STARCIN ภาคที่ 2 GAMES START ตอนที่ 28 ค่อย ๆ ไป
แสงสีจากคริสทัลสาดส่องไปทั่วห้องโถงใหญ่ภายในดันเจี้ยน ที่ที่ฟรานและพรรคพวกของเธอพักผ่อนหย่อนใจแต่แล้วความสบายก็หายไปเมื่อพวกแมลงน่ารังเกียจพุ่งเข้าจู่โจมไม่หยุด
" ไอ้แมลงบ้าพวกนี้มันมาจากไหน ตอนแรกพวกเราก็ตรวจสอบอย่างดีแล้วนี่ " มารีนจับไม้คทาส่ายไปมาร่ายเวทไฟออกมาอย่างคบเพลิงไล่พวกมัน
" หนังสือนำทางไม่ได้ช่วยอะไรเลย โดนหลอกแน่ ๆ " ร็อกโก้ขว้างม้วนกระดาษนั่นทิ้งด้วยความโมโหพร้อมกับก้มหลบสกิลของพวกมันที่ยิงออกมาจากก้นพอดี
" อย่าไปกลัวพวกมันเป็นมอนสเตอร์ระดับต่ำทำอะไรเราไม่ได้หรอก อะ- " น้ำสีเขียวหนืด ๆ ที่พ้นออกจากปากและก้นได้สัมผัสกับเสื้อของโจ จู่ ๆ พวกเขาก็ได้ยินเสียงร้องคำรามดังมาจากชั้นต่อไป
" เสียงนั่นมัน ! อย่าบอกนะว่าเป็น... "มารีนตกใจหน้าซีดแถมยังมีเหงื่อท่วมหน้า
" เสียงของช้าง " ร็อกโก้มือไม้สั่นแต่ก็ยังยืนหยัดอยู่ที่เดิมไม่ไปไหนพร้อมทั้งจ้องมองไปยังที่มาของเสียง
" ก็บอกว่าอย่าบอกไง ! " มารีนตะคอกเสียงดังพร้อมกับกำปั้นง้างเขกหัวร็อกโก้จัง ๆ เลย
" เจ็บนะ ฉันทำอะไรผิด ? " ร็อกโก้หัวโนนั่งง่อยลงไปทันที
" ยังไงก็ตามแมลงพวกนี้มันหยุดโจมตีพวกเราแล้ว ทำไมกันนะ ? " ฟรานขำอยู่ในลำคอกวาดสายตามองไปทั่ว
จับสัญญาณข้างหน้าได้แค่หนึ่งแต่มันใหญ่มาก
" ระวังตัวกันไว้ " โจเดินเข้ามาด้านหน้าตั้งโล่ของตัวเองกับพื้นพร้อมรับแรงกระแทก
" รับ ! " พวกเขายืนจัดแถวกันอย่างเคยโดยที่ฟรานอยู่ในแนวหลังกับมารีน
มันกำลังเข้ามาใกล้แล้ว แต่ทำไมเรารู้สึกเหมือนถูกจ้องอยู่ตลอดกันนะ ?
พวกเขาได้เห็นช้างที่ตัวสูงยิ่งกว่าพวกเขายืนต่อกัน ความใหญ่ของมันเทียบกับรถตักดิน งวงสีดำคล้ำขนาดพอ ๆ กับลำตัวคนปกติพอดี มันยกจมูกที่อยู่สุดงวงชูขึ้นสูงราวกับจะประกาศศักดา
" เลเวลห้า...ช้างขุนนาง " ที่ท้องของมันมีแต่รูเล็ก ๆ เต็มไปหมดดูแล้วน่าขยะแขยง ดวงตาของมันช่างเล็กจิ๋วเมื่อเทียบกับขนาดตัว แววตาเลื่อนลอยมองลงไปแต่พื้นตรงหน้า
" แมลงพวกนี้เป็นของมัน ต้องกำจัดทิ้งด่วนเลย " พวกแมลงเริ่มเคลื่อนไหวอีกครั้ง มันบินวนรอบตัวพวกเขาเหมือนกำลังต้อนให้อยู่รวมกัน
แสงประหลาดพุ่งฝ่าดงแมลงปะทะเข้ากับโล่ของโจเล่นเอาซะเขามือสั่นกันเลยทีเดียว
" เผามันให้หมด [ Flame Explosion ]" มารีนยกคทาโบกไปรอบ ๆ สร้างเปลวไฟขึ้นมาเผาพวกแมลง แต่ดูเหมือนจะช้าเกินไปจนฟรานยื่นมือมาช่วยอีกแรง โจยังคงป้องกันการโจมตีของช้างไว้ระหว่างที่พวกเธอจัดการแมลง
" สำเร็จ ! " เสียงที่แสดงถึงความดีใจของมารีนแต่เมื่อเธอได้เห็นร่างของเจ้าช้างยืนอยู่ตรงหน้า เธอตัวสั่นระริกไม่ต่างอะไรกับเพื่อน ๆ ของเธอ
" เราต้องถอยก่อน ! " มารีนและพรรคพวกวิ่งเตลิดไม่คิดชีวิตออกไปให้ห่างจากมันมากที่สุด งวงใหญ่ยาวของมันเหวี่ยงฟาดเล็งไปที่โจแต่เขาก็ไหวตัวทันยกโล่ขึ้นป้องกันได้ แต่แรงกระแทกก็ทำให้เขากระเด็นออกไปไกลหลายเมตรในพริบตา
" โจ ! " ร็อกโก้แทงหอกยาวไปข้างหน้าหวังจะสร้างบาดแผลให้มันได้บ้าง หอกของเขาแทงเข้าไปมิดหัวเข้าที่ขาหน้าของมันก่อนที่จะโดนงวงสะบัดใส่ผลักกระเด็นออกไป
" [ Fire Bullets ] " กระสุนไฟจากมารีนถ่วงเวลาให้โจและร็อกโก้กลับมารวมตัวกันอีกครั้ง
" มันค่อนข้างช้าถ้าพวกเราแยกกันไปปั่นป่วน มันก็น่าจะทำอะไรเราไม่ได้ " สิ้นเสียงของฟรานโดยที่พวกเขาต่างก็พยักหน้าตอบรับกันอย่างพร้อมเพรียง ร็อกโก้ชักมีดสั้นออกมาแทนที่หอกที่ติดอยู่กับขาของมันก่อนจะแยกย้ายไปคนละทิศคนละทาง
เหล่านักผจญภัยกวัดแกว่งอาวุธของตัวเองเชือดเฉือนผิวที่หยาบและหนาของมัน เสียงระเบิดดังจากเวทมนตร์ที่ใช้ดังอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานาน งวงอันใหญ่ยาวของมันสะบัดเหวี่ยงไปทุกทิศทุกทางอย่างบ้าคลั่ง
" อย่าหยุดจนกว่าจะจัดการมันได้ " บาดแผลนับร้อยทั่วร่างของมันสร้างความทรมานให้อย่างมากจนมีแต่เสียงร้องควรครางดังก้องไปทั่วทำให้มอนสเตอร์ตัวอื่น ๆ เริ่มตามมาในไม่ช้า
มีสัญญาณสิ่งมีชีวิตมาจากทั้งด้านหน้าและด้านหลัง แบบนี้แย่แน่ ๆ ฟรานสัมผัสได้ถึงบางสิ่งบางอย่างที่กำลังมุ่งหน้ามา เสียงเตาะลิ้นแสดงถึงความหงุดหงิดที่อยู่ในใจขณะที่เธอยังคงเหวี่ยงดาบคาตานะฟาดฟันร่างของช้างอยู่ด้วย
จะใช้ดาบนั้นอีกก็ไม่ได้ พวกมารีนแยกกันอยู่คนละที่มันอาจจะทำให้โดนลูกหลงไปด้วย
" ให้ตายสิแบบนี้ชักจะยื้อไม่ไหวแล้วนะ " ร็อกโก้ยืนเหนื่อยหอบหายใจถี่ ๆ พยายามฝืนเหวี่ยงมีดสั้นนั้นสุดแรงที่เหลือ แต่มันก็แทบจะเจาะผิวของมันไม่เข้าแล้ว ด้วยสภาพของมีดและแรงของเขาถดถอยลงไปเรื่อย ๆ
" มานาพวกเราใกล้จะหมดแล้วแต่ก็ยังล้มมันไม่ได้ " มารีนยกขวดมานาขึ้นมาดื่ม หน้าตาตอนที่เธอกลืนลงไปดูกระอักกระอ่วนอยากจะอ้วก
" มีบางอย่างกำลังมา ! " โจตกใจตาเบิกกว้าง จุดที่เขาอยู่คือทางไปยังชั้นถัด ๆ ไป ทางที่โล่งมืดสลัว ๆ กลับมีมอนสเตอร์แบบเดียวกับช้างนี้อีกหลายตัวกำลังเดินเข้ามา ถึงขนาดของมันจะเล็กกว่าแต่ด้วยจำนวนขนาดนี้ก็ทำให้โจแทบลมจับ
" ฟราน ! เราจะทำยังไงกันต่อ " เสียงสั่นคลอนจากโจด้วยท่าทางของช้างตรงหน้าที่ไม่มีท่าทีจะล้มลงได้เลยแต่กลับมีมาเพิ่ม พวกเขารู้สึกหมดแรงใจในการสู้ต่อ เริ่มลดอาวุธลงแล้วกลับมารวมตัวกันอีกครั้ง
" มีพวกที่มาจากข้างหลังด้วย เราโดนล้อมไว้หมดแล้ว " พวกมันเดินตรงเข้ามาพร้อมกับเสียงเหยียบย้ำพื้นสั่นสะเทือนและดังโครมครามจนน่ากลัว
เราตั้งสมาธิไม่ได้เลย ตรวจจับถึงรายละเอียดได้ยากมากไม่รู้ว่าจะรับมือยังไงดี
" ระวัง ! " กระสุนน้ำเป็นเกลียวพุ่งใส่พวกเขาทีเผลอแต่ฟรานก็สร้างกำแพงดินขึ้นมาป้องกันได้ทัน
" อย่าพึ่งถอดใจ ตั้งหลักใหม่อีกครั้ง " แม้ฟรานจะยืนหยัดชูดาบไปข้างหน้าแววตาดุดันแต่เพื่อน ๆ ของเธอกลับเหนื่อยและหมดเรี่ยวแรงที่จะทำแบบนั้นเสียแล้ว
" มานาพวกเราเหลือน้อยเต็มทีแล้ว ขวดมานาที่ซื้อมาก็กำลังจะหมดแล้ว " พวกเขายกขวดแก้วสีขุ่นที่มีของเหลวสีแดงอยู่ข้างในกลั้นใจกระดกจนหมด
" เธอมีแผนอะไรไหมฟราน ? " ร็อกโก้หยิบมีดอันใหม่ขึ้นมาแทนที่มีดบิ่น ๆ อันเก่า ทันใดนั้นหนึ่งในช้างตรงหน้าก็กระทืบเท้าอย่างรุนแรง กำแพงหินสูงหลายเมตรผุดขึ้นล้อมพวกเขาไว้ทุกด้าน
" ซวยแล้วไง- " คลื่นมานาขนาดใหญ่พุ่งตรงเข้ามาหาพวกเธอโดยที่ไม่มีทางหนีได้ พวกเขาใช้แรงเฮือกสุดท้ายสร้างโล่มานาขึ้นมาให้หนาที่สุดเท่าที่ทำได้
" อ๊าก ! " พวกเขายืนต้านทานมันไว้อยู่หลายวินาที แขนทั้งสองข้างที่ออกแรงตึงจนเหมือนจะหัก ร่างกายที่ปวดแสบปวดร้อนเหมือนมันกำลังจะฉีกออก จนในที่สุดคลื่นมานาก็หายไปพร้อม ๆ กับเสียงไม้คทาและอาวุธร่วงลงพื้น เมื่อฟรานหันไปมองก็เห็นพวกเธอตัวเกร็งสั่นจนยืนไม่อยู่
" ทำใจดี ๆ ไว้นะทุกคน " ฟรานใช้เวทรักษาพยายามช่วยพวกเขาเท่าที่ทำได้
" ปล่อยพวกเราไปเถอะมีแต่จะถ่วงเธอเอาเปล่า ๆ อะ- " ความรู้สึกแน่นหน้าอกจนร็อกโก้กัดฟันแน่น เอามือข้างที่ถนัดบีบรัดหน้าอกเหมือนอยากจะควักมันออกมา
แบบนี้แย่แน่ ๆ เราควรทำยังไงดี เรามีดาบกับเกราะนั่นอยู่ต้องรีบจัดการพวกมันให้ไวที่สุดก่อนที่มอนสเตอร์ตัวอื่นจะมาเพิ่มอีก ดาบสีดำสนิทที่เธอชักออกจากฟักพร้อมกับสวมเสื้อเกราะสีขาวท่ามกลางสายตาแห่งความคาดหวังของพวกเขา
