บทที่ 188: มีแต่ศพ

-A A +A

บทที่ 188: มีแต่ศพ

“เนื่องจากเขาไม่ใช่คนที่ผิดคำพูด ฉะนั้นในเมืองจะต้องมีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้นแน่” มู่ไป๋ไป่โผล่หัวออกมาจากม้าของเซียวถังอี้ด้วยสีหน้าจริงจัง “พี่รองรีบเข้าไปเถอะ”

ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา เธอเริ่มคุ้นเคยกับการตัวติดกับเจ้าสัตว์ประหลาดไปตลอดทาง ไม่เพียงเท่านั้น เธอยังสามารถใช้โอกาสนี้แอบฟังข่าวเกี่ยวกับเมืองเย่เฉิงที่ตั้งอยู่บริเวณชายแดนได้ทุกวันอีกด้วย

ตัวอย่างเช่น เธอได้รู้ว่าแม่ทัพจ้าวมีปัญหาสุขภาพเมื่อปีที่แล้ว และได้รับการรักษาจากหมอหลายคนแต่ก็ยังไม่ดีขึ้น

เป็นเพียงเพราะแม่ทัพจ้าวไม่มีทายาท เขาจึงไม่ได้รายงานข่าวนี้ไปที่เมืองหลวง

และในช่วงเวลานั้นก็เป็นช่วงที่แคว้นหนานซวนเริ่มก่อปัญหาบ่อยมากขึ้น

ในความเป็นจริง หลังจากมู่ไป๋ไป่รู้ข่าวดังกล่าว เธอก็คาดเดาได้คร่าว ๆ เกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นในคราวนี้ แต่เธอยังไม่กล้าฟันธงเท่าไหร่นัก

นอกจากนี้เธอยังไม่ลืมว่าตนอยากจะสืบสวนเรื่องอะไรเมื่อมาถึงชายแดน

“ข้าก็คิดเช่นเดียวกับไป๋ไป่” มู่จวินฝานพยักหน้าเห็นด้วย “จวินเซิ่ง เจ้าอย่ารอช้าเลย รีบไปที่จวนแม่ทัพกันเถอะ”

มู่จวินเซิ่งพยักหน้าอย่างเคร่งขรึม ก่อนที่เขาจะแสดงป้ายประจำตัวให้เจ้าหน้าที่ที่เฝ้าประตูเมือง แล้วกลุ่มของเขาก็สามารถผ่านเข้าไปในเมืองได้โดยตรง

“เมื่อเจ้าไปถึงจวนแม่ทัพ เจ้าอย่าได้เพ่นพ่านไปไหน” จู่ ๆ เซียวถังอี้ก็พูดขึ้นมา “คอยอยู่ข้างกายข้าไว้”

“เสด็จอา ท่านคิดว่ามีอะไรผิดปกติหรือ?” มู่ไป๋ไป่ฉลาดมาก เธอเงยหน้าขึ้นถามอีกฝ่ายเสียงเบา “หรือเสด็จอารู้อะไรบางอย่างที่ท่านพี่รัชทายาทกับพี่รองไม่รู้?”

เด็กหนุ่มมองเด็กน้อยด้วยสายตาชื่นชมแล้วพูดว่า “ตามข้ามาเถอะ”

“จะทำตัวลึกลับไปทำไม?” คนตัวเล็กพึมพำกับตัวเอง แต่เมื่อเธอลงจากม้า เธอก็จับชายเสื้อของคนตัวสูงกว่าเอาไว้แน่นและเดินตามเขาไปติด ๆ

แม้ว่าบางครั้งเจ้าสัตว์ประหลาดจะน่ารำคาญไปบ้างก็ตาม

แต่มู่ไป๋ไป่รู้ดีว่าการอยู่ข้างกายเขาในช่วงเวลาที่เกิดเรื่องมันจะปลอดภัยที่สุด 

ดังนั้นเธอจึงไม่ทำตัววุ่นวายหรือซุกซนเหมือนปกติ อีกทั้งยังทำตัวเป็นเด็กดีมากเป็นพิเศษด้วย

“พี่ฉิน ตอนที่เรากำลังเดินทางมาที่นี่ ข้าพบว่าบนท้องถนนมีคนอยู่น้อยมาก” จินซือหยางซึ่งติดตามมู่จวินเซิ่งอดไม่ได้ที่จะกระซิบพูดว่า “ตอนที่ท่านออกมา เมืองเย่เฉิงมีสภาพเป็นเช่นไร?”

