3. ส่วนเกินหัวใจ

-A A +A

3. ส่วนเกินหัวใจ

คำโปรย

ส่วนเกิน คือข้า...บ่าใช่ เจ้า

----------------

 

ต้นเหมันตฤดูของอาณาจักรขอมแห่งนี้ อากาศเริ่มหนาวเย็น ยามสอง ณ ราตรีนี้ ฟ้าสูงไร้เมฆาบดบังจันทราคราอับแสงในช่วงกาฬปักษ์ จึงเห็นหมู่ดาวบนฟากฟ้าส่องแสงประกายระยิบระยับ

“ศิขิน...เจ้าแหงนหน้าขึ้นบนฟ้า โพ้น...ดาวจิตรา...!!!” กมรเตงทรงชี้ขึ้นบนท้องฟ้าเหนือพระเศียร แล้วดึงร่างสวยน้อยโอบไหล่ให้มองตาม ดาวรูปรวงข้าวปรากฏอยู่ใต้เส้นศูนย์สูตรล่าง บนฟากฟ้าที่แบ่งด้วยการมองเส้นสมมุติ

“เพคะ...ข้าเจ้าเบิ่งแล...ว่าสุกใสงามยิ่ง” ศิขินยืนเคียงข้างพระองค์

“ฤกษ์ยามรติกาลนี่ ลุงเจ้า...หื้อข้าขอลูกเอากับเจ้า...” พระองค์คงทรงปรึกษาราเชนทรบัณฑิต ลุงของศิขินในภพย้อนอดีตนี้แล้ว

“เพคะ...ข้าเจ้าจักขอหื้อพระองค์ได้ดั่งพระประสงค์” ใจคอสาวน้อยต่างมิติหวั่นเกรงเหลือเกินขณะทูลพระองค์

“ข้าบ่าอยากหื้อเจ้าไปล่ะ... แก้วกัญญาจักช่อยยาน้อยได้ ข้าอยากเอาลูกก่อนข้าละพารา”

“พระองค์จะทรงเสด็จไปตี้แห่งใดฤา” ศิขินใจหายวูบ

“ข้าเว้าหื้อเจ้าแต่ผู้เดียว... ข้าอยากส่องเบิ่งมันเอาแก้วกัญญา...หื้อข้าซำบายใจ ก่อนข้าละไปเชลียง” กมรเตงมองเธออย่างรักใคร่ ทรงปรารถนาอยากมีรัชทายาทกับเธอ

“มา...มา ตี้นี่... ยืนประชิดข้า ขอดาวจิตรามีลูกหื้อข้า...” พระพักตร์ทรงอิ่มเอมปิติ

“เพคะ...”

 

ศิขินน้ำตาซึม เธอมาไกลเกินกว่าที่คาดคิดไว้แล้ว จะออกจากมิตินี้สู่ยุคอนาคตได้อย่างไร

 

พระองค์ทรงผายพระหัตถ์ขึ้นบนฟากฟ้า หลับพระเนตรแล้วเปล่ง

“สาธุ... หื้อองค์พระศรีบนเทิงช่อยข้าแลเจ้า...มีลูก ณ ยามนี่”

“...ข้าเจ้าขอหื้อพระองค์สมพระประสงค์...เพคะ”

ศิขินนึกอยู่ในใจ ขอให้ทุกย่างก้าวจากนี้เป็นต้นไปสำเร็จ ขอเพียงอย่างเดียว คือ เธอไม่สามารถให้กำเนิดรัชทายาทแก่พระองค์ได้ เธอคือสาวต่างมิติที่ไม่อาจทำให้กาลเวลาในยุคนี้เปลี่ยนประวัติศาสตร์ได้ฉันใด ตัวตนของเธอจึงไม่อาจจะเป็นไปตามแรงปรารถนาแห่งพระองค์ได้ฉันนั้น

 

“จากมื้อนี่ไป...เจ้าต้องฮ้องเห่เอากับข้าทุกโมงยาม ทุกทิวาราตรี” ศิขินสะดุ้งผวาในอ้อมกอดของกมรเตง

“เพ...เพ...คะ” เสียงสาวน้อยห่อเหี่ยวหายไปกับสายลมยามสองแห่งราตรี

“อะหยัง...บ่าพึงใจข้าดอกรึ” สุรเสียงก้องสะท้อนผนังห้องบรรทมอย่างคลางแคลง

“มิได้เพคะ...”

