บทที่ 179: ไม่มีความเป็นองค์หญิง
“ตลอดหลายปีที่ผ่านมาแม่ทัพจ้าวพยายามอย่างเต็มที่เพื่อปกป้องชายแดนของแคว้นเป่ยหลงเอาไว้ ใครจะทรยศต่อแว่นแคว้นก็ได้ แต่ไม่ใช่แม่ทัพจ้าว!” มู่จวินเซิ่งกำหมัดแน่น ในขณะที่กรามของเขาขบเข้าหากันจนขึ้นเป็นสัน และดวงตาก็เปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ
เกือบ 10 ปีแล้วนับตั้งแต่ที่เขาถูกทิ้งไว้ที่ชายแดนตอนอายุ 5 ขวบ
ในช่วงเกือบ 10 ปีที่ผ่านมา คนที่คอยดูแลเขาและใช้เวลาร่วมกับเขามากที่สุดคือแม่ทัพจ้าว
คนผู้นั้นเป็นทั้งที่ปรึกษาและเป็นดั่งพ่อของเขา
เขายอมรับไม่ได้ และเขาไม่สามารถยอมรับว่าบุคคลดังกล่าวคิดจะทรยศแคว้นเป่ยหลง!
“น้องรอง” มู่จวินฝานขมวดคิ้วเล็กน้อย ในขณะที่ดวงตาของเขาฉายแววไม่พอใจ “เสด็จพ่อส่งเจ้าเข้าไปอยู่ในกองทัพเพื่อรับการฝึกฝนและขัดเกลานิสัยหุนหันพลันแล่นของเจ้า”
“หลังจากผ่านมาหลายปีขนาดนี้ ทำไมเจ้ายังเป็นเหมือนเดิม?”
เขาอายุมากกว่ามู่จวินเซิ่งเพียง 1 ปี แต่เขากลับสามารถควบคุมตัวเองได้เร็วกว่าอีกฝ่าย
ตั้งแต่ยังเด็ก เขาจำได้ว่าน้องชายคนนี้เป็นคนที่มุทะลุทำอะไรไม่ยั้งคิด จึงก่อเรื่องมากมายในวังหลวง
“ไม่ว่าพี่ใหญ่จะพูดอะไร ข้าก็ไม่เคยขัด” มู่จวินเซิ่งกัดฟันก่อนจะหันหลังกลับด้วยความโกรธ “แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ข้าไม่เชื่อหรอกว่าแม่ทัพจ้าวจะทรยศ”
“ถ้าเสด็จพ่อยืนกรานเช่นนั้น ข้าจะสืบสวนเรื่องนี้เอง!”
“...ข้าพูดตอนไหนว่าแม่ทัพจ้าวเป็นคนทรยศ?” มู่จวินฝานถอนหายใจ พร้อมกับตระหนักว่าเขาไม่สามารถพูดคุยกับน้องชายคนรองด้วยคำพูดที่ซับซ้อนเกินไปได้ ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในเมืองหลวงให้อีกฝ่ายฟัง
“นั่นเป็นสาเหตุที่เสด็จพ่อส่งข้ามาที่ชายแดน”
มู่จวินเซิ่งตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งและเขาต้องใช้เวลาอยู่สักพักในการปะติดปะต่อเรื่องราวทั้งหมด “คนของแคว้นหนานซวนหมายตาเมืองหลวงอยู่สินะ!”
“จองหองยิ่งนัก!”