" [ ลงดาบรูปแบบที่สอง ] " ลงดาบเป็นสกิลที่ใช้มานาเยอะมากเมื่อเทียบกับสกิลอื่น คมดาบสะบัดผ่านขาที่หนาตัดขาดในดาบเดียวพุ่งไปยังขาอีกสามข้างที่เหลือจนพวกร็อกโก้ได้แต่มองตาไม่กะพริบอ้าปากค้างโดยไม่รู้ตัว เพียงหนึ่งช่วงลมหายใจเธอก็ทำให้ช้างตัวหน้าสุดล้มลงไปกองกับพื้นได้แล้วแต่ก็ยังเหลือพวกมันอีกหลายตัว
" ส-สุดยอดเลยฟราน " มารีนยิ้มออกมาอย่างสบายใจ พวกเธอค่อย ๆ ฟื้นตัวจนขยับได้บ้างระหว่างที่ฟรานไล่จัดการพวกมันอยู่
อา ! พวกมันตายยากตายเย็นจริง ๆ เลย กว่าจะฆ่าได้แต่ละตัวก็เสียมานาไปหนึ่งในสิบแล้วทั้งที่เราพยายามประหยัดไว้แทบตาย งวงได้เหวี่ยงใส่ฟรานจากด้านข้างแต่เธอก็ก้มหลบไปได้ทันก่อนจะมีกระสุนหินยิงมาจากช้างตรงหน้า เธอสะบัดดาบปัดพวกมันทิ้งไปแล้วพุ่งเข้าใส่ทันที ใช้เวทโจมตีที่พุ่งแทงตรงแต่เธอไถลลอดได้ท้องแทน ดาบสีดำลากผ่าตั้งแต่ข้างหน้าไปยันด้านหลังจนไส้และเครื่องในไหลทะลักออกมา
ถ้าทำแบบนี้เราก็จะประหยัดมานาไปได้บ้าง ไม่ทันพูดจบมันก็หันมาฟาดงวงฟาดงาพร้อมทั้งยิงคลื่นมานาสวนกลับโดยไม่สนใจไส้ที่ห้อยลากพื้นมาด้วย
เฮ้ ได้ไงวะเนี่ย ฟรานวิ่งหนีด้วยความกลัวกับภาพอันน่าสยดสยองตรงหน้าเธอได้สะดุดเข้ากับงวงของอีกตัว เมื่อเงยหน้ามองขึ้นไปก็เห็นร่างยักษ์ใหญ่เหนือหัวเสียแล้ว เธอกลิ้งตัวหลบเท้าที่กระทืบลงมาได้ทันแต่ก็ไปเจอกับพวกมันอีกตัวดักอยู่ แสงสว่างที่ปลายงาจ้าเสียจนพวกมารีนยังมองไม่ได้ก่อนจะมีเสียงระเบิดดังมาจากทางนั้น
" ฟราน ! " เสียงร้องจากพวกร็อกโก้ดังขึ้นพวกเขาพยายามฝืนตัวเองลุกขึ้นยืนให้ได้อีกครั้งเพื่อออกไปช่วยฟราน แต่เมื่อฝุ่นควันจางหายก็ได้เห็นฟรานนอนอยู่โดยพื้นที่รอบ ๆ ต่างก็ยุบลงไปหมด
เกือบไปแล้วไง ดีที่เราใช้โล่มานาทันไม่งั้นได้ตายไปแล้วแน่ ๆ ฟรานดีดตัวขึ้นยืนสะบัดดาบตัดงวงยาวที่น่ารำคาญตรงหน้าขาดก่อนจะกระโดดถอยออกมาตั้งหลักใหม่ แต่หารู้ไม่ว่าจุดที่เธออยู่คือตรงกลางวงของพวกมัน เมื่อเธอรู้สึกตัวอีกก็สายไปเสียแล้วงวงมากมายได้เหวี่ยงสะบัดใส่เธอไม่ยั้งจนไม่มีที่จะหลบได้ เสียงดังโครมเมื่อเธอถูกฟาดกระเด็นกระแทกกำแพงดันเจี้ยน
มึน ๆ หัวนิดหนึ่งแต่ไม่ได้รู้สึกเจ็บเหมือนเมื่อก่อนเลยแฮะ ฟรานใช้ดาบปักลงพื้นยันตัวเองลุกขึ้นกวาดสายตามองพวกมันที่กรูกันเข้ามาหาเธอพร้อมกับคลื่นมานาหลายเส้นเล็งมาที่เธอ
" ยิ่งอุปกรณ์ดีเราก็ยิ่งแข็งแกร่งตามไปด้วยสินะ " ฟรานยิ้มอ่อนสะบัดดาบสร้างคลื่นเวทมนตร์ทั้งสี่ธาตุสวนกับคลื่นมานา แรงระเบิดจากการปะทะทำให้เศษดินฝุ่นกระจัดกระจายไปทั่ว
