4. เล่ห์เสน่หา
คำโปรย
ผิว่ามิได้ด้วยกลอุบายอันใด จำต้องใช้เล่ห์เสน่หานี้
----------------
ยามอรุณรุ่งพระธิดาแก้วกัญญาได้แจ้งแก่เจ้าประคูณปูนสี จะออกไปเที่ยวชมสวนสราญข้างพระตำหนักต้นเพื่อเบิกบานหทัย คราเหมันตฤดูลมหนาวพัดพาความเย็นแห่งต้นฤดู น้ำค้างตามยอดหญ้าคือภาพอันงดงาม ช่วยให้พระธิดาคลายความพะวง ทรงตระหนักดีแล้วว่า เจ้าชายคู่หมั้นคงไม่อาจไปวอแวกับนางสนมเอกนั้นได้อีกต่อไป
“ศิขิน... จังใดเจ้าจึ่งมาตี้สวนสำราญ ...บ่าอยู่ตี้พระตำหนักพ่อข้าดอกรึ” น้ำเสียงพระธิดารื่นเริง ฟังดูเป็นต่อยิ่ง
“กราบถวายสักกา...พระธิดา ... เพคะ พระองค์หื้อข้ามาเก็บบัวขาบ” ศิขินคุกเข่าขณะทูลพระธิดา
“ลุก...ลุก เจ้าคือสนมเอก...หนา บ่าใช่ข้านางกำนัล” พระธิดาจ้องแววตาของสาวต่างมิติอย่างกำชัย
“บ่าบังควร...เพคะ” เธอคุกเข่านิ่ง
“เออ...เอย เจ้าไปเอาผกาหื้ออัญเพิ้น ... จงเบิ่งแลพระองค์หื้อสำราญ บ่าทุกข์ตรม ข้าจักซำบายใจ” พระธิดาทรงผายมือให้ศิขินเร่งไปทำตามรับสั่ง
“เพคะ...ข้าทูลลา” เธอเร่งเดินไปเก็บดอกบัวที่ริมบึงฝั่งขวาใกล้กับพระตำหนักต้น มีข้านางตามมาด้วยหนึ่งคนเพื่อช่วยเก็บใส่กระจาดสาน
พระธิดาทอดสายตาไปแนวระนาบมองไกลออกไป ทรงเห็นว่าสนมเอกนางนี้ลับสายตาไป
“เฮ้อ... ศิขิน!!! ผิว่าเจ้าบ่าใช่นาง ตี้ยาน้อยฮักนักฮักหนา... ใจข้าบ่าต้องพะวงต่อเจ้าเยี่ยงนี้
เสียงร้องของข้านางที่มากับศิขินดังลั่นตรงริมบึง จึงเป็นเหตุให้เหล่าทหารวังหน้าพระตำหนักต้นต่างพากันมาดู
“แม่นางศิขิน...ตกลงน้ำ ไว...ไว หนา!!!” นางตะโกนร้องลั่น
ชายหนุ่มโผล่ออกมาจากด้านหลังของพระตำหนักต้น เขากำลังออกมาจากด้านในพระตำหนักของแม่เจ้าที่มาเฝ้าแหนเกือบทุกยาม...เพื่อออกมาเดินรับลมเย็นที่สวนสราญ
เสียงตูมตรงริมบึงประสานกับเสียงร้องว้ายของข้านาง... เสียงน้ำกระจายเงียบลงจากการดำลงไปงมหาคนที่จมน้ำ
“หมู่ยามเวร... มาช่อยข้านี่...ไวไว!!!” เสียงของชายหนุ่มสั่งให้ทหารเวรหน้าพระตำหนักที่มาเฝ้าดูอยู่สามนาย ให้ช่วยเขาดึงเอาบัวสายที่พันขาพันร่างออกจากนางที่เขากำลังอุ้มอยู่
“ศิขิน...ตื่น...ตื่น!!!” เขาเอาจมูกไล้แก้มของเธอเบาๆ ขณะอุ้มเธออยู่ จากนั้นจึงวางเธอลงตรงแนวหญ้าที่นุ่มเรียบ ตบบ่าแล้วตะแคงตัวเธอ... จึงสำลักเอาน้ำออกมา
“นางฟื้นล่ะ...” ชายหนุ่มก้าวเลี่ยงออกไปทันใด สั่งให้ทหารวังเอาเสลี่ยงมาใส่ร่างนางแบกกลับไปที่พระตำหนักทรงบรรทมของกมรเตง และสั่งให้ทหารเวรเร่งไปตามมุนีเวชยันต์ให้เข้าไปดูอาการของนาง