“ถูกต้อง” องค์รัชทายาทหัวเราะเบา ๆ “ถ้าเราไม่ได้ไป๋ไป่ บางทีคนของแคว้นหนานซวนอาจจะทำสำเร็จแล้วก็ได้”
ช่างเป็นเรื่องบังเอิญที่แผนการของแคว้นหนานซวนถูกเปิดเผย 2 ครั้งติดต่อกันเพราะมู่ไป๋ไป่
“เสด็จพี่ น้องสาวคนนี้เกิดจากสนมคนใด?” เมื่อเอ่ยถึงเจ้าตัวเล็กคนนั้น มู่จวินเซิ่งก็ผ่อนคลายลงเล็กน้อย “ข้าคิดว่านิสัยของนาง… ช่างแตกต่างจากคนอื่นจริง ๆ”
พอเด็กหนุ่มนึกถึงภาพที่มู่ไป๋ไป่คิดว่าเขาเป็นโจรที่ทางการต้องการตัวเมื่อคืนนี้ มุมปากของเขาก็กระตุก และเขาต้องใช้เวลาสักพักกว่าจะเค้นคำว่า ‘แตกต่าง’ ออกมาได้
“แม่ของนางคือหว่านผิน” มู่จวินฝานตอบพลางยกมุมปากขึ้นเป็นรอยยิ้มจาง ๆ “ไป๋ไป่แตกต่างออกไปจริง ๆ นางเป็นคนจิตใจดีและนิสัยดีมาก”
“เป็นเด็กดีจนน่าเหลือเชื่อ”
“เสด็จพ่อโปรดปรานนางมาก”
เมื่อมู่จวินเซิ่งเห็นรอยยิ้มที่ประดับบนใบหน้าหล่อเหลาของพี่ชายคนโต เขาก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
ในความรู้สึกของเขา มู่จวินฝานจะไม่เผยรอยยิ้มเช่นนี้ต่อหน้าคนอื่น
ดูเหมือนว่าน้องสาวคนนี้จะพิเศษมากจริง ๆ
ในเวลานี้มู่ไป๋ไป่ที่ถูกพูดถึงกำลังนอนหลับสนิทโดยไม่ได้ฝันอะไร เมื่อตื่นขึ้นมาก็เป็นเวลาบ่ายคล้อยแล้ว
ตอนที่เด็กหญิงลืมตาตื่น เธอก็สัมผัสได้ถึงขนอุ่น ๆ ที่ซุกอยู่ตรงคอ
เธอตกตะลึงไปหลายอึดใจก่อนจะรู้ว่ามันคืออะไร
“เจ้าส้ม!” มู่ไป๋ไป่หันไปมองแมวตัวใหญ่ด้านข้างแล้วเอื้อมมือไปตีก้นมันด้วยความโมโห “เมื่อวานเจ้าไปไหนมา?!”
เมื่อวานตอนที่เธอไปที่จวนตระกูลจิน เจ้าแมวอ้วนตัวนี้ก็ไปด้วยกัน แต่ก่อนที่จะเข้าประตูจวนไป มันก็บอกว่ามันปวดท้อง
หลังจากนั้นมันก็หายไปไม่โผล่มาให้เห็นหัวอีกเลย
เธอคิดว่ามันถูกคนคลั่งกินไปแล้วเสียอีก
“โอ๊ย!” แววตาสำนึกผิดของเจ้าส้มเบิกกว้าง “ข้าไม่ได้ไปไหน ข้าแค่ไปอึ หลังจากจัดการธุระเสร็จแล้วข้าก็แค่ไปเดินเล่นใกล้ ๆ”
“เจ้าแมวอ้วน เจ้านี่เริ่มจะอาจหาญมากขึ้นเรื่อย ๆ แล้วนะ ถึงได้กล้าปิดบังข้า!” เด็กหญิงต่อว่าขณะบีบพุงย้วย ๆ ของอีกฝ่าย “เมื่อก่อนตอนที่อยู่ในวังหลวง ข้าสามารถวางใจเพราะมีเจ้าคอยช่วยเหลือ”
“แต่ทันทีที่ก้าวขาออกจากวัง เจ้าได้กลายเป็นแมวไร้ประโยชน์ไปแล้ว!”
“รู้หรือไม่ว่าเมื่อคืนข้าเกือบถูกลักพาตัวไป!”
