ตอนที่ 5 : ก่อนไปแล้วข้าจะมอบของขวัญให้
ผ่านมาแล้วหนึ่งวัน ตั้งแต่เหตุการณ์ที่ซีคได้ท้าทายอัศวินเด็กน้อยไบเนอร์ ตอนนี้เป็นช่วงเวลาเช้า ซีคกำลังเดินไปที่สวนหลังบ้านซึ่งพ้นจากสายตาคนอื่น
“ ซูดดด! ”
ซีคกำดาบในมือแน่น สูดหายใจเอาอากาศยามเช้าเข้าเต็มปอด จากนั้นค่อยปล่อยออก ปรับลมหายใจเป็นจังหวะ
เฉือน!
คมดาบตัดอากาศที่อยู่ตรงหน้าเขา น้ำค้างยามเช้าสั่นสะเทือนไปกับการเคลื่อนไหวที่แสนรวดเร็วนี้
ฟึด!
ซีคเริ่มขยับอีกครั้งอย่างเป็นธรรมชาติ จากนั้นถ่ายเทน้ำหนักลงบนเท้า หมุนตัวแรงที่เท้าส่งไปที่ไหล่ ไปที่แขนต่อจนถึงปลายดาบ การเคลื่อนไหวดูสมบูรณ์แบบเต็มไปด้วยความรุนแรงอันตราย แสงแดดส่องลอดเข้ามาทางช่องว่างใบไม้แต่ละใบตกกระทบไปที่ใบดาบ
หวด! หวด! หวิด! หวิด!
ซีค เริ่มใช้การเคลื่อนไหวรูปแบบอื่น จากก่อนเฉียบคมแม่นยำ เปลี่ยนเป็นหนักเหมือนหวดกระบอง ช้าแล้วไปเร็ว หนักแน่นแล้วกลับมาอ่อน ซีคค่อยๆลืมเลือนเวลาไป
พัฟ!! ผ่านไปสักพัก
ซีคหยุดดาบกลับมาสู้การปรับลมหายใจ ร่างกายเขาเต็มไปด้วยเหงื่อ
' อืมสภาพของเราดีกว่าที่คิดไว้ตอนแรกเยอะ'
เขากำหมัดแน่นแล้วคลายออก มือของเขาหยาบซีด ร่างเขาในตอนนี้อายุสิบเก้าปีเหมือนไม่ได้เรียนการต่อสู้ด้วยดาบเลย
แต่การฝึกฝนร่างกายที่เป็นพื้นฐานถึงไม่ได้ไกล้เคียงกับตอนเป็นจอมมาร….. แต่ด้วยวัยนี้ต้องบอกว่าอยู่ในสภาพที่ดี
' มันดีกว่าด้วยซ้ำที่ไม่ได้เรียนรู้อะไรที่มากไป '
ด้วยร่างกายของซีคตอนนี้เป็นเหมือนหินที่สมบูรณ์หนึ่งก้อนที่ยังไม่ถูกขัดเกลา มีความแข็งแกร่งล้วนๆ ถ้าเขาถ่ายเทประสบการณ์ สิ่งที่เขาสะสมมาตั้งแต่สมัยเป็น 'จอมมาร' ความก้าวหน้าของเขาจะทวีคูณ
' แต่ก็รู้สึกสมเพชตัวเองคนก่อนอยู่นิดหน่อยแหะ เมื่อนึกถึงเหตุผลที่ต้องเป็นแบบนี้ '
ไม่ว่าเคานต์สตีลวอลล์จะไม่อยากถ่ายทอดทักษะดาบของเขาให้ซีคแค่ไหนก็ตาม แต่ตระกูลของเขาถูกเรียกว่าป้อมเหล็กแห่งอาณาจักรเลยนะ อย่างน้อยต้องมีสักหนึ่งทางสิที่เขาจะได้เรียนดาบได้บ้าง
' ตัวเขาคนก่อนคงหมดหวังมากจากการปฏิเสธของพ่อ ถึงไม่ยอมเรียนรู้เทคนิคดาบอื่นๆนอกจากเทคนิคดาบที่สืบทอดเฉพาะในตระกูลเท่านั้น '
แต่ไม่ใช่เพราะว่า ซีคคนก่อนหมดหวังที่สืบทอดฐานะทายาทตระกูล หรือ ทักษะดาบอะไรเลย เขาคนก่อนแค่ต้องการความสนใจและการยอมรับจากพ่อของเขามากกว่า
' เฮ้อเมื่อมองย้อนกลับไป ซีคเจ้ามันไร้เดียงสาเกินไปจริงๆ '
