บทที่ 155: พี่ชายของเจ้าฆ่าคน
“ใต้เท้าใจเย็นลงก่อน ข้าแค่คิดว่ามันไม่เกี่ยวกับคดีฆาตกรรมที่เกิดขึ้นเลย ข้าจึงไม่ได้พูดอะไรออกไป” เถ้าแก่รู้สึกผิดขึ้นมา ถ้าแขกที่พักในโรงเตี๊ยมต้องมาเกี่ยวข้องกับคดีฆาตกรรม เขาอาจจะเก็บเงินไม่ได้ แล้วเช่นนี้มันจะได้ไม่คุ้มเสียหรอกหรือ?
นั่นเป็นเหตุผลที่ตอนคนของทางการมาถาม เขาจึงจงใจหลบเลี่ยงก่อนเป็นอันดับแรก
“เฮอะ คราวนี้ข้าจะละเว้นเจ้าไปก่อน” เจ้าหน้าที่พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ถ้าเป็นคราวหน้า ข้าจะส่งเจ้าเข้าคุกทันที”
เถ้าแก่โรงเตี๊ยมตัวสั่นด้วยความตกใจก่อนจะรีบบอกออกไปว่าตนไม่กล้าอีกแล้ว
“คนที่เจ้าพูดถึงว่ามีความขัดแย้งกับผู้ตายเมื่อวานนี้พักอยู่ที่ห้องไหน?” คนของทางการม้วนเก็บภาพวาดแล้วถามเสียงแข็ง “รีบนำทางข้าไปเร็วเข้า อย่าให้ข้าต้องจับตัวฆาตกรล่าช้าไปมากกว่านี้”
ทางด้านเถ้าแก่อยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่พอเห็นสีหน้าดุดันของอีกฝ่าย เขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะต้องกลืนคำพูดทั้งหมดลงไป
จากนั้นเขาก็นำทางคนของทางการขึ้นไปชั้นบนแล้วพบกับมู่ไป๋ไป่ที่กำลังเดินลงมาพอดี
“คุณหนู ทำไมวันนี้ท่านถึงตื่นเช้าขนาดนี้?” เถ้าแก่รู้สึกอีหลักอีเหลื่ออยู่ครู่หนึ่ง แต่เขาก็พยายามรักษาท่าทีและยิ้มแย้มปกติ “คุณหนูท่านนี้ เจ้าหน้าที่ทางการมีเรื่องจะสอบถามพี่ชายของท่านเล็กน้อย”
ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ก็มองเด็กหญิงตัวน้อยตั้งแต่หัวจรดเท้า “คนนี้คือเด็กที่เจ้าบอกว่ามีความขัดแย้งกับผู้ตายเมื่อวานนี้ใช่หรือไม่?”
“ใช่…” เถ้าแก่โรงเตี๊ยมตอบก่อนจะเล่าเหตุการณ์เมื่อวานให้เจ้าหน้าที่ทางการฟัง “เรื่องก็เป็นเช่นนี้ แต่ข้าสามารถรับประกันได้เลยว่าแขกทั้ง 2 ท่านนี้เป็นคนดี”
“และเมื่อคืนพวกเขาก็ไม่ได้ก้าวออกจากโรงเตี๊ยมเลยแม้แต่ก้าวเดียว คงไม่ต้องพูดถึงว่าพวกเขาจะออกไปฆ่าคน”
คนของทางการได้ยินดังนั้นก็หัวเราะเยาะ “เจ้าเฝ้าพวกเขาอยู่ในห้องทั้งคืนหรือไม่? ไม่อย่างนั้นเจ้าจะแน่ใจได้อย่างไรว่าพวกเขาจะไม่ออกไปข้างนอกในตอนกลางคืน”
“ถ้าเกิดว่าพี่ชายของเด็กคนนี้เกิดไม่พอใจเรื่องที่เกิดขึ้นและปีนหน้าต่างออกไปกลางดึกเพื่อฆ่าคนระบายความโกรธเข้าล่ะ?”
