ตอนที่ 5 : ก่อนไปแล้วข้าจะมอบของขวัญให้

-A A +A

ตอนที่ 5 : ก่อนไปแล้วข้าจะมอบของขวัญให้

หมวดหนังสือ: 

      ผ่านมาแล้วหนึ่งวัน ตั้งแต่เหตุการณ์ที่ซีคได้ท้าทายอัศวินเด็กน้อยไบเนอร์ ตอนนี้เป็นช่วงเวลาเช้า ซีคกำลังเดินไปที่สวนหลังบ้านซึ่งพ้นจากสายตาคนอื่น

“ ซูดดด! ”

ซีคกำดาบในมือแน่น สูดหายใจเอาอากาศยามเช้าเข้าเต็มปอด จากนั้นค่อยปล่อยออก ปรับลมหายใจเป็นจังหวะ

เฉือน!

คมดาบตัดอากาศที่อยู่ตรงหน้าเขา น้ำค้างยามเช้าสั่นสะเทือนไปกับการเคลื่อนไหวที่แสนรวดเร็วนี้

ฟึด!

ซีคเริ่มขยับอีกครั้งอย่างเป็นธรรมชาติ จากนั้นถ่ายเทน้ำหนักลงบนเท้า หมุนตัวแรงที่เท้าส่งไปที่ไหล่ ไปที่แขนต่อจนถึงปลายดาบ การเคลื่อนไหวดูสมบูรณ์แบบเต็มไปด้วยความรุนแรงอันตราย แสงแดดส่องลอดเข้ามาทางช่องว่างใบไม้แต่ละใบตกกระทบไปที่ใบดาบ

หวด! หวด! หวิด! หวิด! 

ซีค เริ่มใช้การเคลื่อนไหวรูปแบบอื่น จากก่อนเฉียบคมแม่นยำ เปลี่ยนเป็นหนักเหมือนหวดกระบอง ช้าแล้วไปเร็ว หนักแน่นแล้วกลับมาอ่อน ซีคค่อยๆลืมเลือนเวลาไป

พัฟ!! ผ่านไปสักพัก

ซีคหยุดดาบกลับมาสู้การปรับลมหายใจ ร่างกายเขาเต็มไปด้วยเหงื่อ

' อืมสภาพของเราดีกว่าที่คิดไว้ตอนแรกเยอะ'

เขากำหมัดแน่นแล้วคลายออก มือของเขาหยาบซีด ร่างเขาในตอนนี้อายุสิบเก้าปีเหมือนไม่ได้เรียนการต่อสู้ด้วยดาบเลย

แต่การฝึกฝนร่างกายที่เป็นพื้นฐานถึงไม่ได้ไกล้เคียงกับตอนเป็นจอมมาร….. แต่ด้วยวัยนี้ต้องบอกว่าอยู่ในสภาพที่ดี

' มันดีกว่าด้วยซ้ำที่ไม่ได้เรียนรู้อะไรที่มากไป '

ด้วยร่างกายของซีคตอนนี้เป็นเหมือนหินที่สมบูรณ์หนึ่งก้อนที่ยังไม่ถูกขัดเกลา มีความแข็งแกร่งล้วนๆ ถ้าเขาถ่ายเทประสบการณ์ สิ่งที่เขาสะสมมาตั้งแต่สมัยเป็น 'จอมมาร' ความก้าวหน้าของเขาจะทวีคูณ

' แต่ก็รู้สึกสมเพชตัวเองคนก่อนอยู่นิดหน่อยแหะ เมื่อนึกถึงเหตุผลที่ต้องเป็นแบบนี้ '

ไม่ว่าเคานต์สตีลวอลล์จะไม่อยากถ่ายทอดทักษะดาบของเขาให้ซีคแค่ไหนก็ตาม แต่ตระกูลของเขาถูกเรียกว่าป้อมเหล็กแห่งอาณาจักรเลยนะ อย่างน้อยต้องมีสักหนึ่งทางสิที่เขาจะได้เรียนดาบได้บ้าง

' ตัวเขาคนก่อนคงหมดหวังมากจากการปฏิเสธของพ่อ ถึงไม่ยอมเรียนรู้เทคนิคดาบอื่นๆนอกจากเทคนิคดาบที่สืบทอดเฉพาะในตระกูลเท่านั้น '