แน่นอนว่าเจ้าส้มรู้เรื่องนี้ เพราะตอนที่มันกลับมาในตอนเที่ยง มันก็ได้ยินใครบางคนพูดถึงประสบการณ์อันน่าตื่นเต้นของมู่ไป๋ไป่เมื่อคืน ซึ่งทำให้มันรู้สึกผิดมาก
มิหนำซ้ำมันยังเป็นแมวที่อยู่ข้างกายนางอีกด้วย
การที่ท่านจ้าวอสูรถูกลักพาตัวไปใต้ปีกจมูกของมัน หากใครรู้เรื่องนี้เข้า ต่อจากนี้มันจะมีหน้าไปทัศนาจรทั่วหล้าได้อย่างไร
“เหมียว… ข้าขอโทษ” เจ้าส้มขยับบั้นท้ายในขณะที่พูดเสียงอ่อย “เมื่อวานข้าบังเอิญเมา…”
ดูเหมือนว่านี่จะเป็นเรื่องบังเอิญ
เมื่อวานนี้หลังจากที่มันจัดการธุระส่วนตัวเสร็จแล้ว มันก็ได้กลิ่นหอมของสุรา
กลิ่นสุรานั้นหอมหวานและกลมกล่อมอย่างที่มันไม่เคยได้กลิ่นมาก่อน มันจึงอดไม่ได้ที่จะเดินตามกลิ่นนั้นไป
“ข้าสาบานเลยนะว่าข้าจิบไปแค่อึกเดียวเท่านั้น!” เจ้าส้มยกอุ้งเท้าอ้วน ๆ ของมันขึ้นมาพร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “แต่ดูเหมือนว่าสุราจะมีฤทธิ์แรงเกินไป! หลังจากดื่มไปได้อึกเดียว ข้าก็เมาแล้ว!”
“พอข้าลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ก็เป็นเวลาเที่ยงวันเสียแล้ว”
“ข้าได้ยินมาว่ามีเหตุเพลิงไหม้ที่จวนตระกูลจินเมื่อคืน และมีเรื่องร้ายแรงเกิดขึ้น ข้าจึงได้รีบกลับมาทันที”
“โชคดีที่เจ้าไม่เป็นอะไร”
มู่ไป๋ไป่เห็นแมวอ้วนตัวสีส้มทำท่าคอตก มันดูเหมือนจะรู้สึกผิดมาก เธอจึงไม่ได้ต่อว่ามันอีก เธอทำเพียงแค่พยักหน้าแล้วเตือนมันว่าคราวหน้าอย่าดื่มหนักเช่นนี้อีก
“ที่นี่คือเมืองชิงหยาง เราอยู่ใกล้กับแคว้นหนานซวนมากกว่าเดิม เราไม่รู้ว่าเราจะพบกับใครบ้าง จะมีใครที่แปลกประหลาดเหมือนกับเถ้าแก่ศาลาหมื่นอสูรหรือไม่ด้วย”
“เจ้าต้องระวังตัวเองให้ดี ไม่เช่นนั้นเจ้าจะถูกจับไปทดลองยา และข้าก็จะไม่สามารถช่วยเจ้าได้”
“ข้ารู้ ข้าเข้าใจแล้ว” เจ้าส้มเอาหัวมาถูมู่ไป๋ไป่อย่างประจบประแจง จากนั้นมันก็กลืนน้ำลายเสียงดัง “เจ้ารีบตื่นได้แล้ว ข้าได้กลิ่นปลาเปรี้ยวหวานแล้วเนี่ย”
“...”
เจ้าแมวจอมตะกละ!
