บทที่ 185: เขาจงใจ
“เอาล่ะ มาเริ่มกันเลยเถอะ” มู่ไป๋ไป่ไม่สนใจจะหันไปหัวเราะอวี้เซิ่ง เธอหันศีรษะไปจ้องหน้าคู่ต่อสู้อย่างไม่ลดละ “เสด็จอา ท่านไม่ได้กลัวแล้วใช่หรือไม่?”
เซียวถังอี้เหลือบมองเจ้าตัวเล็กด้วยสายตาประเมิน ก่อนจะคว้าคอเสื้อของนาง จากนั้นก็ยกขึ้นแล้วหมุนตัวให้นางมานั่งเผชิญหน้ากับเขา “เอาชนะให้ได้ก่อนแล้วค่อยพูด ถ้าเจ้าแพ้ขึ้นมา ข้าจะได้ประโยชน์อะไร?”
“หา?” มู่ไป๋ไป่กะพริบตาปริบ ๆ
เธอไม่คาดคิดเลยว่าคนคนนี้จะขอของรางวัลจากเธอด้วย
เธอเป็นเพียงแค่เด็กน้อยอายุ 4 ขวบครึ่งเองนะ!
สัตว์ประหลาดอย่างไรก็คือสัตว์ประหลาดอยู่วันยังค่ำ ผู้ชายคนนี้ขี้เหนียวถึงขั้นเอาเปรียบเด็กอีกด้วย
มู่ไป๋ไป่กลอกตาเป็นวงกลม ก่อนที่เธอจะยิ้มอย่างมีเลศนัย “เสด็จอามีทุกอย่างที่ต้องการอยู่แล้ว เสด็จอาคงไม่ต้องการของอะไรจากไป๋ไป่อย่างแน่นอน”
“เอาเช่นนี้ดีหรือไม่ ถ้าไป๋ไป่แพ้ ไป๋ไป่จะทำอาหารให้เสด็จอากิน!”
“ทำอาหาร?” อวี้ฉีที่อยู่ด้านข้างถามขึ้นมาอย่างสงสัย “องค์หญิงหกทำอาหารเป็นด้วยหรือ?”
“พี่อวี้ฉี ท่านไม่รู้อะไร อาหารที่องค์หญิงของเราทำอร่อยมาก” ขณะนี้หลัวเซียวเซียวกับจื่อเฟิงขี่ม้าตัวเดียวกัน และทั้ง 2 ก็ได้เข้ามาร่วมวงสนทนาด้วย “ตอนที่เราอยู่ในวังหลวง ไทเฮามักจะชื่นชมฝีมือการทำอาหารขององค์หญิงเสมอ!”
“อะแฮ่ม พวกเจ้าอย่าได้โอ้อวดมากนัก” มู่ไป๋ไป่ขยิบตาให้สหายตัวน้อยอย่างรวดเร็ว เพราะถ้าเจ้าสัตว์ประหลาดรู้ว่าเธอทำอาหารตอนอยู่ในวังหลวงบ่อย ๆ นี่มันจะเป็นการหมิ่นเกียรติของเธอไม่ใช่หรือ?
“เช่นนั้น…” ดวงตาดั่งเหยี่ยวของเซียวถังอี้ภายใต้หน้ากากหรี่ลงเล็กน้อย “เป็นอาหาร 10 มื้อ”
“หา?” เด็กหญิงเบิกตากว้างพร้อมกับทักท้วงออกไปว่า “ท่านบ้าไปแล้วหรือ? เสด็จอา อาหาร 10 มื้อมันจะเกินไปหรือไม่?”
“ท่านก็เห็นว่าไป๋ไป่ยังเด็กมากนัก”
“แค่ทำอาหารมื้อเดียวมันก็ยากมากแล้ว แต่นี่ 10 มื้อ… นี่ท่านจะเอาชีวิตไป๋ไป่หรืออย่างไร!”
คนตัวเล็กทำตาโตจ้องเขาอย่างไม่ลดละพลางยื่นมือเล็ก ๆ ทั้ง 2 ข้างออกไปแสร้งทำท่าน่าสงสาร
“เจ้าทำมันได้แน่นอน” เจ้าส้มโผล่หัวออกมาจากกระเป๋า “มีครั้งไหนบ้างที่เจ้าทำอาหารโดยไม่มีหลัวเซียวเซียวช่วย? มือของเจ้าเคยแตะต้องของอะไรเวลาทำอาหารด้วยหรือ?”
“...”
จู่ ๆ เธอก็รู้สึกว่าตัวเองไม่เหมาะที่จะเลี้ยงแมวจริง ๆ
“มันมากเกินไปหรือ?” เซียวถังอี้ตีมือเล็ก ๆ ของเด็กน้อย “หรือองค์หญิงหกคิดว่าใบหน้าที่แท้จริงของข้าคนนี้ไม่คุ้มค่ากับอาหาร 10 มื้อ?”
มู่ไป๋ไป่รู้สึกสับสนขึ้นมาทันที
นับตั้งแต่ที่เธอเริ่มสงสัยเกี่ยวกับใบหน้าของเจ้าสัตว์ประหลาดที่อยู่ภายใต้หน้ากาก เธอก็รู้สึกเหมือนมีกรงเล็บที่มองไม่เห็นกำลังข่วนหัวใจของเธอ ทำให้เธอรู้สึกคันเล็กน้อย
แต่พอเธอคิดว่าจะต้องทำอาหาร 10 มื้อให้กับอีกฝ่าย เธอก็รู้สึกไม่มีความสุขขึ้นมาเสียอย่างนั้น
เด็กหญิงทำหน้าบูดบึ้งขณะคิดอย่างจริงจัง โดยไม่สังเกตเห็นว่าดวงตาของเด็กหนุ่มตรงหน้าเป็นประกายในยามที่เขามองมาที่เธอ
“ตกลง!” มู่ไป๋ไป่คิดอยู่นานก่อนจะอมลมจนแก้มพองและตีมือของเขากลับ “เอาตามที่เสด็จอาบอกก็ได้ ถ้าข้าแพ้ ข้าจะทำอาหารให้เสด็จอา 10 มื้อ”
ใช่ นี่เป็นเพียงแค่ข้อตกลงเท่านั้น
เธอจะไม่มีวันแพ้แน่นอน
แค่ 10 มื้อไม่นับว่าเป็นอะไร เป็นร้อยมือก็บ่ยั่น!
“เอาล่ะ ตกลงตามนี้” เซียวถังอี้พยักหน้ารับอย่างมีความสุข “ถ้าอย่างนั้น เรามาเริ่มกันเลยเถอะ”
“หืม? เดี๋ยวก่อน ข้ายังไม่พร้อม” มู่ไป๋ไป่โบกมือด้วยความตื่นตระหนก แต่คนตรงหน้าได้ลดสายตาลงมาสบตากับเธอแล้ว
ยามนี้คนตัวโตกับคนตัวเล็กกำลังจ้องตากัน โดยที่ศีรษะของทั้ง 2 นั้นคนหนึ่งสูงคนหนึ่งต่ำ บนหลังม้าจึงมีภาพคนตัวเล็กกับคนตัวโตมองหน้ากันอยู่เงียบ ๆ
ขณะนั้นเด็กหญิงค่อย ๆ รู้สึกว่าตัวเองเลือกวิธีการแข่งขันผิด
ทำไมเจ้าสัตว์ประหลาดคนนี้ถึงไม่กะพริบตาเลยล่ะ?
ยิ่งไปกว่านั้น ทำไมเธอถึงคิดว่าดวงตาของเจ้าสัตว์ประหลาดถึงได้ดูดีมากทีเดียว
ยามที่อยู่ภายใต้หน้ากาก มันควรจะไม่น่ามองไม่ใช่หรือ?