แต่ไม่ใช่เพราะว่า ซีคคนก่อนหมดหวังที่สืบทอดฐานะทายาทตระกูล หรือ ทักษะดาบอะไรเลย เขาคนก่อนแค่ต้องการความสนใจและการยอมรับจากพ่อของเขามากกว่า

' เฮ้อเมื่อมองย้อนกลับไป ซีคเจ้ามันไร้เดียงสาเกินไปจริงๆ '

ถ้าหากคนอื่นเขารู้ว่า ‘จอมมาร….ซีค มัวร์’ เคยเป็นเด็กที่อ่อนแอ ไร้เดียงสา มากมาก่อนคนพวกนั้นคงช็อคคาที่ด้วยความตกใจ

‘ ตอนนั้นเป็นช่วงเวลาที่ทรมาณจริงๆ ที่ต้องออกจากตระกูลไป ’

ก่อนที่ซีคจะได้รับฉายา 'จอมมารแห่งการทำลายล้าง' ความทุกข์ทรมาน การลองผิดถูกมากมาย เขาต้องผ่านมันมา ทั้งหมด ถึงจะรู้สึกแปลกหน่อยๆที่ต้องเริ่มใหม่แล้วก้าวมันไปที่ละก้าว

' มันเป็นอดีตไปแล้ว ที่ข้าต้องอยู่ภายใต้เงาคนอื่น '

ซีคหัวเราะให้กับตัวเองตอนนั้น เหมือนเขาถูกขับไล่ เขาไม่มีพลังอำนาจ,ไร้ความมั่งคัง,ขาดภูมิหลัง มีหลายเข้ามาเพื่อที่จะหาผลประโยชน์จากเขา

‘ ถ้าที่ผ่านมาข้าไม่เข้มแข็งขึ้น ไม่มีอำนาจมากขึ้น ข้าคงตายไปมากกว่าร้อยครั้งแล้ว ’

เขาหยุดคิดเรื่องที่ไม่จำเป็นสำหรับตอนนี้แล้วเริ่มฝึกดาบอีกครั้ง

‘ ถึงเราจะพอใจในพื้นฐานร่างกายตัวเองตอนนี้ แต่สำหรับการประลองที่รออยู่มันยังไม่พอ ’

ถึงไบเนอร์สำหรับเขายังเด็กอยู่ แต่ด้วยอายุเพียงยี่สิบต้นถือว่าเป็นอัจฉริยะคนหนึ่ง ร่างของซีคตอนนี้คงตามการเคลื่อนไหวไม่ทันเมื่อถึงเวลาต่อสู้กันตัวต่อตัว

ช่องว่่างของความแข็งแกร่งยังมากเกินไปอยู่่ แม้เขาจะมีประสบการณ์ทักษะมากกว่าแต่ร่างเขาไม่เคยผ่านการฝึกฝนเพื่อตามทันประสบการณ์นั้น 

 ‘ ข้าต้องฝึกฝนอย่างบ้าคลั่งเพื่อให้ร่างกายซึมซับมัน เป็นวิธีเดียวที่จะดึงประสบการณ์ออกมาใช้ได้อย่างเป็นธรรมชาติ ’

และที่กล่าวมานั้นไม่สำคัญเท่ากับ….

— “วู้ดดด!”

ซีคสูดหายใจเข้าลึกๆอีกครั้งก่อนที่จะปลอยออกเพื่อผ่อนคลายร่างกาย ไม่เหมือนกับครั้งก่อนรอบนี้พยายามจับความรู้สึกถึงภายในร่างกายของเขา 

รับรู้ได้ถึงลมพัดอ่อนๆกระทบที่เท้า รู้สึกถึงพื้นดินที่เขากำลังเหยียบอยู่ จากนั้นค่อยเพิกเฉยความรู้สึกภายนอกทั้งหมด เพ่งสมาธิให้ลึกขึ้น หัวใจกำลังเต้น หลอดเลือดกำลังไหลเวียนไปทั่วร่าง

เพ่งสมาธิลึกเข้าไปอีก เริ่มรู้สึกถึงบางสิ่งบางอย่างที่มากมหาศาลกำลังอยู่รวมกันอยู่ เชื่อมโยงอยู่กับร่างกายเขาสิ่งนี้มีพลังมหาศาลมากขนาดที่สามารถทำลายเมืองใหญ่หนึ่งเมืองให้หายไปในเวลาไม่กี่วินาทีถ้าเข้าปล่อยมันออกมา

ซีคจมอยู่ในลักษณะการทำสมาธิไม่สนใจสิ่งเร้าภายนอก แต่สิ่งที่อยู่ในร่างกายเขาก็ยังไม่ตอบสนอง

เหงื่อเริ่มไหลออกบนหน้าผากของซีค ยังคงเพ่งสมาธิอย่างเต็มที่เพื่อให้สิ่งนั้นตอบสนอง

ฝืดด!

