บทที่ 219: กองทหารมรณะ

-A A +A

บทที่ 219: กองทหารมรณะ

“ฮิ ๆ ข้าไม่เชื่อหรอก” มู่ไป๋ไป่ยิ้มกว้าง “ค่ายทหารเป่ยหลงตั้งอยู่ไกลจากค่ายทหารหนานซวนมาก เจ้าที่ขี้เกียจขนาดนี้ทำไมถึงเดินเล่นจนมาถึงที่นี่ได้ล่ะ”

“ข้ารู้นะว่าเจ้าเป็นห่วงข้าเลยมาหาข้าโดยเฉพาะ”

“แล้วอย่างไรล่ะ!” หลังจากที่เจ้าส้มถูกเปิดโปงความจริง มันก็ไม่ปิดบังอีกต่อไป มันตะคอกใส่คนตรงหน้าเสียงดังว่า “อย่าลืมสิว่าเจ้าบอกว่าจะคอยดูแลข้า”

“ตอนที่เจ้าไม่อยู่ ไม่มีใครจำได้เลยสักคนว่าต้องให้อาหารข้า!”

“ข้าจะทำเช่นไรถ้าเจ้าเกิดเป็นอะไรไปแล้วข้าต้องอดตาย!”

ยามนี้มู่ไป๋ไป่กลิ้งไปมาบนเตียงโดยมีแมวตัวโตอยู่ในอ้อมแขน นั่นทำให้เธอรู้สึกอบอุ่นใจขึ้นมาอย่างอธิบายไม่ถูก เธอรู้ว่ามันพูดออกมาเพียงเพราะแก้เขินเท่านั้น เธอจึงไม่ถือสามันเลย

เจ้าส้มเป็นแมวหลวง ปกติจะมีคนคอยรับใช้มันอยู่หลายคน แต่เหตุใดคราวนี้ถึงไม่มีใครเอาอาหารให้มันเลยล่ะ?

หลังจากที่อุ้มมันมาสักพัก เธอก็รู้สึกว่าเจ้าแมวอ้วนนี่น้ำหนักเพิ่มขึ้นอีกแล้ว

“ใช่ ๆ สิ่งที่เจ้าพูดถูกต้องที่สุด” เด็กหญิงตอบอีกฝ่ายด้วยรอยยิ้มพลางลูบขนของมันเบา ๆ

เจ้าส้มเองก็รู้สึกพอใจมากที่ได้ยินสิ่งที่มู่ไป๋ไป่พูด

“เอาล่ะ ในเมื่อเจ้าอยากจะช่วยแม่ทัพจ้าวคนนั้น เจ้ามีแผนแล้วหรือยัง?” แมวสีส้มตัวใหญ่กระโดดออกจากอ้อมแขนแล้วไปนั่งเผชิญหน้าเด็กหญิงอยู่บนเตียง “หรือเจ้าคิดจะใช้เพียงกำลังของพวกเรา 2 คนไปช่วยเขา?”

“แน่นอนว่าไม่ใช่” คนตัวเล็กขนลุกไปทั้งร่างเพราะลมหนาว เธอจึงเอาผ้าห่มมาพันไว้รอบตัว สภาพขณะนี้เหมือนกับตอนที่เธออยู่ในวังหลวงครั้งก่อน เธอเอาผ้าห่มพันตัวนอนคุยกับเจ้าส้มด้วยเสียงกระซิบ “เจ้ายังจำสิ่งที่เจ้าหนูน้อยพูดก่อนหน้านี้ได้หรือไม่? แม่ทัพจ้าวดูเหมือนจะถูกสั่งการด้วยเสียงผิวปาก”

“ดังนั้นถ้าเราคิดจะจับโจร เราต้องจับที่ตัวหัวหน้าก่อน เราจะต้องหาคนที่เป็นคนออกคำสั่งให้เจอ”

“เพียงเท่านี้เราก็จะสามารถช่วยแม่ทัพจ้าวออกไปได้”

“ก็จริงอยู่” เจ้าส้มเลียอุ้งเท้าของมันก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่าย “แล้วในค่ายทหารแห่งนี้มีทหารอยู่กี่นาย เจ้าจะหาคนคนนั้นเจอได้อย่างไร?”

“อิอิ… เรื่องนี้ไม่ยาก” มู่ไป๋ไป่ยิ้มมีเลศนัย “ข้ามีวิธีของข้าเอง”

ปัจจุบันฮ่องเต้หนานซวนไม่ได้หวาดระแวงเธออีกแล้ว อีกทั้งในวันรุ่งขึ้นเขายังได้ส่งสาวใช้ 2 คนมาคอยรับใช้เธออีก

แน่นอนว่ามู่ไป๋ไป่ก็ไม่เกรงใจ ยามที่เธอต้องการสิ่งใด เธอก็ออกคำสั่งไปตามตรง ซึ่งเธอยังแสดงท่าทีเย่อหยิ่งจนทำให้คนจำนวนมากในค่ายทหารไม่พอใจ

โดยเฉพาะอย่างยิ่งแม่ทัพหลี่ซึ่งเป็นคนที่เธอเคยทำให้อับอายมาก่อน เขาได้ไปทักท้วงต่อหน้าพระพักตร์ฝ่าบาทอีกครั้ง

“ฝ่าบาท พระองค์ทรงไตร่ตรองใหม่อีกครั้งเถิดพ่ะย่ะค่ะ เราไม่ควรเก็บมู่ไป๋ไป่เอาไว้อีก” ดวงตาคมดุของชายสูงวัยเบิกกว้าง “เดิมทีกระหม่อมพานางกลับมาเป็นเพราะต้องการใช้นางเป็นเบี้ยต่อรองกับแคว้นเป่ยหลง”

“แต่ตอนนี้ในเมื่อคนของแคว้นเป่ยหลงตัดเด็กคนนี้ทิ้งไปแล้ว มันก็ไม่มีประโยชน์อื่นใดที่เราจะเก็บนางเอาไว้เช่นกัน”

“ยิ่งไปกว่านั้น นางยังกินดื่มเล่นสนุกอยู่ในค่ายทหารตลอดทั้งวัน มันทำให้ทหารหลายคนไม่พอใจนาง…”

“แม่ทัพหลี่ ทหารไม่พอใจหรือท่านไม่พอใจกันแน่?” ฮ่องเต้หนานซวนวางฎีกาในมือลงและเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่ายด้วยสายตาเฉยเมย “เราบอกไปตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้วว่าองค์หญิงหกมีประโยชน์อย่างอื่น”

“แม่ทัพหลี่ นี่ท่านตั้งคำถามกับเราอยู่เช่นนั้นหรือ?”

ปกติแล้วฮ่องเต้หนานซวนเป็นคนที่มีนิสัยเหมือนเด็กมาโดยตลอด เขาไม่เคยแข็งข้อขนาดนี้มาก่อน ไม่ว่าแม่ทัพหลี่จะไม่พอใจมากเพียงใด แต่เขาก็ไม่กล้าพูดอะไรต่อ

“ฝ่าบาท กระหม่อมเพียงกังวลเกี่ยวกับเรื่องสงคราม ตอนนี้ทั้ง 2 แคว้นกำลังทำสงครามกัน การต่อสู้ในครั้งนี้มีตัวแปรที่มีความเสี่ยงมากมาย”

“หากกองทัพสูญเสียขวัญกำลังใจไปในช่วงเวลานี้ ผลที่ตามมามีแต่เสียกับเสียเพียงเท่านั้น”

“แม่ทัพหลี่ ท่านเป็นแม่ทัพคอยดูแลทหารพวกนี้มากี่ปีแล้ว?” ฮ่องเต้หนานซวนมองชายชราและจู่ ๆ ก็เปลี่ยนเรื่องพูด “ท่านละเลยหน้าที่จนทำให้ทหารพวกนี้อู้ไม่ยอมฝึกหรือไม่?”