ศิขินถูกอัญกมรเตงอุ้มเข้าไปที่ตั่งบรรทม ทันใดแพทย์หลวงเวชมุนีคลานเข้ามากราบที่พระบาทของกมรเตง และลุกขึ้นนั่งบนตั่งจับชีพจรและตรวจอาการของหญิงสาว
“ไผช่อยแม่นาง...” พระองค์ทรงออกมา สอบถามกับข้านางที่ตามศิขินไปด้วย
“เอ่อ...กราบถวายบังคม... เจ้าชาย...เพคะ”
“ไผ...!!!” เสียงพิโรธกระแทกดังฟ้าคำราม
“เจ้ายาน้อย...เพคะ”
“จังใด...มันจึ่งอยู่ตี้นั่น”
“พระองค์มาถวายโอสถหื้อแม่เจ้า...เพคะ”
“แล้วมันมาเฝ้าเบิ่งแล...แม่นางตกน้ำดอกรึ”
“เพคะ... ทหารเวร ฮ้องเพิ้นช่อย...แม่นางจมลงกลางบึง บ่ามีไผช่อยได้” ข้านางทูลปากคอตัวเนื้อสั่นเทาด้วยเกรงพระราชอาญา
หทัยพระองค์ดั่งไฟสุมทรวงพิโรธริษยาว่าที่ราชบุตรเขย ที่เพิ่งหมั้นหมายกับพระธิดาองค์ต้นเมื่อวันวาน เพลานี้ทำพระองค์วิตกอีกครา
“ข้าสิผิดนัก...หื้อเจ้าไปเก็บเอาบัว!!!”
พระองค์ทรงปวดพิษในอุทร พระกระยาหารไม่ย่อย ศิขินทูลว่าดอกบัวขาบต้มน้ำจะช่วยแก้พิษได้ ครั้งหนึ่งเธอเคยไปเก็บมาต้มให้แม่เจ้าพันเวียงทองรักษาอาการนี้เช่นกัน
“นาง...เป็นจังใด ฟื้นล่ะฤา” พระองค์ทรงเยี่ยมพระพักตร์มองหญิงสาวขณะถามเวชมุนีถึงอาการ
“กราบถวายบังคม... นางฟื้นล่ะ...พิษไข้ลุขึ้น ยังบ่าทุเลา ขอหื้อส่งทหารไปเอาหญ้าดอกระฆังตี้ริมตระพังบนพระตำหนักพิมานวัชระ พระเจ้าข้า”
พระองค์ทรงรับสั่งทหารเวรหน้าพระตำหนักให้เร่งไปเก็บเอาดอกหญ้านี้มาเพื่อต้มรักษาอาการพิษไข้ด้วยปอดติดเชื้อสำลักหน้าในบึง
อารมณ์ที่ยังไม่หายพิโรธ ทำให้พระองค์ทรงหงุดหงิดดำเนินวนไปวนมา
“ทหาร...ไปฮ้องหื้อยาน้อยเข้าเฝ้าข้าตี้ สวนสำราญ” สุรเสียงรับสั่งดุดัน
พระองค์ทรงดำเนินไปด้วยพระองค์เอง ในหทัยร้อนรุ่มอยากถามชายหนุ่มว่าที่ราชบุตรเขย พระองค์ทรงแลเห็นแต่ไกลชายหนุ่มกำลังยืนรอพระองค์ที่ริมบึงหน้าพระตำหนักต้น
“จังใด...ศิขินจึ่งจมน้ำ...ฮะ” อัญกมรเตงทรงจ้องใบหน้าเฉยเมยของชายหนุ่มขณะเอ่ยถาม
“กราบถวายบังคม... ข้าบ่าแลบ่าได้เบิ่งแม่นาง ว่าจังใดนางจึ่งลงไปตี้บึงนี่” ว่าที่ราชบุตรเขยผายมือไปที่บึง
“เสียงข้านางฮ้องโร่ลั่น... ว่าแม่นางจมน้ำ ข้ามาเบิ่งแลว่าจังใด จึ่งกระโจนลงช่อยแม่นาง” น้ำเสียงของชายหนุ่มเรียบเฉย ไม่ได้สะทกสะท้าน
“เว้าซื่อๆ เจ้ายะหยังตี้นี่...ฮะ”
“ข้ามาถวายโอสถหื้อพระราชมารดา... จะมาเก็บผกาถวายหื้อเพิ้นอบน้ำสรง” เจ้าชายทูลตอบด้วยสัตย์จริง ไม่ได้มีอะไรซ่อนเร้น
