บทที่ 186: หมอเทวดาเจียงเหยา

-A A +A

บทที่ 186: หมอเทวดาเจียงเหยา

“นี่ ๆ มีเด็กที่ไหนมาร้องไห้เสียงดังอยู่แถวนี้กัน?” น้ำเสียงหยอกล้อแผ่วเบาดังขึ้นราวกับว่ามันดังอยู่ในหูของมู่ไป๋ไป่ แต่ในความเป็นจริงมันฟังดูเหมือนว่าต้นตอของเสียงอยู่ไกลออกไป

เด็กหญิงลืมตาขึ้นมองอย่างสงสัยและยังคงแสร้งทำเป็นร้องไห้ในขณะที่แอบมองไปรอบ ๆ

“ทำได้ดี” ดวงตาของอวี้ฉีเป็นประกายและกล่าวชมอีกฝ่าย

“ท่านชมข้าเกินไป” คนผู้นั้นหัวเราะอีกครั้ง “ข้าไม่อาจแข่งขันในเรื่องกลอุบายเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่นนี้ได้”

สิ้นเสียงผู้พูด ร่างในชุดดำก็ปรากฏที่ปลายอีกด้านของถนน

ถ้ามองจากระยะไกลก็จะเห็นว่าอีกฝ่ายเป็นผู้หญิง นางนั่งขัดสมาธิอยู่บนหินก้อนใหญ่ ท่าทางของนางดูสงบนิ่งมาก แต่ไม่สอดคล้องกับน้ำเสียงที่พูดออกมาเลยสักนิด

มู่ไป๋ไป่เกิดความอยากรู้ว่าเจ้าตัวเป็นใคร

นับตั้งแต่ที่เธอติดตามมู่จวินฝานออกจากเมืองหลวง รอบตัวของเธอก็มีแต่ผู้ชายอยู่ตลอดและไม่ค่อยได้เจอผู้หญิงเลย

หากเป็นเช่นนี้ต่อไป เธอกลัวว่าตนกับหลัวเซียวเซียวจะลืมไปแล้วว่าพวกเธอนั้นเป็นเด็กผู้หญิง

“สวมชิงอี* มือถือขลุ่ย นางจะต้องเป็นหมอเทวดาเจียงเหยาแน่นอน” อวี้เซิ่งไม่รู้ว่าตนนั้นถูกคลายจุดปิดเสียงตั้งแต่เมื่อไหร่ เขาลูบคางพลางมองดูสตรีที่งามสง่าตรงหน้า ก่อนจะขยับตัวไปอีกด้านหนึ่ง “คุณชายเซียว ข้าไม่นึกเลยว่าท่านจะเรียกคนผู้นี้มาที่นี่ได้จริง ๆ”

 *ในการแสดงงิ้ว บทนางเอกที่เน้นการร้องเป็นหลักจะถูกเรียกว่าชิงอี (青衣) ซึ่งมีความหมายว่า นางผู้ใส่ชุดดำ (青 ตัวนี้สมัยก่อนไม่ได้แปลว่าสีเขียวอย่างเดียว ยังแปลว่า สีดำหรือสีครามได้ด้วย)

เซียวถังอี้ทำเป็นไม่สนใจอีกฝ่าย ก่อนจะอุ้มเจ้าตัวเล็กขึ้นมาและโยนนางออกไปเหมือนกระสอบทรายด้วยแรงเพียงเล็กน้อย

มู่ไป๋ไป่ที่กำลังร้องไห้ได้แต่อ้าปากค้าง “!!!”

เกิดอะไรขึ้น!

แม้ว่าเขาจะไม่อยากได้ยินเสียงเธอร้องไห้มากแค่ไหน แต่เขาก็ไม่ควรโยนเธอลงจากหลังม้าเช่นนี้!