แล้วในครัวก็กำลังทำปลาเปรี้ยวหวานอย่างที่มันว่าจริง ๆ
มู่จวินฝานคิดว่ามู่ไป๋ไป่คงรู้สึกหวาดกลัวมากกับเหตุการณ์เมื่อคืนนี้ เขาจึงสั่งให้คนครัวของโรงเตี๊ยมทำอาหารที่เหมาะสำหรับเด็กเตรียมเอาไว้ให้นาง
สุดท้ายเขาได้สั่งให้หมอต้มยาสงบใจให้นางด้วย
พอถึงเวลาที่มู่ไป๋ไป่ลงไปชั้นล่างและมองดูโต๊ะที่เต็มไปด้วยอาหารหลากสีสัน ทุกคนก็ทำหน้าสับสน
“ไป๋ไป่มาแล้วหรือ?” มู่จวินฝานกำลังจะพูดอะไรบางอย่างกับซุนเต๋อเซิ่ง แต่พอได้ยินเสียงคนเดินลงมา เขาก็หันไปโบกมือให้คนตัวเล็ก “เจ้ามาทันเวลาพอดี รีบมากินข้าวเถอะ”
เด็กหญิงเหลือบมองไปรอบ ๆ แล้วก็นึกถึงบางสิ่งขึ้นมาได้ “ท่านพี่ อาหารพวกนี้เป็นของข้าคนเดียวหรือไม่?”
“ไม่เช่นนั้นล่ะ?” มู่จวินเซิ่งที่ลงมาจากชั้นบนมองด้วยความอิจฉา
แต่มู่จวินฝานบอกว่าอาหารบนโต๊ะนี้เตรียมเอาไว้ให้มู่ไป๋ไป่โดยเฉพาะ
กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือไม่มีส่วนแบ่งของเขา
เด็กหนุ่มจึงเม้มปากด้วยความไม่พอใจ
เมื่อมู่ไป๋ไป่หันไปเห็นพี่ชายคนรอง เธอก็ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเธอก็ยิ้มหวานและตะโกนเรียกอีกฝ่ายเสียงหวาน “พี่รอง!”
ยามนี้คนตัวเล็กเปลี่ยนไปจากสภาพมอมแมมเมื่อคืนแล้ว ใบหน้าเล็ก ๆ ที่ขาวนวลของเธอก็ดูเปล่งปลั่งมากกว่าเดิม ทำให้เธอดูเหมือนตุ๊กตาในภาพวาดที่ดูน่ารักมาก
มู่จวินเซิ่งเลิกคิ้วขึ้นพลางลอบถอนหายใจในใจ
สมแล้วที่นางเป็นลูกหลานของตระกูลมู่ นางงดงามมากจริง ๆ
“รีบมานั่งแล้วกินข้าวเถอะ ไม่อย่างนั้นอาหารจะเย็นหมด” มู่จวินฝานทิ้งซุนเต๋อเซิ่งไว้ด้านหลัง แล้วเดินเอามือไพล่หลังเข้าไปหาน้องสาวตัวน้อย “ถ้ายังไม่พอ ก็ให้ห้องครัวทำอาหารมาเพิ่มอีก”
“พอแล้วเจ้าค่ะ!” มู่ไป๋ไป่รีบพูดขึ้น “ข้ากับเซียวเซียวกินเยอะที่ไหนกัน?”
หลัวเซียวเซียวก็เหมือนกับเธอ นางเองก็นอนหลับยาวทั้งวัน
และตลอดมามู่ไป๋ไป่ไม่เคยสนใจความแตกต่างระหว่างเจ้านายกับคนรับใช้ ตามปกติแล้วเธอกับหลัวเซียวเซียวจะกิน ดื่ม และเล่นด้วยกันตลอด ดังนั้นมู่จวินฝานจึงไม่คิดว่ามันเป็นเรื่องใหญ่อะไร แต่มู่จวินเซิ่งกลับรู้สึกประหลาดใจกับพฤติกรรมของน้องสาวคนนี้
เจ้าตุ๊กตาตัวนี้ไม่มีความเป็นองค์หญิงเลย
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 71
- 👍 ถูกใจ
แสดงความคิดเห็น