บทที่ 178: ชำระบัญชี
“พี่รอง?” มู่ไป๋ไป่ตัวแข็งทื่อไปทันที เธอไม่อยากจะเชื่อเลยว่าผู้ชายแปลกหน้าคนนี้จะกลายเป็นพี่รองของเธอ
เมื่อมู่จวินเซิ่งเห็นท่าทางของน้องสาวตัวน้อย เขาก็รู้สึกขัดเขินขณะเกาปลายจมูกของตัวเองเบา ๆ ก่อนจะยิ้มให้นาง
“...” คนตัวเล็กได้แต่ยืนนิ่ง
“พี่รองของเจ้าถูกส่งไปฝึกอยู่ที่ชายแดนตั้งแต่ยังเด็ก ดังนั้นเจ้าจึงไม่เคยพบเขาเลยตั้งแต่เจ้าเกิดมา” มู่จวินฝานอธิบายให้มู่ไป๋ไป่ฟัง
พอพูดถึงเรื่องนี้ เด็กหนุ่มก็นึกถึงบางสิ่งบางอย่างขึ้นมาได้ และเลิกคิ้วถามน้องชายคนรอง “จวินเซิ่ง ในตอนนี้เจ้าควรอยู่ที่ชายแดนไม่ใช่หรือ ทำไมเจ้าถึงมาปรากฏตัวที่เมืองชิงหยาง?”
“ที่ชายแดนเกิดอะไรขึ้นหรือ?”
คำถามของผู้เป็นพี่ชายทำให้รอยยิ้มที่มุมปากของมู่จวินเซิ่งแข็งทื่อ ตอนที่เขากำลังจะตอบ เขาก็เห็นอีกคนรีบวิ่งออกมาจากโรงเตี๊ยม
“พี่ฉิน!” เด็กหนุ่มคนนั้นอยู่ในสภาพซีดเซียว ดวงตาแดงก่ำ เขาดูเปลี่ยนไปในชั่วข้ามคืน ขณะนี้เขากำลังกอดมู่จวินเซิ่งพลางสะอื้นไห้ “พี่ฉิน ท่านรู้แล้วใช่หรือไม่ว่าเกิดอะไรขึ้นกับท่านพ่อของข้า ท่านจึงรีบกลับมาเช่นนี้”
“นายท่านจิน?” ฝ่ายที่ได้ยินรู้สึกตกตะลึง เขาไม่มีเวลาอธิบายเหตุผลที่ตนมาอยู่ที่นี่ให้มู่จวินฝานฟัง แล้วหันไปถามสหายอย่างจริงจังว่าเกิดอะไรขึ้น
จินซือหยางตัวสั่นไปทั้งร่างเมื่อเขาพูดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในจวนตระกูลจินเมื่อคืนนี้ “เมื่อคืนเพื่อช่วยชีวิตทุกคนเอาไว้ พ่อของข้ายอมตายไปพร้อมกับคนที่ถูกวางยาพิษ”
“ตอนที่ข้าพาแม่กับซือซือออกมา ไฟก็ได้ลามออกมาถึงลานด้านหน้าแล้ว ทำให้ไม่มีทางเข้าไปได้อีก”
ไฟได้โหมกระหน่ำอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งรุ่งสาง และเปลวเพลิงได้ผลาญจวนตระกูลจินไปจนเกือบสิ้น
จินซือหยางมีอายุพอ ๆ กับมู่จวินเซิ่ง แต่จู่ ๆ ครอบครัวของเขาก็เกิดเรื่องจนทำให้มีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เขาอาจจะยังสามารถรักษาท่าทีสงบต่อหน้าแม่และน้องสาวของเขาได้
แต่ทันทีที่เขาได้พบหน้าสหาย เขากลับไม่สามารถกลั้นน้ำตาเอาไว้ได้อีกต่อไป
