ตอนที่ 27 บุตรชายตระกูลเย่ (2)

สวรรค์มวลดาว (Heavenly Star)
คุณกำลังอ่าน: สวรรค์มวลดาว (Heavenly Star)

-A A +A

ตอนที่ 27 บุตรชายตระกูลเย่ (2)

หมวดหนังสือ: 

ตอนที่ 27 บุตรชายตระกูลเย่ (2)

 

“ดี จำสิ่งที่ตัวเองพูดให้ได้ก็แล้วกัน” เย่หวูเฉินสีหน้าสงบขณะที่เปิดฝ่ามือขวาออกจากลำคอขององค์หญิง ลำคอขาวหิมะของนางไร้รอยบาดแผลใด กระทั่งคราบโลหิตยังไม่ปรากฎร่องรอย

 

หวู่ชางดวงตาเบิกกว้าง ใบหน้าของเขากลายเป็นแข็งค้าง ไม่อาจกล่าวแม้คำเดียว เหล่าราชองครักษ์ด้านหลังต่างมีสีหน้าเหมือนเห็นผียามกลางวัน ต่างขยี้ตาตนด้วยคิดว่าเห็นภาพลวงตา

 

หลงเจิ้งหยางทำสีหน้าไม่ถูกอยู่เนิ่นนาน จากนั้นจึงก้าวเข้าไปหาพวกเขาจับจ้องอยู่นาน ก่อนจะกล่าวออกมาอย่างติดขัด “นี่มัน....เป็นไปได้อย่างไร? น้องเย่ อย่าบอกว่าเจ้า....”

 

เขาเห็นอยู่ตำตาว่ากระบี่ได้เฉือนบาดลำคอนางกระทั่งมีเลือดไหลออกมา ทั้งองค์หญิงน้อยยังร้องไห้เพราะความเจ็บปวด แต่ตอนนี้บาดแผลกลับหายไป นี่ย่อมไม่ใช่สิ่งที่เรียกว่าเพียงการอำพรางแล้ว

 

องค์หญิงน้อยยกมือขึ้นสัมผัสลำคอตรงที่เคยโดนบาดอย่างระมัดระวัง นางอ้าปากค้างและแสดงสีหน้าแปลกใจดูน่ารักออกมา นางกระซิบกล่าวเบาๆ “แปลกจริง เมื่อครู่นี้ยังเจ็บมากๆอยู่เลย ตอนนี้กลับไม่มีบาดแผล? แถมยังไม่รู้สึกเจ็บปวดใดๆแล้ว”

 

นางแหงนมองโดยพลัน ดวงตาเป็นประกายจ้องที่เย่หวูเฉิน และกล่าวเสียงเจื้อยแจ้ว “เจ้าวายร้ายใหญ่ เจ้าทำได้ยังไง? สอนข้าหน่อยได้ไหม? ข้าจะได้สนุกบ้างยามเอาไปแกล้งผู้คน”

 

“วายร้ายใหญ่? เรียกข้าว่าพี่ใหญ่แล้วข้าจะสอนเจ้า” เย่หวูเฉินกล่าวพร้อมกับโน้มศีรษะลง แววตาเบื่อโลกของเขาไม่ใส่ใจผู้คนรอบข้างโดยสิ้นเชิง

 

องค์หญิงน้อยลังเลอยู่บ้าง แต่นางก็ทนสิ่งล่อใจไม่ไหวและในที่สุดก็กระซิบกล่าว “พี่ใหญ่....”

 

“ดีมาก” เย่หวูเฉินยิ้มอย่างมีความสุขและกล่าว “ข้าจะสอนเจ้า แต่ไม่ใช่ตอนนี้”

 

“เจ้า..... ......” องค์หญิงน้อยเม้มริมฝีปาก นางเกือบจะร้องไห้ออกมา

 

เย่หวูเฉินตบก้นน้อยของนางเบาๆ แล้วโอบคว้าเอวนางวางไว้ข้างหลัง หลังจากนั้นพาหนิงเสวี่ยลงจากเกี้ยว เมื่อเท้าเขาแตะสัมผัสพื้น ราชองครักษ์กว่า 10 นายพุ่งเข้ามาล้อมเขาไว้ในทันที แต่พวกเขาไม่ได้โง่ และรู้ดีว่าคนผู้นี้เป็นสหายขององค์รัชทายาท ไม่เช่นนั้นพวกเขาคงใช้กระบี่เข้าต้อนรับเขาไปแล้วเรียบร้อย

 

“วางกระบี่ของพวกเจ้าลงซะ”

 

หลงเจิ้งหยางตะโกนเสียงแผ่ว เสียงของเขาค่อนข้างเบา หวู่ชางสืบเท้าออกมาก้าวหนึ่งแล้วกล่าวเสียงเย็น “ฝ่าบาท ชายผู้นี้กลับกล้าลักพาองค์หญิงกลางท้องถนน กล่าวได้ว่าเขาไม่เห็นฝ่าบาทและองค์จักรพรรดิอยู่ในสายตา หากกระหม่อมยอมปล่อยคนเช่นนี้ไป แล้วเราจะรักษาเกียรติขององค์จักรพรรดิไว้ที่ไหน?”

