ตอนที่ 39 ย่องราตรี

สวรรค์มวลดาว (Heavenly Star)
คุณกำลังอ่าน: สวรรค์มวลดาว (Heavenly Star)

-A A +A

ตอนที่ 39 ย่องราตรี

หมวดหนังสือ: 

ตอนที่ 39 ย่องราตรี

 

ระหว่างที่ทานมื้อค่ำ เย่หวูเฉินเล่าเรื่องราวของเขาให้ฟังคร่าวๆในทุกเรื่อง พอรับประทานอาหารเสร็จ หวังเวิ่นชูจึงลากเขามาใกล้ๆแล้วเริ่มซักถาม โดยเฉพาะตอนที่เขาเกือบเสียชีวิตเมื่อครึ่งเดือนก่อน เย่หูเฉินเล่าให้นางฟังด้วยทีท่าสบายโดยไม่เผยพิรุธใด เมื่อได้เวลาเขาก็กลับมายังสวนน้อยของตน พระจันทร์เสี้ยวและดวงดาราลอยบนท้องฟ้ายามค่ำคืน

 

เสี่ยวลู่รอคอยเขากลับมาอย่างใจจดใจจ่อ ในที่สุดนางก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก ขณะที่ใบหน้าเรื่อสีแดงอ่อนๆนางกล่าว “นายน้อย ห้องอาบน้ำพร้อมแล้ว ให้ข้าได้รับใช้นายน้อยช่วยท่านอาบน้ำ”

 

ในเวลานี้เอง มือของเสี่ยวลู่กำชายเสื้อของนางเอาไว้แน่นและบิดอย่างไม่รู้ตัว นางก้มศีรษะลงต่ำและไม่กล้ามองสบตากับเขา นี่เป็นครั้งแรกที่นางต้องช่วยบุรุษอาบน้ำ ในใจของนางกระวนกระวาย เย่หวูเฉินส่ายศีรษะ “ไม่จำเป็น ข้าจัดการเองได้”

 

เสี่ยวลู่ถอนหายใจแรงด้วยความโล่งใจ แต่ไม่รู้เพราะเหตุใด นางกลับรู้สึกผิดหวังลึกๆอยู่ข้างใน “คุณหนูหนิงเสวี่ยข้าเตรียมอ่างอาบน้ำไว้ในห้องข้าแล้ว ให้ข้าได้ช่วยคุณหนูอาบน้ำ....ตกลงไหมเจ้าคะ?”

 

“ไม่จำเป็น ข้าจะอาบน้ำให้เสวี่ยเอ๋อร์เอง เสี่ยวลู่ เจ้าไม่จำเป็นต้องช่วยพวกเราอาบน้ำหรอก เจ้าอาบน้ำแล้วไปนอนก่อนได้” เย่หวูเฉินพาหนิงเสวี่ยเข้าไปห้องของพวกเขา และปิดประตูลงกลอนในที่สุด

 

ดวงตาของเสี่ยวลู่เบิกกว้าง ปากน้อยๆของนางอ้าค้าง หัวใจเต้นรัวเร็ว.... นี่หรือว่านายน้อยจริงๆแล้วชื่นชอบเด็กหญิงตัวเล็กๆ....

 

“น้ำร้อนเกินไปรึปล่าว?”

 

“ร้อนเกินไปนิดนึง”

 

“เอาละ งั้นดูพี่ชายให้ดี” เย่หวูเฉินจุ่มมือลงไปในน้ำ ฝ่ามือของเขาวาบแสงสีฟ้า อุณหภูมิของน้ำค่อยๆลดลง

 

“พอดีรึยัง?”

 

“ยิ่งกว่าพอดีเลยละ ฮี่ ฮี่!”