“ปลอบนางให้เงียบซะ” เซียวถังอี้ขมวดคิ้วพูดขึ้นมาอย่างหมดความอดทน “เสียงร้องไห้มันน่ารำคาญมาก”

เด็กหญิงที่เพิ่งตกอยู่ในอ้อมกอดอันอ่อนโยนถึงกับพูดไม่ออก  “...”

“ฮ่า ๆๆ คุณชายเซียวยังเป็นคนสันดานเสียอยู่เช่นเคย” เจียงเหยาหัวเราะเบา ๆ แล้วใช้คำพูดจิกกัดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ซึ่งทำให้มู่ไป๋ไป่อยากจะปรบมือชื่นชมอีกฝ่าย

ส่วนคนอื่น ๆ ที่ได้ยินคำว่า ‘สันดานเสีย’ ได้แต่มองเซียวถังอี้ด้วยสีหน้าแปลก ๆ

พอเห็นว่าคนที่อารมณ์แปรปรวนที่สุดในที่นี้ไม่ได้แสดงท่าทีโกรธเคืองอะไร พวกเขาจึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก 

มู่จวินฝานที่เห็นดังนั้นก็ได้แต่ตะโกนสั่งให้ทุกคนหยุดพักที่นี่ก่อนแล้วค่อยเดินทางต่อ

“เด็กน้อย เจ้าสารเลวเซียวถังอี้รังแกเจ้าหรือ? ข้าจะมอบยาพิษให้เจ้าเอาไว้จัดการเขาทีหลัง!”

เจียงเหยาในฐานะหมอที่มีฝีมือดีที่สุดในใต้หล้ามีความลับที่ไม่อาจให้ใครรู้ได้

นั่นก็คือนางชอบอะไรก็ตามที่ดูน่ารักมาก

ไม่ว่าจะเป็นเด็กเล็กหรือสัตว์ตัวเล็ก ๆ ขอเพียงแค่มันน่ารัก นางก็อยากจะเข้าไปจับและอุ้มมันเอาไว้ตลอดเวลา

แล้วเซียวถังอี้ก็บังเอิญรู้ความลับนี้เป็นอย่างดี เขาจึงเรียกนางมาโดยบอกว่าจะมอบสัตว์เลี้ยงแปลกใหม่ที่ล้ำค่าจำนวนหนึ่งให้กับนาง

“จริงหรือเจ้าคะ!” ดวงตาของมู่ไป๋ไป่เป็นประกาย และเธอก็ยกมือขึ้นคำนับอีกฝ่ายทันที “พี่สาว ท่านมียาที่ทำให้คนหัวล้านได้หรือไม่?”

“หรือจะเป็นยาที่ทำให้คนมีกลิ่นปาก!”

“ถ้ามีก็เอาให้เจ้าสา— เอ๊ย ท่านอาเลย!”  

ไม่ว่าเธอจะกล้าหาญมากเพียงใด แต่เธอก็ไม่กล้าเรียกผู้ชายคนนั้นว่า ‘เจ้าสารเลว’ ตามที่หญิงสาวเรียกอยู่ดี

ถึงอย่างไรนางก็เป็นถึงหมอเทวดาอันดับ 1 ในใต้หล้า และนางก็มีความรู้เรื่องยาเป็นอย่างดี

แล้วเธอล่ะ เธอเป็นใครกัน? 

เธอเป็นแค่เด็กอายุ 4 ขวบครึ่งที่ทำอะไรไม่เป็นเลยสักอย่าง!

“หืม? มันคือยาอะไรหรือ?” เจียงเหยาหรี่ตาลงเล็กน้อย “ทำไมข้าไม่เคยได้ยินชื่อยาพวกนี้มาก่อน แต่ฟังดูน่าสนใจยิ่งนัก”

“ข้าจะพยายามลองทำมันขึ้นมา ถ้าข้าทำสำเร็จ ข้าจะจัดการเซียวถังอี้แทนเจ้าเอง”

“ตกลง!” มู่ไป๋ไป่ปรบมืออย่างมีความสุข พร้อมกับรู้สึกว่าสาวสวยตรงหน้าเธอนั้นเป็นพวกเดียวกันกับเธอ

