บทที่ 169: เขาเป็นเสด็จอาหรือ?

-A A +A

บทที่ 169: เขาเป็นเสด็จอาหรือ?

ทีแรกจินซือหยางไม่ทันได้สนใจเซียวถังอี้ แขกที่ไม่ได้รับเชิญที่จู่ ๆ ก็ปรากฏตัวขึ้นมา เขาคิดว่าชายคนนี้อาจเป็นเหมือนอวี้เซิ่งที่เป็นเพียงคนรับใช้ของมู่จวินฝาน เขาจึงแสดงท่าทีสุภาพต่ออีกฝ่าย

อวี้เซิ่งกับเซียวถังอี้ไม่ตอบ พวกเขาเหลือบตามององค์รัชทายาทโดยที่ไม่มีใครสังเกตเห็น

 “คุณชายจิน นี่คือคนในครอบครัวของข้า…” มู่จวินฝานเหลือบมองเด็กหนุ่มที่สวมหน้ากากสีเงินแล้วชะงักไปชั่วคราว “ท่านอา” 

ท่านอา?

มู่ไป๋ไป่กะพริบตาปริบ ๆ พร้อมกับเงยหน้าขึ้นมองพี่ชาย

 “เขาเดินทางมาที่นี่เพื่อร่วมงานเลี้ยงฉลองวันเกิดของนักดาบหิรัณย์โดยเฉพาะ ท่านให้เขาพักสักพักก่อนแล้วค่อยไปอธิบายให้นายท่านจินฟังได้หรือไม่?” 

ทางด้านจินซือหยางเป็นฝ่ายร้องขอให้คนอื่นทำตามตน แน่นอนว่าเขาไม่อาจบังคับฝ่ายตรงข้ามได้ พอมู่จวินฝานพูดเช่นนี้ เขาก็พยักหน้าเห็นด้วยทันที และยังได้สั่งคนไปทำความสะอาดเรือนรับรองเพื่อให้พวกเขาทั้งครอบครัวได้ไปพักผ่อนกันก่อน

ทันทีที่สมาชิกในตระกูลจินแยกย้ายไป มู่จวินฝานก็ทักทายเซียวถังอี้ด้วยท่าทางเคารพว่า “จวินฝานถวายบังคมเสด็จอา” 

 “ไม่ต้องมากพิธี” เด็กหนุ่มโบกมือให้อีกฝ่าย “เจ้าก็รู้ว่าข้าไม่ชอบพิธีการอะไรพวกนี้ ตอนนี้เราอยู่ข้างนอกแล้ว ดังนั้นเจ้าไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้” 

องค์รัชทายาทที่ได้ยินเช่นนี้ก็เผยรอยยิ้ม จากนั้นเขาก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ ก่อนจะลากน้องสาวที่มีสีหน้างุนงงมาด้านหน้า “ไป๋ไป่ เสด็จอาช่วยชีวิตเจ้าไหวเมื่อกี้นี้ ทำไมเจ้าถึงไม่ขอบคุณเสด็จอาล่ะ?” 

มู่ไป๋ไป่ใช้ดวงตากลมโตมองคนตรงหน้าด้วยสายตาเหลือเชื่อ “เสด็จอา?” 

เจ้าสัตว์ประหลาดคนนี้เป็นท่านอาของเธอหรือ?

ตลกแล้ว!

 “ใช่แล้ว” มู่จวินฝานคิดว่ามู่ไป๋ไป่ไม่รู้จักเซียวถังอี้ ดังนั้นเขาจึงอธิบายให้อีกฝ่ายฟังว่า “เสด็จอาทัศนาจรอยู่ในยุทธภพตลอดหลายปีที่ผ่านมา พระองค์ไม่ค่อยได้กลับวังหลวง ดังนั้นเจ้าจึงไม่เคยได้พบหน้าพระองค์” 

 “...” 

 “เจ้าตัวเล็ก” เด็กหนุ่มที่เห็นท่าทางตกตะลึงของเด็กน้อยก็อดไม่ได้ที่จะหยอกล้อนาง “ทำไมเจ้าไม่ทักทายข้าล่ะ?” 