ถ้าหากคนอื่นเขารู้ว่า ‘จอมมาร….ซีค มัวร์’ เคยเป็นเด็กที่อ่อนแอ ไร้เดียงสา มากมาก่อนคนพวกนั้นคงช็อคคาที่ด้วยความตกใจ
‘ ตอนนั้นเป็นช่วงเวลาที่ทรมาณจริงๆ ที่ต้องออกจากตระกูลไป ’
ก่อนที่ซีคจะได้รับฉายา 'จอมมารแห่งการทำลายล้าง' ความทุกข์ทรมาน การลองผิดถูกมากมาย เขาต้องผ่านมันมา ทั้งหมด ถึงจะรู้สึกแปลกหน่อยๆที่ต้องเริ่มใหม่แล้วก้าวมันไปที่ละก้าว
' มันเป็นอดีตไปแล้ว ที่ข้าต้องอยู่ภายใต้เงาคนอื่น '
ซีคหัวเราะให้กับตัวเองตอนนั้น เหมือนเขาถูกขับไล่ เขาไม่มีพลังอำนาจ,ไร้ความมั่งคัง,ขาดภูมิหลัง มีหลายเข้ามาเพื่อที่จะหาผลประโยชน์จากเขา
‘ ถ้าที่ผ่านมาข้าไม่เข้มแข็งขึ้น ไม่มีอำนาจมากขึ้น ข้าคงตายไปมากกว่าร้อยครั้งแล้ว ’
เขาหยุดคิดเรื่องที่ไม่จำเป็นสำหรับตอนนี้แล้วเริ่มฝึกดาบอีกครั้ง
‘ ถึงเราจะพอใจในพื้นฐานร่างกายตัวเองตอนนี้ แต่สำหรับการประลองที่รออยู่มันยังไม่พอ ’
ถึงไบเนอร์สำหรับเขายังเด็กอยู่ แต่ด้วยอายุเพียงยี่สิบต้นถือว่าเป็นอัจฉริยะคนหนึ่ง ร่างของซีคตอนนี้คงตามการเคลื่อนไหวไม่ทันเมื่อถึงเวลาต่อสู้กันตัวต่อตัว
ช่องว่่างของความแข็งแกร่งยังมากเกินไปอยู่่ แม้เขาจะมีประสบการณ์ทักษะมากกว่าแต่ร่างเขาไม่เคยผ่านการฝึกฝนเพื่อตามทันประสบการณ์นั้น
‘ ข้าต้องฝึกฝนอย่างบ้าคลั่งเพื่อให้ร่างกายซึมซับมัน เป็นวิธีเดียวที่จะดึงประสบการณ์ออกมาใช้ได้อย่างเป็นธรรมชาติ ’
และที่กล่าวมานั้นไม่สำคัญเท่ากับ….
— “วู้ดดด!”
ซีคสูดหายใจเข้าลึกๆอีกครั้งก่อนที่จะปลอยออกเพื่อผ่อนคลายร่างกาย ไม่เหมือนกับครั้งก่อนรอบนี้พยายามจับความรู้สึกถึงภายในร่างกายของเขา
รับรู้ได้ถึงลมพัดอ่อนๆกระทบที่เท้า รู้สึกถึงพื้นดินที่เขากำลังเหยียบอยู่ จากนั้นค่อยเพิกเฉยความรู้สึกภายนอกทั้งหมด เพ่งสมาธิให้ลึกขึ้น หัวใจกำลังเต้น หลอดเลือดกำลังไหลเวียนไปทั่วร่าง
เพ่งสมาธิลึกเข้าไปอีก เริ่มรู้สึกถึงบางสิ่งบางอย่างที่มากมหาศาลกำลังอยู่รวมกันอยู่ เชื่อมโยงอยู่กับร่างกายเขาสิ่งนี้มีพลังมหาศาลมากขนาดที่สามารถทำลายเมืองใหญ่หนึ่งเมืองให้หายไปในเวลาไม่กี่วินาทีถ้าเข้าปล่อยมันออกมา
ซีคจมอยู่ในลักษณะการทำสมาธิไม่สนใจสิ่งเร้าภายนอก แต่สิ่งที่อยู่ในร่างกายเขาก็ยังไม่ตอบสนอง
เหงื่อเริ่มไหลออกบนหน้าผากของซีค ยังคงเพ่งสมาธิอย่างเต็มที่เพื่อให้สิ่งนั้นตอบสนอง
ฝืดด!