“จังใด...ข้าจึ่งคือส่วนเกินในใจเจ้าดอก...รึ”

“เพคะ... ข้าบ่าฮู้จักฮู้ความเท่าใดนัก” เธอไม่รู้จะทูลพระองค์เยี่ยงไร ได้แต่นิ่งเงียบ

“บ่าฮู้จักฮู้ความ... บ่าอยากเอากับข้า ... จะอยากเอายาน้อย...หา!!!” กมรเตงไม่ทรงพึงใจ สีพระพักตร์เจื่อนเมื่อทรงเอ่ยถึงราชบุตรบุญธรรม

“มิได้เพคะ...พระองค์กรุณาข้ายิ่ง...เมตตาข้าทุกยาม”

“บุญผลาเจ้าคือไผ ...ใช่มัน...รึ”

“มันผู้ใด...เอาเจ้า มันคืออริข้า!!!” สุรเสียงกระแทกกระทั้นชัดเจน

“ข้าจักฮ้องเห่จำเรียงหื้อพระองค์... ราตรีนี้พระองค์จักสมประสงค์...เอาลูกหื้อข้า”      ศิขินทูลพระองค์แหบเบาด้วยความตื่นกลัว

“ข้า...ผีบ้าสิงสู่ ริษยาหื้อยาน้อย ...มา…มาเอาฤกษ์ยามสู่สม...เจ้าจักมีลูกหื้อข้า” พระองค์ตรัสแล้วทรงรั้งร่างสาวน้อยเข้ามากอดไว้ด้วยรู้สึกผิด

 

ทั้งราตรีจนเกือบยามสามใกล้รุ่งสาง พระองค์ทรงสำเร็จอารมณ์แห่งการสู่สมแล้ว จึงทรงเอ่ยเบาๆ

“ศิขิน...ข้าฮักเจ้าเยี่ยงเมียข้า... ข้าจึ่งริษยามันนัก เจ้าหื้อข้าพึงใจ ฤกษ์ยามนี่เยี่ยงพรหมจารีสีชาด ...เจ้าหื้อข้าสุขสมคราแรกตี้เรือนพลับพลากลางพนา ข้าใคร่สู่สมเจ้าทุกเพลา”

 

คืนนี้เป็นคืนในช่วงกาฬปักษ์พละของพระองค์จะถดถอย ทรงตรัสตอนเช้าที่สวนสราญแล้วว่า หากได้ทรงอาบแสงสุริยายามเบิกตะวัน จะช่วยทำให้ยามราตรีทรงพละยิ่ง เป็นจริงดั่งที่ได้ทรงเอ่ยไว้

 

ศิขินแม้จะเหนื่อยเพลียปานใด แต่จำต้องตามใจพระองค์ ด้วยทรงต้องการเธอเกือบทั้งราตรี

“ฮ้องเห่...เบิกสุริยาหื้อข้าสุขสมอีกมื้อ ก่อนลุก...หนา” พระองค์ทรงออดอ้อนดั่งมานพหนุ่มฉกรรจ์

“เพคะ...แต่ข้าเจ้าบ่ามีพละหื้อพระองค์พึงใจดอก...” เสียงแหบแห้งห่อเหี่ยวใจ เธออยากหนีออกจากยุคนี้ทันที ถ้าหากเป็นไปได้

 

หน้าที่ของสนมนางใน คือการปรนนิบัติสนองความต้องการทางเพศ แต่ละวันแทบไม่มีอะไรนอกจากกระทำกิจทางกามารมณ์เพื่อให้เหล่าบุรุษเพศมีความสุข

 

ศิขินกำลังติดกับดักภาระหน้าที่ตรงนี้    กมรเตงทรงวางอุบายปิดทางไว้หมด เพื่อไม่ให้เธอมีโอกาสได้พบราชบุตรแห่งซะวาเชียงทอง และพระองค์ยังได้ตัวเธอสมหทัยปรารถนา

 

“เจ้าบ่าพึงใจตี้สู่สมบนตั่งบรรทม...รึ” พระองค์ยังเคลือบคลาง

“ยังทรงบ่าแล้วใจ ข้ากับยาน้อย...ฤา เพคะ”