ช้างขุนนางที่มีท้องเป็นรูพรุนเดินมาสมทบอีกหลายตัว ฝูงแมลงที่คล้ายคลึงกับยุงบินว่อนไปทั่ว ฟรานเงยหน้ามองด้วยสายตาเฉยชาเหวี่ยงดาบไปรอบ ๆ สร้างเปลวเพลิงลุกโหมกระหน่ำแพร่ความร้อนไปยันพวกมารีนที่อยู่ไกลออกไป
ขณะที่พวกมันกำลังรวบรวมมานาไว้ที่ปลายงาขณะที่ฟรานกำลังถูกปั่นป่วนโดยฝูงแมลง กว่าเธอจะรู้ตัวมันก็สายไปเสียแล้ว คลื่นมานาจำนวนมากยิงกระหน่ำใส่จนเธอไม่มีโอกาสขยับไปไหนได้เลย
ตายแน่ ตายแน่ ตายแน่ มันพยายามบังคับให้เราใช้มานา ฟรานเหวี่ยงสะบัดเวททุกรูปแบบที่มีเพื่อป้องกันคลื่นมานาพวกนั้น มานาที่เหลือก็น้อยลงไปทุกทีเธอคิดหาทางออกแต่สมาธิทั้งหมดก็ต้องเอามาใช้กับคลื่นมานาและสกิลของมัน
ต้องใจเย็นกว่านี้...การควบคุมมานาเราเริ่มไม่คงที่แล้ว ถ้าพลาดเพียงนิดเดียวเราจบเห่แน่ แม้ดาบของเธอจะแข็งแกร่งแค่ไหนแต่เธอไม่สามารถทนการโจมตีที่ต่อเนื่องได้นานนัก
มือชาไปหมดเลย เหมือนร่างกายค่อย ๆ หนักอึ้งจนแทบจะยืนไม่อยู่ อาวุธของเราสร้างโดยคนที่มีเลเวลแปดเลยนะตัวเราเองก็เลเวลหกแล้ว แต่ทำไมถึงจัดการมอนสเตอร์เลเวลห้าไม่ได้สักที พวกมันทั้งอึดและมากเกินไปที่จะจัดการในดาบเดียว เธอกัดฟันแน่นเกร็งไปทั่วทั้งร่างคลื่นมานาที่ยิงออกมาไม่มีหมดทำให้ร่างกายเธอรับภาระหนักขึ้นเรื่อย ๆ
เสียงเท้าดังเป็นจังหวะอย่างพร้อมเพรียง พวกกรีนและนักผจญภัยต่างก็มุ่งหน้าลงไปในดันเจี้ยนที่มีเพียงแสงสลัวๆ
เฮ้อ...ได้เวลาบอกลามีดเก่านี่สักที ของที่ราโมให้มาดูดีกว่าเยอะเลย ฉันคงจะคิดถึงพวกแกนะเหล่ามีดที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขมา ซึฮากิมองดูมีดที่ทั้งบิ่นและเขรอะแต่ก็เก็บมันไว้ในกระเป๋าไม่ยอมทิ้งมันไป
มีดสั้นที่ราโมให้มาค่อนข้างถนัดมือเลยแฮะ เขาบอกด้วยว่ามันมีความเข้มข้นของหินเวทในระดับกลางถ้าซื้อเองก็คง...หลายตัง
กลุ่มคนที่ถือโล่ยักษ์เดินเรียงแถวนำหน้าพวกเขาทุกคน มีแม้กระทั่งคนที่ดูอ่อนแอมาเพื่อจดบันทึกข้อมูลของดันเจี้บนแห่งนี้
นี่เราก็เดินเข้ามาเป็นชั่วโมงแล้วนะ ทำไมถึงไม่เจอมอนสเตอร์สักกะตัวเลย ไม่มีเพียงแค่ซึฮากิเท่านั้นแต่คนส่วนใหญ่ก็สงสัยและระวังตัวอยู่ตลอดเวลา
นี่ปุยแกตามฉันมาได้ยังไง ตอนแรกที่เคยเจอกับแกก็เป็นมอนสเตอร์ในดันเจี้ยนสินะ อะไรที่ทำให้แกอยู่กับพวกเราได้ล่ะ
ภาพทั้งหมดได้กลายเป็นสีขาวเหมือนเขากำลังอยู่ในก้อนเมฆ ความรู้สึกฟุ้งลอยเหมือนกำลังฝันจนได้เจอกับเด็กผู้หญิงตัวเล็กคนหนึ่ง