“ข้าขอพระเมตตาประทาน หื้อข้าเข้าเฝ้าพระธิดา ...ยามหนึ่งราตรีมื้อนี่” เจ้าชายก้มหน้าหมอบลงทันทีขณะกราบทูลขอพระราชานุญาต
“ได้...เจ้าต้องหื้อนางละ...วางใจเจ้า... บ่าต้องพะวงศิขิน นางคือเมียข้า” พระองค์ทรงตรัสทิ่มแทงกลางใจของเขายิ่งนัก
“ข้าฮักนางเยี่ยงศรีขริน... เอาลูกหื้อข้ายามใด ข้าจักหื้อนางเข้าตี้อัครชายา” ยาน้อยได้ฟังคำพูดจากพระโอษฐ์ของกมรเตง ยิ่งเสียดแทงลงกลางใจซ้ำเติม แทบไม่มีที่เหลือให้เขาได้หวังอีกต่อไป
“ข้าดีใจยิ่ง...ตี้พระองค์สมพระประสงค์ เอานางเข้าตี้พระตำหนัก” เสียงแหบแห้งทดท้อสั่นอยู่ในลำคอเปล่งออกมาอย่างไม่เต็มคำ
กมรเตงทรงให้สัญญาณเจ้าชายว่าสิ้นการสนทนาแล้ว พระองค์จะทรงดำเนินรับลมยามบ่ายหนึ่งชั่วยาม ก่อนจะดำเนินกลับไปที่พระตำหนักทรงบรรทม เฝ้าดูอาการของแม่นางสนมเอกของพระองค์
“มื้อนี่...ข้าหื้อมันแล้วใจละวาง...เมียข้า” พระองค์ทรงรำพึงเบาๆ ก่อนละสายตาจากร่างของชายหนุ่มที่กำลังเดินหันหลังจากไป
“... มื้อยามใดเจ้าบ่าเอาลูกข้า... หัวเจ้าบ่าอยู่บนบ่าล่ะ!!!”
คำที่ทรงรำพึงนั้นแม้ไม่ดังพอที่จะรับรู้ถึงหูของชายหนุ่ม แต่เขาตระหนักในใจแล้วว่าจำต้องรับพระราชธิดาเข้ามาอยู่ในใจจากนี้ไป ชายหนุ่มจำต้องทำดีกับพระองค์และแก้วกัญญาเพื่อให้การกอบกู้บัลลังก์ราบรื่น
“คืนนี้ข้าจักต้องเอาแก้วกัญญา...” ยาน้อยตัดสินใจเล่าความในใจแก่พระราชมารดา
“จังใดเจ้าจะหักเอานางก่อนอภิเษก...เจียวรึ” แม่เจ้าตบอก ถามอย่างตกใจต่อการไม่บังควร
“แม่เจ้า...อัญเพิ้นหื้อข้าจำต้องหักเอานาง”
“บ่าต้องเอาตัวเจ้า...แหย่เข้าเพลิงสุริยะ...นางฮักเจ้า ผิว่าอัญเพิ้นบ่าพิโรธ ตี้เจ้าผิดผีผิดฟ้า... ตรองเอา”
“ข้าขอพระองค์ จะเข้าเฝ้าแก้วกัญญาราตรีมื้อนี่... พระองค์ทรงประทาน... เว้าหื้อข้าบ่าต้องพะวง”
ยาน้อยนึกคิดถึงคำพูดความนัยนั้นแล้ว ด้วยอัญกมรเตงตรัสเสียดสีเขาถึงศิขิน ในเมื่อพระองค์เอานางเป็นเมียได้ เช่นกัน...ทำไมเขาจะเอาแก้วกัญญาเป็นเมียไม่ได้
“แก้วกัญญา...มื้อนี่ข้าใคร่เอาเจ้า...ก่อนข้าละนครา” ชายหนุ่มเว้าวอนอย่างสัตย์ซื่อ
พระธิดาทรงรับรู้แต่วันวานแล้วว่า เขาต้องเข้าหานางอย่างแน่นอน นางเฝ้ารอคอยคืนวันมาเนิ่นนานแล้ว ตำหนักของนางต้องได้ต้อนรับเจ้าชายในฝันพระองค์นี้
“เจ้าบ่าบังควรหื้ออัญเพิ้นพิโรธ มาขึ้นตำหนักข้าหักเอาเยี่ยงนี้” พระธิดาตรัสอย่างเอียงอาย