 “ถ้าอย่างนั้น…” มู่ไป๋ไป่สูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้วหันไปหาอวี้เซิ่ง “ท่านรู้จักเขาตั้งแต่แรกแล้วหรือ?” 

ตอนที่อยู่วัดฮู่กั๋ว พวกเขาทั้ง 2 ออกไปสำมะเลเทเมาด้วยกันตลอดทั้งวัน ดังนั้นจึงทำให้เธอคิดว่ามือขวาของท่านพ่อไม่รู้จักตัวตนของเจ้าสัตว์ประหลาดมาก่อน

อวี้เซิ่งที่ได้ยินคำถามขององค์หญิงหกก็เกาปลายจมูกตัวเองก่อนจะทำเป็นชมนกชมไม้

มู่ไป๋ไป่หรี่ตาลองมองอีกฝ่ายพร้อมกับทำหน้ามุ่ย 

เป็นไปตามที่เธอคาด!

 “มีอะไรหรือ?” มู่จวินฝานสังเกตเห็นว่ามีบางอย่างผิดปกติได้ในทันที “ไป๋ไป่กับเสด็จอารู้จักกันมาก่อนหรือ?” 

 “เรารู้จักกัน! ยิ่งกว่ารู้จักเสียอีก!” เด็กหญิงเม้มปากแน่น และคว้าแขนเสื้อของพี่ชายพลางเงยหน้ามองเขาก่อนจะเบะปากทำหน้าอยากจะร้องไห้ “ท่านพี่ เสด็จอารังแกข้า!” 

พอพูดออกไปแล้วเธอก็ร้องไห้โฮ “ฮืออออ!” 

เด็กน้อยร้องไห้หนักมากจนไม่มีใครสังเกตเห็นว่าการร้องไห้นั้นไม่มีน้ำตาไหลออกมาแม้แต่หยดเดียว นอกจากเซียวถังอี้

มู่จวินฝานไม่เคยเห็นน้องสาวร้องไห้หนักขนาดนี้มาก่อน เขาจึงรู้สึกสับสนขึ้นมาทันที ก่อนจะจูงมือนางเข้าไปในห้องเพื่อปลอบนาง 

 “เกิดอะไรขึ้น? เจ้ามีข้อข้องใจอะไรก็บอกพี่ได้” 

 “เจ้ากับเสด็จอาเกิดความเข้าใจผิดอะไรกันหรือไม่?” 

 “ไป๋ไป่ อย่าร้องไห้สิ พี่พาเจ้าไปซื้อขนมที่เจ้าชอบดีหรือไม่?” 

เด็กหนุ่มเอ่ยปลอบโยนน้องสาวเสียงเบา ในขณะที่มู่ไป๋ไป่ปล่อยโฮเพิ่มอีก 2-3 อึดใจ ทว่าเธอก็รู้สึกอับอายจนไม่กล้าแสดงต่อ เพราะถึงอย่างไรตอนนี้เธอก็บรรลุเป้าหมายแล้ว

เด็กหญิงยังคงเอามือปิดหน้า แต่หยุดเสียงสะอื้นลงและกระซิบว่า “เสด็จอาเป็นคนเลว!” 

 “ท่านพี่รัชทายาท ท่านจะอยู่เคียงข้างข้าหรือไม่?” 

 “แน่นอน” ยามนี้มู่จวินฝานไม่รู้ว่าควรหัวเราะหรือร้องไห้ดี “พี่จะคอยอยู่เคียงข้างไป๋ไป่เสมอ แต่ไป๋ไป่ต้องบอกให้ชัดเจนว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่” 

ด้วยเหตุนี้มู่ไป๋ไป่จึงรีบของพี่ชายทันทีว่าเจ้าสัตว์ประหลาดนั่นเคยทำอะไรกับเธอไว้บ้าง

 “แม้ว่าเขาจะช่วยข้าเอาไว้หลายครั้ง แต่เขาก็ตีข้าด้วย!” คนตัวเล็กพูดพร้อมกับกำหมัดแน่น “ท่านพ่อยังเคยตีข้าเพียงครั้งเดียว แต่เขาตีข้าถึง 2 ครั้งแน่ะ!” 