มู่ไป๋ไป่ที่ได้ยินดังนั้นก็ไม่คาดคิดว่าหลังจากที่เธอถูกลักพาตัวไป จะมีเรื่องใหญ่เช่นนี้เกิดขึ้นในจวนตระกูลจิน
“ซือหยาง หักอกหักใจเสีย” มู่จวินเซิ่งตบไหล่ปลอบอีกฝ่ายเสียงขรึม “ข้ามีเบาะแสเกี่ยวกับคนที่วางยาพิษคนในตระกูลจินแล้ว ข้าจะไม่มีวันยอมให้พ่อท่านตายตาไม่หลับ”
“ไป๋ไป่ เจ้ากลับไปพักที่ห้องของเจ้าก่อนเถอะ” มู่จวินฝานอุ้มมู่ไป๋ไป่เข้าไปในโรงเตี๊ยม “หลังจากเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนเจ้าคงเหนื่อยมาก”
“กลับห้องไปพักก่อนเถอะ ถ้ามีเรื่องอะไรเอาไว้เราค่อยคุยกันหลังจากเจ้าตื่น”
เมื่อพี่ชายคนโตพูดเช่นนี้ เด็กหญิงก็รู้สึกง่วงขึ้นมาจึงพยักหน้ารับอย่างว่าง่าย
หลังจากมู่ไป๋ไป่เปลี่ยนเสื้อผ้าและล้มตัวนอนบนเตียงแล้ว เธอก็เพิ่งนึกออกว่าดูเหมือนในห้องโถงจะมีคนหายไป 2 คน
อวี้เซิ่งกับเจ้าสัตว์ประหลาดหายไปไหน?
ทว่าอาการง่วงนอนก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ก่อนที่มู่ไป๋ไป่จะนึกคำตอบออก สติของเธอก็เลือนรางหายไป
…
ในอีกห้องหนึ่ง
มู่จวินฝานยกถ้วยชาขึ้นจิบช้า ๆ ในขณะที่มู่จวินเซิ่งยืนอยู่ต่อหน้าเขาด้วยท่าทีประหม่า
ตอนที่อยู่ชั้นล่าง พี่น้องทั้ง 2 ได้รำลึกความหลังกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว และบัดนี้ก็ถึงเวลาชำระบัญชี
“น้องรอง เจ้าไปพบกับนักดาบหิรัณย์ได้อย่างไร?” มู่จวินฝานพูดขึ้นช้า ๆ หลังจากดื่มชาไปได้ 2 ถ้วย
มู่จวินเซิ่งเป็นคนใจร้อนมาตั้งแต่เด็ก ถ้าเป็นคนอื่น เขาคงจะเบือนหน้าหนีไปอย่างหมดความอดทน แต่คนที่นั่งอยู่ตรงหน้าเขาตอนนี้คือพี่ชายคนโต
เขาไม่รู้ว่าทำไม แต่เขารู้สึกกลัวมู่จวินฝานมาตั้งแต่ยังเป็นเด็กแล้ว
แน่นอนว่าทุกคนต่างยกย่องพี่ชายคนนี้ว่าเป็นสุภาพบุรุษที่ถ่อมตัวเสมอ
“อะแฮ่ม ข้าบังเอิญช่วยเขาไว้ครั้งหนึ่ง…” มู่จวินเซิ่งไอแห้ง ๆ ในลำคอและเล่าถึงเรื่องราวที่ทำให้พวกเขารู้จักกัน “บางครั้งข้าก็จะเดินทางมาที่เมืองชิงหยางเพื่อซื้อของ จึงได้มีโอกาสออกมาจากค่ายทหารบ่อยครั้ง”
องค์รัชทายาทพยักหน้าเบา ๆ ก่อนจะเปลี่ยนหัวข้อพูด “คนที่ลักพาตัวไป๋ไป่เป็นคนของหนานซวนใช่หรือไม่?”