ในที่สุดก็เกิดการตอบสนองเล็กน้อย แลกมากับการที่สมาธิของซีคพังลงทันที
ทึบบ!
ร่างกายซีคสั่นอย่างยากที่จะควบคุม เขาทรุดตัวลงกับพื้นในท่าชันเข่า และไม่นานก็ต้องหย่อนก้นนั่งลงบนพื้น
“ อ๊าก เวรเอ้ย! ตอนนี้มันยังควบคุมยากเกินไป ”
ซีควางมือไว้ตรงบริเวณหัวใจ บางสิ่งบางอย่างที่มากมหาศาลเต็มไปด้วยการทำลายล้าง ก็คือ'พลังมานา'ของตัวเขาเอง
' ถึงจะจดจ่อกับมันมากแค่ไหน ที่ดึงออกมาได้ก็แค่เศษเสี้ยว '
ความรู้สึกเหนื่อยอ่อนถาโถมเข้าหาเขาแล้วนอนลงไปบนพื้นพักเอาแรง
คนแต่ละคนมีขีดจำกัดของปริมาณมานาแตกต่างกันไป แต่มานาของซีค เอาคนทั่วไปมาเปรียบเทียบไม่ได้
‘ เคยมีเอลฟ์ลองเปรียบเทียบมานาของเราว่ามีเท่ากับมังกรที่สาบสูญไปแล้ว ’
เหตุผลข้อหนึ่งที่ผลักดันให้ซีค เป็นจอมมารแห่งการทำลายล้าง ก็เพราะมานาที่มากมหาศาลเหมือนมังกรนี้แหละแม้ตอนนี้จะเหมือนว่ามันไม่มี ด้วยร่างกายที่ยังอ่อนแออยู่ควบคุมมานาขนาดนั้นยังไม่ได้
กว่าที่ซีคจะเริ่มควบคุมมานาได้อย่างสมบูรณ์ก็หลังจากที่เขาได้ออกไปจากตระกูลเป็นเวลานานแล้ว ทำให้ตอนนี้ผู้คนในสตีลวอลล์ถึงลือกันว่า ซีคทายาทคนโตนั้นอ่อนแอไร้พลังมานาไม่เหมาะสมให้เป็นเคานท์คนต่อไป
ตอนนี้คือโอกาสเริ่มต้นใหม่อีกครั้งของซีค ยังควบคุมมานาได้ไม่เต็มที่แล้วยังไงละ แค่หลักฐานเศษมานาที่กำลังลอยอยู่บนฝามือเขาก็เป็นความก้าวหน้าที่มากแล้ว
‘ ตอนนี้ โอกาสที่จะชนะการประลองก็เพิ่มขึ้นแล้ว ’
แต่ถึงยังไงก็ยังเป็นเรื่องที่ท้าทายอยู่ในการขนะการประลอง แม้จะรวมประสบการณ์ในฐานะจอมมารกับทักษะการควบคุมมานาเล็กน้อย ถึงยังไงเขาก็ไม่ประมาท
' ระดับพลังพื้นฐานยังคงมีความต่างระดับกันเกินไปอยู่ '
แต่แล้วมันยังไงละ สำคัญด้วยรึไงเขาก็จะท้าประลองอยู่ดี
' เพราะข้าไม่คิดจะถอยเหมือนกัน '
ซีคได้ตัดสินใจแล้วว่าจะออกจากตระกูลสตีลวอลล์อยู่ดี
เขามีความสุขมากกับโอกาสเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง แต่นั้นไม่ได้เป็นตัวกำหนดนิว่าเขาต้องมีชีวิตต่อไปด้วยการสืบทอดตระกูลเท่านั้น ไม่งั้นเขาเบื่อตายแน่ๆ
แค่ลองคิดดูเล่นๆเขาต้องคอยอยู่ในฐานะพี่ชายที่มีน้องชายอย่างเกร็ค แค่คิดเขาก็รับไม่ได้แล้ว
' เราคงจะหงุดหงิดตายตั้งแต่เด็กก่อนที่เราจะได้รับศักดิ์ฐานะเคานต์ด้วยซ้ำ '