 

ชุดขาวสะอาดที่ทำมาจากวัสดุไม่ทราบชนิดวางพาดอยู่บนเตียง หนิงเสวี่ยกำลังยืนอยู่ เมื่อเปรียบเทียบกับร่างที่งดงามของนาง อ่างอาบน้ำ ‘ยักษ์’ ดูจะใหญ่เกินไป ส่วนที่โผล่พ้นออกมาจากน้ำมีเพียงศีรษะและหัวไหล่ขาวงดงาม หนิงเสวี่ยหลับตาพริ้มรื่นรมณ์ขณะที่มือของเย่หวูเฉินขัดถูไปตามร่างกายนาง

 

“ถ้าเริ่มรู้สึกเย็นก็บอกข้านะ”

 

ฝ่ามือของเย่หวูเฉินเคลื่อนผ่านทั่วทุกซอกมุมบนร่างกาย ผิวของนางให้สัมผัสนุ่มลื่นน่าอัศจรรย์ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาชำระร่างกายให้หนิงเสวี่ย แต่ในทุกๆครั้งเขาจะพบว่าร่างกายของนางมักจะสะอาดไร้ที่ติอยู่เสมอ ทั้งยังเรียบละมุนเหมือนผิวหยก บางทีการอาบน้ำอาจไม่จำเป็นสำหรับนาง

 

แม้ว่าตอนนี้จะเป็นเวลากลางคืน ในห้องก็ยังสว่างจ้าเหมือนยามกลางวัน ที่ห้อยอยู่บนเพดานเป็นไข่มุกสีขาวขนาดใหญ่กำลังเปล่งแสงสว่างสดใส แสงไม่ได้จ้าจนถึงกับแสบตา ในทวีปเทียนเฉินแน่นอนว่าย่อมไม่มีไฟฟ้าใช้ มุกเรืองแสงเหล่านี้เองก็ไม่ใช่สมบัติในตำนานของสวรรค์หรือปฐพี เพียงแต่เป็นตะเกียงเวทย์แสงระดับสูงชนิดหนึ่ง ด้วยกลุ่มนักเวทย์ที่หายาก จึงทำให้นักเวทย์แสงหายากขึ้นไปอีก พวกเขามีเพียงพลังฟื้นฟูขั้นพื้นฐาน แต่ในทวีปเทียนเฉิน นักเวทย์แสงเป็นที่รู้จักเพราะเวทย์ตะเกียง ในยามกลางวันพวกเขาสามารถรวมแสงสว่างแล้วบีบอัดใส่ไว้ในวัตถุพิเศษได้ และทำให้พวกมันเปล่งแสงต่อเนื่องได้เป็นเวลานาน วัตถุเหล่านี้ได้กลายเป็นตะเกียงเวทย์ที่แสนประหลาดเหล่านี้เอง

 

ยิ่งหากนักเวทย์แสงยิ่งทรงพลัง ตะเกียงเวทย์ก็จะสามารถเปล่งแสงได้นานยิ่งขึ้น แน่นอนว่าคนทั่วไปไม่สามารถซื้อหาของแบบนี้มาใช้ได้ อย่างเช่นที่มีในห้องของเย่หวูเฉิน มันสามารถเปล่งแสงต่อเนื่องได้นานเป็นเดือน และมีเพียงคนจำนวนน้อยไม่กี่คนที่ได้ใช้มัน

 

หนิงเสวี่ยเหมือนสาวน้อยทรงเสน่ห์ผู้ถูกสาป นางถูกสาปบนใบหน้า แต่นางก็ยังคงมีร่างกายไร้ตำหนิราวกับนางฟ้า ผิวพรรณดั่งหิมะขาวละออ เอวสะโพกกลมบางเหมือนกิ่งหลิว เรือนร่างของนางงดงามอย่างที่สุด หน้าอกเล็กๆนูนออกมาบางเบา ละเอียดอ่อนสดใหม่เหมือนไผ่ยามแตกหน่อ สองหยดที่ติดตรงปลายดูคล้ายพร้อมร่วงหล่นตลอดเวลา จุดทั้งสองมีสีแดงนุ่มนวลราวกับอัญมณีเม็ดเล็กๆ ทั้งยังสดใสดุจดั่งเพชรน้ำค้าง

