บทที่ 33: เขาก็แค่สงสารเจ้า
ขณะนี้ฉู่หลงเยว่เสียใจมาก นางจ้องจวินหรูเย่ทั้งที่ร้องไห้สะอึกสะอื้นจนน้ำตาไหลอาบหน้าราวกับว่านางต้องการจะมองเข้าไปให้ถึงส่วนลึกในจิตใจของเขา
เฟิ่งมู่ชิงอยู่ในขอบเขตกลั่นลมปราณขั้นที่ 7 เท่านั้น นอกจากวิชาแพทย์ที่ยอดเยี่ยมของนางแล้ว ผู้หญิงคนนี้ยังมีดีอะไรอีก?
ชั่วอึดใจนั้น ภาพเหตุการณ์ที่จวินหรูเย่พบกับพระชายาก็แวบเข้ามาในหัวของเขาซึ่งมันทำให้ชายหนุ่มเผลอยิ้มออกมา
นั่นสินะ ข้าชอบอะไรในตัวเฟิ่งมู่ชิงกัน?
มันเป็นเพราะความกล้าหาญของนางที่กล้ามาบุกงานสมรสในจวนผู้สำเร็จราชการฯ ด้วยท่าทางเด็ดเดี่ยว ความเยือกเย็นในยามที่นางเผชิญหน้าเขา หรือจะเป็นเพราะความมุ่งมั่นที่จะแก้แค้นกัน?
บางทีเขาอาจจะชอบทั้งหมดที่กล่าวมาก็ได้
ทางด้านฉู่หลงเยว่ที่เห็นว่าจวินหรูเย่ยืนยิ้มไม่ยอมตอบคำถามนางสักที ในที่สุดนางก็ทนไม่ไหวจึงร้องไห้เสียงดังและรีบวิ่งออกไปจากห้อง
“หลงเยว่!”
ฉู่ถิงตะโกนเรียกลูกสาวอย่างเป็นกังวล แต่นางไม่หันกลับมามองเขาแล้ววิ่งหนีหายลับไปจากสายตา
ต่อมา ชายวัยกลางคนหันไปยิ้มแหย ๆ ให้กับลูกศิษย์ของตนก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า “หลงเยว่ถูกตามใจจนเคยตัว เจ้าก็ให้เวลานางได้ทำความเข้าใจสักหน่อยเถอะ ข้าต้องขอโทษแทนนางด้วยที่ทำให้เจ้าต้องลำบากใจในวันนี้”
คนเป็นพ่อเช่นเขาย่อมรู้อยู่แล้วว่าบุตรสาวของตัวเองเป็นคนแบบไหน ในช่วงเวลาที่นางอยู่ที่นี่ นางคงจะสร้างปัญหาให้กับพระชายาผู้สำเร็จราชการฯ ไม่น้อย
ตั้งแต่ที่เจ้าสำนักเทียนอีเข้ามาที่นี่ เขาก็ได้ข่าวเรื่องที่จวินหรูเย่ไม่ได้พบหน้าพระชายาของตนมา 10 วันแล้ว เขาจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าต้นเหตุมันเป็นเพราะลูกสาวของเขา
“ข้ารู้ว่าหลงเยว่อาจจะเป็นคนซุกซนไปสักหน่อย แต่นางไม่ใช่คนไม่ดี”
จากนั้นชายทั้งสองก็ยิ้มให้กัน ทว่าในใจของฉู่ถิงรู้สึกละอายใจมาก แต่ดูเหมือนว่าเจ้าลูกศิษย์ซื่อบื้อของเขาจะไม่รู้ว่าหลงเยว่คิดอะไรกับตัวเอง
อนิจจา โชคชะตาช่างเล่นตลก…
ข้าคงได้แต่หวังว่าหลงเยว่จะทำใจได้ในเร็ววัน
หลังจากที่ฉู่หลงเยว่วิ่งออกจากห้องเก็บตำราไป นางก็ยิ่งรู้สึกเสียใจมากขึ้น ในขณะที่น้ำตาเม็ดโตร่วงหล่นลงจากใบหน้าไม่ขาดสาย
หญิงสาวผู้โศกเศร้าวิ่งจนกระทั่งไปถึงที่ศาลาริมน้ำในจวนโดยไม่รู้ตัว พลันนางก็เห็นร่างระหงในชุดสีแดงเพลิงนั่งอยู่ในศาลา
เฟิ่งมู่ชิง!!
ยิ่งคิดว่าพี่หรูเย่มีท่าทีอ่อนโยนกับสตรีนางนั้น หัวใจของฉู่หลงเยว่ก็ยิ่งเจ็บปวดมากขึ้น ก่อนที่ความเกลียดชังจะเข้ามาแทนที่
ถัดมา นางปาดน้ำตาบนใบหน้าทิ้งพลางสูดหายใจสงบสติอารมณ์ที่ควบคุมไม่ได้ให้กลับมาสงบนิ่งดังเดิม จากนั้นนางก็มุ่งหน้าไปหาพระชายาของจวนนี้
ปัจจุบันเฟิ่งมู่ชิงกำลังเหม่อมองปลาที่แหวกว่ายอยู่ในทะเลสาบ แต่แล้วความรู้สึกอาฆาตพยาบาทอย่างแรงกล้าก็พุ่งเข้ามาขัดจังหวะความเพลิดเพลิน พอหันหลังกลับไปมองนางก็เข้าใจได้ทันที
เฮ้อ อยู่บ้านดี ๆ ก็มีคนมาหาเรื่องถึงที่เลย
ทันทีที่ฉู่หลงเยว่เดินเข้ามา หญิงสาวก็สังเกตเห็นดวงตาบวมแดงของอีกฝ่ายนางจึงเลิกคิ้วขึ้น
เหตุใดสตรีคนสนิทของผู้สำเร็จราชการฯ ถึงร้องไห้ตาบวมแบบนี้ มันจะมีใครขวัญสูงเทียมฟ้ากล้าทำร้ายนางได้กัน?