ในที่สุดก็เกิดการตอบสนองเล็กน้อย แลกมากับการที่สมาธิของซีคพังลงทันที

ทึบบ!

ร่างกายซีคสั่นอย่างยากที่จะควบคุม เขาทรุดตัวลงกับพื้นในท่าชันเข่า และไม่นานก็ต้องหย่อนก้นนั่งลงบนพื้น

“ อ๊าก เวรเอ้ย! ตอนนี้มันยังควบคุมยากเกินไป ”

ซีควางมือไว้ตรงบริเวณหัวใจ บางสิ่งบางอย่างที่มากมหาศาลเต็มไปด้วยการทำลายล้าง ก็คือ'พลังมานา'ของตัวเขาเอง

' ถึงจะจดจ่อกับมันมากแค่ไหน ที่ดึงออกมาได้ก็แค่เศษเสี้ยว '

ความรู้สึกเหนื่อยอ่อนถาโถมเข้าหาเขาแล้วนอนลงไปบนพื้นพักเอาแรง

คนแต่ละคนมีขีดจำกัดของปริมาณมานาแตกต่างกันไป แต่มานาของซีค เอาคนทั่วไปมาเปรียบเทียบไม่ได้

‘ เคยมีเอลฟ์ลองเปรียบเทียบมานาของเราว่ามีเท่ากับมังกรที่สาบสูญไปแล้ว ’

เหตุผลข้อหนึ่งที่ผลักดันให้ซีค เป็นจอมมารแห่งการทำลายล้าง ก็เพราะมานาที่มากมหาศาลเหมือนมังกรนี้แหละแม้ตอนนี้จะเหมือนว่ามันไม่มี ด้วยร่างกายที่ยังอ่อนแออยู่ควบคุมมานาขนาดนั้นยังไม่ได้

กว่าที่ซีคจะเริ่มควบคุมมานาได้อย่างสมบูรณ์ก็หลังจากที่เขาได้ออกไปจากตระกูลเป็นเวลานานแล้ว ทำให้ตอนนี้ผู้คนในสตีลวอลล์ถึงลือกันว่า ซีคทายาทคนโตนั้นอ่อนแอไร้พลังมานาไม่เหมาะสมให้เป็นเคานท์คนต่อไป

ตอนนี้คือโอกาสเริ่มต้นใหม่อีกครั้งของซีค ยังควบคุมมานาได้ไม่เต็มที่แล้วยังไงละ แค่หลักฐานเศษมานาที่กำลังลอยอยู่บนฝามือเขาก็เป็นความก้าวหน้าที่มากแล้ว

‘ ตอนนี้ โอกาสที่จะชนะการประลองก็เพิ่มขึ้นแล้ว ’

แต่ถึงยังไงก็ยังเป็นเรื่องที่ท้าทายอยู่ในการขนะการประลอง แม้จะรวมประสบการณ์ในฐานะจอมมารกับทักษะการควบคุมมานาเล็กน้อย ถึงยังไงเขาก็ไม่ประมาท

' ระดับพลังพื้นฐานยังคงมีความต่างระดับกันเกินไปอยู่ '

แต่แล้วมันยังไงละ สำคัญด้วยรึไงเขาก็จะท้าประลองอยู่ดี

' เพราะข้าไม่คิดจะถอยเหมือนกัน '

ซีคได้ตัดสินใจแล้วว่าจะออกจากตระกูลสตีลวอลล์อยู่ดี

เขามีความสุขมากกับโอกาสเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง แต่นั้นไม่ได้เป็นตัวกำหนดนิว่าเขาต้องมีชีวิตต่อไปด้วยการสืบทอดตระกูลเท่านั้น ไม่งั้นเขาเบื่อตายแน่ๆ

