รักเหนือฝัน มีฉันต้องมีเธอ 7 : หัวใจหลุดลอย
สามวันแล้วที่วิญญาณสาวคอยติดตามไม่ห่าง จะว่าไปชวณัดฐ์กลับรู้สึกดีด้วยซ้ำที่มีสาวหน้าตาดี ถึงจะไม่จัดจ้านเลิศเลอเหมือนคู่ควงคนก่อน ๆ มาคอยตามต้อย ๆ ตลอดเวลา พวกเขาแทบจะไม่คุยกันเลย แต่หัวใจรู้สึกราวกับไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวบนโลกอีกต่อไป เขาเองก็เอาแต่สนใจงาน สมาธิทุกอย่างต้องอยู่ที่การรักษาตรงหน้า ดังนั้นจะว่อกแว่กไม่ได้
ทางทิพาธรณ์ก็รู้สึกดีไม่ต่างกัน แม้ชายหนุ่มจะแทบไม่ได้คุยกับเธอ แต่ยังดีใจที่ได้คอยดูแลคนที่ตนเองรู้สึกห่วงใยอย่างประหลาด ถึงไม่รู้วันต่อไปจะมีโอกาสคอยตามดูแลเขาอย่างนี้อีกนานแค่ไหน หรือจะมีวันนั้นอีกหรือไม่ หญิงสาวก็ขอทำเวลานี้ให้ดีที่สุดเป็นพอ
พักเที่ยงวันนี้ เวลาทานข้าวของศัลยแพทย์หนุ่มยังน้อยตามเคย หญิงสาวเพิ่งได้เห็นชีวิตแพทย์ ผู้มีมือรักษาคนทุกรายละเอียดก็ตอนมาอยู่กับเขานี่เอง เมื่อก่อนเธอเคยคิดว่าอาชีพที่เหนื่อยที่สุดเป็นครู แต่มาตอนนี้จึงรู้ว่าอีกอาชีพที่ทุ่มเทหนักหนาไม่น้อยหน้าใครก็แพทย์พยาบาลนี่แหละ
เธอสังเกตว่าระหว่างพัก มีสายเข้าโทรศัพท์เขาสองสามครั้ง ทว่าตอนนั้นเขาออกไปเข้าห้องน้ำ ทิ้งสมาร์ทโฟนไว้ในห้องทำงาน ครั้นกลับมาไม่ทันไรก็มีเจ้าหน้าที่มาเรียกตัวไปดูคนไข้อีก แม้เธอจะบอกให้เช็กสายเรียกเข้าด้วย แต่เขาก็ไม่มีเวลาว่างพอจะได้ใส่ใจมัน
ถึงอย่างนั้นด้วยลางสังหรณ์ประหลาดที่มีต่อสายเรียกเข้าดังกล่าว ทิพาธรณ์จึงแอบเช็กสมาร์ทโฟนเขา ทว่าดันติดที่อีกฝ่ายล็อกเครื่องไว้ ทำให้เธอต้องข่มใจรอจนเขาว่างอีกทีจึงจะเตือนให้ดูโทรศัพท์ได้
ตรืด! ตรืด!