“พี่ชายของข้าไม่เคยทำเรื่องโง่เขลาเช่นนั้น” มู่ไป๋ไป่รู้สึกโกรธขึ้นมาเล็กน้อย เธอไม่เคยได้ยินใครกล้าพูดถึงมู่จวินฝานให้อับอายถึงเพียงนี้มาก่อน
“เด็กน้อย เจ้าเองก็คงจะรู้ว่าใจมนุษย์เรานั้นยากแท้หยั่งถึง” เมื่อเจ้าหน้าที่เห็นคนตัวเล็กเริ่มโกรธ เขาก็เอื้อมมือออกไปอยากจะหยิกแก้มนาง
ผลก็คือก่อนที่มือของเขาจะทันได้แตะต้องตัวมู่ไป๋ไป่ เขาก็ถูกเมล็ดผลไม้ที่พุ่งลงมาจากชั้นบนกระทบเข้าที่ข้อมือ
“โอ๊ย! บังอาจ! ใครกล้าทำร้ายเจ้าหน้าที่ทางการ!” เจ้าหน้าที่คนนั้นตะโกนร้องเสียงหลงก่อนจะมองขึ้นไปชั้นบนด้วยท่าทางโกรธเคือง
บนชั้น 2 เขาเห็นชายหนุ่มรูปงามคนหนึ่งกำลังเอนกายพิงเสาด้วยท่าทางสบาย ๆ พร้อมกับถือผลไม้ฤดูหนาวจำนวนหนึ่งอยู่ในมือ
“ทำร้ายหรือ? ทำร้ายอะไร?” อวี้เซิ่งแสร้งทำเป็นมองไปรอบ ๆ “ข้าเพิ่งเห็นว่ามีใครบางคนพยายามจะแตะต้องคุณหนูของเรา ข้าก็เลยหยุดเขาเอาไว้”
“คุณหนู ท่านเป็นอะไรหรือไม่?”
มู่ไป๋ไป่หันไปจ้องหน้าอีกฝ่ายแล้วพูดว่า “ท่านยังรู้หรือว่าข้าเป็นคุณหนูของท่าน ข้านึกว่าตอนนี้ท่านจะเมาจนไม่รู้ว่าทิศไหนเป็นทิศไหนไปเสียแล้ว”
อวี้เซิ่งที่ถูกเจ้าตัวเล็กตำหนิก็เกาปลายจมูกตัวเองเบา ๆ “ข้ารู้ว่าข้าผิด หลังจากวันนี้ข้าจะไม่ดื่มอีก”
เมื่อชายหนุ่มพูดจบ เขาก็เดินลงไปชั้นล่างด้วยท่าทางสบายอารมณ์และไปยืนอยู่ข้างหลังมู่ไป๋ไป่ ก่อนจะพูดคุยกับคนของทางการ
“ใต้เท้า หากท่านต้องการจะสอบปากคำคุณหนูของข้าในเรื่องคดีฆาตกรรม ท่านก็ควรทำตามขั้นตอน”
“พวกท่านรีบขนคนขึ้นมาชั้นบนเช่นนี้ ถ้าคนที่รู้ก็จะเข้าใจว่าเจ้าหน้าที่ทางการกำลังทำคดีอยู่ ส่วนคนที่ไม่รู้ก็อาจจะคิดว่าโจรภูเขากำลังบุก”
“อุ๊บ...” มู่ไป๋ไป่ยกมือขึ้นปิดปากกลั้นหัวเราะ “อวี้เซิ่ง นับวันคำพูดของท่านยิ่งมีคารมคมคายมากขึ้นเรื่อย ๆ”
แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังมีประโยชน์ในเวลาเช่นนี้
คนพวกนี้ช่างหยาบคายยิ่งนัก เธอเองก็อยากจะสั่งสอนพวกเขาสักหน่อย
“เจ้าเป็นใคร!” เจ้าหน้าที่ตกใจเมื่อเห็นการเคลื่อนไหวของชายผู้มาใหม่ เขารู้ว่าปัจจุบันในเมืองมีคนจากทั่วยุทธภพเดินทางมารวมตัวกัน เขาจึงไม่แน่ใจเกี่ยวกับตัวตนของชายตรงหน้า ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าลงมือสุ่มสี่สุ่มห้า “เจ้ารู้หรือไม่ว่าการทำร้ายเจ้าหน้าที่ทางการมีความผิด!”