แค่ลองคิดดูเล่นๆเขาต้องคอยอยู่ในฐานะพี่ชายที่มีน้องชายอย่างเกร็ค แค่คิดเขาก็รับไม่ได้แล้ว

' เราคงจะหงุดหงิดตายตั้งแต่เด็กก่อนที่เราจะได้รับศักดิ์ฐานะเคานต์ด้วยซ้ำ '

มีแนวโน้มมากที่จะเป็นเหมือนที่เขาจินตนาการไว้ ถ้าจะต้องมาทนกับเรื่องอะไรแบบนี้ เขาคิดว่าการออกไปจากตระกูลสตีลวอลล์เป็นตัวเลือกที่ดีกว่าสำหรับเขา

“ หืม นี่เขาปลุกมานาได้แล้วงั้นหรอ ”

จู่ๆก็มีเสียงขัดจังหวะความคิดของซีค

ซีคทำหน้าไม่พอใจ ไม่แม้แต่หันหลังกลับในขณะที่พูดว่า 

“ เจ้ายังต้องการอะไรอีก ตั้งแต่เมื่อกี้แล้วเจ้ากำลังสอดแนมข้าอยู่ อย่าทำตัวรบกวน”

“ ท่านรู้ด้วยหรอว่าข้าอยู่ตรงนี้ ”

“ แน่นอน ก็เมื่อครู่เจ้าพ่นอะไรออกมาละ แถมการเคลื่อนไหวก็เสียงดังหนวกหูไม่ต่างจากออร์ค”

ด้วยความเสียหน้าเกร็คตอบสนองคำดูถูกของซีคด้วยสีหน้าบึ้ง

' ข้าพยายามเคลื่อนไหวให้เงียบที่สุดแล้วนะ '

แม้เกร็คจะไม่ได้ลบออร่าของตัวเองทั้งหมดเหมือนที่นักฆ่าชอบทำ แต่เขาก็ระมัดระวังมาก ซึ่งซีคคนที่เขารู้จักไม่มีทักษะไหวพริบด้านการจับสัมผัสรอบตัวแบบนี้

' นอกจากนี้ บุคลิกท่าทาง วิธีการพูดเขาก็เปลี่ยนไป '

ถึงแม้ตอนนี้เคานต์สตีลวอลล์ หรือ ตัวนายหญิง ก็ไม่ได้มีท่าทีมากเท่าไหร่กับพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของซีคเนื่องจากที่ผ่านมาทั้งคู่ไม่ได้ใส่ใจกับการมีอยู่ของลูกชายอย่างซีคเท่าไหร่

แต่ไม่เหมือนกัน เกร็ครู้สึกสงสัยเรื่องนี้ เขากำลังให้ความสนใจกับท่าทางที่เปลี่ยนไปของซีค

เกร็คยังคงมองไปที่ซีคอยู่โดยไม่ได้พูดอะไร

“ โอ้น้องชายข้า หากเจ้าต้องการอะไรจากข้าก็รีบพูดมา ถ้าไม่มีก็ออกไปสักที ”

“ คิดว่าสิ่งที่ท่านกำลังทำอยู่มันเป็นไปได้งั้นหรอ”

“ หมายความว่าไง แกช่วยพูดออกมาตรงๆได้ไหม”

“ ข้าหมายถึงการประลองกับอัศวินไบเนอร์ แล้วก็การสืบทอดตระกูลสตีลวอลล์ด้วย”

คำพูดของเกร็คเริ่มหยาบเล็กน้อย “ ข้าไม่รู้ทำไมจู่ๆเจ้าก็เปลี่ยนไป แต่เจ้าก็ควรรู้ตัวว่ามันไม่ได้ผล ยอมรับความอ่อนแอของตัวเองหน่อย รับของปลอบใจแล้วหลีกทางให้ข้าซะ ข้าอาจจะเตรียมของขวัญอำลาให้ก็ได้เมื่อเจ้าจากไป "

' ฮาาา! นี้เยาะเย้ยกันหรอ '

แม้ว่าซีคได้ตัดสินใจไม่อยากสืบทอดการเป็นเคานต์ของตระกูลสตีลวอลล์แล้ว แต่คำถากถางนี้ทำเขารำคาญ

ซีค ลุกขึ้นยืนก้าวเดินไปหาเกร็ค แม้เห็นท่าทางของซีค เกร็คก็ไม่ได้ถอยหลังแม้แต่น้อยเลย

