บทที่ 146: เมืองชิงหยาง
เสียงของเซียวถังอี้ที่ตอบมาฟังดูไกล ๆ องครักษ์ตกตะลึงอยู่นานก่อนที่จะรู้ว่ามันสายเกินไปแล้วที่จะไล่ตามอีกฝ่ายไป
ระยะเวลาการเดินทางจากเมืองหลวงมุ่งสู่ชายแดนอย่างเร็วที่สุดจะใช้เวลา 10 วันครึ่ง เนื่องจากมีมู่ไป๋ไป่ติดตามมาด้วย มู่จวินฝานจึงชะลอการเดินทางลง พอเดินทางผ่านเมืองใหญ่เขาก็จะพามู่ไป๋ไป่ไปชิมอาหารท้องถิ่นและเพลิดเพลินกับความรุ่งเรืองภายในเมือง
ระหว่างทางเด็กหญิงมีความสุขมาก เธอรู้สึกเหมือนได้ท่องเที่ยวไปทั่วแคว้นเป่ยหลงแบบหรูหราโดยไม่เสียเงินแม้ตำลึงเดียว
ในวันนี้ทุกคนแวะพักอยู่ในเมืองชิงหยางซึ่งอยู่ใกล้ชายแดนที่สุด
เมืองชิงหยางล้อมรอบด้วยภูเขาทั้ง 3 ด้านจึงทำให้มีทิวทัศน์ที่ดี ทันทีที่มู่ไป๋ไป่เข้าไปในเมืองดังกล่าว เธอก็ถูกวิวทิวทัศน์ที่แตกต่างไปจากเมืองหลวงอย่างสิ้นเชิงเหล่านี้ดึงดูดความสนใจไป
“ท่านรัชทายาท ที่นี่งดงามมาก” คนตัวเล็กหันหน้ามองไปรอบ ๆ ด้วยความรู้สึกตื่นตาตื่นใจ พร้อมเอ่ยชื่นชมทิวทัศน์รอบด้านสลับกับหันไปพูดคุยกับพี่ชาย
“ทิวทัศน์ที่นี่งดงามทีเดียว” มู่จวินฝานเองก็พยักหน้าเห็นด้วย “ถ้าไป๋ไป่ชอบ เรารั้งอยู่ที่นี่ต่ออีกสัก 2-3 วันดีหรือไม่?”
“ไม่จำเป็นเพคะ” มู่ไป๋ไป่ส่ายหัวไปมา แม้ว่าเธอจะรู้สึกมีความสุขมากในเวลานี้ แต่เธอก็รู้ว่ายังมีเรื่องสำคัญที่ตนต้องไปจัดการอยู่อีก “คราวนี้เราเดินทางมาที่นี่เพื่อจะไปตรวจสอบสถานการณ์ของแคว้นหนานซวนที่ชายแดน ดังนั้นเราจะมาล่าช้าเพราะข้าไม่ได้”
“ถ้าอยากจะเที่ยวเล่น เอาไว้ขากลับเราค่อยแวะมาก็ได้เพคะ”
เมื่อมู่จวินฝานได้ยินว่าน้องสาวเป็นคนที่รู้ความมากเพียงใด เขาก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ “ไม่เป็นไรหรอก ตั้งแต่ที่เราเดินทางออกจากเมืองหลวง ข้าได้สั่งให้องครักษ์ลับมุ่งหน้าไปสืบสวนที่ชายแดนก่อนแล้ว”
“ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาพวกเขาก็รายงานเกี่ยวกับแคว้นหนานซวนเข้ามาเรื่อย ๆ”
“เข้าใจแล้ว…” มู่ไป๋ไป่เงยหน้าขึ้นและยกนิ้วชื่นชมพี่ชายพร้อมกับยิ้มกว้าง “มิน่าล่ะท่านพี่ถึงพาข้าแวะเที่ยวตลอดทาง ที่แท้ก็คิดเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว สมกับเป็นท่านจริง ๆ”
“จริงหรือ? นอกจากเรื่องกินกับนอนแล้วเจ้ายังรู้จักทำอย่างอื่นด้วยหรือ?” เจ้าส้มบ่นขึ้นมาขณะที่โผล่หัวออกมาจากกระเป๋าด้านหน้าของเด็กหญิง
มู่ไป๋ไป่ที่ได้ยินดังนั้นก็ส่ายหัวด้วยท่าทางดูถูก “นี่เจ้ากำลังพูดถึงข้าหรือพูดถึงตัวเองกันแน่?”
แมวอ้วนตัวนี้สัญญากับเธอก่อนออกเดินทางว่าจะช่วยเธอดูแลเหล่าสัตว์ป่าที่ติดตามมาด้วย
แล้วเป็นอย่างไรล่ะ?
มันเอาแต่นอนอุตุอยู่ในกระเป๋าของเธอตลอดทาง!
“แน่นอนว่าข้ากำลังพูดถึงเจ้า” เจ้าส้มวางคางไว้บนขอบกระเป๋าพลางมองไปรอบ ๆ “เมื่อไหร่จะถึงโรงเตี๊ยม ข้าหิวแล้วเนี่ย”
“...”