แม่ทัพหลี่ไม่เข้าใจจุดประสงค์ที่นายเหนือหัวถามเช่นนี้ แต่เขาก็ยังตอบไปตามความจริงว่า “ทูลฝ่าบาท ทหารพวกนี้อยู่กับเรามา 3 ปีแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

“ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ก็เป็นเวลานับพันวันนับพันคืน ทั้งแม่ทัพและพลทหารไม่มีใครกล้าเกียจคร้านเลยแม้สักครู่”

ถัดมา ฮ่องเต้หนานซวนยืนขึ้น ก่อนจะเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าอีกฝ่าย “ในเมื่อเป็นเช่นนั้น เหตุใดท่านถึงยังคิดว่าทหารที่ฝึกซ้อมมานับพันวันถึงจะเสียขวัญกำลังใจไปเพราะเด็กตัวเล็ก ๆ คนหนึ่ง?”

“แม่ทัพหลี่ ท่านมั่นใจในตัวทหารของตัวเองน้อยเกินไป” 

“แล้วอีกอย่าง ตัวท่านก็ใหญ่โตกว่ามู่ไป๋ไป่ตั้งเยอะไม่ใช่หรือ?”

ฝ่ายที่ได้ยินถึงขั้นสะอึก ไม่ว่าเขาจะตอบคำถามนี้อย่างไร เขาก็เป็นฝ่ายผิดทั้งนั้น และนั่นทำให้เขารู้ว่าฮ่องเต้หนานซวนตั้งใจแน่วแน่ที่จะเก็บองค์หญิงหกของแคว้นเป่ยหลงเอาไว้ข้างกาย

“แม่ทัพหลี่ แทนที่ท่านจะมาโต้เถียงกับเราด้วยเรื่องเล็กน้อยอยู่ที่นี่ ท่านไปมุ่งความสนใจกับกองทหารมรณะไม่ดีกว่าหรือ?” เด็กหนุ่มเอามือไพล่หลังขณะมองออกไปด้านนอกกระโจมด้วยสีหน้าเรียบเฉย “สงครามกำลังจะเริ่มต้นขึ้น เราไม่อยากให้เกิดความผิดพลาดใด ๆ ทั้งสิ้น”

“ฝ่าบาท กองทหารมรณะเรียบร้อยดีทุกอย่างพ่ะย่ะค่ะ” พอพูดถึงเรื่องสำคัญ แม่ทัพหลี่ก็ไม่กล้าหย่อนยาน “เมื่อไม่นานมานี้ชายคนนั้นเพิ่งได้รับการฝึกฝน และกระหม่อมก็เพิ่งไปเยี่ยมเขาก่อนหน้านี้”

ฮ่องเต้หนานซวนพยักหน้ารับอย่างพึงพอใจ “เช่นนั้นแม่ทัพหลี่ก็กลับไปเถอะ”

ฝ่าบาทได้ออกคำสั่งให้กลับไป ชายชราจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องออกไปโดยกล้ำกลืนความรู้สึกทั้งหมดไว้ในใจ 

ในอีกด้านหนึ่ง มู่ไป๋ไป่พาสาวใช้เดินไปรอบ ๆ ค่ายทหารโดยที่ในมืออุ้มเจ้าส้มเอาไว้ 

หลังจากการกระทำต่าง ๆ ของเธอในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ประกอบกับความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับฮ่องเต้หนานซวน ไม่มีที่ไหนในค่ายทหารแห่งนี้เป็นที่ต้องห้ามสำหรับเธออีกต่อไป

อีกทั้งเธอยังใช้เวลาสำรวจสถานที่ทั้งหมดที่เธอสามารถเข้าไปได้ รวมถึงการนัดพบกับเจ้าหนูน้อยอีกครั้ง โดยหวังว่ามันจะพาเธอไปหาแม่ทัพจ้าว