“ เจ้ากำลังกลัวข้าอยู่งั้นหรอ คนที่จะสืบทอดเคานท์คนต่อไปกลายเป็นข้าขึ้นมา "

“ ทำไมข้าต้องกลัว ถ้าข้าไม่สามารถเอาชนะขยะอย่างเจ้า ข้าคงขายหน้าเกินจะสืบทอดตระกูล”

ใบหน้าที่มีรอยยิ้มเยาะเย้ยของเกร็ค ราวกับเขาคิดจริงๆว่าซีคไม่มีทางทำสำเร็จแน่แน่ แต่แทนที่ซีคจะโกรธให้กับการที่เกร็คเยาะเย้ยซีคกลับยิ้มอ่อนๆคืน

" โอ้จริงหรอ ถ้าน้องชายสุดที่รักของข้าพูด มันจะเป็นจริงแบบนั้นไหมนะ ถึงยังไงเราก็เป็นพี่น้องกันนี่น่า ”

ซีคเดินไปตบไหล่เกร็คเบาเบาสองสามครั้ง ทำให้บนใบหน้าเกร็คเต็มไปด้วยความบิดเบี้ยว กลับเป็นซีคที่รู้สึกพอใจกับความหงุดหงิดของเกร็ค พร้อมเสริมคำพูดอีก “ แต่ข้ายังได้เปรียบอยู่ในฐานะทายาทคนโต ทำไมเราไม่เอาแบบนี้ละ”

“ แบบไหน "

“ พวกเราคือตระกูลนักรบ ไม่เหมือนตระกูลอื่น ตระกูลเราให้ความสำคัญและยกย่องคนที่แข็งแกร่งกว่า ”

“ อะไรนะ ท่านกำลังจะท้าประลองกับข้าเพื่อสิทธิการสืบทอดตระกูลอยู่หรอ”

“ แน่นอน มันหมายถึงเรื่องอื่นได้รึไง ”

เกร็คจ้องมองซีคด้วยความสงสัย

" ท่านกำลังท้าประลองข้านี้เอาจริงหรอ ตั้งแต่เรื่องท้าประลองกับอัศวินไบเนอร์ หรือว่าท่านกลายเป็นคนเสียสติแล้วจริงๆ "

“ หรือว่ากลัว? ”

คิ้วของเกร็คกระตุก เขากัดริมฝีปากจ้องไปที่ซีคอย่างดุดัน

     "…ได้เจ้าท้าเองนะ ไม่มีเหตุผลที่ข้าจะปฏิเสธ”

' ข้ารู้ว่าแกจะต้องยอมรับ '

ถ้าตัวเขาจำไม่ผิด เกร็คในช่วงเวลานี้กำลังพัฒนาตัวเองอย่างมากในการต่อสู้ ไม่มีเหตุผลอะไรให้ปฏิเสธการท้าสู้กับเขาที่ ไม่เคยเรียนทักษะการใช้ดาบ แถมพึ่งปลุกมานาได้อีก

“ แต่ถึงยังไง แม้ข้าจะยอมรับการประลองจากท่าน มันก็ไม่ได้เกี่ยวกับการสืบทอดตระกูลอยู่ดี ท่านพ่อไม่ได้ยินยอม ”

ถึงทักษะการต่อสู้ของบุคคลจะสำคัญมาก แต่การได้รับตำแหน่งการสืบทอดตระกูล แค่นั้นมันไม่พอ

ยิ่งไปกว่านั้น ทุกคนสำคัญในสตีลวอลล์ไม่ได้มีใครสนับสนุนเขาเลย แค่การประลองครั้งเดียวไม่สามารถกำหนดเรื่องสำคัญอย่างการสืบทอดผู้นำตระกูลได้ ในฐานะทายาทคนโตก็แค่ได้เปรียบจากความชอบตามธรรมเนียม

“ หึ ท่านมันโง่ ถึงเราดวลกัน ท่านพ่อจะกล่าวอ้างได้ว่าประลองกับท่านเพื่อฝึกฝน คิดว่าข้าแพ้แล้วจะเกิดอะไรขึ้นงั้นหรอ อยากมากก็แค่ไม่สามารถประกาศการสืบทอดตำแหน่งอย่างเปิดเผยแค่นั้น ถึงแม้ท่านพ่อจะดูเหมือนเป็นผู้นำที่เก่งในด้านการรบ แต่เขาก็ยังเป็นขุนนางแค่เรื่องเล็กน้อยนี้เขาทำได้สบาย”