“ข้าก็บอกท่านไปแล้วว่าข้าไม่ได้ทำร้ายเจ้าหน้าที่คนไหนเลย” อวี้เซิ่งยักไหล่พูดหน้าตาเฉย “อีกอย่าง ข้าขอถามหน่อยเถอะ มีใครบ้างที่เห็นข้าลงมือ”
เขาเคลื่อนไหวเร็วมาก นอกจากจะมีคนระดับปรมาจารย์อย่างเขาอยู่ที่นี่ มันก็เป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีใครมองเห็นตอนที่เขาลงมือ
ดังนั้นนักฆ่าหนุ่มจึงรู้สึกมั่นใจมาก
“นี่เจ้า!” พอคนของทางการเห็นว่าตนเอาชนะอีกฝ่ายไม่ได้ เขาก็รู้สึกโมโหขึ้นมา “ในเมื่อเจ้าเป็นคนรับใช้ของเด็กน้อยคนนี้ เจ้าก็คงเป็นคนรับใช้ของพี่ชายนางเช่นกัน”
“คงไม่ใช่ว่าเจ้าคือคนที่ปีนกำแพงออกไปกลางดึกเพื่อฆ่าใครบางคนหรอกใช่หรือไม่!”
“ทหาร พาตัวผู้ต้องสงสัยคนนี้กลับไปสอบสวน!”
คนของทางการที่ตามมาด้านหลังลงมือตามคำสั่งทันที แต่พวกเขาก็ถูกเตะออกไปก่อนที่จะทันได้แตะตัวเป้าหมาย
ในพริบตามู่ไป๋ไป่ก็เห็นเจ้าหน้าที่กลุ่มหนึ่งนอนหมอบอยู่บนพื้นในสภาพที่น่าสังเวชมาก
และเธอก็ทำเพียงแค่ดึงหลัวเซียวเซียวหลบไปด้านข้างเพื่อรับชมความตื่นเต้น
“หัวหน้าของท่านรู้หรือไม่ว่าท่านกำลังจัดการคดีแบบมั่วซั่วเช่นนี้?” ยามนี้ดวงตาของอวี้เซิ่งเริ่มเปลี่ยนเป็นเย็นชา
“เลิกพูดไร้สาระได้แล้ว” คนที่เป็นหัวหน้าเห็นว่าลูกน้องของตนถูกซัดจนหมอบไปหมด แต่เขาก็ยังไม่ยอมแพ้ เขากัดฟันเอ่ยถ้อยคำรุนแรงกับฝ่ายตรงข้าม “เจ้าคอยดูเถอะ หลังจากที่ข้ากลับไปถึงศาล ข้าจะเรียกคนมาจับตัวฆาตกรอย่างเจ้า”
สิ้นเสียงพูดเขาก็วิ่งหนีไปทันที
“ฮ่า ๆๆ ขี้ขลาดชะมัด” อวี้เซิ่งค่อย ๆ เหยียดยิ้มที่มุมปากจาง ๆ ในขณะที่สีหน้าของเขาเย็นชายิ่งขึ้น
มู่ไป๋ไป่ไปเอาเมล็ดแตงโมคั่วจากที่ไหนสักแห่งมาแทะเมล็ดกินเบา ๆ ก่อนจะถามว่า “อวี้เซิ่ง ที่ท่านทำเรื่องยุ่งยากเช่นนี้เราจะไม่เป็นไรใช่หรือไม่?”
“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับข้าล่ะ?” ตอนนี้นักฆ่าหนุ่มดูเหมือนจะกำลังอารมณ์ไม่ดี เขานั่งลงข้าง ๆ คนตัวเล็กและแบ่งเมล็ดแตงโมครึ่งหนึ่งออกจากมืออีกคนไป “ถ้าอยากสู้หรืออยากฆ่าข้าก็ให้คนพวกนั้นมาได้เลย คิดว่าข้าจะกลัวหรืออย่างไร?”