ขณะที่ชวณัดฐ์กำลังเก็บของเตรียมจะออกเวร สมาร์ทโฟนบนโต๊ะก็ส่งเสียงขึ้น เขาหงุดหงิดเล็กน้อย เพราะยังไม่หายเหนื่อยจากงานวันนี้ แต่วิญญาณสาวข้างกายบอกให้รับสาย ก็ไม่รู้ทำไมถึงยอมทำตามอย่างว่าง่าย
“สวัสดีครับ” ชวณัดฐ์ไม่ทันดูเบอร์ก็กดรับสายทันที
[พ่อณัดฐ์เลิกงานหรือยังจ้ะ]
เสียงนั้นเขาจำได้แม่น แม่ของอัจฉริยา อดีตแฟนสาวของเขานั่นเอง
“ครับ คุณปภาวรินทร์มีธุระอะไรกับผมหรือเปล่าครับ” เขาถามเข้าเรื่อง
[ยัยหนูกำลังจะเดินทางไปยุโรป ตอนนี้เบสท์อยู่สนามบิน อีกไม่นานจะได้เวลาขึ้นเครื่องแล้ว แม่อยากให้พ่อณัดฐ์กับยัยหนูได้คุยกันก่อนจะห่างไกลจ้ะ] คำพูดของคนปลายสายทำให้ชวณัดฐ์นิ่งอึ้งไปเมื่อได้ยิน
[รีบไปหาเบสท์นะ แม่ช่วยพ่อณัดฐ์ได้เท่านี้จ้ะ] คุณปภาวรินทร์ยังเตือนด้วยความปรารถนาดี
ศัลยแพทย์หนุ่มที่ได้สติแล้วก็ตอบรับคำ ก่อนทั้งคู่จะวางสายจากกันไป
“โธ่โว้ย!” เขาสบถกับตนเองอย่างหัวเสีย เพิ่งเลิกงานมาเหนื่อย ๆ มีเรื่องทรมานใจมาทำให้สุขภาพจิตทรุดอีกแล้วหรือ
“รีบไปเถอะค่ะคุณณัดฐ์ เดี๋ยวไม่ทันนะคะ” ทิพาธรณ์เตือน
“เธออยากไปจากผมอย่างนั้น ผมต้องไปให้เธอเสียอารมณ์อีกหรือครับ” เขาทรุดลงเก้าอี้อย่างหมดแรง
“ไปค่ะ ไปเพื่อให้เธอรู้ว่าคุณรักเธอจริง” เธอพยายามพูดกระตุ้น
“แล้วถ้าเธอไม่ได้รักผมแล้วล่ะ” เขายังลังเล
“อย่างน้อยคุณก็ได้ทำดีที่สุดแล้ว สำหรับหัวใจลูกผู้ชายคนหนึ่งที่รักผู้หญิงสักคนจริงนะคะ”
เขายังนิ่ง นิ่งคิดอะไรบางอย่างด้วยความชั่งใจ
“เร็วค่ะคุณณัดฐ์ ถ้ารักเธอก็จงไปตามหัวใจซะ” วิญญาณสาวเร่งเร้า
ชวณัดฐ์หยุดคิดอีกนิด...ก่อนจะตัดสินใจอะไรได้ แล้วลุกพรวดวิ่งออกห้องทำงานไปอย่างรวดเร็ว
ตลอดเส้นทางไปสนามบินรถติดคลาคล่ำ ทำให้การจราจรบนสายหลักตอนนี้ไม่คล่องตัวนัก ชายหนุ่มนึกอยากทิ้งรถแล้ววิ่งตามหัวใจที่ร้อนรุ่มไปที่หมายเสียเดี๋ยวนี้ ทว่าวิ่งไปก็คงไม่ทันการณ์อยู่ดี แถมปล่อยรถไว้กลางถนนคงถูกสังคมต่อว่าเป็นแน่ ดังนั้นจึงได้แต่ข่มใจให้เย็น
สองใจช่วยกันภาวนา ขอให้ถนนข้างหน้าเคลื่อนตัวได้สะดวกที่สุด จากเป็นคนไม่เชื่อเรื่องอภินิหารใด ๆ ตอนนี้กลับคิดว่าขอให้ฟ้าเห็นใจในความรักของเขาบ้าง
การคมนาคมอันเป็นอุปสรรคกับเวลาที่เดินไปข้างหน้า และเหลือน้อยเข้าไปทุกที เขาจะไปทันก่อนอดีตแฟนสาวจะขึ้นเครื่องหรือไม่
“พี่ชาครับ วันนี้ผมลาวันหนึ่งนะครับ พอดีมีธุระด่วนเข้ามา” ชวณัดฐ์โทร.บอกคนที่คลินิก