 

แววตาของเย่หวูเฉินมีเพียงความรักใคร่เอ็นดู ปราศจากราคะกำหนัดใดๆ เขาและหนิงเสวี่ยต่างเพลิดเพลินกับการใกล้ชิดกันเช่นนี้ แม้ว่าพวกเขาเพิ่งจะพบกันได้เพียงหนึ่งเดือนสั้นๆ คนทั้งสองต่างไร้ซึ่งอดีตและทำได้เพียงพึ่งพากันและกัน ทั้งพวกเขายังประสบผ่านความเป็นตาย จนตอนนี้พวกเขาแบ่งปันทุกสิ่งต่อกันและกัน

 

“ท่านพี่ ท่านเป็นผู้อาบน้ำให้ข้าอยู่เสมอ เหตุใดท่านจึงไม่ยอมให้ข้าได้อาบน้ำให้ท่านพี่บ้าง?” หนิงเสวี่ยเงยหน้ามองและเอ่ยถาม

 

“เพราะว่าข้าไม่จำเป็นต้องอาบน้ำ” เย่หวูเฉินกำลังขัดถูบั้นท้ายน้อยๆของนาง เขาตอบพร้อมรอยยิ้ม

 

“ไม่จำเป็น? ทำไมละ?” หนิงเสวี่ยมองอย่างสงสัย นางรวบผมยาวสีขาว เผยร่างขาวงดงาม

 

“เพราะว่าร่างกายของพี่ชาย จะทำความสะอาดโดยตัวของมันเอง ดังนั้นข้าจึงไม่เคยสกปรก แม้กระทั่งเสื้อผ้าของข้าก็ไม่เคยสกปรก” เย่หวูเฉินกล่าวพลางเคลื่อนมือออกจากร่างกายของหนิงเสวี่ย เขาแตะฝ่ามือบนผิวน้ำพร้อมมีแสงสีแดงวาบ ทำให้น้ำค่อยๆอุ่นขึ้นมา

 

10 นาทีให้หลัง เย่หวูเฉินอุ้มร่างเปลือยเปล่าของหนิงเสวี่ยออกมาจากน้ำ เขาเช็ดตัวนางให้แห้ง วางนางลงบนเตียงห่มผ้าให้นาง

 

“พี่ชาย นอนกันเถอะ....” หนิงเสวี่ยกางแขนออก ส่งสัญญาณให้เย่หวูเฉินกอดนาง นอนหลับในอ้อมแขนเขาได้กลายเป็นนิสัยโดยไม่รู้ตัว ยิ่งกว่านั้นยังเป็นนิสัยที่ยากจะไถ่ถอน

 

หวูเฉินจับแขนนางเก็บเข้าในผ้าห่ม สัมผัสหน้าน้อยๆของนางแล้วกล่าว “เสวี่ยเอ๋อร์ เป็นเด็กดีคอยพี่ชายอยู่ที่นี่ ข้าต้องออกไปทำบางสิ่งก่อน แล้วข้าจะรีบกลับมา”

 

“อื้ม พี่ชายต้องรีบกลับมานะ” หนิงเสวี่ยพยักหน้าน่ารัก นางกระพริบตาเบาๆ พยายามอย่างยิ่งไม่ให้ความฝืนใจปรากฎบนใบหน้า

 

ยังไม่ดึกมากนัก ผู้คนในคฤหาสน์ตระกูลเย่ยังไม่นอนกัน ห้องส่วนใหญ่ยังคงสว่างไปด้วยแสงไฟจากตะเกียงเวทย์หรือตะเกียงน้ำมัน พระจันทร์เสี้ยวยังคงลอยอยู่บนท้องฟ้า ภายใต้ม่านฟ้ารัตติกาล คฤหาสน์ตระกูลเย่มีแสงสว่างกระจายตามจุดต่างๆ พวกเขาไม่อาจเห็นว่าบริเวณรอบนอกเกิดสิ่งใด