“น่าจะใช่พ่ะย่ะค่ะ” เมื่อพูดถึงเรื่องสำคัญ สีหน้าของมู่จวินเซิ่งก็เปลี่ยนกลับมาเป็นจริงจังอีกครั้ง “หัวหน้าของคนกลุ่มนั้นสวมหน้ากากเอาไว้ ข้าไม่เห็นว่าเขาหน้าตาเป็นอย่างไร”
“แต่ข้าได้ยินสำเนียงการพูดของพวกเขามันฟังดูค่อนข้างแปลกหู เหมือนกับสำเนียงของชาวหนานซวน”
คำตอบนั้นทำให้มีแสงเย็นวูบผ่านดวงตาของมู่จวินฝาน
เหตุใดคนของแคว้นหนานซวนจึงวางยาพิษคนในจวนตระกูลจิน และเหตุใดพวกเขาจึงลักพาตัวไป๋ไป่ไป?
หรือว่าพวกเขารู้ตัวตนของไป๋ไป่แล้ว?
“พี่ใหญ่” มู่จวินเซิ่งเม้มปากแน่นคล้ายอยากจะพูดอะไรบางอย่าง “ทำไมท่านกับไป๋ไป่ถึงมาที่เมืองชิงหยางในครั้งนี้?”
หนุ่มอยู่ที่ชายแดนมาตลอด เขาจึงรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นในเมืองหลวงน้อยมาก
นอกจากนี้มู่เทียนฉงก็ไม่ได้เปิดเผยเรื่องเกี่ยวกับการจับตัวสายลับของแคว้นหนานซวนในเมืองหลวงได้ ดังนั้นเขาจึงไม่มีทางรู้ข่าวเรื่องนี้
มู่จวินฝานเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่ายให้เต็มตา ในขณะที่กล่าวว่า “น้องรอง ก่อนที่ข้าจะตอบคำถามของเจ้า เจ้าตอบข้าตามความจริงมาก่อน”
“หา?” มู่จวินเซิ่งตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้ารับ “พี่ใหญ่เชิญถามมาได้เลย ข้าจะบอกท่านทุกอย่างที่ข้ารู้อย่างแน่นอน”
เนื่องจากเขายืนอยู่ที่นี่แล้ว เขาจึงไม่ได้คิดที่จะปิดบังอะไรกับพี่ชาย
ยิ่งไปกว่านั้น เขายังรู้ด้วยว่าตนไม่สามารถเก็บซ่อนความลับจากคนตรงหน้าได้เลย
“ที่ชายแดนมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นหรือไม่?” มู่จวินฝานถามเสียงขรึม “ข้าได้ยินมาว่าทุกวันนี้แคว้นหนานซวนมาก่อเรื่องที่ชายแดนอยู่บ่อยครั้ง แต่แม่ทัพจ้าวไม่ได้รายงานเรื่องนี้ขึ้นไป”
“เพราะอะไรหรือ?”
มู่จวินเซิ่งไม่คาดคิดว่าอีกฝ่ายจะพูดถึงเรื่องชายแดนทันทีที่เจ้าตัวเอ่ยปาก มันทำให้เขาอิหลักอิเหลื่ออยู่ครู่หนึ่ง
เขาสามารถบอกมู่จวินฝานเกี่ยวกับเรื่องอื่นได้โดยไม่ลังเล
แต่เรื่องทางการทหาร หากไม่มีคำสั่งของแม่ทัพ เขาจะไม่ได้รับอนุญาตให้เปิดเผยข้อมูลพวกนี้แก่บุคคลภายนอก ต่อให้บุคคลนั้นจะเป็นพี่ชายคนโตของเขาก็ตาม
และแม้ว่าบุคคลนั้นจะเป็นรัชทายาทองค์ปัจจุบันก็ตามเช่นกัน
มู่จวินเซิ่งกัดฟันแน่น ก่อนจะคุกเข่าลงข้างหนึ่ง โดยเอามือจับดาบไว้ “พี่ใหญ่ ในฐานะทหารภายใต้สังกัดของแม่ทัพจ้าว ข้าต้องเชื่อฟังคำสั่งทหาร”
