บทที่ 63: จับชู้
“ข้าไม่ได้โง่ขนาดนั้น” มู่ไป๋ไป่ฮัมเพลงอย่างมีความสุข “แค่มีปิ่นปักผมอย่างเดียวไม่พอ ดังคำกล่าวที่ว่า จับโจรจับของกลาง จับชู้จับทั้งคู่* ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลา”
*เป็นสำนวนเปรียบเทียบ กล่าวถึงการจัดการเรื่องราวถูกผิด ต้องดูตามข้อเท็จจริง
ขณะที่พูดมู่ไป๋ไป่ก็เดินมาถึงตำหนักตงกง
ในความเป็นจริงเธอมุ่งหน้ามาหามู่จวินฝานเพื่อหาคนคอยปกป้องหลัวเซียวเซียว
“เจ้าต้องการยืมองครักษ์เงาของข้าอย่างนั้นหรือ?” เด็กหนุ่มได้ยินคำขอของน้องสาวจึงวางม้วนตำราในมือลง
ช่วงนี้มู่จวินฝานเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว ในเวลาเพียง 1 เดือนเขาก็สูงขึ้นและหน้าตาของเขาก็เริ่มแตกหนุ่ม
ปัจจุบันเขาดูหล่อมากขึ้นเรื่อย ๆ และมู่ไป๋ไป่ก็ต้องตกตะลึงอยู่พักใหญ่ ก่อนจะถอนหายใจพลางบ่นกับตัวเองว่าทำไมพี่ชายของเธอถึงหล่อมากขนาดนี้
“อั๊ยยะ!” เจ้าตัวเล็กปีนขึ้นไปนั่งบนเก้าอี้โดยไม่สนมารยาทผู้ดี แล้วเบียดตัวเข้าหาองค์รัชทายาท
จากนั้นเธอก็ยื่นมือเล็ก ๆ ออกไปคว้าขนมมา 2 ชิ้น โดยที่ชิ้นหนึ่งเอาเข้าปากตัวเอง ส่วนอีกชิ้นป้อนให้กับเจ้าส้ม
“ทำไมล่ะ?” มู่จวินฝานรู้สึกมีความสุขที่เห็นน้องสาวกินขนมอย่างเอร็ดอร่อย แล้วเขาก็อดไม่ได้ที่จะหยิบขนมมากินชิ้นหนึ่งเช่นกัน
ดูเหมือนว่าทุกอย่างจะเป็นเช่นนี้เสมอ ตราบใดที่เขาอยู่กับมู่ไป๋ไป่ สิ่งที่เขามักจะรู้สึกว่าน่าเบื่อกลับกลายเป็นเรื่องที่น่าสนใจขึ้นมา
“ก็… ช่วงนี้ไป๋ไป่ฝันร้าย” เด็กน้อยกะพริบตาปริบ ๆ ดูไร้เดียงสาและเริ่มแต่งเรื่องแปลก ๆ ขึ้นมา “ในทุก ๆ วันไป๋ไป่จะต้องสะดุ้งตื่นจากฝันร้าย และมักจะรู้สึกเสมอว่ามีคนพยายามทำร้ายไป๋ไป่”
“หึ ช่างน่าขันยิ่งนัก” เจ้าส้มที่อยู่บนตักของมู่ไป๋ไป่เงยหน้าที่เต็มไปด้วยเศษขนมเล็ก ๆ ขึ้นแล้วบ่นว่า “ตอนที่ข้าสะดุ้งตื่นกลางดึก ข้าเห็นว่าเจ้านอนหลับลึกกว่าใคร ๆ แม้แต่เสียงร้องของข้ายังไม่สามารถปลุกเจ้าได้เลยด้วยซ้ำ”
เด็กหญิงรีบยัดขนมอีกชิ้นเข้าไปในปากแมวอ้วนด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก และคราวนี้มันก็สามารถปิดปากของอีกฝ่ายได้พอดิบพอดี
“ฝันร้ายอย่างนั้นหรือ?” มู่จวินฝานมีสีหน้าเคร่งขรึมเมื่อได้ยินเช่นนี้ “เจ้าได้ให้หมอหลวงมาตรวจหรือยัง?”