 

เย่หวูเฉินเดินออกมาจากห้องของเขาช้าๆ สวนน้อยเงียบสงบอย่างมาก มีเพียงห้องข้างๆที่มีเสียงน้ำไหลอยู่ เสี่ยวลู่คงกำลังอาบน้ำ ที่เท้าและร่างกายของเขาวาบแสงสีเขียวในฉับพลัน เขากระโดดเหินร่างขึ้นไปบนหลังคา ร่างกายเขาเบาเหมือนขนนก เขารู้สึกเสมือนหนึ่งตนเป็นใบไม้ เมื่อเท้าแตะสัมผัส เขาทะยานร่างไปราวกับสายฟ้า พุ่งไปตามหลังคามุ่งเข้าหาเป้าหมายตน

 

มีชุดที่ออกแบบพิเศษสำหรับ ‘หัวขโมย’ ซึ่งพวกนักย่องเบาในยามค่ำคืนจะเรียกกันว่า ‘ย่องราตรี’ ไม่เพียงแต่เนื้อผ้ารัดรูปที่เพิ่มความคล่องตัว สีของพวกมันยังดำสนิทเหมือนน้ำหมึก เมื่อสวมใส่ชุด พวกเขาก็จะกลมกลืนไปกับความมืดและยากที่จะถูกพบเห็น แต่สำหรับนักย่องราตรีที่ใส่ชุดสีขาว ถ้าสมองเขาไม่มีปัญหา ก็แปลว่าเขาต้องมั่นใจในตนเองอย่างยิ่ง

 

ในยามนี้ ด้วยร่างที่สวมใส่ชุดขาวดุจหิมะ เย่หวูเฉินดูไม่เหมือนคนเดิมอย่างชัดเจน

 

ในโลกใบนี้ เขาใช้ความเร็วน่าตกตะลึงนี้ออกเป็นครั้งแรก ขณะที่เขาวิ่งมีเสียงก้องสะท้อนบางเบาดังอยู่ในจิตใจ....

 

“...... พลังของเราสามารถมอบความแข็งแกร่งให้ร่างกาย และมอบความสามารถลี้ลับได้จำนวนมาก แต่สิ่งแรกที่เจ้าต้องมั่นใจคือความเร็วล้ำลึก เจ้าไม่อาจดูแคลนความเร็วได้ ในโลกของวิทยายุทธ มีเพียงความเร็วที่ไม่อาจทำลาย แม้ว่าข้าจะมีพลังเพียงระดับเริ่มต้น แต่เมื่อข้าใช้ออกซึ่งความเร็ว กระทั่งผู้คนที่พลังเหนือล้ำกว่าข้ามากมายยังได้แต่ถอดใจ ดังนั้นหากพลังของเจ้ายังไม่แข็งแกร่งเพียงพอ จงทำให้แน่ใจว่าความเร็วของเจ้านั้นเหนือล้ำ ไม่เพียงมันจะช่วยป้องกันเจ้าจากการจู่โจมฉับพลัน แต่ยังทำให้เจ้าหลบเลี่ยงพายุการโจมตี เมื่อเจ้าเผชิญหน้ากับศัตรูที่ไม่อาจพิชิต เจ้าก็ยังคงหนีได้อย่างง่ายดาย.... แม้ว่าความเร็วจะไม่อาจพัฒนาได้รวดเร็วเท่ากับระดับพลัง แต่ยามที่บรรลุขอบเขตสูงสุดของพลัง เราจะสามารถตัดผ่านมิติ และไม่จำเป็นต้องพึ่งพาความเร็วอีกต่อไป”

 

นี่คือสิ่งที่ข้าเรียกว่า ‘มนต์หวูเฉิน’ มันเป็นพลังแบบใดกันแน่?

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 
 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.