ทันทีที่ทั้งมู่จวินฝานและมู่ไป๋ไป่ได้ยินคำถามของอีกฝ่าย ทั้งคู่ก็นึกถึงข่าวลือที่พวกเขาได้ยินจากจินซือหยางยามที่พวกเขาอยู่ในเมืองชิงหยางได้

มู่จวินเซิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็พยักหน้าแล้วส่ายหัว “ตอนที่ข้าเดินทางออกไป แม้ว่าตามท้องถนนจะไม่ค่อยมีคนมากนัก แต่มันก็ไม่ได้น้อยถึงเพียงนี้”

ระหว่างทางที่เด็กหนุ่มเดินผ่านมาเมื่อครู่นี้ หัวใจของเขาเริ่มหนักอึ้งมากขึ้นเรื่อย ๆ

ลางสังหรณ์ร้องบอกเขาว่ามู่ไป๋ไป่อาจจะพูดถูกว่าตอนนี้มีบางอย่างเกิดขึ้นจริง

เมื่อมู่จวินเซิ่งคิดเช่นนี้ เขาก็รู้สึกว่าประตูจวนแม่ทัพที่อยู่ตรงหน้าเขานั้นดูเหมือนจะห่างไกลมากยิ่งขึ้น

“เซียวเซียว จื่อเฟิง” มู่ไป๋ไป่หันไปกวักมือเรียกผู้ติดตามตัวน้อยทั้ง 2 คนของเธอ

“องค์หญิงมีอะไรหรือเพคะ” หลัวเซียวเซียวกับจื่อเฟิงเดินเข้าไปหาองค์หญิงหกทันที

“จากนี้ไปให้พวกเจ้าเดินตามข้ามาติด ๆ” มู่ไป๋ไป่เหลือบมองเจ้าสัตว์ประหลาดเงียบ ๆ พอเห็นว่าเขาไม่มีข้อโต้แย้งอะไร ดังนั้นเธอจึงเตือนทั้งคู่ต่อไปว่า “หากมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นจริง พวกเจ้าอย่าได้หุนหันพลันแล่น พวกเจ้าต้องทำตามคำสั่งของข้า หรือต้องบอกข้าก่อนจะลงมือ”

อย่างไรก็ตาม เซียวถังอี้ก็เป็นคนที่แข็งแกร่งมาก ถ้าเขาสามารถปกป้องเธอได้คนหนึ่ง เขาก็จะสามารถปกป้องเด็กอีก 2 คนได้เช่นกัน

หลัวเซียวเซียวกับจื่อเฟิงคอยติดตามองค์หญิงหกมาตลอดและผ่านประสบการณ์มามากมาย พวกเขาเข้าใจแล้วว่าการเดินทางไปยังจวนแม่ทัพในครั้งนี้อาจจะมีอันตราย เมื่อเจ้าตัวพูดเช่นนั้น พวกเขาจึงพยักหน้ารับอย่างเชื่อฟัง

“เปิดประตู!” มู่จวินเซิ่งเคาะประตูเสียงดัง “มีคนมา! เปิดประตู”

ทว่าจวนแม่ทัพกลับเงียบสงบและไม่มีใครตอบเลย

เด็กหนุ่มขมวดคิ้วและกระซิบกับองครักษ์เงาที่อยู่ด้านข้างว่า “เจี่ยอี เข้าไปดูข้างในและระวังอย่าให้ใครเห็นเข้า”

“ขอรับ!” ทันทีเจี่ยอีรับคำสั่ง เขาก็กระโดดข้ามกำแพงไป

ในขณะนี้ มีชาวบ้านคนหนึ่งเดินผ่านประตูมาพอดี เมื่อเขาเห็นกลุ่มของมู่ไป๋ไป่ยืนรออยู่ที่ประตู เขาจึงถามขึ้นอย่างไม่แน่ใจว่า “ทุกท่าน พวกท่านมาที่นี่เพื่อเข้าพบแม่ทัพจ้าวหรือ?”

“ใช่” มู่จวินฝานยิ้มทักทายอีกฝ่ายอย่างสุภาพ “ท่านผู้เฒ่า ท่านรู้หรือไม่ว่าแม่ทัพจ้าวหายไปไหน? พวกเราเรียกอยู่ที่หน้าประตูตั้งนานแล้วแต่ก็ไม่มีใครเปิด”

ชายชรามองไปยังจวนแม่ทัพด้วยความหวาดกลัวก่อนจะลดเสียงพูดแนะนำเด็กหนุ่มตรงหน้าว่า “พวกท่านรีบออกไปให้เร็วที่สุดเถอะ เมื่อไม่กี่วันมานี้จวนแม่ทัพไม่ค่อยสงบสุขเท่าไหร่”

“ข้าคิดว่าเมืองเย่เฉิงคงจะทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว ทำไมพวกท่านถึงเดินทางมาที่เมืองเย่เฉิงในเวลาเช่นนี้ล่ะ?”

ชายสูงวัยสบตากับมู่ไป๋ไป่และหลัวเซียวเซียวก่อนจะพูดออกมาว่า “หลานชายของข้าก็อายุพอ ๆ กับเด็ก 2 คนนี้ ตอนนี้พวกเขาถูกคนของหนานซวนลักพาตัวไปแล้ว”

“ในตอนแรกแม่ทัพจ้าวสัญญากับเราว่าจะพาเด็ก ๆ กลับมา”

“แต่นี่ก็ผ่านไปหลายวันแล้ว นอกจากเราจะไม่ได้เห็นหน้าเด็กพวกนั้น แม่ทัพจ้าวยัง…”

 “ช่างเถอะ ๆ สงครามกำลังเริ่มต้นขึ้น ทุกคนก็ต้องพยายามเอาชีวิตรอดกันทั้งนั้น เราไม่ควรตำหนิแม่ทัพจ้าว”