มีแนวโน้มมากที่จะเป็นเหมือนที่เขาจินตนาการไว้ ถ้าจะต้องมาทนกับเรื่องอะไรแบบนี้ เขาคิดว่าการออกไปจากตระกูลสตีลวอลล์เป็นตัวเลือกที่ดีกว่าสำหรับเขา
“ หืม นี่เขาปลุกมานาได้แล้วงั้นหรอ ”
จู่ๆก็มีเสียงขัดจังหวะความคิดของซีค
ซีคทำหน้าไม่พอใจ ไม่แม้แต่หันหลังกลับในขณะที่พูดว่า
“ เจ้ายังต้องการอะไรอีก ตั้งแต่เมื่อกี้แล้วเจ้ากำลังสอดแนมข้าอยู่ อย่าทำตัวรบกวน”
“ ท่านรู้ด้วยหรอว่าข้าอยู่ตรงนี้ ”
“ แน่นอน ก็เมื่อครู่เจ้าพ่นอะไรออกมาละ แถมการเคลื่อนไหวก็เสียงดังหนวกหูไม่ต่างจากออร์ค”
ด้วยความเสียหน้าเกร็คตอบสนองคำดูถูกของซีคด้วยสีหน้าบึ้ง
' ข้าพยายามเคลื่อนไหวให้เงียบที่สุดแล้วนะ '
แม้เกร็คจะไม่ได้ลบออร่าของตัวเองทั้งหมดเหมือนที่นักฆ่าชอบทำ แต่เขาก็ระมัดระวังมาก ซึ่งซีคคนที่เขารู้จักไม่มีทักษะไหวพริบด้านการจับสัมผัสรอบตัวแบบนี้
' นอกจากนี้ บุคลิกท่าทาง วิธีการพูดเขาก็เปลี่ยนไป '
ถึงแม้ตอนนี้เคานต์สตีลวอลล์ หรือ ตัวนายหญิง ก็ไม่ได้มีท่าทีมากเท่าไหร่กับพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของซีคเนื่องจากที่ผ่านมาทั้งคู่ไม่ได้ใส่ใจกับการมีอยู่ของลูกชายอย่างซีคเท่าไหร่
แต่ไม่เหมือนกัน เกร็ครู้สึกสงสัยเรื่องนี้ เขากำลังให้ความสนใจกับท่าทางที่เปลี่ยนไปของซีค
เกร็คยังคงมองไปที่ซีคอยู่โดยไม่ได้พูดอะไร
“ โอ้น้องชายข้า หากเจ้าต้องการอะไรจากข้าก็รีบพูดมา ถ้าไม่มีก็ออกไปสักที ”
“ คิดว่าสิ่งที่ท่านกำลังทำอยู่มันเป็นไปได้งั้นหรอ”
“ หมายความว่าไง แกช่วยพูดออกมาตรงๆได้ไหม”
“ ข้าหมายถึงการประลองกับอัศวินไบเนอร์ แล้วก็การสืบทอดตระกูลสตีลวอลล์ด้วย”
คำพูดของเกร็คเริ่มหยาบเล็กน้อย “ ข้าไม่รู้ทำไมจู่ๆเจ้าก็เปลี่ยนไป แต่เจ้าก็ควรรู้ตัวว่ามันไม่ได้ผล ยอมรับความอ่อนแอของตัวเองหน่อย รับของปลอบใจแล้วหลีกทางให้ข้าซะ ข้าอาจจะเตรียมของขวัญอำลาให้ก็ได้เมื่อเจ้าจากไป "
' ฮาาา! นี้เยาะเย้ยกันหรอ '
แม้ว่าซีคได้ตัดสินใจไม่อยากสืบทอดการเป็นเคานต์ของตระกูลสตีลวอลล์แล้ว แต่คำถากถางนี้ทำเขารำคาญ
ซีค ลุกขึ้นยืนก้าวเดินไปหาเกร็ค แม้เห็นท่าทางของซีค เกร็คก็ไม่ได้ถอยหลังแม้แต่น้อยเลย
“ เจ้ากำลังกลัวข้าอยู่งั้นหรอ คนที่จะสืบทอดเคานท์คนต่อไปกลายเป็นข้าขึ้นมา "