“ท่านจะทำอะไรข้า?” เซียวถังอี้ลงจากหลังม้าแล้วเดินตรงไปที่เจียงเหยาในลักษณะคุกคาม ด้วยการแต่งกายที่ดูลึกลับของเขาทำให้ผู้คนรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาทันที

“ข้าจะทำอะไรท่าน? ข้าจะไปกล้าจัดการคุณชายเซียวได้อย่างไร! คุณชายเซียว ท่านได้ยินผิดไปแล้ว!” หญิงสาวเปลี่ยนสีหน้าอย่างรวดเร็วจนมู่ไป๋ไป่ตกตะลึง

“ข้ายอมแล้ว ๆ ข้าแค่สงสัยว่าทำไมเด็กน้อยคนนี้ถึงได้หน้าตาน่ารักขนาดนี้ ที่แท้นางก็เป็นคนของคุณชายเซียวนี่เอง”

“ไม่น่าแปลกใจเลย”

“...” เด็กหญิงถึงกับพูดไม่ออก

หมอเทวดาในยุคสมัยนี้เป็นคนพลิกลิ้นเก่งเช่นนี้เลยหรือ?

เซียวถังอี้เหลือบมองผู้หญิงทั้ง 2 คน ก่อนจะยกชายเสื้อขึ้นแล้วนั่งลงตรงข้ามพวกนาง “ท่านได้ตรวจสอบยาที่ข้าส่งไปให้ท่านหรือยัง?”

“ท่านถอนพิษได้หรือไม่?”

เจียงเหยาวางมู่ไป๋ไป่ให้นั่งลงบนตักของตัวเอง จากนั้นก็หยิบขนมชิ้นหนึ่งออกมาจากที่ไหนสักแห่งแล้วยื่นให้อีกคนกิน “ถ้าข้าถอนพิษไม่ได้ ข้าคงไม่มาอยู่ที่นี่ แต่ว่านะคุณชายเซียว ในจดหมายของท่านมีมากกว่าเรื่องพิษ”

“ดูเหมือนว่าท่านจะมีปัญหาร้ายแรงมากยิ่งขึ้น”

ขณะนั้นมู่ไป๋ไป่กินขนมหวานไปพลางนั่งในอ้อมแขนอ่อนนุ่มของหญิงสาวไปพลาง นั่นทำให้เธอรู้สึกสบายใจมากกว่าการอยู่ในอ้อมแขนของเซียวถังอี้เป็นร้อยเท่า

เด็กน้อยที่มีของกินอยู่ในมือจึงเลิกก่อกวนและตั้งใจฟังคนทั้ง 2 พูดคุยเกี่ยวกับเรื่องสำคัญ

“แม่นางฉลาดจริง ๆ!” อวี้เซิ่งจู่ ๆ ก็เข้ามาร่วมวงสนทนาโดยนั่งลงข้างเจียงเหยาด้วยรอยยิ้ม “พูดตามตรง เมื่อไม่กี่วันก่อนอยู่ดี ๆ คนหลายคนในเมืองชิงหยางก็บ้าคลั่งไล่กัดคนอื่นจนตาย สภาพของพวกเขาเหมือนคนที่ตายแล้วแต่ก็ยังเคลื่อนไหวได้”

“จากการวิเคราะห์ของคุณชายเซียวและข้า เราเดาว่าพวกเขาได้รับพิษจากแมลงกู่”

“...” มุมปากของมู่ไป๋ไป่กระตุก 

เธอจำได้เพียงว่าเจ้าสัตว์ประหลาดเป็นคนบอกว่าคนพวกนั้นถูกพิษแมลงกู่

“พิษแมลงกู่?” เจียงเหยาคิดไตร่ตรองสักพัก ก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า “ตามที่ท่านพูด คนเหล่านั้นถูกวางยาพิษจริง ๆ แล้วมีใครโดนคนที่ถูกพิษกัดหรือไม่?”