เกร็คลูบคางของเขา จากการยอมรับคำท้านี้เขาสามารถได้รับการยอมรับหลายเรื่อง

“ ถึงตอนนั้นอุปสรรคสำคัญต่อการสืบทอดตำแหน่งของข้าก็จะลดลงไปเยอะมาก”

" ใช่. แต่มันจะเป็นแบบนั้นแค่กรณีที่เจ้าเอาชนะข้าได้หนะนะ เป็นเจ้ามากกว่าที่จะเสีย เจ้าจะพ่ายแพ้คนอย่างข้าที่พื้นฐานทักษะดาบก็ไม่เคยเรียนรู้ คนที่วิธีควบคุมมานาที่ถูกต้องก็ไม่รู้ด้วยซ้ำ ไม่ว่าท่านพ่อจะสนับสนุนเจ้าให้เป็นผู้สืบทอดแค่ไหน ผู้คนมากมายในสตีลวอลล์คงไม่ยอมรับ ถึงเราจะเป็นขุนนาง แต่เราก็เป็นตระกูลนักรบ”

เกร็คเยาะเย้ยขึ้นทันที “ ข้าจะพ่ายแพ้? ”

“ ท่านเอาอะไรมามั่นใจ” 

" ข้ากำลังสงสัยอยู่ว่าท่านมีอาการบ้าอาการเพ้อเจ้อ”

“ แต่มันก็ดีสำหรับข้าเหมือนกัน ถึงท่านจะเป็นทายาทคนโต แต่คนโงเง่าเป็นผู้นำคนต่อไปไม่ได้หรอกนะ ”

“ ถ้าท่านต้องการแบบนี้จริงๆ ตกลง ข้าจะไปคุยกับท่านพ่อตอนนี้เลย ”

" รอเดี๋ยว"

ซีคหยุดเกร็คที่กำลังจะจากไป

“ ถ้าเจ้ามั่นใจขนาดนั้น เจ้าก็ต่อแต้มให้ข้าหน่อยเป็นไง”

“…ท่านกำลังวางแผนอะไรไว้อยู่”

ด้วยสายตาเต็มไปด้วยความสงสัยของเกร็คจ้องไปทางซีค

“ ไม่เห็นเจ้าต้องระแวงขนาดนั้น ข้าแค่ต้องการเป็นคนกำหนดเองว่าเราจะประลองกันตอนไหน ”

เกร็คลองทบทวนข้อเสนอของซีค พร้อมคิด ไม่ว่าซีคจะใช้แผนการอะไร แค่คำขอนี้ก็ไม่ส่งผลต่อโอกาสชนะของเขาแน่นอน

" ตกลง. แต่ข้าก็มีเงื่อนไขเหมือนกัน ‘ต้องเป็นภายในครึ่งปี’ นับจากวันนี้ ท่านว่าไง

" ตกลง "

“อย่าลืม—ครึ่งปี ท่านจะมาอ้างไม่ได้นะว่าต้องรักษาตัวจากการประลองกับท่านไบเนอร์ หรือ ข้ออ้างอะไรพวกนี้”

แค่คุยตกลงกันสั้นๆเกร็คก็ได้มีความคิดมากมายในหัว

" ไม่ต้องกังวลๆ ข้าไม่ได้มีความตั้งใจจะลากมันออกไปนานขนาดนั้น”

เหมือนเกร็คจะพอใจจากคำรับปากของซีคเดินจึงหันหลังจากไป เมื่อมองน้องชายต่างแม่เขาที่เดินไปแล้ว ซีคก็จับดาบขึ้นมาอีกครั้งอย่างแน่น

' อันธพาลตัวน้อยนั้นดูถูกกันขนาดนี้ ข้าจะมอบของขวัญชิ้นใหญ่ให้เขาแน่นอน ก่อนข้าจากไป '

หวดด!

เหมือนตรงหน้าเขาคือเกร็คดาบของซีคฟาดฟันออกไปอย่างเฉียบคม 

และอีกสองสามวัน วันที่เขาต้องประลองกับไบเนอร์ก็ได้มาถึง

.

.

.

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 
 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.