“ ทำไมข้าต้องกลัว ถ้าข้าไม่สามารถเอาชนะขยะอย่างเจ้า ข้าคงขายหน้าเกินจะสืบทอดตระกูล”
ใบหน้าที่มีรอยยิ้มเยาะเย้ยของเกร็ค ราวกับเขาคิดจริงๆว่าซีคไม่มีทางทำสำเร็จแน่แน่ แต่แทนที่ซีคจะโกรธให้กับการที่เกร็คเยาะเย้ยซีคกลับยิ้มอ่อนๆคืน
" โอ้จริงหรอ ถ้าน้องชายสุดที่รักของข้าพูด มันจะเป็นจริงแบบนั้นไหมนะ ถึงยังไงเราก็เป็นพี่น้องกันนี่น่า ”
ซีคเดินไปตบไหล่เกร็คเบาเบาสองสามครั้ง ทำให้บนใบหน้าเกร็คเต็มไปด้วยความบิดเบี้ยว กลับเป็นซีคที่รู้สึกพอใจกับความหงุดหงิดของเกร็ค พร้อมเสริมคำพูดอีก “ แต่ข้ายังได้เปรียบอยู่ในฐานะทายาทคนโต ทำไมเราไม่เอาแบบนี้ละ”
“ แบบไหน "
“ พวกเราคือตระกูลนักรบ ไม่เหมือนตระกูลอื่น ตระกูลเราให้ความสำคัญและยกย่องคนที่แข็งแกร่งกว่า ”
“ อะไรนะ ท่านกำลังจะท้าประลองกับข้าเพื่อสิทธิการสืบทอดตระกูลอยู่หรอ”
“ แน่นอน มันหมายถึงเรื่องอื่นได้รึไง ”
เกร็คจ้องมองซีคด้วยความสงสัย
" ท่านกำลังท้าประลองข้านี้เอาจริงหรอ ตั้งแต่เรื่องท้าประลองกับอัศวินไบเนอร์ หรือว่าท่านกลายเป็นคนเสียสติแล้วจริงๆ "
“ หรือว่ากลัว? ”
คิ้วของเกร็คกระตุก เขากัดริมฝีปากจ้องไปที่ซีคอย่างดุดัน
"…ได้เจ้าท้าเองนะ ไม่มีเหตุผลที่ข้าจะปฏิเสธ”
' ข้ารู้ว่าแกจะต้องยอมรับ '
ถ้าตัวเขาจำไม่ผิด เกร็คในช่วงเวลานี้กำลังพัฒนาตัวเองอย่างมากในการต่อสู้ ไม่มีเหตุผลอะไรให้ปฏิเสธการท้าสู้กับเขาที่ ไม่เคยเรียนทักษะการใช้ดาบ แถมพึ่งปลุกมานาได้อีก
“ แต่ถึงยังไง แม้ข้าจะยอมรับการประลองจากท่าน มันก็ไม่ได้เกี่ยวกับการสืบทอดตระกูลอยู่ดี ท่านพ่อไม่ได้ยินยอม ”
ถึงทักษะการต่อสู้ของบุคคลจะสำคัญมาก แต่การได้รับตำแหน่งการสืบทอดตระกูล แค่นั้นมันไม่พอ
ยิ่งไปกว่านั้น ทุกคนสำคัญในสตีลวอลล์ไม่ได้มีใครสนับสนุนเขาเลย แค่การประลองครั้งเดียวไม่สามารถกำหนดเรื่องสำคัญอย่างการสืบทอดผู้นำตระกูลได้ ในฐานะทายาทคนโตก็แค่ได้เปรียบจากความชอบตามธรรมเนียม
“ หึ ท่านมันโง่ ถึงเราดวลกัน ท่านพ่อจะกล่าวอ้างได้ว่าประลองกับท่านเพื่อฝึกฝน คิดว่าข้าแพ้แล้วจะเกิดอะไรขึ้นงั้นหรอ อยากมากก็แค่ไม่สามารถประกาศการสืบทอดตำแหน่งอย่างเปิดเผยแค่นั้น ถึงแม้ท่านพ่อจะดูเหมือนเป็นผู้นำที่เก่งในด้านการรบ แต่เขาก็ยังเป็นขุนนางแค่เรื่องเล็กน้อยนี้เขาทำได้สบาย”