“ข้าบ่าละวางใจ วารเบื้องหน้ามันจักเอาเจ้า ...ละทิ้งลูกข้า”

“พระองค์เพคะ...ข้าเจ้าเป็นของพระองค์...... ข้าจักทรยศพระองค์ ไปเอายาน้อย...จังใดได้”

“ข้าจักผิดตี้ผิดเจ้า... ผิดหื้อองค์พระศรีบนเทิง ผิดต่อธรรมคุณตี้พระองค์วางใจข้านะเพคะ”

 

ศิขินทูลพระองค์แล้วดันร่างเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของพระองค์สะอื้นเบาๆ

“เอาล่ะ...ข้ามันผีบ้า...ริษยาหื้อมัน... เกรงมัน!!! จะมาเอาเจ้าผละไปจากข้า”

“พระองค์...คือ ทั้งหมดในหัวใจข้า บ่าใช่ส่วนเกินนะ...เพคะ” คำพาทีนี้ทำให้พระองค์เกิดความใคร่

 

กมรเตงต้องการสรงน้ำและให้เธอร่วมลงในอ่างไม้เพื่อทรงเริงสำราญ พระองค์ไม่เคยได้ทรงเสพสมกับสาวน้อยขบเผาะเยี่ยงนี้มาก่อน ศิขินเป็นสาววัยดรุณที่แตกต่างจากสาวในยุคนี้ ทำให้บุรุษเพศเยี่ยงพระองค์สุดประทับใจร่ำหาแต่เธออย่างไม่มีใครเปรียบปานได้

 

“ศิขิน...เจ้าฮู้จักเอาบทฮ้องเห่จากไผ...มาหื้อข้าเอาสำราญกับเจ้า”

 

สุรเสียงแหบกระเส่าตรงกกหูของสาวน้อย ทำเธอใจวาบหวิว แม้พระองค์จะเข้าสู่วัยกลางคนปลายๆ แล้ว แต่บทเห่พิศวาสที่ต่อจากบทเห่จำเรียงขึ้นต้นของเธอนั้น คือบทเพลงรักซึ่งบรรเลงต่อได้แสนรัญจวนใจยิ่ง แม้สาวน้อยต่างมิติจะไม่ค่อยเข้าใจภาษาเพลงรักของสมัยนี้มากนักก็ตาม

พระองค์ขอให้เธอร้องเห่เอาสำราญกับพระองค์ในอ่างสรงน้ำไปเรื่อยๆ จนเธอมีความสุขถึงที่สุด จึงได้ร้องออกมาประสานเสียงหัวเราะของพระองค์ ส่งให้ดังกังวานลอดออกมาจนเหล่านางกำนัลที่อยู่ด้านนอก ซึ่งกำลังตระเตรียมเครื่องทรงหลังตื่นบรรทม พากันซุบซิบเล่าลือว่า ทรงคลั่งไคล้กับสนมเอกนางนี้ทุกมื้อทุกยาม จนลืมนางในทุกคนแม้กระทั่งพระอัครชายา

 

ศิขินทำให้กมรเตงมีความสุขสำราญอย่างหาใดเทียม แต่ละมื้อแต่ละวารทรงเรียกหาเธอไม่วายเว้น สาวน้อยต่างมิติไม่ต่างจากพระองค์เท่าใดนัก เธอมีความสุขที่สุดตั้งแต่ได้ถวายตัวต่อพระองค์คราแรกที่เรือนพลับพลา ณ เทวาลัยแห่งพระไภสัชยคุรุ

 

ต้นปักษ์ต่อมาเหนือหัวจอมพาราได้ทรงจัดพระราชพิธีสู่ขวัญเหล่าแม่ทัพนายกองรวมทั้งทหารร่วมศึกที่กลับคืนมายังนครา

แล้วสามวันต่อจากนั้น พระองค์ทรงจัดให้มีพระราชพิธีหมั้นหมายพระราชธิดาแก้วกัญญากับพระราชบุตรบุญธรรมพญาน้อยคุ้มเกล้าแห่งซะวาเชียงทอง

 

กมรเตงทรงรับสั่งให้ศิขินเข้าร่วมพระราชพิธีนี้ โดยทรงให้เธอนั่งบนตั่งทองลดหลั่นใกล้กับพระชายาสวันยา

พระองค์ทรงประกาศก้องที่ท้องพระโรงทอง ณ พระตำหนักต้น...