“ไป๋ไป่ เจ้าส้มเป็นอะไรไปหรือ มันไม่สบายตรงไหนหรือไม่?” ระหว่างทางมู่จวินฝานเริ่มคุ้นเคยกับการที่มู่ไป๋ไป่และแมวอ้วนตัวนี้พูดคุยกันแล้ว เขาพบว่ามันน่าสนใจมาก และเขาก็ลองคาดเดาว่าเจ้าส้มต้องการจะสื่ออะไรเป็นครั้งคราว
แม้ว่า… เขาจะเดาผิดทั้งหมดก็ตาม
“มันไม่เป็นไรเพคะ” คนตัวเล็กส่ายหัวตอบ “เจ้าแมวอ้วนมันหิวแล้ว”
“อีกแล้วหรือ?” เด็กหนุ่มประหลาดใจมากเมื่อได้ยินเช่นนั้น “ก่อนหน้านี้มันเพิ่งกินเนื้อชิ้นใหญ่เข้าไปไม่ใช่หรือ?”
ตอนที่อยู่ในวังหลวงเขาไม่ได้สังเกตเรื่องนี้มาก่อน แต่หลังจากที่ได้ออกมาข้างนอก เขาก็รู้ว่าแมวส้มตัวนี้กินเก่งมากแค่ไหน
“ฮึ! มันก็แค่เนื้อชิ้นเดียวเอง” เจ้าส้มมองค้อนมู่จวินฝาน “มันจะไปพอยาไส้อะไร”
“เจ้าควรกินให้น้อยลงหน่อย!” มู่ไป๋ไป่ทนไม่ไหวแล้วบีบไขมันหน้าท้องของมัน “เจ้าส้ม ข้าไม่อยากบอกหรอกนะว่าถ้าขืนยังกินจุเช่นนี้ต่อไป เจ้าจะเดินไม่ไหวแล้ว”
“เดินไม่ได้กับผีสิ!” แมวตัวอวบอ้วนโต้เถียงพร้อมกับฟาดมือเจ้าตัวเล็ก “ข้าเก่งจะตาย ไม่เหมือนกับที่เจ้าบอกหรอก”
“เช่นนั้นเจ้าก็ออกแรงวิ่งหน่อยแล้วกัน” เด็กหญิงกำลังรอประโยคนี้อยู่และกระซิบบอกมันอย่างรวดเร็วว่า “ช่วยไปดูเจ้าแมวยักษ์หน่อย แล้วบอกพวกมันว่าข้าจะพักอยู่ที่เมืองชิงหยางสัก 2-3 วัน ให้พวกมันซ่อนร่องรอยของตัวเองให้ดี”
“...สั่งได้สั่งดีจริง ๆ” เจ้าส้มเหลือบมองมู่จวินฝานที่ลงจากม้าแล้วพูดด้วยน้ำเสียงโกรธเคืองว่า “ถ้าอยากให้ม้าวิ่ง ก็ต้องป้อนอาหารให้มันก่อนใช่หรือไม่?”
“อย่างน้อยก็รอให้ข้ากินอิ่มก่อนแล้วค่อยไป”
“ถ้ารอเจ้ากินเสร็จเดี๋ยวมันจะสายเกินไป!” มู่ไป๋ไป่รีบยัดเนื้อที่เหลือตั้งแต่เช้าให้อีกฝ่ายทันที “นี่ เอาไปกินระหว่างทาง รีบไปรีบกลับเร็วเข้า”
“ไม่ต้องห่วง ข้าจะเก็บอาหารไว้ให้เจ้า”
พอมีเนื้อหอม ๆ ถูกยัดเข้ามาในปาก เจ้าส้มก็ไม่สามารถปฏิเสธได้ มันเหลือบมองคนตัวเล็กก่อนจะกระโดดลงจากหลังม้าไป
เพียงแต่ว่าไขมันส่วนเกินดูจะมีมากเกินไป ทันทีที่มันตกลงบนพื้น มันก็เสียการทรงตัวและโซเซไปมา
“...” มู่ไป๋ไป่ที่เห็นภาพตรงหน้าก็ได้แต่ตกตะลึง
ทางด้านเจ้าก้อนไขมันที่ทรงตัวได้แล้วก็มองย้อนกลับไปด้วยสีหน้าบูดบึ้ง มันเขม็งมองเด็กหญิงพลางขู่ว่า “เมื่อกี้เจ้าไม่เห็นอะไรทั้งนั้น!”
เจ้าส้มหรี่ตาเป็นการขู่สำทับ ก่อนที่มันจะหันหลังมุ่งหน้าเข้าไปในชายป่า
“ไป๋ไป่ มาสิ พี่จะช่วยอุ้มเจ้าลง” มู่จวินฝานรอให้คนของเขาไปจัดการเรื่องห้องรวมถึงทุกอย่างในโรงเตี๊ยมให้เสร็จก่อน จากนั้นเขาจึงหันกลับมาพร้อมยื่นมือไปทางมู่ไป๋ไป่ “อ้าว เจ้าส้มไปไหนแล้ว?”