แล้วมู่ไป๋ไป่ก็ค่อย ๆ หลงใหลไปกับภาพตรงหน้า ในตอนนั้นเอง จู่ ๆ ก็มี ‘การเคลื่อนไหว’ เกิดขึ้นด้านข้าง และเธอก็เหมือนถูกปลุกให้ตื่นขึ้นมาจากฝัน
“องค์หญิง! พระองค์ขยับแล้ว!” จื่อเฟิงชี้นิ้วไปที่คนตัวเล็กพร้อมกับยิ้มอย่างมีความสุข ถัดจากเขาก็คือหลัวเซียวเซียวที่พยายามจะปิดปากอีกฝ่ายเอาไว้ แต่มันก็สายเกินไปแล้ว
“หม่อมฉันขออภัย องค์หญิง หม่อมฉันห้ามเขาไม่ทัน” เด็กหญิงเอ่ยปากขอโทษ
มู่ไป๋ไป่ตัวแข็งทื่อไปทันที ก่อนจะชี้หน้าตัวเองด้วยความเหลือเชื่อ “เมื่อกี้ข้าขยับหรือ?”
ทำไมเธอถึงไม่รู้ว่าตัวเองกำลังขยับ?!
“พระองค์ขยับแล้ว!” จื่อเฟิงยังคงพูดทะลุขึ้นมากลางปล้อง “แบบนี้ พวกเราทุกคนเห็นเหมือนกัน”
เด็กหนุ่มทำตัวเลียนแบบการเคลื่อนไหวของเธอและโน้มตัวไปข้างหน้า
มู่ไป๋ไป่เพิ่งสังเกตเห็นว่าระยะห่างระหว่างเธอกับเจ้าสัตว์ประหลาดดูเหมือนจะใกล้กันมากขึ้น จู่ ๆ เธอก็เริ่มรู้สึกหดหู่ทว่ายังไม่อยากจะยอมแพ้ เธอจึงพูดขึ้นมาว่า “นั่นไม่ถูกต้อง ม้ามันเดินเร็วเกินไป”
“ดูสิ ข้ากำลังนั่งอยู่บนหลังม้านะ”
“ถ้าม้าไม่ก้าวไปข้างหน้า ข้าจะไม่เอนไปทางนี้แน่นอน”
“เมื่อกี้ข้าไม่ได้เป็นคนขยับ แต่เป็นเพราะม้าต่างหาก!”
เจ้าม้าที่ได้ยินดังนั้นก็เงียบไป 2 อึดใจก่อนจะพูดขึ้นมาอย่างลังเลว่า “ท่านจ้าวอสูร เมื่อครู่นี้ข้าเดินช้ามาก”
มู่ไป๋ไป่แสร้งทำเป็นไม่ได้ยินที่ม้าพูด
“องค์หญิงหก เจ้ากำลังพยายามโกงข้าอยู่ใช่หรือไม่?” เซียวถังอี้กอดอกเลิกคิ้วมองเจ้าตัวเล็ก
เด็กน้อยรู้สึกเจ็บก้นขึ้นมาอย่างอธิบายไม่ได้เมื่อเห็นท่าทางนั้นของเขา เธอจึงก้มหน้าลงโดยไม่รู้ตัว “ใคร… ใครโกงกัน!”
“ให้ท่านพี่รัชทายาทมาตัดสินให้พวกเรา!”
มู่จวินฝานซึ่งกำลังขี่ม้าอยู่ด้านข้างนิ่งฟังสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยท่าทีครุ่นคิด
“ท่านพี่รัชทายาท…” มู่ไป๋ไป่เอื้อมมือไปดึงแขนเสื้อของพี่ชายคนโตของพลางขยิบตาให้เขา
ท่านพี่คนนี้รักเธอมาก!
เขาจะช่วยเธอได้อย่างแน่นอน!