 

เย่หวูเฉินยิ้มขณะที่มองไปที่หวู่ชาง เขากล่าว “หัวหน้าหวู่ ดูเหมือนเจ้าจะลืมบางสิ่งไป ก่อนที่จะพูดถึงเรื่องอื่น เมื่อครู่นี้เจ้าเพิ่งบอกว่าจะควักลูกตาตนเองออกมาไม่ใช่หรือ?”

 

หน้าของหวู่ชางแข็งค้าง หากแต่แค่นเสียงเย็นชา “ผู้ร้ายสามหาวอย่างเจ้า ทำไมข้าต้องฟังคำเจ้าด้วย!”

 

“โอ้ น่าละอายแทนราชวงศ์ ที่แท้หัวหน้าราชองครักษ์แห่งราชตระกูล กลับเป็นบุรุษมีคำพูดดุจผายลม ข้าเข้าใจ, ข้าเข้าใจ” เย่หวูเฉินกล่าวถากถางพร้อมแสดงสีหน้าเย้ยหยัน ขณะที่เขากุมมือน้อยๆของหนิงเสวี่ยเอาไว้เพื่อคลายความกังวลของนาง

 

“เจ้า!!”

 

หลงเจิ้งหยางอยากเข้าไปหยุดพวกเขา แต่สุดท้ายเขาทำได้เพียงถอนหายใจโดยไม่รู้จะช่วยยังไง หวู่ชางในชีวิตนี้ยึดมั่นในเกียรติและพลัง หากเย่หวูเฉินแสดงความเข้มแข็งของเขาออกมาแล้วเอาชนะได้ เขาย่อมได้รับการยอมรับจากหวู่ชาง แต่เรื่องจะกลายเป็นตรงข้ามหากเหยียบย่ำศักดิ์ศรีของเขา แม้ว่าหวู่ชางเป็นผู้มีความยับยั้งชั่งใจเป็นเลิศ แต่ยามนี้เขาถูกความเกลียดชังครอบงำล้ำลึก หลงเจิ้งหยางใช้ชีวิตอาศัยอยู่ในเมืองเทียนหลงได้ไม่นาน เขายังต้องใช้เวลาเพื่อให้สถานะของตนกลับมาเป็นที่ยอมรับ หลงเจิ้งหยางไม่อาจเผชิญหน้ากับเขาที่ถูกเย่หวูเฉินตอแยให้โดยทางอ้อม เนื่องจากหัวหน้าราชองครักษ์ของเมืองเทียนหลง นับเป็นตัวตนที่ทรงเกียรติ ที่แม้แต่องค์จักรพรรดิยังให้คุณค่าอย่างสูง

 

ทันใดนั้น มีเสียงชักกระบี่ดังขึ้น

 

หวู่ชางดึงกระบี่ออกมาชี้ไปที่เย่หวูเฉิน น้ำเสียงเขาหนักแน่นเกรี้ยวกราด “ข้าจะให้โอกาสเจ้า หากเจ้าเป็นบุรุษ ก็จงหยิบกระบี่ขึ้นมาแล้วพิสูจน์ความแข็งแกร่งของเจ้ากับข้า”

 

เย่หวูเฉินมองเขาด้วยสายตาราวกำลังมองคนบ้า เขากล่าวอย่างเหยียดหยัน “เจ้าคิดยังไงมาตัดสินว่าข้าเป็นบุรุษ? ถ้าข้าพูดว่า หากเจ้าเป็นบุรุษก็จงตัดมือและเท้า แล้วเจ้าจะตัดมือทิ้งในทันทีหรือ?”

 

สีหน้าของหวู่ชางยิ่งคล้ำลง กระบี่ในมือสั่นเล็กน้อย

 