เด็กหนุ่มอุ้มน้องสาวเอาไว้แล้วรู้สึกว่าตัวนางเบากว่าปกติ เขาจึงมองดูกระเป๋าย่ามที่แต่เดิมมีแมวตัวใหญ่อยู่ด้านใน
เด็กหญิงกลั้นยิ้มพลางกะพริบตาอย่างใสซื่อ แล้วหาข้ออ้างต่าง ๆ นานามาบอกเขาว่า “อ่า ดูเหมือนว่ามันจะหิวมากจึงหนีออกไปหาอาหารกินเองแล้ว”
“ท่านพี่ไม่ต้องห่วง อีกสักพักมันจะกลับมาเอง”
มู่จวินฝานไม่ได้กังวลว่าเจ้าส้มจะหลงทาง เพราะถึงอย่างไรแมวตัวนั้นก็เป็นแมวทรงเลี้ยง
ไม่ว่ามันจะไปไหนมันก็มีสัญชาตญาณที่สามารถหาทางกลับบ้านของตัวเองได้อยู่ดี
“คุณชาย คุณหนู ห้องพักในโรงเตี๊ยมทำความสะอาดเรียบร้อยแล้ว เชิญพวกท่านเข้าไปด้านในได้เลย” เถ้าแก่โรงเตี๊ยมได้เป็นคนนำพวกเขาทั้ง 2 เข้าไปด้านใน
“บังเอิญที่ท่านทั้ง 2 มาถึงก่อน หากมาช้ากว่านี้เกรงว่า 2 ห้องสุดท้ายคงจะไม่เหลือแล้ว”
“ฟังจากสิ่งที่เถ้าแก่พูด ช่วงนี้เมืองชิงหยางดูเหมือนจะคึกคักมากเป็นพิเศษ” มู่จวินฝานเหลือบมองห้องโถงของโรงเตี๊ยมโดยที่ไม่มีใครสังเกตเห็นสายตาสำรวจของเขา และเขาเห็นผู้คนจำนวนมากกำลังนั่งกินดื่มอาหารอยู่โดยที่แต่ละคนมีอาวุธติดตัว เพียงแค่มองปราดเดียวก็บอกได้ว่าพวกเขาไม่ใช่คนธรรมดา
“ฮ่า ๆ ถูกต้อง” เถ้าแก่ยิ้มและแทบทนไม่ไหวที่จะเอ่ยถึงมัน “ข้าน้อยอยากจะรู้ว่าท่านทั้ง 2 รู้จักนักดาบหิรัณย์ผู้โด่งดังในยุทธภพหรือไม่?”
“เขาเป็นนักดาบหิรัณย์แห่งเมืองชิงหยาง”
“ในอีกไม่กี่วันข้างหน้าก็จะเป็นวันคล้ายวันเกิดปีที่ 50 ของนักดาบหิรัณย์จินต้าเสีย มีคนร่ำลือกันว่าหลังจากงานเลี้ยงวันเกิดปีนี้ จินต้าเสียจะถอนตัวออกจากยุทธภพ”
“ดังนั้นจอมยุทธ์จากทั่วสารทิศจึงได้เดินทางมารวมกันอยู่ที่นี่เพื่อเฉลิมฉลองให้กับจินต้าเสีย”
มู่จวินฝานไม่ค่อยมีความรู้เกี่ยวกับเรื่องในยุทธภพมากนัก ดังนั้นเขาจึงพยักหน้ารับอย่างไม่ใส่ใจเมื่อได้ยินสิ่งที่เถ้าแก่พูด
พอเถ้าแก่เห็นว่าแม้เด็กหนุ่มกับเด็กหญิง 2 คนนี้จะแต่งตัวดูเรียบง่าย แต่พวกเขาก็ค่อนข้างจะสำรวมกิริยา ดังนั้นเขาจึงรู้ว่าทั้ง 2 ไม่ใช่คนในยุทธภพ เขาจึงไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้เพิ่มเติม เขาเพียงแค่พาแขกเข้าไปส่งถึงในห้องส่วนตัวก่อนจะถอยกลับไป
มู่ไป๋ไป่หันไปมองแผ่นหลังของเถ้าแก่พลางครุ่นคิดว่านักดาบที่มีชื่อเสียงทำไมต้องวางมือในวันเกิดปีที่ 50 ด้วย?
ตามความเข้าใจของเธอเกี่ยวกับกฎเกณฑ์ในยุทธภพ เธอมั่นใจว่างานเลี้ยงวันเกิดของ ‘จินต้าเสีย’ จะต้องมีบางอย่างเกิดขึ้นแน่
พอคิดได้ดังนี้เธอก็อดถอนหายใจไม่ได้
“มีอะไรหรือ?” มู่จวินฝานก้มลงมาถามคนตัวเล็กกว่าด้วยสีหน้าจริงจังขณะมองสำรวจน้องสาว “อะไรที่ทำให้ไป๋ไป่ต้องเป็นกังวลถึงเพียงนี้?”
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 62
- 👍 ถูกใจ
แสดงความคิดเห็น