“แต่ไป๋ไป่ไม่อยากกินยา” ทันทีที่มู่ไป๋ไป่ได้ยินคำว่า ‘ยา’ ใบหน้าเล็ก ๆ ก็ย่นเข้าหากัน “ท่านพี่รัชทายาท ได้โปรดให้ไป๋ไป่ยืมองครักษ์เงาของท่านเถอะ หากมีพวกเขาคอยปกป้อง ไป๋ไป่จะได้นอนหลับอย่างสงบสุข”
ก่อนหน้านี้เธอได้เห็นฝีมือองครักษ์เงาของพี่ชายกับตาตัวเองในตอนที่เธอออกจากวังหลวง หากมีองครักษ์เงาอยู่เคียงข้างหลัวเซียวเซียว เวลาที่เกิดอะไรขึ้น พวกเขาจะต้องสังเกตเห็นอย่างแน่นอน
มู่ไป๋ไป่รู้สึกว่าวิธีการของเธอช่างดีงามยิ่งนัก
มู่จวินฝานคาดเดาว่าน้องสาวคงจะรู้สึกหวาดกลัวเพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับหลัวเซียวเซียว เขาจึงได้เรียกเจี่ยอีมาและสั่งให้เขาพาคนครึ่งหนึ่งไปคอยปกป้ององค์หญิงหก
มู่ไป๋ไป่รู้สึกดีใจที่เรื่องนี้จบลงอย่างง่ายดาย และเธอก็ได้ร่วมรับประทานอาหารกลางวันกับผู้เป็นพี่ชายก่อนจะกลับไปยังตำหนักอิ๋งชุน
“เจ้าส้ม…” หลังจากเด็กหญิงกลับมาถึงห้อง เธอก็กอดแมวตัวอ้วนท้วนสมบูรณ์แล้วยิ้มให้มันอย่างมีความนัย “เจ้าช่วยข้าอีกอย่างได้หรือไม่?”
“มนุษย์ช่างโลภยิ่งนัก! ข้าทำอะไรไปตั้งหลายอย่างเพื่อเจ้า” แมวส้มเอ่ยปากบ่น ก่อนที่จะพบมู่ไป๋ไป่ เดิมทีมันเป็นแมวทรงเลี้ยงที่อยู่อย่างไร้กังวล วัน ๆ มันมีแต่เรื่องกินกับนอนเท่านั้น
แต่ตอนนี้…
มันเกือบจะกลายเป็นผู้ติดตามของเด็กคนนี้ไปแล้ว การที่ถูกนางใช้งานอยู่ทุกวันมันเป็นอันตรายต่อความสง่างามในฐานะแมวทรงเลี้ยงมาก
“ใช่ ๆ เจ้าส้มของเรามีความสามารถที่สุด และคนที่มีความสามารถเช่นนี้ก็ควรมีโอกาสได้แสดงฝีมือของตัวเอง” มู่ไป๋ไป่ลูบขนของมันพร้อมกับพูดปลอบ “และเรื่องนี้ก็เกี่ยวข้องกับเจ้าเช่นกัน”
“เจ้าไม่ได้ขอให้ข้าช่วยล้างแค้นลี่เฟยหรอกหรือ? ตอนนี้โอกาสมาถึงแล้ว!”
ระหว่างทางกลับเมื่อครู่นี้ เธอคิดวางแผนอยู่ในใจ คราวนี้เธอกับลี่เฟยได้เกิดความบาดหมางครั้งใหญ่ และอีกฝ่ายคงจะพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อแก้แค้นเธออย่างแน่นอน
แทนที่จะเอาเวลามานั่งรอความตาย เธอเป็นฝ่ายเริ่มก่อนไม่ดีกว่าหรือ?