“ท่านก็รู้ว่านั่นไม่ใช่สิ่งที่ข้าต้องการจะสื่อ” เด็กหญิงกลอกตามองบน “ช่วงนี้ท่านไม่ได้กำลังหลบซ่อนตัวอยู่หรอกหรือ? แต่ดูเหมือนว่าท่านจะสร้างปัญหาใหญ่ขึ้นมาแล้ว จะเกิดอะไรขึ้นถ้าคนที่ท่านกำลังหลบหลีกรู้เรื่องนี้เข้า?”
อวี้เซิ่งที่กำลังกัดเมล็ดแตงโมชะงักไปพร้อมกับส่งสายตามองคนพูดแปลก ๆ “ใครบอกว่าข้ากำลังซ่อนตัวอยู่?”
“ไม่ใช่หรอกหรือ?” มู่ไป๋ไป่ประสานนิ้วแล้วพูดว่า “ท่านออกจากห้องแต่เช้าแล้วก็กลับดึกทุกวัน แถมยังทำตัวมีลับลมคมในอีก”
“การจะได้พบหน้าท่านนั้นยากเย็นเหลือเกิน”
“และยิ่งเราเดินทางเข้าใกล้ชายแดนมากเท่าไหร่ ท่านก็ยิ่งหายตัวไปนานมากขึ้นเท่านั้น”
“ข้าเดาอะไรผิดไปหรือไม่?”
“...” อวี้เซิ่งที่ฟังคำพูดยาวเหยียดของเจ้าตัวเล็กก็นิ่งเงียบไป
มู่ไป๋ไป่ไม่รู้ว่าตัวเองเดาผิด หรือว่าที่เธอเดามานั้นไม่ได้ใกล้กับความเป็นจริงเลย?
“ข้าเดาผิดอย่างนั้นหรือ?” เด็กหญิงรู้คำตอบได้ทันทีเพียงแค่มองสีหน้าเขา นั่นทำให้เธอรู้สึกไม่พอใจขึ้นมา “แล้วทุกวันนี้ท่านทำอะไรอยู่?”
“อวี้เซิ่ง อย่าคิดว่าข้าเป็นเด็กแล้วท่านจะรังแกกันได้ง่าย ๆ!”
“เชื่อหรือไม่ว่าหลังจากที่เรากลับไปถึงเมืองหลวง ข้าจะฟ้องท่านพ่อ!”
พอนักฆ่าหนุ่มได้ยินคำพูดของเด็กน้อย เขาก็ยิ้มจาง ๆ “ฟ้องก็ฟ้องไปสิ ท่านควรคิดถึงตัวเองก่อนหรือไม่ อย่าลืมว่าท่านแอบหนีมากับพี่ชายของท่าน แล้วคนที่อยู่ในวังหลวงก็ยังไม่มีใครรู้ว่าท่านมาถึงชายแดนแล้ว”
“...” มู่ไป๋ไป่ที่ถูกตอกกลับพูดไม่ออกทันที
“ถ้าท่านคิดจะฟ้องร้องข้า เราก็ไปตายพร้อมกัน” อวี้เซิ่งพยักหน้าให้เจ้าตัวเล็กอย่างเจ้าเล่ห์ “ว่าอย่างไร ท่านอยากลองดูหรือไม่?”
ทางด้านเด็กหญิงได้แต่ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน
ทำไมก่อนหน้านี้ตอนที่อยู่ในวังหลวงเธอถึงไม่รู้ว่ามือขวาของท่านพ่อจะเจ้าเล่ห์ได้มากขนาดนี้?
“ท่านไม่ต้องกังวล” หลังจากอวี้เซิ่งหยอกล้อมู่ไป๋ไป่มามากพอสมควรแล้ว เขาก็หุบยิ้มทันที “นี่เป็นคำสั่งของพี่ชายท่าน หากไม่มีคำสั่งของเขา ข้าจะกล้าลงมือได้อย่างไร?”
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 61
- 👍 ถูกใจ
แสดงความคิดเห็น