" อีกแล้วเหรอ ถ้าจะเรียกมาก็เอาตอนว่าง ๆ ไม่ได้หรือไง " ซึฮากิถอนหายใจมองหน้าของหญิงสาวที่เริ่มชัดขึ้นมา ได้เห็นรอยยิ้มแย้มตลอดเวลาที่มองมาที่เขา
" แหม่ ๆ ทำเป็นอารมณ์เสียไปได้ ยังไงเวลาฉันเรียกมามิตินี้มันก็ไม่มีผลกับเวลาอยู่แล้ว " เสียงหัวเราะเยาะแบบเด็ก ๆ มาพร้อมกับรอยยิ้มตาหรี่จนเห็นฟัน
" มีอะไรก็ว่ามา " ซึฮากิพูดตอบโต้อย่างเย็นชา
" ใจร้อนจริง ๆ เลย ฉันแค่อยากจะมาบอกข้อมูลบางอย่างให้ฟัง นายได้สิทธิพิเศษกว่าใคร ๆ เลยนะจะบอกให้ "
" งั้นก็รีบบอกมาได้แล้ว "
" อะแฮม นายยังจำเนื้อหาในหนังสือบันทึกของแอลได้ใช่ไหม " ซึฮากิพยักหน้าตอบ
" เรื่องของดันเจี้ยน ฉันจะบอกข้อมูลลับให้ฟังนะเตรียมตัวให้ดี ในปัจจุบันพวกมนุษย์มักจะจัดอันดับสิ่งต่าง ๆ แน่นอนว่าดันเจี้ยนก็ถูกจัดเรียงไว้ ตั้งแต่ที่ที่เรียบง่ายไปยันซับซ้อนซ่อนเงื่อนแต่ความลับนี่ไม่มีใครรู้เลยนะว่าทุกดันเจี้ยนสามารถเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมรวมถึงมอนสเตอร์ภายในได้เอง แก่นของดันเจี้ยนที่ฉันหว่านไว้- โอ๊ะเผลอหลุดปากไป " เธอแทบเอามือปิดปากตัวเองไม่ทัน
" เอาเป็นว่าคราบใดที่ไม่มีใครไปยุ่งกับแก่นของดันเจี้ยน ที่แห่งนั้นก็จะปรับตัวให้เข้ากับอันตรายที่จะเจอเอง เหล่าดันเจี้ยนที่มนุษย์ใช้เก็บวัตถุดิบวันดีคืนดีอาจจะมีมอนสเตอร์ระดับสูงโผล่มาก็ได้ แต่เวลาในการทำแบบนั้นแตกต่างกันไปอาจจะเป็นร้อยปี สิบปีหรืออาจจะแค่ปีเดียวก็ได้ "
" แก่นของดันเจี้ยนเหรอ ? ถ้าเธอรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับฉันจริงงั้นช่วยบอกทีว่าไอ้ลูกกลม ๆ ที่ลิงเมฆาใช้ใช่แก่นของดันเจี้ยนไหม "
" ใช่แล้ว เจ้านั่นแหละคือแก่นของดันเจี้ยน ใครจะคิดว่าเจ้าลิงนั่นจะไปเจอมันเข้าให้แถมพวกนายก็ทำเอาดันเจี้ยนหายไปเลย "
" ก็มันช่วยไม่ได้นี่หว่า ถ้าพวกเราไม่สู้ก็ตาย "
" ฮ่าฮ่าฮ่า ฉันล่ะชอบความตายยากของพวกนายจริง ๆ เรื่องวันนี้ก็คงมีแค่เรื่องดันเจี้ยนเท่านั้นแหละไว้วันหลังฉันจะเรียกมาคุยด้วยใหม่ "
" เดี๋ยวก่อน ! " ขณะที่เธอกำลังจะเลือนหายไป ซึฮากิก็ตะโกนขัดได้ทัน
" เธอยังบอกความลับของดันเจี้ยนไม่หมดเลยไม่ใช่หรือไง " ซึฮากิจ้องตาเขม็ง
" ลืมซะสนิทเลยงั้นไว้คราวหน้าละกัน " เธอยิ้มเยาะมองซึฮากิด้วยหางตาก่อนจะเลือนหายไป