“จังใด จึ่งปัดข้า... ข้าคือผัวเจ้า... บ่าเอามื้อนี่ มื้อหน้าข้าจักต้องเอาเจ้าขึ้นเทิง” ยาน้อยตอบตรงพระทัย
“เออ...เอย เจ้ายะเยี่ยงนี้ ผิดผีผิดฟ้าล่ะหนา” แก้วกัญญายังอิดออด
“บ่าเอาเจ้าราตรีนี่ ยามใดข้าจักได้เอาเจ้าล่ะฤา”
“ตี้เทวาลัยพระไภสัช... หมู่ทหารเวรยามทุกตี้ บ่าบังควรหื้อมันเล่าลือทั่วคุ้ง”
ยาน้อยกำลังตัดสินใจ แม้ราตรีนี้พระธิดายังไม่ตัดสินพระทัย เขาจะแอบเข้ามาทุกราตรีจนกว่า...คราที่นางจะยินยอม
แม้นไม่ได้ด้วยกลอุบายอันใด ก็จำต้องใช้เล่ห์เสน่หานี้กับนางให้จงได้
“รอข้า... จะไปเว้าหื้อเจ้าประคูณเพิ้น ...บ่าหื้อไผเข้ามา” พระธิดากระหยิ่มในใจ เล่ห์เพทุบายเยี่ยงนี้ นางแจ้งใจชัดเจน
ไม่นานพระธิดาทรงปิดประตูลงสลัก ยาน้อยจึงได้โอ้โลมนางไปจนเกือบถึงยามสอง
“เจ้าฮ้องเห่จำเรียงเอาสำราญหื้อข้า ก่อนข้าฮ้องเห่สวาท...มื้อแรกนี้ข้าใคร่เอาเจ้าทั้งราตรี...ได้บ่อ” ยาน้อยรุกคืบอย่างไม่รีรอ
“เจ้าหื้อข้าตกใจเยี่ยงนี้... ข้าจักหื้อเจ้าสำราญได้ฤา”
“ได้ ฤาบ่าได้...เบิ่งแลข้านี่ จักหื้อเจ้าเบิกบาน... จักถนอมเจ้าดั่งวิหค การเวก ขับขานพิเราะหื้อข้าทุกเพลา”
พระธิดาแก้วกัญญา ขึ้นร้องเห่...จำเรียง
แจ้วจำเรียงขับขานพิเราะยิ่ง
ขอพึ่งพิงเจ้ากลางหทัยข้า
ขอมอบดวงฤทัยให้นำพา
เสน่หาข้าให้เจ้า…หมดดวงแด
ยาน้อยขับขานเห่สวาทต่อพระธิดา...
ข้ารอเจ้านานนับเนื่องนักษัตร
ด้วยสัตย์ซื่อมิเบิ่งแล...เอาไผ
อย่าพะวงว่าข้าจะ...นอกใจ
เนื้อหทัยมีแต่เจ้า...ทุกโมงยาม
ต่อแต่นี้ข้าจักเข้า...ที่สงวน
แม่เนื้อนวลอย่าปัดอย่า...เหยียดหยาม
ข้ามาด้วยกระสันแม่...งอนงาม
ขอทรามวัยให้ข้าติด...ตรึงใน
ที่สงวนของเจ้าข้า...แสนหวง
ติดบ่วงเสน่หามิ...แลไผ
ทั่วหล้าเจ้างามกว่า...ผู้ใด
แสนสุขใจเอาเจ้ามิ...เว้นวาย
“ยาน้อย...ข้าแทบขาดใจ” พระธิดากล่าวเบาๆ กระเส่าที่ข้างหูของชายหนุ่ม
“ข้าจักขาดใจ พระธิดาเป็นของข้า...หื้อข้าทุกราตรีหนา” เจ้าชายทรงคร่ำครวญร่ำร้องโหยหา ...แต่ใจกลับกระหวัดนึกไปถึงอีกนาง
“ข้าหื้อเจ้าสุขใจมื้อนี่... ข้าต้องหื้อเจ้าทุกมื้อดอกฤา”
“แม่นล่ะ... เจ้าเอาสำราญหื้อข้า บ่าต้องพะวงข้า ข้าฮักเจ้านัก...แก้วกัญญา”
พระธิดายกลำตัวเคล้าคลึงอกเปลือยเปล่าของเขา ร่ำร้องให้ชายหนุ่มอย่าหยุด นางต้องการเขาทั้งราตรี พระธิดากระซิบอย่างเอียงอาย
"บ่าต้องละข้าไปล่ะนา...ข้าใคร่หื้อเจ้าอยู่จนรุ่งสาง”
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 79
แสดงความคิดเห็น