 “แล้วเขาก็เพิ่งโยนข้าลงบนพื้นเมื่อกี้นี้เลย!” 

 “...” 

ที่ด้านนอกเรือน เซียวถังอี้กับอวี้เซิ่งกำลังนั่งดื่มชาอยู่บนโต๊ะหิน

ขณะเดียวกัน หลัวเซียวเซียวกับจื่อเฟิงที่ยืนอยู่ไม่ไกลนักก็จ้องพวกเขาด้วยสีหน้าสงสัย

 “พวกเจ้า 2 คนกำลังมองอะไร?” อวี้เซิ่งทนไม่ได้ที่ถูกเด็ก 2 คนนี้จ้องตาไม่กะพริบ ดังนั้นเขาจึงอดพูดออกไปไม่ได้ว่า “มีอะไรก็ถามออกมาตามตรงได้” 

หลัวเซียวเซียวเม้มปากพลางมองเซียวถังอี้เงียบ ๆ ก่อนจะเอ่ยถามว่า “นี่คือท่านอ๋องจริง ๆ หรือเจ้าคะ?” 

 “ไม่อย่างนั้นล่ะ?” อวี้เซิ่งส่ายหัวยิ้ม ๆ “ถึงแม้ว่าคนอื่นจะโกหกเจ้า แต่องค์รัชทายาทจะโกหกเจ้าหรือไม่?” 

เด็กหญิงส่ายหัวอย่างรวดเร็ว แต่นางก็ยังไม่อยากจะเชื่อเลยว่าผู้ชายที่ทำตัวสํามะเลเทเมากับอวี้เซิ่งตอนที่อยู่ในวัดฮู่กั๋วตลอดทั้งวัน อีกทั้งยังไปช่วยเหลือพวกนางที่ศาลาหมื่นอสูรนั้นแท้จริงแล้วเป็นอ๋องแห่งแคว้นเป่ยหลง

มันน่าเหลือเชื่อมาก!

 “ท่านคิดอย่างไรกับเรื่องกู่?” เซียวถังอี้แอบเหลือบมองไปที่ห้องด้านหลังและจู่ ๆ ก็ถามขึ้นมา

อวี้เซิ่งวางถ้วยชาลงแล้วส่ายหัวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “ข้าไม่ค่อยรู้เรื่องกู่มากนัก” 

 “ที่หนานเจียงมีราชาพิษที่ใช้กู่อยู่ มีคนบอกเล่ากันต่อ ๆ มาว่าเขาชอบทดสอบวิชากู่กับคนกลุ่มหนึ่ง” เด็กหนุ่มแตะปลายนิ้วลงบนโต๊ะเป็นจังหวะพลางขมวดคิ้วครุ่นคิด “และกู่ที่เขาฝึกฝนนั้นก็มีความพิเศษมากเช่นกัน” 

 “ท่านสงสัยหรือว่ากู่ที่อยู่ในร่างของคนผู้นั้นมาจากราชาพิษแห่งหนานเจียง?” นักฆ่าหนุ่มถามพร้อมกับขมวดคิ้ว “แต่ข้าได้ยินมาว่าราชาพิษมีอายุมากกว่า 80 ปีแล้ว อีกทั้งหนานเจียงก็อยู่ห่างจากเมืองชิงหยางหลายพันลี้ ข้าคิดว่ามันไม่มีเหตุผลที่เขาจะต้องเดินทางไกลมาถึงที่นี่เพื่อทดสอบกู่ของตัวเอง” 

 “ยิ่งไปกว่านั้น เขายังเลือกลงมือในวันเกิดของนักดาบหิรัณย์โดยเฉพาะ” 

 “ข้าไม่รู้” เซียวถังอี้ยักไหล่ “เราต้องทดสอบพิษคนผู้นั้นก่อนเพื่อที่เราจะได้รู้รายละเอียด” 