 

“ข้าขอหื้อแก้วกัญญา หมั้นหมายเอายาน้อย ราชบุตรแห่งซะวา วารเบื้องหน้าลูกข้าจักขึ้นครองบัลลังก์เคียงคู่เจ้าซะวาเชียงทอง”

“เพคะ...พระเจ้าข้า” ทั้งสองพระองค์เปล่งเสียงรับพระบัญชาใส่เกล้าลงกระหม่อมพร้อมกัน

 

เสียงประโคมแตรสังข์ดังกึกก้องทั่วราชสำนักศรียโสธรปุระ แลสนั่นกังวานออกไปทั่วพระนคร

 

ศิขินลอบมองยาน้อยตลอดเวลา ว่าที่ราชบุตรเขยของอัญกมรเตงมีสีหน้าเรียบเฉย ไม่ยินดียินร้าย ผิดกับพระธิดาแก้วกัญญายิ้มเบิกบานราวกับโลกทั้งใบเป็นสีชมพู

องค์เหนือหัวรับสั่งให้ทั้งคู่เข้าไปเดินชมสวนสราญข้างพระตำหนักต้น เพื่อให้คู่หมั้นใหม่ได้มีเวลาสนทนากันอย่างใกล้ชิด ซึ่งถือว่าค่อนข้างยากยิ่งสำหรับคนในยุคสมัยโบราณ

 

‘คู่หมั้นป้ายแดง ดูเหมาะสมกันยิ่งกว่าคู่ใด ยาน้อยก็นะ... ควรเอาใจพระธิดา เธอคือคู่ครองอย่างแท้จริงตามประวัติศาสตร์ ไม่ใช่ฉันหรอกนะ อย่ามาปักอกปักใจกับสาวต่างมิติอย่างฉันเลย ไม่รู้วันใดฉันจะหายตัวออกจากมิตินี้ไปสู่โลกอนาคตที่ฉันกำลังเรียนหนังสือยังไม่จบเลย...’ ศิขินแอบถอนหายใจ จนเป็นที่สังเกตของพระชายาสวันยาที่นั่งอยู่ข้างๆ

 

“จังใด...เจ้าจึ่งพะวงกับทั้งคู่” พระชายาเอื้อมมือมาจับฝ่ามือของศิขิน

“ข้าคงบ่าแล้วใจ...มังคะ”

“อะหยัง... ยาน้อยสิวอแวเจ้า...ดอกรึ!!!” พระชายาเข้ามากระซิบถาม

“มิได้...เพคะ”

“เออ...เอย เจ้านี่นา... อัญเพิ้นฮักเจ้าเยี่ยงนี้ หื้อพระองค์ระแวงบ่าได้หนา” พระชายาวิตกแทนศิขิน

 

ณ บริเวณสวนสราญ ระหว่างทั้งคู่เดินชมดอกไม้ยามต้นเหมันต์ ยาน้อยเก็บดอกลำดวนมาส่งให้พระธิดาทัดหู แต่นางกลับส่งคืนให้ชายหนุ่มช่วยทัดให้

“ยาน้อย...ลืมแล้วฤา เจ้าทัดหูหื้อข้าแต่คราข้า...ตัวน้อย” พระธิดาตัดพ้อยาน้อย

“บ่าลืมดอก... บ่าบังควร ยกเอาตนเทียม...พระธิดา” เจ้าชายยิ้มให้นาง

“มดเท็จ...เจ้าบ่าเบิ่งแลข้า... คราข้าเติบใหญ่มา ตำหนักข้าบ่ามีเงาเจ้าเมินนานล่ะนา” นางทำหน้าไม่พอใจชายหนุ่ม

“เจ้าคิดนัก...หื้อใจบ่าซำบาย ต้นราชมาศหน้า...ข้าจะจากเจ้าสู่เทวาลัยพระไภสัช”

 

ยาน้อยถอนหายใจ พระธิดาคือภาระอันยิ่งใหญ่ของเขา กมรเตงทรงรับสั่งฝากฝังให้เขาใกล้ชิดนาง และก่อนลาจากนครานี้ไป ต้องใช้เวลาพบปะสนทนาสนิทสนมกันให้มากที่สุด