ผลก็คือหนูตัวสีเทาบอกว่าแม่ทัพจ้าวถูกย้ายไปแล้ว ปัจจุบันเขาไม่ได้อยู่ในค่ายทหาร

“ให้ตายเถอะ ฮ่องเต้หนานซวนซ่อนแม่ทัพจ้าวไว้ที่ไหนกัน?” มู่ไป๋ไป่ลูบขนของแมวอ้วนพลางพึมพำกับตัวเอง “หรือเขาสังเกตเห็นอะไรบางอย่างเข้าแล้ว?”

“มันไม่น่าเป็นเช่นนั้น ข้ามั่นใจว่าแววตาของเขาไม่ได้เคลือบแคลงสงสัย แล้วข้าก็ไม่ได้ทำอะไรผิดปกติ”

“นี่ มู่ไป๋ไป่ มีคนกำลังติดตามเจ้าอยู่” เจ้าส้มที่นิ่งเงียบมาตลอดพูดขึ้น “ตาแก่นั่นทำหน้าตาดุดันเชียว”

มู่ไป๋ไป่สะดุ้งตกใจ ก่อนจะรู้ได้ทันทีว่าบุคคลนั้นคือใคร

พอเธอจัดการกับผู้ชายชายแก่คนนั้นไปครั้งที่แล้ว เธอคิดว่าเขาจะยอมแพ้ไปเสียแล้ว เธอไม่คาดคิดว่าอีกฝ่ายจะกลับมาอีกครั้ง

“ข้ารู้” เด็กหญิงทำเป็นไม่สังเกตเห็น ในขณะที่เธอเดินกระโดดไปข้างหน้า แล้วเธอก็กระซิบกับแมวในอ้อมแขนว่า “อีกสักครู่เจ้าช่วยข้าจัดการคนคนนั้นหน่อย เจ้าข่วนหน้าเขาสุดแรงเลยนะ เข้าใจหรือไม่?”

“ถ้าเรากลับไปที่แคว้นเป่ยหลง ข้าจะเตรียมของอร่อย ๆ ไว้ให้เจ้า!”

เจ้าส้มตอบเสียงเอื่อย ๆ

ทางด้านแม่ทัพหลี่ที่ติดตามมู่ไป๋ไป่มาเงียบ ๆ เมื่อไม่นานมานี้เขาได้ยินว่านางเดินเล่นไปทั่วค่ายทหาร เขารู้สึกว่านางมีเจตนาแอบแฝง และนางอาจจะกำลังสืบข่าวเกี่ยวกับสถานการณ์ในกองทัพ

ทันทีที่เขาออกจากกระโจมหลวงเมื่อสักครู่นี้ เขาก็บังเอิญเห็นองค์หญิงตัวน้อย เขาจึงอยากจะลองติดตามนางไปดู

ขณะที่เขากำลังคิด ร่างเล็กตรงหน้าก็หายไปเสียอย่างนั้น 

แม่ทัพหลี่ตกใจ เขาจำได้ว่าไม่ไกลเป็นทางเข้าด้านข้างของค่ายทหาร มีความเป็นไปได้ที่เด็กคนนั้นกำลังคิดหาทางหลบหนีออกไป

นั่นทำให้ชายสูงวัยยิ่งตื่นตระหนกก่อนจะรีบวิ่งไล่ตามเด็กหญิงออกไป

ในตอนที่เขาวิ่งผ่านกระโจมหลังหนึ่งเขาก็สะดุดล้ม แล้วบางสิ่งที่ใหญ่โตก็ตกลงมาจากท้องฟ้าหล่นใส่หน้าเขาจัง ๆ

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ คัดลอก หรือนำไปดัดแปลงโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืนแล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ที่ keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงานจะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2025 keangun. All Rights Reserved.