นอกจากคลื่นมานาแล้วเธอยังต้องคอยระวังเวทหินเล็ก ๆ ที่พวกมันยิงออกมาด้วย มันเล็กและเร็วมากเสียยิ่งกว่าคลื่นมานาเพราะพลังทำลายต่ำกว่า เธอเสียท่าให้กับเวทเหล่านั้นมันยิงเจาะเข้าที่ขาของเธอจนเสียหลักล้ม สมาธิแตกกระเจิงไม่อาจจะป้องกันเวทพวกนั้นได้ทัน
" คงต้องใช้มันแล้วสินะ " ฟรานกัดฟันแน่นพยายามใช้ดาบยันตัวเองขึ้นอีกครั้ง
" เจอสักที " ฟรานเงยหน้ามองแผ่นหลังของเพื่อนพ้องของเธอทั้งสามคน ซันนี่หันมายิ้มอย่างมีความสุขขณะที่ซากิและชาญจ้องตาเขม็งไปข้างหน้า
" [ Mana Shield ] " ้เสียงร่ายคาถาอย่างพร้อมเพรียงสร้างโล่มานาป้องกันได้ทันท่วงที
" พวกนายมาได้ยังไง ? " ฟรานยิ้มอย่างสบายใจเมื่อได้เห็นหน้าเพื่อน ๆ ของเธอ ซากิและชาญพุ่งเข้าฟาดฟันกับพวกมันทันที
" เธอพักฟื้นเถอะ ที่เหลือปล่อยให้เราจัดการต่อเอง " ซันนี่ยื่นขวดมานาให้กับฟรานก่อนจะหันหลังมุ่งเข้าสนามรบ
อย่างน้อยครั้งนี้ก็ไม่มีใครเป็นอะไรมาก ฉันไม่อยากเห็นใครตายอีกแล้ว ฟรานนั่งมองพวกเขาเหวี่ยงตวัดอาวุธของตนเองพร้อมกับยิ้มไปด้วยเหมือนกับกำลังสนุกอยู่ พวกเขาเน้นรุมจัดการไปทีละตัวใช้เวลานานกว่าครึ่งชั่วโมงแต่การต่อสู้ก็ยังไม่จบ
" ชิ ไอ้พวกนี้ตายยากชะมัดเลย " ชาญเตาะลิ้นแสดงความหงุดหงิด กว่าพวกเขาจะจัดการได้แต่ละตัวก็ใช้เวลานานหลายนาที
คลื่นมานาพุ่งผ่านหัวชาญไปฉิวเฉียดขณะที่เผลอ เขาสะดุ้งตกใจจนเผลอร้องอุทานออกมา
" เจ้าชาญตั้งใจหน่อยสิ " ซันนี่ตะคอกใส่ชาญแต่เขาก็ยังยิ้มหัวเราะได้อยู่
ความรู้สึกแบบนี้มัน " ทุกคนระวัง ! " เสียงคำรามดังมาจากอีกฟากของดันเจี้ยน ร่างใหญ่บึกบึนอันน่าเกรงขาม มันเอามือทั้งสองข้างกำหมัดแน่นทุบกับหน้าอกพร้อม ๆ กับส่งเสียงร้องขู่
" อะไรอีกวะเนี่ย " ชาญจ้องไปที่ลิงกอลิล่าตัวใหญ่ที่อยู่ไกลออกไป พวกมันมากันเป็นสิบตัววิ่งกรูกันเข้ามา
" ทุกคนถอยออกมาก่อน " พวกซากิถอยทิ้งระยะห่างออกมาทันที
พวกเขายกขวดมานาขึ้นดื่มอย่างรวดเร็วแล้วเตรียมตัวสู้ต่อทันที " พวกมันมีเยอะเกินไป เราพาคนอื่น ๆ ถอยกันก่อนเถอะ " ซากิเสนอทางออกที่ทุกคนดูจะสนใจ พวกเขาพยักหน้าตอบรับกันโดยไม่ปริปากสักคำแยกย้ายกันไปหาคนอื่น ๆ แต่เพียงเสี้ยววินาทีลูกไฟจำนวนมากก็พุ่งดักหน้าพวกเขา เวทมนตร์จากพวกกอลิล่าและช้างช่วยกันสกัดพวกเขาไว้
" กรี๊ด ! " ลูกบอลไฟที่ยิงลงตรงพื้นใกล้ ๆ ซันนี่จนทำให้เธอสะดุ้งตกใจ ไฟพวกนั้นลามไปเรื่อย ๆ โดยที่ไม่มีเชื้อไฟด้วยซ้ำทำให้พวกเธอติดอยู่ในกองเพลิง
" มันกำลังเข้ามาแล้ว [ Hydro Pump ] "