“แมลงกู่มีพิษร้ายแรง และคนที่ถูกพิษจากแมลงกู่ก็เป็นพิษเช่นเดียวกัน” 

“หากบังเอิญถูกคนพวกนั้นกัดเข้า คนคนนั้นก็จะติดพิษไปด้วย เราต้องรีบรักษาให้ทันเวลา ไม่เช่นนั้นคนผู้นั้นก็จะตกอยู่ในอันตราย”

“ใช่!” อวี้เซิ่งรีบเสนอหน้าตอบก่อนเซียวถังอี้ “แม่นางเจียง ทำไมท่านถึงได้ฉลาดถึงเพียงนี้ คนที่ถูกกัดติดพิษจริง ๆ แล้วตอนนี้กำลังรับการรักษาอยู่ในที่พักของศาลาว่าการในเมืองชิงหยาง”

“เราได้เลือกหมอทั้งหมดในเมืองชิงหยางมาตรวจแล้ว แต่ก็ไม่มีใครสามารถรักษาพิษนี้ได้”

ทางด้านเจียงเหยาเหลือบมองอวี้เซิ่ง “จอมยุทธ์ท่านนี้ ท่านเป็นใครหรือ?”

“ข้ามีนามว่าอวี้เซิ่ง” ชายหนุ่มลุกขึ้นยืนแล้วคำนับให้หญิงสาวด้วยท่าทางสง่างาม

“อวี้เซิ่ง?” เจียงเหยาพยักหน้าอย่างครุ่นคิด “ชื่อนี้ฟังดูคุ้นหูมาก”

“ใช่หรือไม่เจ้าคะ นั่นคือนักฆ่าอันดับ 1 ในใต้หล้า” มู่ไป๋ไป่พูดเตือนอีกฝ่ายเสียงแผ่วเบา “บางทีเขาอาจจะถอนตัวออกจากยุทธภพมานานเกินไป พี่สาวก็เลยจำเขาไม่ได้แล้ว”

“ข้าไม่ได้ถอนตัวออกจากยุทธภพ!” อวี้เซิ่งร้องประท้วงอย่างไม่พอใจ “ใครบอกว่าข้าถอนตัวกัน!”

“แล้วไม่ใช่หรือ?” อวี้ฉีหัวเราะเยาะพี่ชาย “หลายปีที่ผ่านมาท่านมัวแต่ทำอะไรอยู่? วิ่งเล่นอยู่รอบ ๆ วังหลวงหรือ?”

“...” นักฆ่าหนุ่มที่ได้ยินดังนั้นก็พูดไม่ออก

“ท่าน 2 คนเป็นพี่น้องฝาแฝดกันหรือ?” เจียงเหยามองหน้าอวี้ฉีกับอวี้เซิ่งสลับกันด้วยสายตาประหลาดใจ “ช่างหาได้ยากจริง ๆ”

“พวกท่าน 2 คน” ยามนี้เส้นเลือดบนหน้าผากของเซียวถังอี้ปูดขึ้น ในขณะที่เขาพูดอย่างเหลืออด “หุบปากไปซะ!”

อวี้เซิ่งกับอวี้ฉีมองหน้ากัน ก่อนจะส่งเสียงเยาะเย้ยใส่กันแล้วหยุดพูด 

มู่ไป๋ไป่มองดูภาพนั้นแล้วลอบถอนหายใจ เจ้าสัตว์ประหลาดยังคงเป็นสัตว์ประหลาด นั่นก็เพราะตอนนี้เขายืนอยู่บนจุดสูงสุดของห่วงโซ่อาหาร

“แล้วท่านมีวิธีรักษาพิษนั้นหรือไม่?” เซียวถังอี้หันไปมองเจียงเหยาด้วยสีหน้าจริงจัง

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ คัดลอก หรือนำไปดัดแปลงโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืนแล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ที่ keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงานจะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2025 keangun. All Rights Reserved.