มู่จวินฝานพยักหน้าให้ความมั่นใจกับน้องสาว แล้วพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มลึกว่า “การแข่งขันในครั้งนี้ไป๋ไป่พ่ายแพ้จริง ๆ”
เด็กหญิงรู้สึกราวกับถูกฟ้าผ่าลงกลางหัว เธอได้แต่นั่งตัวแข็งทื่ออยู่กับที่
เขาไม่ได้รักเธอมากที่สุดหรอกหรือ?
ทำไมพี่ชายของเธอถึงช่วยเจ้าสัตว์ประหลาด แต่ไม่ยอมช่วยเธอ?
“ไป๋ไป่ เจ้าไม่ได้ขอให้หยุดม้าในตอนที่เอ่ยกติกากับเสด็จอา ดังนั้นเจ้าจะต้องยอมรับผลกระทบจากภายนอกนี้ให้ได้”
“ดังนั้นผลการแข่งขันในครั้งนี้จึงเป็นเอกฉันท์”
หลังจากที่มู่จวินฝานพูดจบ เขาก็เอื้อมมือออกไปลูกหัวเล็ก ๆ ของเด็กน้อยพลางถอนหายใจเบา ๆ “เจ้าเองก็เหมือนกัน เจ้าจะต้องทำสิ่งที่รับปากเสด็จอาเอาไว้ให้ได้”
คำตัดสินของผู้เป็นพี่ชายทำให้มู่ไป๋ไป่ทำหน้าเหมือนกำลังจะร้องไห้ ถ้าเธอรู้ว่าผลลัพธ์จะเป็นเช่นนี้ เธอคงไม่เดิมพันกับเจ้าสัตว์ประหลาด!
“องค์หญิงหก วันนี้ข้าขอฝากท้องไว้กับเจ้าด้วย” เซียวถังอี้รู้สึกพอใจกับผลลัพธ์นี้มาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขาเห็นสีหน้าที่กำลังร้องไห้แต่ไร้น้ำตาของเจ้าตัวเล็ก “สำหรับมื้อเย็น รบกวนองค์หญิงหกช่วยเตรียมอาหาร 10 อย่าง น้ำแกง 1 อย่างให้ข้าด้วย มันคงจะไม่มากเกินไปใช่หรือไม่?”
“อะไรนะ?!” มู่ไป๋ไป่แทบจะเด้งตัวยืนบนหลังม้า “อาหาร 10 อย่างกับน้ำแกง 1 อย่าง นี่ท่านเป็นหมูหรืออย่างไร?”
“ไป๋ไป่!” มู่จวินฝานกระซิบดุน้องสาว “อย่าพูดกับเสด็จอาเช่นนั้น!”
โดยปกติแล้วเขาไม่สนใจว่ามู่ไป๋ไป่จะปฏิบัติตนอย่างไรต่อหน้าเขา แต่เสด็จอานั้นแตกต่างออกไป แม้แต่เสด็จพ่อก็ยังต้องไว้หน้าเสด็จอา แล้วนับประสาอะไรกับองค์หญิงและองค์ชายอย่างเช่นพวกเขา
“ท่านพี่รัชทายาท เขารังแกข้า!” ใบหน้าของมู่ไป๋ไป่เปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำด้วยความโกรธ “เขาจะกินอาหาร 10 อย่างกับน้ำแกง 1 อย่างคนเดียวได้อย่างไร เขาจงใจแกล้งข้า!”
“ฮือออ ๆๆ ข้าจะไปฟ้องท่านพ่อ!”
เด็กหญิงเงยหน้าขึ้นและส่งเสียงร้องโหยหวนดังที่สุดเท่าที่จะทำได้ ซึ่งเสียงร้องที่ดังสนั่นของเธอก็ทำให้ทุกคนตกตะลึง
--------------------------------------------------
พูดคุยท้ายตอนกับเสี่ยวเถียว: โอ๊ย ตลกไป๋ไป่ 5555555 คนอะไรคิดเกมแข่งขันเองแล้วทำให้ตัวเองแพ้
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 72
- 👍 ถูกใจ
แสดงความคิดเห็น