“ข้ายอมรับ ว่าข้าไม่เหมาะเป็นคู่มือเจ้า... เพราะพลังของเจ้าต่ำต้อยกว่าบุรุษที่ยืนอยู่เบื้องหน้าเจ้าตรงนี้ บุรุษผู้นี้ลักพาตัวบุคคลที่เจ้าต้องคุ้มกัน แล้วเจ้าจะนับว่าแข็งแกร่งกว่าได้อย่างไร? เจ้ามันก็ไม่ต่างไปจากขยะ ข้าละอยากรู้จริงๆว่าคนอย่างเจ้าไปเป็นหัวหน้าราชองครักษ์ได้อย่างไร คำพูดข้าระคายหูงั้นหรือ? เช่นนั้นเจ้าลองตรองดู ว่าเหตุใดเจ้าต้องคุกเข่าแล้วตบหน้าตัวเองถึง 3 ครั้ง? นั่นไม่ใช่ความผิดข้าหากแต่เป็นเจ้าที่เข้ามารนหาที่ และเป็นตัวเจ้าเองที่ไร้ประโยชน์! หากข้าเป็นคนชั่วช้าจริงๆ ข้าสามารถคร่ากุมองค์หญิงและบังคับให้เจ้าตัดมือตัดเท้า แม้แต่องค์หญิงที่อยู่ภายใต้การคุ้มกันของเจ้าก็คงต้องตายไปแล้ว!” เย่หวูเฉินจ้องมองที่เขาแล้วเอ่ยถามเบาๆ “หรือข้าพูดผิด?”

 

หวู่ชางหลั่งเหงื่อกาฬเย็นเยียบ เขาไม่อาจกล่าวคำออกมาได้

 

หากหวู่ชางเพียงแค่กระตุ้นโทสะของเย่หวูเฉิน บางทีเขาอาจจะหันหลังและจากไปอย่างสงบ แต่เขากลับคุกคามหนิงเสวี่ย กระทั่งใช้พลังปราณกดข่มนาง นับเป็นการแตะจุดอ่อนไหวที่สุดของเขาอย่างไม่ต้องสงสัย ไม่ต้องกล่าวถึงหวู่ชางที่ทำไปเพียงเพราะไม่อาจขัดคำสั่งขององค์หญิง ต่อให้เป็นองค์จักรพรรดิฟ้าผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกหล้า เย่หวูเฉินก็ยังจะทำทุกทางและไม่ปล่อยเขาไปโดยง่าย เพราะหากไม่มีหนิงเสวี่ยโลกนี้ย่อมไม่มีเย่หวูเฉิน ทุกหยดน้ำตาของนาง ทุกบาดแผลบนร่างกาย ทุกการกระทำอันบ้าบิ่น เขาล้วนจดจำสลักฝังไว้ในใจ หนิงเสวี่ยที่ปกติน่ารักเฉลียวฉลาด แต่เพื่อเขาแล้วนางกลับยอมตายเพื่อเขาได้

 

เพราะเหตุนี้ มันผู้ใดที่คิดทำร้ายหนิงเสวี่ย จะต้องเผชิญกับความโกรธเกรี้ยวของหวูเฉิน!

 

ผู้คนที่คุกเข่าอยู่บนถนนทำได้แต่มองที่หวู่ชาง แม้เขาจะเป็นผู้ใหญ่ แต่ด้วยคำพูดที่ชายหนุ่มกล่าวทำให้สีหน้าเขาเปลี่ยนจากเขียวคล้ำเป็นขาวซีด ในฝูงชนไม่มีใครอยากนำตนเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการทะเลาะนี้ พวกเขาทำได้เพียงโทษตัวเองอยู่ในใจ เพราะถึงตอนนี้พวกเขาคุกเข่ามาแล้วครึ่งวัน ถึงจะปวดเข่าเพียงใดพวกเขาก็ไม่กล้าลุกขึ้น แม้ว่าจะอาศัยอยู่ในเมืองเทียนหลง แต่ก็ยังคงเป็นเรื่องยากที่จะได้เห็นองค์ชายรัชทายาทและองค์หญิง ยามนี้เมื่อพวกเขาได้มาพบ จึงทำได้เพียงอยู่นิ่งๆไม่อาจจากไป พวกเขาทำได้เพียงคุกเข่าต่อไป

 

มีคนกลุ่มหนึ่งมาถึงที่ถนน ผู้คนแอบคิดอยู่ในใจ ‘คร่ากุมตัวองค์หญิงกลางท้องถนน เรื่องใหญ่ขนาดนี้สมควรรู้ไปถึงวังหลวงนานแล้ว ในที่สุดก็มีใครบางคนมาช่วยพวกเราเสียที’ แต่ในฉับพลัน ผู้คนต้องกระซิบกล่าวกับตนเองอีกครา เพราะว่าผู้ที่มาถึงกลับเป็นคนของตระกูลเย่ ยิ่งกว่านั้นเบื้องหลังของคนตระกูลเย่ ยังมีผู้คุ้มกันกว่า 10 คน ถือกระบี่มาด้วยสีหน้าเยียบเย็น

 

เย่หวูเฉินดูไม่แปลกใจอะไร เขากลับเงยศีรษะขึ้นเล็กน้อย ราวกับการมาของพวกเขาอยู่ในการคาดคำนวณ

 

เช่นนั้น นิมิตอนาคตของข้ากลับกลายเป็นเรื่องจริง..... กลายเป็นจริงได้อย่างไร เช่นใดจึงกลายเป็นจริง

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 
 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.