รักเหนือฝัน มีฉันต้องมีเธอ 8 : ใบหน้าคุ้นตา

-A A +A

รักเหนือฝัน มีฉันต้องมีเธอ 8 : ใบหน้าคุ้นตา

       “คุณกะทิ” ชวณัดฐ์เรียกชื่อเธออย่างไม่รู้จะพูดอะไรดี ใช่! เขาเกือบจะทำอะไรสิ้นคิดอย่างที่เธอต่อว่าจริง ๆ คิดไปคิดมาชีวิตมาถึงจุดนี้แล้วหรือ

 

       ทิพาธรณ์ทุบเขาอีกสามสี่ทีก็หยุด ราวกับอารมณ์ขุ่นเคืองเย็นลงพอควรแล้ว จึงตั้งสติเงยมองหน้าเขาดี ๆ ก่อนจะลุกจากตัวชายหนุ่ม

 

       “กลับเข้าห้องไปค่ะคุณณัดฐ์” ทิพาธรณ์สั่งเสียงเข้ม เขาที่ได้สติบ้างแล้วจึงทำตามอย่างว่าง่าย

 

       ชายหนุ่มเดินมานั่งที่เตียง หัวหวนทบทวนถึงสิ่งที่เพิ่งจบไป วิญญาณสาวที่ตามเข้ามาเห็นอย่างนั้นก็ถอนหายใจหนัก ๆ

 

       “ลางานสักวันดีไหมคะ” เธอถามด้วยความเป็นห่วง

 

       “...” เงียบ! ฝ่ายชายหนุ่มไม่ตอบ เขาตกเข้าภวังค์ความคิด ความรู้สึกไปอีกแล้ว

 

       “คุณณัดฐ์คะ” ทิพาธรณ์เรียกครั้งที่หนึ่ง

 

       “คุณณัดฐ์คะ...” ครั้งที่สอง

 

       “คุณณัดฐ์” คราวนี้ทิพาธรณ์เข้ามาใกล้ ก่อนรวบรวมพลังทั้งหมดให้คลื่นพลังงานวิญญาณเข้มขึ้น แล้วหยิกแขนเขาให้รู้สึกตัว

 

       “ครับ” ชวณัดฐ์เพิ่งได้สติ เหลือบมองหน้าเธอ

 

       “ลางานสักวันดีกว่านะคะ สภาพคุณตอนนี้ไปช่วยคนไข้คงจะลำบาก” พอหญิงสาวพูดถึงงานที่เขารัก ทีท่าก็ดูขึงขังขึ้นมาเล็กน้อย

 

       “ผมยังไหวครับ”

 

       “แน่ใจนะคะ ถ้าคุณไม่พร้อม ฝืนทำงานไปอาจเกิดข้อผิดพลาดได้”

 

       “ครับ”

 

       “ครับนี่ยืนยันว่าไหว หรือแค่รับทราบที่ฉันพูดคะ”

 

       “ผมยังไหวครับ” เขายืนยันด้วยน้ำเสียงที่มั่นคง เห็นแววตาท่าทางของเขามั่นใจขนาดนั้นเธอก็ไม่ท้วงอะไรอีก ยังไงเธอก็จะตามติดเตือนสติเขาตลอดอยู่แล้ว อีกอย่างคิดว่าถ้าชายหนุ่มมัวยุ่งกับงาน คงจะช่วยดึงเขาออกจากความคิด ความรู้สึกแย่ ๆ ได้บ้าง

 

       ศัลยแพทย์หนุ่มทำงานต่ออีกไม่กี่วันก็ถึงวันหยุดของเขา วันนี้เขาตื่นสายกว่าปกติ อาจเพราะเหนื่อยกับงาน และที่ต้องแบกความทุกข์ในใจไว้หลายวัน จิตใจ สมอง และร่างกายจึงรับภาระหนัก พอได้พักผ่อนจริง ๆ จึงปล่อยเต็มที่ แต่ประมาณสิบโมงกว่าก็มีคนมาเคาะเรียกหน้าประตู เขายังไม่รู้สึกตัว ทิพาธรณ์จึงออกไปดูให้ว่าใครมาเรียก

 