ดูเวลาบนหน้าปัดนาฬิกาข้อมือ บัดนี้เป็นเวลาหนึ่งทุ่มตรง ชวณัดฐ์มาถึงสนามบินด้วยความพยายามที่สุดเพื่อความรักครั้งนี้ เขาวิ่งเต็มความเร็วเท่าที่ฝีเท้าจะอำนวยไปทางประตูผู้โดยสารขาเข้า พอถึงที่หมายก็รีบกวาดสายตามองหาหญิงสาวในดวงใจไปทั่วบริเวณ มือยกสมาร์ทโฟนขึ้นต่อสายหาแม่ของอัจฉริยา หมายจะถามว่าเธอเดินทางสายการบินอะไร ก็พอดีกับที่อีกฝ่ายโทร.สวนมาก่อน
[อยู่ไหนแล้วจ้ะพ่อณัดฐ์ ตอนนี้ยัยหนูอยู่บนเครื่องแล้วนะ]
“เบสท์อยู่สายการบินอะไรครับ”
[จริงสิ เดี๋ยวแม่ดูก่อนนะ ยัยหนูส่งให้ดูอยู่] คนปลายสายหายไปไม่นานนักก็กลับมา แล้วบอกสายการบินที่ศัลยแพทย์สาวขึ้นให้เขาทราบ
“ขอบคุณครับ” วางสายจากแม่อดีตแฟนสาวแล้ว เขาก็รีบเข้าไปติดต่อเจ้าหน้าที่สายการบินนั้นทันที
ชายหนุ่มไม่มีสิทธิพิเศษใดที่สายการบินดังกล่าวจะอนุญาตให้เข้าไปพบหญิงสาวถึงบนเครื่องบิน เขาจึงได้แต่ฝากกระดาษเขียนข้อความสำคัญให้เจ้าหน้าที่นำไปให้เธอแทน เหลือเวลาอีกไม่ถึงห้านาทีเครื่องจะออก ต่อจากนี้สุดแล้วแต่ใจของเธอคนนั้นว่าจะตัดสินใจอย่างไร
“ไม่เป็นไรนะคะคุณณัดฐ์ ฉันเชื่อว่าคู่กันแล้วไม่แคล้วกันแน่ค่ะ”
เครื่องบินลำนั้น ลำที่อดีตแฟนสาวเขาขึ้นได้เหินสู่ฟากฟ้ากว้างใหญ่ไปแล้ว ไปทั้งที่เธอยังไม่ทันได้รับข้อความจากเขา ความสัตย์ในใจที่พยายามจะบอกเธอเพื่อรั้งไม่ให้ไปกับเครื่องบินที่มุ่งตรงสู่ทวีปแสนไกล
เขารู้สึกเหมือนหัวใจถูกพรากไปจากอก เหมือนฟ้าถล่มลงใส่หัว เหมือนอนาคตที่วาดฝันจะใช้กับเธอมืดไปต่อหน้าต่อตา ร่างสูงแทบไม่มีแรงจะทรงตัว ไม่มีกำลังใจแม้จะให้ระบบหายใจทำงานต่อ แต่อย่างน้อยเขาก็เข้มแข็งพอจะลากสังขารตนเองกลับมาที่รถได้สำเร็จ ต่อจากนั้นทิพาธรณ์ก็จำเป็นจะต้องสิงร่างกำยำเพื่อขับรถกลับคอนโดฯ ให้
"คุณรู้ไหมคะคุณณัดฐ์ เรื่องความรักฉันไม่เคยกลัวระยะทาง เพราะฉันคิดว่าต่อให้ไกลแค่ไหน ถ้ารักจริง รักมากพอ จะตามไปให้ถึงเขาหรือเธอคนนั้นให้ได้ แล้วคุณล่ะคะคุณณัดฐ์" ทิพาธรณ์พูดขึ้นหลังจากพาร่างชายหนุ่มมาถึงคอนโดฯ แล้ว เธอไม่รู้ว่าเขาฟังเข้าหูบ้างหรือเปล่า เพราะแววตาทรงเสน่ห์นั้นบอกว่าตอนนี้จิตใจเจ้าตัวจมดิ่งกับบางเรื่องที่หม่นเศร้าไปแล้ว
สายตาอ่อนโยนทอดมองสภาพร่างสูงอย่างเห็นใจและอดเป็นห่วงมากไม่ได้ ทำไมนะ เธอถึงกังวลในตัวเขามากมายขนาดนี้ เห็นแล้วก็ถอนหายใจ ก่อนกล่าวต่อ
“ไปอาบน้ำก่อนเถอะค่ะแล้วมากินข้าว จากนั้นก็จะได้นอนยาว ๆ” เธอบอก แล้วศัลยแพทย์หนุ่มก็ยอมทำตามคำของเธออย่างเลื่อนลอย
“คิดว่าจะนอนหลับไหมคะคืนนี้ ถ้าไม่กินยาแก้แพ้สักหน่อยดีกว่านะคะ” หญิงสาวเอ่ยขึ้นหลังจากเห็นเขาทานมื้อเย็นที่แวะซื้อมาระหว่างทางกลับคอนโดฯ เรียบร้อยแล้ว
“ไม่ดีกว่าครับ กินยามากเกินไปไม่ดีต่อไต” เขาปฏิเสธเสียงเรียบสุภาพ
“แล้วจะนอนเลยไหมคะ หรือจะทำอะไรต่อ” เธอถามด้วยความใส่ใจ
“ผมคิดว่าอยากอยู่คนเดียวสักพักครับ” ชายหนุ่มพยายามหาคำที่นิ่มนวลที่สุดบอกเธอแล้ว
“ได้ค่ะ แต่คุณต้องรับปากฉันว่าจะไม่ทำร้ายตัวเองนะ” พูดจบวิญญาณสาวก็มองหน้าเขาอย่างรอคำตอบ หากฝ่ายนั้นกลับเงียบใส่เฉย ๆ
“คุณณัดฐ์คะ” เธอเรียกเสียงเข้มช้าชัด พลางจ้องเขาอย่างคาดคั้น
“ผม...” เขายังไม่ยอมรับปาก
“งั้นฉันจะตามคุณเป็นเงาอยู่อย่างนี้แหละ” ทิพาธรณ์พูดด้วยน้ำเสียงเอาจริง แต่ไม่ทันไรจู่ ๆ ก็เหมือนร่างบางจะกระตุกแล้วชะงักไปนิดหนึ่ง สีหน้าหญิงสาวดูตกใจมาก มีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นกับร่างของเธอในโรงพยาบาล และเพียงเสี้ยวนาทีเธอก็หายตัวไปดื้อ ๆ ไม่บอกกล่าว
ตอนนี้เขาเป็นอิสระแล้ว อย่างน้อยก็ช่วงเวลาหนึ่งกระมัง ส่วนเรื่องที่วิญญาณสาวขอ ใช่ว่าไม่อยากทำให้ แต่ในใจตอนนี้ไม่มั่นคงเหลือเกิน เขาเองก็ไม่อยากต้องโกหกหรือรับปากใครส่ง ๆ อีก จึงเลี่ยงที่จะตอบรับเธอออกไป แต่เวลานี้ควรทำอะไรดี สมองนึกอะไรไม่ค่อยออก จะว่าไปพอเพื่อนสาวต่างมิติไม่อยู่ด้วย ในใจก็อ้างว้างมากกว่าปกติอย่างไรพิกล แต่เพราะไม่เข้าใจเหตุผลนั้นจึงเลือกที่จะปัดมันออกจากความคิดไปเสีย
นั่งอยู่ครู่เดียวความเศร้าสร้อยก็กลับมาทรมานใจอีกครั้ง อยู่ในห้องทำให้รู้สึกอับทึบ ศัลยแพทย์หนุ่มจึงเปิดระเบียงเดินออกไปรับลมด้านนอกบ้าง สายลมด้านนอกบัดนี้หนาวเหน็บ แต่ก็ไม่สู้ใจที่เปล่าเปลี่ยวในตอนนี้ มันหดหู่ หม่นมัว เงียบเชียบ เดียวดาย ทรมาน และปวดร้าวราวคนมาขยี้เล่น แล้วความคิดไม่อยากอยู่แบบนี้ก็แล่นเข้ามาในหัว อยู่ก็เหมือนตายทั้งเป็น
ชีวิตเขาทำไมบัดซบอย่างนี้ เกิดมาครอบครัวก็ไม่รัก มีความรักก็ทำลายมันทิ้ง สิ่งที่พยายามทำมาทุกอย่างจะมีใครเห็นค่ามันกี่คนกัน ถึงมีแต่ก็ไม่ได้ให้ความรู้สึกชื่นใจเท่ากับคนที่อยากให้มองเห็น แต่คนพวกนั้นหรือจะมองเห็น ไม่เคยเลย ไม่มีสักวัน ไม่ว่าเขาจะทำดีมากแค่ไหนก็ตาม อยากร้องไห้ แต่ร้องไม่ออก เขาไม่ได้ร้องไห้ให้กับอะไรมานานแล้ว นับตั้งแต่ประสบการณ์ต่าง ๆ ในอดีตทำให้หัวใจเขาตายไป แล้วทำไมล่ะ หากหัวใจตายจริงเหตุใดถึงยังรู้สึกเจ็บหนักขนาดนี้