“ทุกทีเจ้าไม่เคยออกจากห้องไปไหนเลยไม่ใช่หรือ ทำไมตอนนี้เจ้าถึงออกมาล่ะ หรือว่าเจ้าพยายามจะมาให้ท่าพี่หรูเย่อยู่ที่นี่?”
ฉู่หลงเยว่เชิดหน้าพูดแดกดันศัตรูหัวใจโดยไม่รักษาภาพลักษณ์ที่ดูเป็นหญิงอ่อนโยนนิสัยน่ารักที่เพียรทำมาหลายปีอีกต่อไป
ในสายตาของหญิงสาวมีแค่จวินหรูเย่เพียงคนเดียว ดังนั้นนางจึงรู้ว่าเขาชอบมาพักผ่อนที่นี่ทุกวัน
ทางด้านเฟิ่งมู่ชิงรู้สึกเอือมระอาอีกฝ่าย ทั้งที่นางนั่งอยู่ในอุทยานเพื่อพักผ่อนหย่อนใจ แต่ใครจะไปรู้ว่าปัญหาจะวิ่งเข้ามาใส่ให้ต้องอารมณ์เสียแบบนี้
“ทำไมตาของเจ้า… หรือว่าเจ้าถูกพี่หรูเย่ของเจ้ารังแกมาอย่างนั้นหรือ?” หญิงสาวไม่สนใจคำพูดของคนตรงหน้าเลย และนางก็เบี่ยงประเด็นไปพูดถึงดวงตาของอีกคนที่แดงจากการร้องไห้แทน
ไม่นานเฟิ่งมู่ชิงก็นึกขึ้นได้ว่าในจวนผู้สำเร็จราชการฯ คงมีเพียงจวินหรูเย่เท่านั้นที่สามารถทำให้ฉู่หลงเยว่ร้องไห้ได้
ถ้าเป็นแบบนี้ข้าก็ขอสาดเกลือลงบนบาดแผลนางแบบไม่เกรงใจก็แล้วกัน
ถึงแม้ว่าฝ่ายฉู่หลงเยว่จะถูกสาดเกลือเข้าใส่บาดแผล แต่นางก็กัดฟันทนเพราะไม่อยากเสียหน้าต่อหน้าศัตรูหัวใจ
จากนั้นนางก็เงยหน้าขึ้นพูดว่า “มันเป็นเพราะว่าฝุ่นบังเอิญเข้าตาข้าต่างหากล่ะ ตาข้าเลยแดงเช่นนี้”
พอเฟิ่งมู่ชิงเห็นท่าทางเถียงคอเป็นเอ็นของอีกฝ่าย นางก็หัวเราะเบา ๆ พร้อมกับพยักหน้าแสดงความเข้าใจ
หลักฐานก็เห็นอยู่ทนโท่ยังจะมาปากแข็งอีก!
“จากข่าวที่ข้าทราบมา พี่หรูเย่ไม่ได้มาพบหน้าเจ้า 10 วันแล้วไม่ใช่หรือ?”
คราวนี้เฟิ่งมู่ชิงถูกโต้กลับจนปากกระตุก ทั้งที่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเพราะว่านางปฏิเสธไม่ยอมพบหน้าจวินหรูเย่เอง แต่ทำไมผู้หญิงคนนี้ถึงตีความได้ว่าเขาไม่ต้องการพบนางเสียล่ะ?
ความรักมันคงทำให้คนตาบอดสินะ นางถึงเข้าใจไปแบบนั้น
เมื่อฉู่หลงเยว่เห็นว่าอีกคนนิ่งเงียบไปชั่วขณะ ความโศกเศร้าและความโกรธในใจของนางก็บรรเทาลง “อะไรกัน นี่ข้าได้ยินมาไม่ผิดอย่างนั้นหรือ?”
“คนที่เจ้าชอบก็คือจวินหรูเย่ ทำไมเจ้าไม่ไปหาเขาเสียล่ะ เจ้าจะมาวุ่นวายอะไรกับข้าอยู่ทุกวัน ถ้าข้าไม่รู้เรื่องนี้มาก่อน ข้าคงจะคิดว่าเจ้าสนใจข้าเสียแล้ว”
เฟิ่งมู่ชิงยกมือขึ้นปิดปากยิ้มจาง ๆ พร้อมกับทำตัวบิดม้วนเหมือนกำลังเขินอาย
ดูจากรูปการณ์แล้วฉู่หลงเยว่คงจัดการทางด้านจวินหรูเย่ไม่ได้ อีกฝ่ายจึงเบนเข็มมาเล่นงานนางแทน
แต่น่าเสียดาย หากผู้หญิงคนนี้อยากจะมายั่วโมโหนาง ