บทที่ 221: สงครามจะเริ่มในอีก 3 วัน
“แม่ทัพหลี่ ท่านไม่ได้จดจำคำพูดของเราเลยหรือ?” ฮ่องเต้หนานซวนเลิกคิ้วถาม
ชายสูงวัยรีบคุกเข่าลงหมอบตัวสั่นด้วยความหวาดกลัวทันที “ฝ่าบาท อย่าทรงกริ้วเลยพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมเห็นว่านางทำตัวน่าสงสัย จึงสันนิษฐานว่านางกำลังสอดแนมข่าวภายในกองทัพของเรา ดังนั้นกระหม่อมจึงคิดว่าจะติดตามไปดู…”
“ฮึ สงสัยว่านางกำลังสอดแนมเราเช่นนั้นหรือ?” ผู้เป็นฮ่องเต้แค่นเสียงในลำคอ แล้วกล่าวเสียงเข้มว่า “เราเป็นคนอนุญาตให้นางไปไหนมาไหนก็ได้ หากเป็นไปตามที่ท่านพูด เช่นนั้นเรื่องนี้ก็เป็นความผิดของเราใช่หรือไม่?”
ถ้อยคำเหล่านี้ทำให้แม่ทัพหลี่ถึงกับสะอึก แล้วเขาจะกล้าตอบได้อย่างไร?
จากนั้นฮ่องเต้หนานซวนก็ตำหนิชายสูงวัยอีก 2-3 คำก่อนจะปล่อยเขาไป
ส่วนมู่ไป๋ไป่ได้แต่ฟังอย่างมีความสุขอยู่เงียบ ๆ หลังจากที่ฮ่องเต้จัดการแม่ทัพหลี่เสร็จแล้ว เธอก็รีบนำชาไปส่งให้อีกฝ่ายถึงมือ “พระองค์ทรงดื่มชาสักหน่อยเถิดเพคะ จะได้ชุ่มคอ เรื่องนี้ลำบากพระองค์แล้ว”
เด็กหนุ่มเหลือบมองเด็กหญิงแล้วรับชาจากมือนางมา ก่อนจะเอ่ยเสียงเรียบ “เจ้าอย่าคิดว่าข้าไม่รู้นะ แมวตัวนั้นทำตามคำสั่งของเจ้าใช่หรือไม่?”
“...” ฝ่ายที่ได้ยินนิ่งเงียบไป
“แต่ในเมื่อครั้งนี้แม่ทัพหลี่ไม่ได้บาดเจ็บอะไรมาก ข้าจึงจะปล่อยเจ้าไปก่อน” เมื่อฮ่องเต้หนานซวนกล่าวจบ เขาก็ค่อย ๆ ยกถ้วยชาขึ้นจิบ “แต่ถ้ามีครั้งหน้าอีก ข้าจะไม่ตามใจเจ้าเช่นนี้อีกแล้ว”
“พระองค์รู้ทุกอย่างแล้วสินะเพคะ” มู่ไป๋ไป่กวาดตามองไปรอบ ๆ แล้วเธอก็เข้าใจทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น “พระองค์เพียงแค่หาโอกาสที่จะจัดการกับแม่ทัพหลี่มานานแล้วใช่หรือไม่เพคะ?”
หลังจากที่เธอมาถึงค่ายทหารหนานซวน แม่ทัพหลี่คนนี้ก็มีความขัดแย้งกับฝ่าบาทครั้งแล้วครั้งเล่า ซึ่งเรื่องดังกล่าวไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
เหตุใดฮ่องเต้หนานซวนถึงสามารถทนมาได้จนถึงทุกวันนี้?
“เจ้าฉลาดมาก” เด็กหนุ่มไม่ปฏิเสธ “แม่ทัพหลี่เป็นขุนนางบู๊ที่อยู่มาถึง 2 แผ่นดิน แม้ว่าเขาจะเป็นแม่ทัพอยู่แนวหน้าตลอด แต่ก็อาจมีบางครั้งที่เขาทำอะไรบุ่มบ่ามจนเกินไป”
มู่ไป๋ไป่ที่ได้ยินดังนั้นก็แอบบ่นในใจ
ช่างน่าเสียดาย เป็นเพราะก่อนหน้านี้ฉันดูถูกเขาเกินไปสินะ
ที่ผ่านมาเธอคิดว่าฮ่องเต้หนานซวนหลอกได้ง่าย แต่ดูเหมือนว่าตอนนี้เขาไม่ได้หลอกง่ายเช่นนั้น
พอคิดได้ดังนี้ เด็กหญิงก็รู้สึกตื่นตระหนก
ในเมื่อฮ่องเต้หนานซวนรู้ทุกอย่าง นั่นหมายความว่าเขาคงจะมองการเคลื่อนไหวของเธอออกตั้งแต่แรกใช่หรือไม่?
เธอได้แต่หวังว่าตนจะปิดบังมันได้ดีพอที่จะไม่ทำให้อีกฝ่ายพบความผิดปกติ
“อีก 3 วัน หนานซวนจะทำสงครามกับเป่ยหลง” จู่ ๆ ฮ่องเต้หนานซวนก็พูดขึ้นมาอย่างกะทันหัน “ในเวลานั้น เจ้าอยากไปกับข้าเพื่อดูว่าหนานซวนเอาชนะเป่ยหลงอย่างไรหรือไม่?”
อีก 3 วัน?
เร็วเกินไปไหม?
มู่ไป๋ไป่พยายามระงับความรู้สึกในใจ ก่อนจะพูดออกไปว่า “ไปสิ ทำไมจะไม่อยากไปล่ะเพคะ หม่อมฉันยังคงรู้สึกเจ็บใจอยู่โดยเฉพาะเซียวถังอี้ ถึงเวลานั้นหม่อมฉันจะต้องไปเยาะเย้ยเขาให้ได้”
“ไม่ใช่สิ!”
“พระองค์ไม่ได้พูดเองหรือว่าเซียวถังอี้เปรียบเสมือนเทพสงคราม และโอกาสที่หนานซวนจะเอาชนะเป่ยหลงได้นั้นมีไม่สูงมากนัก”
“ตอนนี้เหตุใดพระองค์ถึงมั่นใจว่าหนานซวนจะเอาชนะเป่ยหลงได้?”
“มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกับเซียวถังอี้หรือไม่เพคะ?”
เด็กหญิงเริ่มกังวลขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว ในขณะที่มือเล็ก ๆ กำชายเสื้อเอาไว้แน่น เธอกลัวว่าจะได้ยินคำตอบที่ไม่ต้องการได้ยินจากปากของฮ่องเต้หนานซวน
“น่าเสียดาย… ที่มันไม่เป็นเช่นนั้น” เด็กหนุ่มเอนตัวพิงพนักเก้าอี้พลางพูดเสียงเอื่อยเฉื่อยว่า “เซียวถังอี้มีวรยุทธสูงมาก นักฆ่าที่ข้าส่งไปถูกฆ่าตายทั้งที่ยังไม่ถึงตัวเขาด้วยซ้ำ”
“!!!” มู่ไป๋ไป่เบิกตากว้าง
ฮ่องเต้หนานซวนส่งคนไปลอบสังหารเจ้าสัตว์ประหลาด!
แต่นี่ก็เป็นเรื่องปกติใช่หรือไม่?
ปัจจุบันเป่ยหลงไม่มีแม่ทัพจ้าว หากในกองทัพไม่มีเซียวถังอี้อยู่อีก ขวัญกำลังใจของทหารก็จะได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง แล้วหนานซวนก็สามารถใช้ประโยชน์จากช่องว่างนี้โจมตีเป่ยหลง และพวกเขาก็อาจจะเอาชนะเป่ยหลงได้จริง ๆ
ช้าก่อน!
ฮ่องเต้หนานซวนพูดเองไม่ใช่หรือว่าการลอบสังหารไม่ประสบความสำเร็จ?
แล้วเหตุใดเขาถึงยังมั่นใจว่าในครั้งนี้เขาจะชนะ?
หรือว่าเขาจะใช้แมลงกู่อีก?
พอมู่ไป๋ไป่คิดถึงเรื่องนี้ หัวใจของเธอก็ค่อย ๆ หนักอึ้งขึ้น หากเป็นเช่นนั้นจริง กองทัพเป่ยหลงจะต้องตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบและเกิดความสูญเสียครั้งใหญ่เป็นแน่
“ช่วงนี้เจ้าก็อย่าได้คิดที่จะวิ่งเพ่นพ่านไปที่ไหน” เด็กหนุ่มไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้อีกแล้วเปลี่ยนไปพูดเรื่องอื่น “เจ้าอยู่ในค่ายทหารให้ดี อีก 3 วันยามที่สงครามเริ่มต้นขึ้น เจ้าจะต้องอยู่ข้างกายข้า”
“ข้าจะช่วยระบายความโกรธแทนเจ้าเอง”
มู่ไป๋ไป่ได้ยินดังนั้นก็ทำท่าทางดีใจมาก ก่อนที่เธอจะขอตัวกลับไปที่กระโจมของตัวเอง เมื่อบอกให้สาวใช้ทุกคนออกไปจากกระโจมแล้ว สีหน้าของเธอก็เปลี่ยนไป
“อ้าว! เจ้าอยู่ที่นี่เองหรือ ทำไมถึงไม่จุดตะเกียงล่ะ ข้าตกใจแทบตาย” เจ้าส้มกระโดดเข้ามาทางหน้าต่างเงียบ ๆ หลังจากกระโดดอีกไม่กี่ครั้ง มันก็ไปหยุดอยู่ตรงหน้าเด็กหญิง “ข้าเห็นว่าเจ้าถูกคนพาตัวไปที่กระโจมหลวง จากนั้นตาแก่นั่นก็เดินออกมาอย่างโกรธแค้น”
“เป็นอย่างไรบ้าง ฮ่องเต้หนานซวนไม่ได้ทำให้เจ้ายุ่งยากใช่หรือไม่?”
คนตัวเล็กส่ายหัวในขณะที่ทำหน้าเคร่งขรึม
“โชคดีแล้ว” แมวอ้วนถอนหายใจด้วยความโล่งอก แต่เมื่อเห็นสีหน้าแปลก ๆ ของมู่ไป๋ไป่ มันก็รู้สึกเป็นกังวลขึ้นมาอีกครั้ง “ไม่สิ เจ้าน่าจะดีใจที่ฮ่องเต้หนานซวนไม่ทำให้เจ้าลำบากใจ แต่ทำไมเจ้าถึงยังทำหน้าแบบนั้นอยู่?”
“อีก 3 วันหนานซวนจะบุกเป่ยหลง” เด็กหญิงพูดเสียงแผ่วเบา “เจ้าส้ม เราไม่เหลือเวลาแล้ว”
“3 วัน?!” เจ้าส้มแทบจะดีดตัวลุกขึ้นด้วยความตกใจ “ทำไมถึงเร็วเช่นนี้ ไม่สิ ตอนที่ข้าออกมาจากเป่ยหลง เซียวถังอี้บอกว่าหนานซวนไม่มีทางบุกในเร็ววัน”
“ใช่” มู่ไป๋ไป่พยักหน้าตอบ “ข้าก็เคยคิดเช่นนั้นมาก่อน กองทัพหนานซวนด้อยกว่ากองทัพเป่ยหลงในทุกด้าน ดังนั้นพวกมันจึงเลือกใช้อุบายสกปรก”
“ตอนนี้ฮ่องเต้หนานซวนได้กำหนดวันที่จะบุกเป่ยหลงแล้ว เขาจะต้องมั่นใจว่าตัวเองเป็นฝ่ายชนะ”
“...” แมวตัวโตคิดหนักขณะเดินวนไปรอบโต๊ะอย่างกระวนกระวาย “แล้วเช่นนี้เราจะทำอย่างไรกันดี? เรายังหาคนที่ควบคุมแมลงกู่ที่เจ้าพูดถึงไม่ได้เลย”
“แล้วเราก็ไม่รู้ว่าแม่ทัพจ้าวถูกพาตัวไปซ่อนไว้ที่ไหนด้วย”
“ทีนี้จะทำอย่างไรดีล่ะ?”
มู่ไป๋ไป่หลับตาพร้อมกับสูดหายใจเข้าลึก ๆ เมื่อตัดสินใจอย่างแน่วแน่แล้ว เธอก็กล่าวออกมาว่า “ถ้าเราหาไม่เจอ เราก็เปลี่ยนเป้าหมายกันเถอะ”
“หา?” เจ้าส้มตกตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง มันไม่สามารถเข้าใจความคิดของอีกฝ่ายได้เลย “เปลี่ยนเป้าหมายอย่างนั้นหรือ มีคนอื่นที่ถูกแมลงกู่ควบคุมและขังอยู่ที่นี่หรืออย่างไร?”
“ไม่ใช่” เด็กหญิงลูบหัวแมวตรงหน้ายิ้ม ๆ “เจ้าจำสิ่งที่ข้าพูดก่อนหน้านี้ที่บอกว่าจะจับโจรต้องจับที่ตัวหัวหน้าได้หรือไม่?”
“ข้าจำได้!” เจ้าส้มพยักหน้ารับ “นั่นคือเหตุผลที่เจ้าบอกว่าจะต้องจับคนที่สามารถควบคุมแมลงกู่ได้”
“แต่ตอนนี้ข้าเปลี่ยนใจแล้ว” ยามนี้แววตาของมู่ไป๋ไป่ค่อย ๆ เย็นลง ในขณะที่เธออธิบายแผนการของตัวเอง “เรามาเปลี่ยนเป็นการจับคนที่อยู่เหนือคนที่ควบคุมมันแมลงกู่กันเถอะ เจ้าส้ม เจ้ารีบกลับไปที่เป่ยหลงแล้วช่วยส่งจดหมายถึงเซียวถังอี้ให้ข้าหน่อย”
“ไม่!” แมวอ้วนส่ายหัวปฏิเสธโดยไม่ต้องหยุดคิด “ข้าจะไม่ไปไหนทั้งนั้น! ข้าจะอยู่กับเจ้า”
อย่าคิดว่ามันไม่รู้ว่าเจ้าตัวเล็กนี่คิดจะทำอะไร นางก็แค่อยากจะกำจัดมันไปเพียงเท่านั้น
“โธ่ เจ้าส้ม ข้ามีเรื่องสำคัญมากที่อยากให้เจ้าช่วยข้าจริง ๆ!” เมื่อมู่ไป๋ไป่รู้ความคิดของอีกฝ่าย เธอก็อดหัวเราะไม่ได้ ก่อนจะพูดเน้นทีละคำว่า “มัน-สำ-คัญ-มาก”
“ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็ให้หนูตัวนั้นไปทำสิ” เจ้าส้มสะบัดก้นใส่เด็กหญิงแสดงท่าทีว่าตนกำลังไม่พอใจ
“แต่เจ้าหนูน้อยไม่รู้จักเซียวถังอี้” มู่ไป๋ไป่ตีก้นอ้วน ๆ ของมันและกล่าวว่า “อีกอย่าง มันไม่รู้เรื่องเท่าเจ้า ตอนที่พวกมันไปหาเซียวถังอี้ ข้ากลัวว่าพวกเขาจะฆ่าหนูพวกนั้นตายกันหมดเสียก่อน!”
เจ้าส้มเงียบไปชั่วครู่ แล้วมันก็หันกลับมามองคนตัวเล็กอย่างสงสัย “มันร้ายแรงขนาดนั้นเชียวหรือ?”
--------------------------------------------------
พูดคุยท้ายตอนกับเสี่ยวเถียว: รู้หน้าไม่รู้ใจจริง ๆ ฮ่องเต้หนานซวนไม่ได้ตื้นเขินอย่างที่เห็นแฮะ
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 65
- 👍 ถูกใจ
แสดงความคิดเห็น