ถึงเวลาจัดการกับผู้หญิงสารเลวที่มีชู้ลับหลังพ่อเธอแล้ว!
“หืม?” เจ้าส้มหูกระดิกทันที ก่อนจะแค่นเสียงเยาะเย้ยในลำคอ “เจ้าคิดจะทำอะไร?”
“อิอิ ง่ายมาก ก็แค่จับชู้ ดูเหมือนว่าอวี้เซิ่งจะไม่ยอมลงมือ นี่ก็ผ่านมาตั้งนานแล้ว เขายังไม่ได้นำเรื่องที่ลี่เฟยแอบมีชู้รายงานแก่ท่านพ่อของข้าเลย ถ้าอย่างนั้นข้าก็คงต้องจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเอง”
มู่ไป๋ไป่ยิ้มเจ้าเล่ห์และกระซิบกับแมวตัวโตว่า “ในช่วงนี้ เจ้าช่วยข้าจับตาดูลี่เฟยเอาไว้หน่อย”
“ถ้าเจ้าเห็นนางถอดเสื้อและทะเลาะกับใครอีกให้รีบมาบอกข้าทันที”
“แล้วข้าจะไปบอกท่านพ่อ!”
หลังจากเจ้าส้มได้ยินแผนการของคนตัวเล็ก มันก็พยักหน้าแล้วตอบว่า “เรื่องนี้ง่ายมาก”
จากนั้นมันก็กระโดดออกไปนอกหน้าต่างก่อนจะมุ่งหน้าตรงไปยังตำหนักชิงเหอ
มู่ไป๋ไป่เห็นดังนั้นก็ปัดมือด้วยความรู้สึกพึงพอใจ แม้ว่าเจ้าส้มจะค่อนข้างหยิ่งผยองไปบ้าง แต่มันก็ยังใช้การได้ในยามที่ต้องการ
ด้วยนิสัยของลี่เฟย เธอรู้สึกว่าเธอไม่จำเป็นจะต้องรอนานเกินไป
แน่นอนว่ายามบ่ายของอีก 3 วันต่อมา แมวสีส้มตัวอ้วนก็กระโดดลงมาจากท้องฟ้าลงมาหามู่ไป๋ไป่ที่กำลังกินเมล็ดแตงโมกับหลัวเซียวเซียว
“เร็ว ๆ เร็วเข้า!” เจ้าส้มตะโกนใส่คนตัวเล็กเสียงดัง “ลี่เฟยกับองครักษ์คนนั้นกลับมาพบกันอีกแล้ว พวกเขายังเนื้อตัวเปลือยเปล่าตอนที่ข้าออกมา มันถึงเวลาที่เจ้าจะต้องพามู่เทียนฉงไปที่นั่นพอดี”
“นี่เจ้าส้ม เบา ๆ หน่อยสิ อย่าข่วนเสื้อผ้าขององค์หญิงหก” หลัวเซียวเซียวไม่รู้ว่าเจ้าแมวตัวนี้พูดอะไร ดังนั้นพอนางเห็นมันปรากฏตัวขึ้นกะทันหันแล้วยังตะปบแขนเสื้อขององค์หญิงดึงไปมาไม่หยุด นางจึงรีบเข้าไปห้ามมันเอาไว้ “ชุดนี้เป็นชุดที่หว่านผินปักให้องค์หญิงหกเองเลยนะ”
“ไม่เป็นไร” มู่ไป๋ไป่โบกมือให้สหาย “เจ้าส้มกับข้าจะออกไปข้างนอกสักหน่อย ฝากเจ้าบอกท่านแม่ทีว่าไม่ต้องรอข้า เดี๋ยวข้ากลับมากินข้าวเย็นทีหลัง”
หลังจากพูดจบเธอก็มุ่งตรงไปที่ตำหนักของฮ่องเต้
เธอได้สอบถามมาแล้วว่าช่วงนี้หากไม่มีเหตุการณ์พิเศษอะไร ในเวลานี้มู่เทียนฉงจะจัดการราชกิจอยู่ในตำหนัก ดังนั้นถ้าเธอมาที่นี่จะต้องพบเขาอย่างแน่นอน