หลังจากชายชราพูดจบ เขาก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะเดินจากไปเอง

“คนของแคว้นหนานซวนลักพาตัวเด็กอีกแล้วหรือ?” มู่ไป๋ไป่ขมวดคิ้วและนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในเมืองหลวงก่อนหน้านี้ “ทำไมคนของแคว้นหนานซวนพวกนี้ถึงได้น่ารำคาญยิ่งนัก พวกมันลักพาตัวเด็กหรือเอาแต่ทดลองยาพิษกับสัตว์ป่าอยู่ทุกวัน”

“แล้วก็ยังมีแมลงกู่อีก”

“คนพวกนี้เก่งแต่ทำเรื่องสกปรกลับหลังคนอื่นสินะ” 

“นั่นเป็นเพราะว่าถ้าพวกมันไม่เล่นสกปรกลับหลังคนอื่น พวกมันคงไม่มีโอกาสต่อกรกับเป่ยหลงได้” เซียวถังอี้พูดพร้อมกับยิ้มเยาะ

เด็กหญิงแทบไม่เคยได้ยินเขาพูดด้วยน้ำเสียงเช่นนี้และอดไม่ได้ที่จะเงยหน้ามองเขาอย่างสงสัย

ในขณะนี้เจี่ยอีที่ถูกส่งเข้าไปตรวจสอบก็ออกมาพร้อมกับสีหน้าไม่สู้ดีนัก

นั่นทำให้ความสนใจของมู่ไป๋ไป่เปลี่ยนไปที่อีกฝ่ายทันที

“นายท่าน ข้างในมีแต่ศพ” องครักษ์หนุ่มที่สงบสติอารมณ์ได้แล้วก็เล่าถึงเหตุการณ์ที่เขาพบเห็น “ข้าน้อยได้ค้นจนทั่วแล้ว ในนั้นไม่มีใครมีชีวิตรอดสักคน”

“อะไรนะ!” สีหน้าของมู่จวินเซิ่งเปลี่ยนไปทันที “เป็นไปได้อย่างไร! ที่นี่คือจวนแม่ทัพ!”

หากในจวนแม่ทัพมีแต่ศพ แล้วแม่ทัพจ้าวล่ะ?

แล้วกองทหารรักษาชายแดนที่ประจำการอยู่ในเมืองล่ะ?

ทุกคนรู้สึกหนาวสั่นไปสุดขั้วหัวใจ และไม่มีใครกล้าคาดเดาว่าเกิดอะไรขึ้น

“เราเข้าไปดูก่อน” มู่จวินฝานขมวดคิ้วแน่น “จวินเซิ่ง เจ้าช่วยนำทางพวกเราไปที่ค่ายทหารเพื่อสำรวจสถานการณ์ในกองทัพ อย่าทำอะไรเอิกเกริกให้ศัตรูไหวตัวทัน”

มู่จวินเซิ่งพยายามระงับความรู้สึกในใจ ก่อนจะพยักหน้ารับหนักแน่นและกระโดดขึ้นหลังม้าเพื่อควบม้าออกไปสืบที่ค่ายทหาร

“เสด็จอา กระหม่อมขอฝากให้พระองค์ดูแลไป๋ไป่ด้วย” มู่จวินฝานหันกลับมาพูดกับเซียวถังอี้ด้วยท่าทางนอบน้อม “ขอพระองค์อย่าให้นางได้เข้าไปยุ่งด้านใน”

“ท่านพี่รัชทายาท ไป๋ไป่จะไม่ทำตัววุ่นวาย” มู่ไป๋ไป่เม้มปากแน่น “ไป๋ไป่สามารถแยกแยะได้ว่าเรื่องนี้สำคัญมากเพียงใด”

นอกจากนี้เธอไม่ได้มีงานอดิเรกแปลก ๆ อย่างเช่นการไปยืนมองศพคนตาย

“ข้ารู้ว่าไป๋ไป่มีเหตุผล” เมื่อมู่จวินฝานมองดูใบหน้าที่น่ารักของน้องสาว เขาก็รู้สึกว่าหัวใจที่หนักอึ้งของเขาเบาลงเล็กน้อย “แต่…”

“เจ้าออกไปจัดการธุระเถอะ” เซียวถังอี้เอ่ยขัดจังหวะขึ้นมา “ข้าจะพานางไปพักที่โรงเตี๊ยมใกล้ ๆ จะให้นางมายืนรออยู่ที่นี่คงไม่ได้”

เดิมทีพวกเขาวางแผนที่จะมาพักอยู่ในจวนแม่ทัพ

แต่ตอนนี้จวนแม่ทัพกลับเต็มไปด้วยซากศพ ดังนั้นมันจึงไม่สะดวกสักเท่าไหร่ที่พวกเขาจะเข้าไปพักด้านใน

องค์รัชทายาทครุ่นคิดสักพักก่อนจะพยักหน้า “พ่ะย่ะค่ะ”

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ คัดลอก หรือนำไปดัดแปลงโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืนแล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ที่ keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงานจะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2025 keangun. All Rights Reserved.