“ข้าไม่มีความเห็นเกี่ยวกับเรื่องที่ชายแดน”
มู่จวินฝานหรี่ตาลงมองคนตรงหน้า แล้วไม่ได้พูดอะไรต่อ
นั่นทำให้มู่จวินเซิ่งยิ่งก้มหน้าลงต่ำ เขาไม่กล้ามองสีหน้าของพี่ชายคนโต พลางคิดว่าในกรณีที่เลวร้ายที่สุด เขาก็จะถูกอีกฝ่ายลงโทษเพียงเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม เขาถูกเลี้ยงดูมาท่ามกลางสมรภูมิรบที่ชายแดน มันทำให้หนังของเขาด้านหนาไปหมดแล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่กลัวการถูกโบย
“ข้าเข้าใจแล้ว” องค์รัชทายาทวางถ้วยชาในมือลงขณะพยักหน้าเบา ๆ “เจ้าลุกขึ้นเถอะ”
คราวนี้กลายเป็นมู่จวินเซิ่งที่ต้องเงยหน้าขึ้นมองด้วยความประหลาดใจ เขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่ามู่จวินฝานจะไม่ได้ตั้งคำถามเพิ่มเติมหรือลงโทษเขา
“ทำไมเจ้ามองข้าเช่นนั้น?” ผู้เป็นพี่ชายรู้สึกขบขันกับท่าทางตกตะลึงของน้องชาย “ในสายตาของเจ้า ข้าเป็นคนไร้เหตุผลขนาดนั้นเลยหรือ?”
มู่จวินเซิ่งรีบส่ายหัวปฏิเสธ “ไม่…”
มู่จวินฝานไม่ได้ไร้เหตุผล
แต่จากความเข้าใจของตนที่มีต่อพี่ชาย ถ้าอีกฝ่ายอยากจะรู้อะไร เขาจะไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ แน่นอน
พอมู่จวินฝานเห็นน้องชายคนร้องทำหน้าสงสัย เขาก็ยิ้มแล้วพูดว่า “ตอนนี้เจ้าเป็นทหารของแม่ทัพจ้าวแล้ว จึงมีความรับผิดชอบในหน้าที่ของตัวเอง เป็นเรื่องปกติที่ข้าจะไม่บังคับเจ้า”
“นอกจากนี้ข้ากำลังจะมุ่งหน้าไปที่ชายแดน”
“ไม่ว่าเจ้าจะพูดหรือไม่ก็ตาม มันก็ต่างกันเพียงแค่การรู้เรื่องก่อนและรู้ทีหลังเท่านั้น”
“พี่ใหญ่ ท่านจะไปที่ชายแดนหรือ?!” ดวงตาของมู่จวินเซิ่งเบิกกว้างด้วยความตกใจ “ทำไมล่ะ เสด็จพ่อสั่งให้ท่านมาหรือ?!”
“ท่านต้องการตรวจสอบแม่ทัพจ้าวใช่หรือไม่?”
“ถูกต้อง เสด็จพ่อส่งข้ามา” มู่จวินฝานพยักหน้า “แต่จะต้องตรวจสอบแม่ทัพจ้าวหรือไม่นั้นก็ขึ้นอยู่กับว่าเขามีความสัมพันธ์ไม่เหมาะสมกับแคว้นหนานซวนหรือไม่”
คำพูดขององค์รัชทายาทฟังดูซับซ้อนมากจนมู่จวินเซิ่งใช้เวลานานกว่าจะรู้ว่าเขาต้องการจะบอกอะไร
“เสด็จพ่อกำลังสงสัยว่าแม่ทัพจ้าวร่วมมือกับแคว้นหนานซวนอย่างนั้นหรือ?” สีหน้าของเด็กหนุ่มเปลี่ยนไป “เป็นไปไม่ได้! เรื่องนี้ไม่มีทางเกิดขึ้นแน่นอน!”
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 53
- 👍 ถูกใจ
แสดงความคิดเห็น