       หน้าประตูสาวสวยคนหนึ่งยืนอยู่ เธอกำลังยกโทรศัพท์ขึ้นมา คงจะโทร.หาคนที่เธอมาหาเป็นแน่ หญิงสาวคนนี้ทิพาธรณ์รู้จัก ศัลยแพทย์สาวเพื่อนของอดีตแฟนสาวของชวณัดฐ์นั่นเอง เธอมาทำไม? แล้วทิพาธรณ์ก็แว่วเสียงสมาร์ทโฟนของชวณัดฐ์ส่งเสียงขึ้น

 

       “ณัดฐ์คะ ตื่นหรือยังคะ”

 

       วิญญาณสาวได้ยินเสียงคนในสายตอบกลับมาเบา ๆ

 

       “องุ่นมาเยี่ยมค่ะ ตอนนี้อยู่หน้าห้องณัดฐ์แล้ว”

 

       จากนั้นไม่นานนักประตูห้องชายหนุ่มก็เปิดออก ผู้เป็นเจ้าของห้องออกมารับด้วยท่าทางงัวเงีย

 

       “องุ่นมีอะไรกับผมหรือเปล่าครับ”

 

       “จะไม่เชิญองุ่นเข้าไปข้างในก่อนหรือคะ”

 

       ได้ยินอย่างนั้นเขาก็นิ่งไปนิดหนึ่ง ก่อนจะเชิญหญิงสาวเข้าห้องตามมารยาท

 

       “อย่างที่บอกค่ะองุ่นมาเยี่ยม พักนี้เห็นสีหน้าคุณไม่ค่อยสดใสเหมือนเคยเลย คิดว่าคงเสียใจเรื่องเบสท์อยู่ เลยจะมาชวนไปเที่ยวด้วยกัน เผื่อคุณจะรู้สึกดีขึ้นบ้างค่ะ”

 

       ได้ฟังอย่างนั้นเขาแม้จะเพิ่งตื่นนอนแต่สมองก็ยังแล่นไวอย่างเคย สัญชาตญาณบอกให้รู้ว่าผู้หญิงตรงหน้ามีจุดประสงค์บางอย่างจึงมาหา

 

       “วันนี้ผมอยากพักผ่อนอยู่กับห้องครับ เหนื่อยมาหลายวัน ต้องขอโทษองุ่นด้วย” ศัลยแพทย์หนุ่มบอกอย่างสุภาพ

 

       อีกฝ่ายยังทำหน้าแช่มชื่นปกติ ราวกับไม่สนใจว่านั่นจะเป็นคำไล่เธอทางอ้อมหรือไม่

 

       “ไม่เป็นไรค่ะ ณัดฐ์เพิ่งตื่น คงยังไม่ได้กินอะไร ให้องุ่นทำอะไรให้กินนะคะ” หญิงสาวอาสาอย่างมีน้ำใจ

 

       “ไม่เป็นไรครับ ลำบากองุ่นเปล่า ๆ เดี๋ยวผมสั่งมากินก็ได้ครับ”

 

       “ไม่ลำบากหรอกค่ะ องุ่นยินดี นะคะ เดี๋ยวองุ่นทำให้ ณัดฐ์ก็ไปอาบน้ำให้เรียบร้อย เสร็จแล้วคงจะได้ทานเลย” เธอยังโต้ตอบยิ้มแย้ม

 

       เขาพินิจเธอครู่หนึ่งก็ยอมตกลง หญิงสาวจึงรีบไปเตรียมกับข้าวให้ด้วยความดีใจ

 

       “อร่อยไหมคะ” องุ่นถามชวณัดฐ์ด้วยความอยากรู้ เมื่อเห็นเขาตักอาหารที่เธอทำให้เข้าปากเงียบ ๆ อยู่ครู่หนึ่งแล้ว

 

       “ครับ”

 

       ได้ยินอย่างนั้นแม่ครัวจำเป็นก็ยิ้มหน้าบานทันที

 

       “ถ้าอร่อยก็กินเยอะ ๆ นะคะ คุณดูซูบ ๆ ไปนะ ถ้าไม่อิ่มองุ่นจะทำให้ใหม่ค่ะ”

 

       “แค่นี้ก็พอแล้วครับ”

 

       “อย่าลืมทานน้ำแตงโมด้วยนะคะ จะได้สดชื่น” หญิงสาวบอกอย่างเอาใจใส่

 