เกร็คลูบคางของเขา จากการยอมรับคำท้านี้เขาสามารถได้รับการยอมรับหลายเรื่อง
“ ถึงตอนนั้นอุปสรรคสำคัญต่อการสืบทอดตำแหน่งของข้าก็จะลดลงไปเยอะมาก”
" ใช่. แต่มันจะเป็นแบบนั้นแค่กรณีที่เจ้าเอาชนะข้าได้หนะนะ เป็นเจ้ามากกว่าที่จะเสีย เจ้าจะพ่ายแพ้คนอย่างข้าที่พื้นฐานทักษะดาบก็ไม่เคยเรียนรู้ คนที่วิธีควบคุมมานาที่ถูกต้องก็ไม่รู้ด้วยซ้ำ ไม่ว่าท่านพ่อจะสนับสนุนเจ้าให้เป็นผู้สืบทอดแค่ไหน ผู้คนมากมายในสตีลวอลล์คงไม่ยอมรับ ถึงเราจะเป็นขุนนาง แต่เราก็เป็นตระกูลนักรบ”
เกร็คเยาะเย้ยขึ้นทันที “ ข้าจะพ่ายแพ้? ”
“ ท่านเอาอะไรมามั่นใจ”
" ข้ากำลังสงสัยอยู่ว่าท่านมีอาการบ้าอาการเพ้อเจ้อ”
“ แต่มันก็ดีสำหรับข้าเหมือนกัน ถึงท่านจะเป็นทายาทคนโต แต่คนโงเง่าเป็นผู้นำคนต่อไปไม่ได้หรอกนะ ”
“ ถ้าท่านต้องการแบบนี้จริงๆ ตกลง ข้าจะไปคุยกับท่านพ่อตอนนี้เลย ”
" รอเดี๋ยว"
ซีคหยุดเกร็คที่กำลังจะจากไป
“ ถ้าเจ้ามั่นใจขนาดนั้น เจ้าก็ต่อแต้มให้ข้าหน่อยเป็นไง”
“…ท่านกำลังวางแผนอะไรไว้อยู่”
ด้วยสายตาเต็มไปด้วยความสงสัยของเกร็คจ้องไปทางซีค
“ ไม่เห็นเจ้าต้องระแวงขนาดนั้น ข้าแค่ต้องการเป็นคนกำหนดเองว่าเราจะประลองกันตอนไหน ”
เกร็คลองทบทวนข้อเสนอของซีค พร้อมคิด ไม่ว่าซีคจะใช้แผนการอะไร แค่คำขอนี้ก็ไม่ส่งผลต่อโอกาสชนะของเขาแน่นอน
" ตกลง. แต่ข้าก็มีเงื่อนไขเหมือนกัน ‘ต้องเป็นภายในครึ่งปี’ นับจากวันนี้ ท่านว่าไง
" ตกลง "
“อย่าลืม—ครึ่งปี ท่านจะมาอ้างไม่ได้นะว่าต้องรักษาตัวจากการประลองกับท่านไบเนอร์ หรือ ข้ออ้างอะไรพวกนี้”
แค่คุยตกลงกันสั้นๆเกร็คก็ได้มีความคิดมากมายในหัว
" ไม่ต้องกังวลๆ ข้าไม่ได้มีความตั้งใจจะลากมันออกไปนานขนาดนั้น”
เหมือนเกร็คจะพอใจจากคำรับปากของซีคเดินจึงหันหลังจากไป เมื่อมองน้องชายต่างแม่เขาที่เดินไปแล้ว ซีคก็จับดาบขึ้นมาอีกครั้งอย่างแน่น
' อันธพาลตัวน้อยนั้นดูถูกกันขนาดนี้ ข้าจะมอบของขวัญชิ้นใหญ่ให้เขาแน่นอน ก่อนข้าจากไป '
หวดด!
เหมือนตรงหน้าเขาคือเกร็คดาบของซีคฟาดฟันออกไปอย่างเฉียบคม
และอีกสองสามวัน วันที่เขาต้องประลองกับไบเนอร์ก็ได้มาถึง
.
.
.
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 432
แสดงความคิดเห็น