อีกด้านหนึ่ง ณ ห้องโถงด้านในของตระกูลจิน

จินต้าเสียขมวดคิ้วมอง ‘สัตว์ประหลาด’ ที่ถูกจับมัดอยู่ตรงกลางห้องโถง

 “ทุกคนในห้องครัวตายหมดแล้ว” จินซือหยางรายงานสถานการณ์ในเรือนหลังบ้านด้วยเสียงทุ้มต่ำ “ร่างกายของผู้ตายมีรอยฟันน้อยใหญ่เต็มไปหมด ดังนั้นข้าจึงคาดว่าคนเหล่านั้นถูกกัดจนตาย” 

 ในเวลาเดียวกัน มู่จวินเซิ่งกำลังนั่งลงข้างสัตว์ประหลาดและใช้ด้ามกระบี่จิ้มอีกฝ่ายที่กำลังแสยะยิ้ม พอเห็นว่าคนตรงหน้าไม่ตอบสนอง เขาก็ยื่นมือออกไปโบกต่อหน้ามัน

 “เขาตายแล้วจริง ๆ” เด็กหนุ่มทำหน้าเคร่งขรึมเช่นกัน ในตอนที่ได้ยินเสียงวุ่นวายจากข้างนอก เขากับอวี้ฉีอยู่ในบริเวณลานฝึก

เมื่อทั้ง 2 ไปถึงห้องครัว พวกเขาก็พบเพียงศพนอนเกลื่อนกลาดอยู่บนพื้น

อวี้ฉีบอกว่าตัวเขานั้นไม่สะดวกจะปรากฏตัวต่อหน้าคนอื่น ดังนั้นเขาจึงไปแจ้งข่าวให้กับจินซือหยางโดยตรง

ส่วนมู่จวินเซิ่งได้ไล่ตามสัตว์ประหลาดไปจนถึงเรือนของจินซือซือและบังเอิญเห็นนางผลักเด็กน้อยคนหนึ่งเข้าหาสัตว์ประหลาด

เดิมทีเขาคิดที่จะออกไปช่วยชีวิตเด็กคนนั้น แต่ก็มีใครบางคนก้าวนำหน้าเขาไปก้าวหนึ่ง

 “ตายแล้ว แต่ยังเคลื่อนไหวได้” จินต้าเสียเดินเอามือไพล่หลังเข้ามามองสัตว์ประหลาดใกล้ ๆ “2 คนนั้นพูดถูก มีความเป็นไปได้ที่เขาจะถูกวางยาพิษ” 

 “ให้ตายเถอะ! ใครกล้ามาก่อความวุ่นวายในงานเลี้ยงวันเกิดของท่านพ่อ...” จินซือหยางตบโต๊ะด้วยความหงุดหงิด “ท่านพ่อ ปกติแล้วท่านเป็นคนมีน้ำใจและไม่เคยสร้างศัตรูกับใคร คนที่ก่อปัญหาในงานเลี้ยงของท่านเป็นใครกันแน่ ท่านมีอะไรปิดบังข้าหรือไม่?” 

นักดาบหิรัณย์ไม่ตอบคำถามของลูกชาย 

 “ซือหยาง สิ่งสำคัญตอนนี้ไม่ใช่การค้นหาจุดประสงค์ของคนที่วางยาพิษ” มู่จวินเซิ่งเตือนเสียงต่ำ “แต่เพื่อตรวจสอบว่ามีคนอื่นในจวนถูกวางยาพิษอีกหรือไม่” 

 “ชายคนนี้อยู่ในห้องครัว ตอนที่เขาถูกพิษในวันนี้ เขาได้สังหารคนเป็นหลาย 10 คนแล้ว” 

 “ท่านลองคิดดูสิ ถ้าเขาอยู่ที่ห้องโถงด้านหน้ามันจะเป็นอย่างไร?” 

 

--------------------------------------------------

พูดคุยท้ายตอนกับเสี่ยวเถียว: พอน้องได้รู้ตัวตัวที่แท้จริงของคุณชายเซียวก็ฟ้องพี่เลยนะ แสบจริง ๆ 55555 น้องตบตาคนอื่นได้ แต่ตบตาคุณชายเซียวบ่าได้เด้อ

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2025 keangun. All Right Reserved.