" พวกนายไปช่วยฝั่งโน่นเลย ฉันดูแลตัวเองได้ " ฟรานตะโกนบอกแล้วใช้เวทน้ำช่วยซันนี่ดับไฟ ขณะที่พวกมอนสเตอร์กำลังโถมเข้ามาอีกครั้ง
ฟรานสะบัดดาบดำทมิฬที่เคลือบด้วยเวทน้ำเป็นแนวเฉียงแต่เมื่อมันได้ปะทะเข้ากับเวทไฟของพวกกอลิล่าก็หายไปทันที พวกมันที่อยู่ด้วยกันเป็นกลุ่มกับร่างกายที่อึดถึกทนทำให้การที่จะฆ่ามันช่างยากลำบากยิ่งนัก
" พวกมันฉลาดไปนะบางที " ชาญถูกเวทไฟสกัดทางไปต่อทันทีที่จะมุ่งตรงไปหาพวกมารีน ด้วยความโกรธชาญวิ่งเข้าใส่โดยพลการทำให้ซันนี่ตกใจจนลั่นชื่อเรียกออกมาดังลั่น " ไอ้ชาญ ! "
" ตามไปช่วยเร็ว " ซากิตาลีตาเหลือกวิ่งตามหลังไป พวกเขาหยิบอาวุธขึ้นและฟาดฟันกับพวกกอลีล่าและช้างอย่างไม่หวั่นเกรง กำปั้นที่เหวี่ยงทุบไปมาของพวกมันรุนแรงพอที่จะทำให้กระดูกหักได้ง่าย ๆ
" [ เสริมกำลังระดับสาม ] " เสียงดังครึกโครมจากการต่อสู้ของพวกเขา หลุมยุบจากแรงปะทะมากมายเกลื่อนไปทั่วสมรภูมิและกลิ่นคาวเลือดปนเปไปกับกลิ่นฝุ่นที่ฟุ้งกระจาย
" ขวดมานาหมดแล้วนะเฮ้ย เมื่อไหร่จะจัดการได้สักที " ร่างกายที่เหนื่อยล้าจนอยากจะล้มนอน พวกเขาเคลื่อนไหวได้ช้าลงจนถูกหมัดและงวงโจมตีเข้าจัง ๆ
" หรือว่าเราทิ้งพวกเขาแล้วพาฟรานออกไปเลย ดูท่าพวกมันคอยกันแต่ฝั่งนั้นซะด้วย " เมื่อซากิเอ่ยประโยคนี้ออกมาทำเอาซันนี่และชาญคิดไม่ตก พวกเขาจะทิ้งคนอื่นเพื่อเอาตัวรอดหรือไม่
ทันใดนั้นก็มีพายุลมพัดเข้ามากันพวกเขาไว้ ฝูงมอนสเตอร์ไม่กล้าแม้แต่จะก้าวเข้ามาในพายุนั้นด้วยซ้ำ
" จังหวะนี้แหละ " ขณะที่พวกชาญกำลังดีใจก็ได้มีมือมาที่แตะที่ไหล่ของซันนี่
" ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้ว...ทำไมเราไม่จัดการพวกมันให้เด็ดขาดไปเลยล่ะ " ฟรานมองหน้าตรงผ่านพายุไปยังพวกมอนสเตอร์
" พวกเราแค่สี่คนจะไปจัดการพวกมันทั้งหมดได้ยังไง ? " ซันนี่หน้าซีดเหงื่อท่วมเมื่อได้ยินฟรานพูดแบบนั้น
" ไม่ใช่สี่แต่เป็นเจ็ดต่างหาก " ร็อกโก้ มารีนและโจเดินตามมาสมทบ พวกเขาฟื้นฟูร่างกายให้กลับมาต่อสู้ได้อีกครั้งแล้ว
" เอาไงเอากัน [ Blessing ] " เวทบัฟของซากิที่เมื่อใช้แล้วจะเพิ่มสเตตัส การฟื้นฟูมานาและความเหนื่อยล้าได้
" มาลุยกันเถอะ " เมื่อพายุหายไปพวกเขาทั้งหมดก็ได้ประจันหน้ากับฝูงมอนสเตอร์ที่เหลืออยู่
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 643
ความคิดเห็น
เลื่อนมาอัพวันอาทิตย์แทน งานรัดตัว
แสดงความคิดเห็น