กวาดสายตาไปรอบข้าง คอนโดฯ ของเขาอยู่ในพื้นที่ค่อนข้างสงบ แม้ยังเห็นแสงสียามราตรี และมีเสียงคนจอแจให้ได้ยินบ้าง แต่ก็ไม่ดังรบกวนจนน่ารำคาญ ท้องฟ้าเบื้องหน้าสีทะมึน ไม่รู้ว่าเพราะมันเป็นอย่างนั้นหรือเพราะหัวใจเขาทำให้เห็นแบบนั้นกันแน่
คอนโดฯ เขาอยู่ชั้นสิบห้า ขณะนี้รอบข้างไม่มีใครคิดออกมาเปิดระเบียงรับบรรยากาศอย่างเขา อันที่จริงก็ตอบไม่ได้ว่าอากาศด้านนอกตอนนี้น่าภิรมย์หรือเปล่า เพราะเขาสัมผัสได้เพียงความขมุกขมัว นอกระเบียงเป็นพื้นที่โล่ง เห็นแล้วชวนให้ก้าวขาออกไป ปลดตัวเองจากแรงดึงดูดของโลก ลอยละล่องไปสู่ความเวิ้งว้างอันเป็นอิสระเสียที
ความเครียด ความกดดัน ความผิดหวัง ความเจ็บปวดที่สะสมมานานกว่ายี่สิบปีเสมือนเมฆหมอกดำทะมึนที่ปกคลุมใจและความคิดตอนนี้ให้พร่าเลือน ทุกอย่างมองไม่ชัดเจน เห็นเพียงความมืดมัวที่หลอกหลอนให้ตกต่ำ มันฉุดทุกอย่างให้ดิ่งสู่เหวลึก เจ็บปวด หดหู่ หัวใจที่ปวดร้าว พาใจให้มืดทึบ แววตาที่สิ้นหวังทอดมองพื้นเบื้องล่างอย่างหมดอาลัย แค่ก้าวออกไปเท่านั้น ความทุรนทุรายทั้งหมดที่เคยมีตลอดจนทุกวันนี้จะได้จบสิ้นเสียที
พรึ่บ!
ขณะที่ชวณัดฐ์กำลังยกขาปีนข้ามราวระเบียงออกไป ทันใดก็เหมือนมีอะไรหนัก ๆ แต่ไม่ถึงกับแข็งโป๊กพุ่งใส่ร่างอย่างจังจนเขาหงายหลังไปโดยไม่ทันระวังตัว โชคดีที่หัวไม่กระแทกพื้น ไม่งั้นถึงรอดจากตกตึกก็คงต้องตายเพราะเลือดคั่งในสมองเป็นแน่
บนตัวเขาตอนนี้ร่างโปร่งบางของใครคนหนึ่งทับอยู่ พอเธอตั้งหลักได้บ้างก็เงยหน้าจ้องเขม็ง ก่อนจะกระหน่ำทุบตีอกแข็งแรงของเขายกใหญ่
“คุณณัดฐ์! คุณทำบ้าอะไรของคุณ คุณทำบ้าอะไร! คุณทำแบบนี้ทำไม คุณไม่รักตัวเองแล้วหรือ คุณคิดอะไรถึงจะทำร้ายตัวเองแบบนั้น ถ้าฉันมาไม่ทันจะทำไง ถ้าฉันมาไม่ทันจะเกิดอะไรขึ้น คุณไม่รู้หรือไงว่าทำแบบนี้จะหาเรื่องให้ตัวเอง คุณไม่รู้หรือไงว่ามันไม่ดี คุณบ้าไปแล้วใช่ไหม คุณมันบ้า คุณมันบ้า!” ทิพาธรณ์ยังทุบอกเขาไม่ยั้ง พลางปากก็พร่ำต่อว่าไม่ขาด
ชายหนุ่มไม่รู้ว่าวิญญาณสาวไปเอาพลังมาจากไหนถึงทำให้เขาสามารถรู้สึกเจ็บเวลาหมัดเล็กของเธอกระแทกเข้าที่แผ่นอก หากก็เป็นแค่เธอที่ทำให้เขารู้สึกได้ ส่วนเขาแม้จะพยายามจับแขนเธอไว้อย่างไร ก็ทะลุตัวเธอไปราวคว้าอากาศ
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 2008
ความคิดเห็น
สนุกมากค่ะ
ดีใจค่ะที่ชอบ ^^
สนุกมากเลยค่ะ รอติดตามต่อนะคะ
แสดงความคิดเห็น