 

“ยาน้อย...เจ้าบ่าพึงใจดอกรึ ตี้เจ้าหมั้นเอาข้า” พระธิดาถามตรงใจ

“บ่าใช่ดั่งว่า... ข้าพึงใจเจ้า ... ข้าฮักห่วงเจ้าดั่งน้องน้อย”

“เว้าซื่อๆ เจ้าฮักศิขิน...ดอกรึ”

“อืมม...เออ เอย บ่าต้องคิดนัก มื้อนี่เจ้าคือคู่หมายข้าล่ะ...”

“เว้ามา...ในใจเจ้า ส่วนเกินคือข้า...!!!” พระธิดาดุและงอนชายหนุ่ม

“ส่วนเกิน คือข้า...บ่าใช่ เจ้า...แก้วกัญญา” ยาน้อยรีบตัดบท เกรงว่าเพลิงที่คุกรุ่นอยู่ตลอดมาจะลุกโชนขึ้น

“จังใด...ข้าบ่าแจ้งใจ เว้าหื้อชัดแจ้ง”

“บ่ามีข้าตี้นี่ ... อัญเพิ้นจักวางใจ ข้าคือ ส่วนเกิน ในใจเพิ้น แลพระธิดาจักวางพระทัย...เจ้าจักต้องออกจากพระนครไปหาข้าตี้เทวาลัย...บ่าใช่รึ”

ยาน้อยย้ำเตือนเรื่องรับสั่งให้ทั้งคู่ ไปซ่องสุมนำกำลังพลเตรียมศึกชิงบัลลังก์ โดยฐานที่มั่นอยู่ที่เทวาลัยพระไภสัชยคุรุ

“เว้าซื่อๆ ...ศิขิน ยังอยู่กลางใจเจ้า... เว้ามา...ข้าพึงยินดีตี้เจ้ารับคำ” เธอยังคะยั้นคะยอทำหน้าไม่พึงใจเท่าใด

“เจ้าคิดจังใด... ข้าจำรับคำ...บ่าใช่รึ”

 

เสียงสะอื้นเบาๆ ของพระธิดาทำเอาชายหนุ่มสะดุ้ง ไม่คิดว่านางจะกะบึงกะบอนเอากับเขาถึงเพียงนี้ เขาเข้าไปโอบกอดร่างสาวน้อยที่ครั้งหนึ่งยังเยาว์วัย เขาคอยทะนุถนอมเธอประดุจน้องสาว ตามปกป้องหวั่นเกรงว่าจะเกิดภยันตรายกับพระธิดาน้องน้อยของเขา

 

“เออ...เอย จังใดจึ่งน้ำตาเล็ดน้ำตาพร้อย... พิโรธหื้อข้า...รึ จะบ่างามหนา...” ยาน้อยจับคางเธอเชิดขึ้นเอานิ้วก้อยปาดน้ำตาให้ และกอดเธอไว้แน่น

“เจ้าหื้อข้าคิดนัก... บ่าเบิ่งแลข้าเมินนาน... ข้าพะวงยิ่ง...ใจเจ้าบ่ามีข้าล่ะนา” พระธิดาซบแผงอกที่เปลือยเปล่าของชายหนุ่ม เอ่ยอย่างเว้าวอน

“จังใด... ว่าข้าเยี่ยงนั้น เจ้าคือบุญผลาข้า...หนา” ยาน้อยจูบหน้าผากกลมมนของพระธิดา แล้วเอาจมูกไล้ลงมาที่แก้มนวล ก่อนจะบรรจงประทับรอยจุมพิตที่ริมฝีปากเรียวบางนั้นอย่างเย้ายวน

 

เขาผละออกจากริมฝีปากของเธอแล้วส่งยิ้มให้อย่างพึงใจ ก่อนเอ่ยคำพูดหนึ่งที่ทำให้พระธิดาหน้าแดงก่ำ

“ข้าจะปะเจ้าวันพรุ่ง...ยามหนึ่ง รอข้าตี้ตำหนัก ข้าใคร่...” ยาน้อยเอ่ยเว้นคำทิ้งท้ายไว้ให้เธอฝันกลางเหมันตฤดู

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 
 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.