ครั้นมู่ไป๋ไป่วิ่งมาได้สักพัก เธอก็เริ่มหมดแรง เธอถอนหายใจกับตัวเองว่าเมื่อไหร่จะโตขึ้นสักที ก่อนจะเรียกองครักษ์เงาของมู่จวินฝานให้มาอุ้มเธอไป
ด้วยความช่วยเหลือจากองครักษ์เงา เด็กหญิงจึงร่อนลงด้านนอกตำหนักโดยใช้เวลาไม่ถึง 1 ถ้วยชา
ส่วนองครักษ์เงาก็ไม่ได้ถามเธอว่ามาทำอะไรที่นี่ เขาแค่วางเธอลงและหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย
ขณะนี้มู่ไป๋ไป่ไม่มีเวลาให้คิดมาก ดังนั้นเธอจึงจัดเสื้อผ้าของตัวเองให้เข้าที่ ปรับลมหายใจให้ช้าลง จากนั้นจึงวิ่งเข้าไปหามู่เทียนฉง
พออันกงกงที่เฝ้าอยู่ด้านหน้าประตูเห็นว่าเธอวิ่งเข้ามา เขาก็ปล่อยให้เธอเข้าไปโดยไม่แม้แต่จะไปขออนุญาตฝ่าบาทด้วยซ้ำ
เพราะนี่คือคำสั่งของฮ่องเต้
“ท่านพ่อ! ไป๋ไป่มีเรื่องจะถามท่าน!” มู่ไป๋ไป่คารวะผู้เป็นพ่ออย่างนอบน้อม ก่อนจะโน้มตัวไปข้างหน้าแล้วยิ้มกว้างเผยให้เห็นเขี้ยวเล็ก ๆ 2 ข้าง
มู่เทียนฉงเลิกคิ้วเป็นการถาม และใบหน้าที่เย็นชาของเขาก็อ่อนลงทันที
ขณะเดียวกันนั้น ในดวงตาของเขามีรอยยิ้มเล็ก ๆ ปรากฏอยู่ “เราเองก็สงสัยอยู่ว่าเวลานี้ทำไมเจ้าไม่นอนกลางวัน แล้วยังมาที่ตำหนักเราอีก ที่แท้เจ้ามีบางอย่างอยากจะขอนี่เอง”
ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา มู่ไป๋ไป่บอกกับพ่อว่าจะคอยอยู่ดูแลหลัวเซียวเซียวที่กำลังพักฟื้น แต่ความเป็นจริง เธอเอาแต่กินนอนอยู่ในตำหนักอิ๋งชุนทุกวัน ทำให้เธอรู้สึกอึดอัดมาก
เมื่อเด็กน้อยถูกมู่เทียนฉงเปิดโปง เธอก็ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้แล้วหัวเราะกลบเกลื่อน “ไป๋ไป่เคยเล่าให้ท่านฟังแล้วใช่หรือไม่ว่าไป๋ไป่นอนไม่หลับ? ครั้งที่แล้วเป็นเพราะเรื่องของไป๋ไป่จึงทำให้งานฉลองวันเกิดของลี่เฟยต้องวุ่นวาย ไป๋ไป่รู้สึกไม่สบายใจ ไป๋ไป่จึงอยากจะไปขอโทษลี่เฟยด้วยตัวเองมาตลอด”
“หืม?” ฮ่องเต้หนุ่มวางพู่กันในมือลงแล้วถามว่า “ทำไมไป๋ไป่ถึงคิดเช่นนั้น?”
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 43
แสดงความคิดเห็น