       “ครับ”

 

       “ว่าแต่ณัดฐ์จะไม่ออกไปเที่ยวกับองุ่นจริง ๆ หรือคะ องุ่นไม่อยากให้คุณอยู่ที่ห้องคนเดียว จะฟุ้งซ่านเปล่า ๆ องุ่นเป็นห่วงนะคะ” ท้ายประโยคเธอพูดเสียงอ่อนโยน

 

       “ไม่ดีกว่าครับ” ชวณัดฐ์ยังตอบสั้นอีกตามเคย ช่วงนี้เขาไม่มีอารมณ์จะพูดกับใครมากนัก

 

       “คุณโอเคไหมคะ ให้องุ่นอยู่เป็นเพื่อนไหม พอทานข้าวเย็นกับคุณเสร็จองุ่นค่อยกลับก็ได้นะคะ”

 

       “ผมอยู่คนเดียวได้ครับ” ชายหนุ่มตอบ ซึ่งก็เป็นนัยว่าเขาต้องการอยู่คนเดียวจริง ๆ อีกฝ่ายรู้ว่าไม่ควรดึงดันอยู่โดยไม่จำเป็นจึงยอมเข้าใจ พอเขาทานข้าวเสร็จเธอก็อาสาล้างจานชามให้แล้วจึงขอตัวกลับ

 

       คล้อยหลังศัลยแพทย์สาวคนนั้นทิพาธรณ์ที่แอบซ่อนตัวอยู่อย่างเงียบ ๆ ก็ปรากฏตัวขึ้น ชวณัดฐ์หันมาเห็นเข้าก็ไม่พูดอะไร วิญญาณสาวจึงต้องเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นก่อน

 

       “ตอนบ่ายคุณณัดฐ์จะทำอะไรหรือคะ” ทิพาธรณ์ถามด้วยความอยากรู้ เพราะเป็นห่วงว่าเขาจะอยู่เฉยแล้วคิดฟุ้งซ่าน

 

       “ยังไม่รู้เหมือนกันครับ” เขาตอบตามตรง ตอนนี้ไม่มีใจจะทำอะไรเลยจริง ๆ จึงคิดไม่ออกว่าจะทำอะไรต่อดี

 

       “แล้วนอนอิ่มหรือยังคะ จะนอนต่อก็เป็นอะไรที่ไม่เลวนะคะ” เธอเสนอทางเลือกที่คิดว่าน่าจะดีกับเขาที่สุดให้ แต่อีกฝ่ายก็ปฏิเสธ

 

       “ผมว่าไปดูร่างคุณดีกว่า” ชายหนุ่มพูดขึ้นอย่างนึกอะไรได้ เขาผลัดวิญญาณสาวมาหลายวันแล้วด้วย

 

       “เอางั้นก็ได้ค่ะ” ด้วยความที่อยากให้เขาได้ทำอะไรบ้าง และจะได้ออกไปเปลี่ยนบรรยากาศ เธอจึงตกลงโดยง่าย

 

       ก๊อกๆๆ!

       ชวณัดฐ์เคาะประตูหน้าห้องคนไข้พิเศษเพื่อเป็นสัญญาณบอกกล่าวคนด้านในว่าเขาจะกำลังเข้าห้อง เป็นการแสดงมารยาทที่ดีอย่างหนึ่งเมื่อจะเข้าห้องคนอื่น เคาะแล้วก็หยุดรอสักครู่ ก่อนจะมีเสียงขานอนุญาตดังออกมา ชายหนุ่มจึงเปิดประตูเข้าไป

 

       ภายในห้องขณะนี้ไม่มีญาติผู้ป่วยคนใดอยู่ เห็นแต่พยาบาลสองคนกับรถเข็นใส่ยาหลากหลายที่จอดอยู่ใกล้ ๆ ท่าทางเหมือนเข้ามาดูอาการคนไข้

 

       “มาเยี่ยมคนไข้หรือคะ” พยาบาลอายุราวสี่สิบทักขึ้นก่อนเมื่อเห็นชายหนุ่มเดินเข้ามา

 

       “ครับ” เขาตอบอย่างสุภาพ

 

