาตอนกำลังต้องการคนไง ”
' ฉัน-ฉันบอกให้เขาช่วยใครสักคน แล้วเขาช่วยพวกอันธพาลเลยเนี่ยนะ '
เป็นอีกครั้งที่ลูเบลล่าพูดไม่ออกเมื่อเธอเห็นการตีความของซีค
มันอุกอาจและซื่อบื้อเกินไปแล้ววว
.
.
.
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 454
ความคิดเห็น
555 ขำตั้งแต่ตอนที่แล้วแล้ว
มาถึงขั้นนี้คงต้องเอาติดตามขบวนไปด้วยแล้วแหละท่านหญิง
แสดงความคิดเห็น