       “เชิญตามสบายค่ะ พอดีเข้ามาเปลี่ยนขวดน้ำเกลือให้ ตอนนี้เสร็จแล้วล่ะ” พยาบาลคนเดิมบอกด้วยท่าทางเป็นมิตร

 

       “ญาติคนไข้ไม่อยู่หรือครับ” เขาถามดู หากอยู่แถวนี้จะได้เตรียมคำอธิบายไว้เผื่อถูกถามอะไร

 

       “น่าจะออกไปทำธุระด้านนอกค่ะ ทุกทีก็เห็นเฝ้าอยู่เกือบตลอด” พยาบาลมีอายุคนเดิมตอบ

 

       “ครับ” ระหว่างคุยกับพยาบาลวัยใกล้แม่ของเขา ชายหนุ่มก็เห็นพยาบาลสาวอีกคนจ้องเขาตาพราว ท่าทางราวกับเห็นเทพบุตรมาเยือนก็ไม่ปาน เขามองเธออย่างสนใจ แต่ก็ไม่ได้ทำอะไรมากกว่านั้น

 

       “ถ้าอย่างนั้นพวกเราขอตัวก่อนนะคะ” เมื่อทำหน้าที่เรียบร้อยนางพยาบาลต่างวัยสองคนก็พากันดุนรถเข็นยาออกไป แต่พยาบาลสาวก็มิวายส่งสายตาให้อย่างเสียดายที่ไม่ได้อยู่ทำความรู้จัก เขาก็มองอย่างเสียดายเช่นกัน แต่ก็ไม่คิดจะเข้าไปทำความรู้จักให้มากกว่านี้

 

       “แหม เป็นเสือที่ไม่ยอมทิ้งลายเลยนะคะ” ทิพาธรณ์ที่คอยสังเกตเขาอยู่เป็นระยะ ๆ อดเย้าเล่นไม่ได้ เมื่อเห็นท่าทางสนใจสาวของชวณัดฐ์แบบนั้น

 

       “เห็นเธอน่ารักดีครับ” เขาบอกตามตรง ทิพาธรณ์ก็หัวเราะรับนิด ๆ

 

“ก็จริงนะคะ”

 

       แล้วศัลยแพทย์หนุ่มก็หันไปมองคนไข้ที่นอนอยู่บนเตียง คล้ายคนกำลังหลับอย่างพินิจ

 

       “เป็นคุณจริง ๆ ด้วย” เขาบอกด้วยความตื่นเต้น ไม่คิดว่าตนจะมีโอกาสพบวิญญาณที่ยังมีร่างสามารถหายใจได้อยู่อย่างนี้ สิ่งที่ทราบจากวิญญาณสาว ทั้งเลขที่ห้องพักพิเศษ ชื่อนามสกุลคนไข้ เลขประจำตัวคนไข้ รวมถึงร่างตรงหน้าที่เห็นนี้อีก ยืนยันชัดเจนว่าเขาไม่ได้คิดสร้างเธอขึ้นมาเอง

 

       “ฉันยังไม่ตาย และไม่ใช่ผีนะคะ กรุณาจำใหม่ด้วย” ทิพาธรณ์บอกทีเล่นทีจริง

 

       “ผมรู้แล้วครับ” ชวณัดฐ์หันมาบอกยิ้ม ๆ ก่อนจะหันกลับไปมองร่างบนเตียงดี ๆ อีกครั้งเพื่อตอกย้ำความแน่ใจให้ตนเอง ทว่าเมื่อมองนาน ๆ เข้าความรู้สึกคุ้นตาต่อใบหน้างามที่หลับตาพริ้มบนเตียงก็ผุดขึ้น เขาเพ่งหน้าร่างสมส่วนที่นอนนิ่งอย่างตั้งใจอีกครั้ง ก็เหมือนจะนึกอะไรออก

 

       “นึกว่าทำไมหน้าคุณคุ้น ๆ ผมเคยเจอคุณมาก่อนนี่เอง” เขาพูดออกมาหลังจากหาคำตอบให้ความรู้สึกในใจได้แล้ว

 

       “หืม?” วิญญาณสาวที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ เลิกคิ้วด้วยความแปลกใจ พลางหันมองหน้าชายหนุ่มอย่างต้องการคำอธิบาย

 

       “เมื่อห้าปีที่แล้วก่อนผมจบแพทย์ ผมได้มาดูงานที่จังหวัดนี้” เขาเริ่มเรื่อง

 

       “มีวันหนึ่งครับ ผมกำลังคุยโทรศัพท์อยู่ ก็มีนักศึกษาหญิงคนหนึ่งเตะรองเท้าปลิวมาโดนหลังผมเข้า”

 

       “จริงสิ!” ทิพาธรณ์อุทานอย่างเพิ่งนึกขึ้นได้

 

       “ฉันไม่เคยลืมเหตุการณ์วันนั้น มันพีคมาก ฉันไม่ได้ตั้งใจจริง ๆ นะคะคุณณัดฐ์” ท้ายประโยคเธอรีบยืนยันในสิ่งที่ตนไม่ได้ตั้งใจให้อีกฝ่ายทราบ

 

       “ครับ” เขายิ้มน้อย ๆ ให้เธอ

 

       “มิน่าล่ะทำไมฉันถึงคุ้นหน้าคุณจัง” วิญญาณสาวพูดต่อ

 

       “ผมรู้อย่างนี้แล้วจะช่วยคุณเต็มที่เลยครับ คุณไม่ต้องกังวล” ศัลยแพทย์หนุ่มบอกจากความหวังดีในใจ ความหวังดีที่เขาเพิ่งรู้สึกจริง ๆ กับใครสักคนนอกจากคนไข้และแฟนคนล่าสุดของเขา

 

       เห็นแววตาอบอุ่นของชายหนุ่มหัวใจเธอก็อดเต้นแรงขึ้นมาอีกไม่ได้ จึงได้แต่หัวเราะเขิน ๆ กลบเกลื่อนอาการนั้น

 

       ออกจากโรงพยาบาลแล้ว ชวณัดฐ์ก็ขับรถจะกลับไปคอนโดฯ แต่ขับพ้นโรงพยาบาลไม่เท่าไรวิญญาณสาวที่นั่งอยู่เบาะข้างก็ถามขึ้น

 

       “คุณณัดฐ์คะ คุณนับถือศาสนาอะไรหรือคะ”

 

       เขามีสีหน้าแปลกใจเล็กน้อยที่ได้ยินคำถามนั้น แต่ก็ตอบโดยดี

 

       “พุทธครับ” ตอบสั้นอีกครั้ง สายตายังจับที่ถนนและรถราเบื้องหน้า

 

       “คุณศรัทธาในศาสนาแค่ไหนคะ”

 

       ชายหนุ่มแปลกใจอีกครั้ง ไม่เข้าใจว่าการนับถือศาสนาของเขามันสำคัญอย่างไรหญิงสาวถึงถามขึ้นมา

 

       “ก็เคารพครับ แต่ไม่ได้นับถือหรือศรัทธาอะไรมากเท่าไร” เขาตอบตามตรง ตั้งแต่จำความได้ศาสนาไม่เคยเข้ามามีอิทธิพลใดกับชีวิตเขา ครอบครัวเขาเองก็สักแต่เขียนในเอกสารราชการว่านับถือพุทธ แต่ก็ไม่ได้สนใจหลักธรรมคำสอนอะไร เรื่องบาปบุญคุณโทษเองก็ไม่เชื่อนัก เพราะประสบการณ์ที่ผ่านมาไม่เห็นบาปจะลงโทษคนชั่วที่ทำร้ายเขาให้เจ็บช้ำสักที ส่วนบุญเองก็ไม่เห็นจะช่วยอะไรได้ แม้จะพยายามทำดีแค่ไหนก็ตาม

 

       “ทำไมหรือครับ”

 

       “อาทิตย์หน้าเป็นวันออกพรรษา เป็นวันที่คุณณัดฐ์หยุดพอดี คุณณัดฐ์มีนัดอะไรไหมคะ ฉันอยากชวนไปทำบุญค่ะ” ทิพาธรณ์บอกความต้องการของตนเอง เขาเหลือบมองเธอนิดหนึ่งพลางทำหน้าคิด

 

       “วิญญาณอย่างคุณต้องการให้คนทำบุญให้หรือเปล่าครับ” จู่ ๆ เขาก็ถามออกมา

 

       “วิญญาณทุกดวงอยากได้บุญค่ะ แม้มนุษย์เองก็ต้องการ แต่ไม่ค่อยรู้ค่าของบุญกัน”

 

       ได้ฟังอย่างนั้นชวณัดฐ์ก็เกิดคำถามมากมายขึ้นในใจ บุญมีจริงหรือ

 

       “ทำไมคุณณัดฐ์ไม่ศรัทธาในศาสนาล่ะคะ” แล้วหญิงสาวในโลกที่สามก็ตัดสินใจถามตรง ๆ

 

       “หลายอย่างมันบอกผมอย่างนั้นครับ บาปบุญนี่ผมก็ไม่เคยเห็น ทำดีได้ดีก็ใช่จะเป็นอย่างนั้นเสมอไป พระสมัยนี้ก็ไม่น่าศรัทธา” เขาให้เหตุผล

 

       “อ้าว คุณณัดฐ์มองเห็นโลกที่สาม มองไม่เห็นตัวบุญบาปหรอกหรือคะ” ทิพาธรณ์แปลกใจ เธอนึกว่าคนที่สามารถเห็นภูตผีได้จะสามารถเห็นโลกทิพย์อื่น ๆ ได้ด้วยเสียอีก

 

       “ผมเพิ่งมาเห็นผี เอ่อ…โลกที่สามจริงจังไม่นานนี้เอง มันเกิดขึ้นหลังจากเข้าร่วมพิธีต่ออายุขัยเพื่อนน่ะครับ เห็นแต่ก็ไม่ได้สนใจอะไร ตัวบุญบาปก็ไม่เคยเห็น มันเป็นยังไงครับ” ชวณัดฐ์ชักอยากรู้ขึ้นมาบ้าง

 

       “เอาจริงส่วนตัวถ้าจะให้เปรียบฉันคิดว่าบุญบาปก็คล้ายพลังงานค่ะ ไม่มีตัวตนแน่นอน แต่สามารถบันดาลให้สิ่งต่าง ๆ เกิดขึ้นได้ ถ้าคุณณัดฐ์เห็นเปรต สัมภเวสี ก็สามารถยืนยันได้อย่างหนึ่งว่าศาสนาบอกตายแล้วไม่ได้สูญ ส่วนที่เห็นผีหน้าตาน่าเกลียด ร้องโอดครวญโหยหวน นั่นแหละค่ะเขากำลังรับบาปอยู่” เธออธิบายอย่างใจเย็น

 

       “โอ้ว!” ชายหนุ่มอุทานอย่างเพิ่งเข้าใจอะไรขึ้นมาบ้าง

 

       “ถ้าคุณเห็นเทวดานางฟ้า ไม่ใช่พวกสาว ๆ สวย ๆ เดินดินนะคะ” วิญญาณสาวหยอก

 

       “ก็ให้รู้ว่านั่นคือคนที่กำลังรับบุญค่ะ”

 

       “คุณเคยเห็นไหมครับ” เขาลองถามดู

 

       “เคยค่ะ เวลาเห็นพวกคุณยายใส่บาตรพระตอนเช้า ท่านมาอนุโมทนาด้วยน่ะค่ะ แต่ตอนนั้นเห็นแค่เทพธิดา สวยมาก ๆ เลยค่ะ”

 

       เขาฟังก็ยังเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งอยู่ดี คนอยู่กับวิทยาศาสตร์มาตลอดอย่างเขาน่ะหรือจะเชื่อเรื่องที่ยังพิสูจน์เป็นรูปธรรมไม่ได้ง่าย ๆ แต่ก็นับว่านี่เป็นความรู้ใหม่ทีเดียว

 

       “สำหรับคนที่มองไม่เห็นกายละเอียด สามารถรับรู้การมีอยู่ของบุญบาปด้วยความรู้สึก เช่น สุข ทุกข์ และทางปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในชีวิต เช่น เจอเหตุการณ์ดีร้ายค่ะ” เธออธิบายต่อ แต่เขาก็ยังมีข้อขัดแย้งอยู่ดี

 

       “ว่าแต่คุณณัดฐ์กลับไปที่ห้องจะทำอะไรต่อหรือคะ”

 

       “ไม่รู้สิครับ” ชายหนุ่มตอบสั้น ด้วยไม่มีความคิดจะทำอะไรจริง ๆ

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 
 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.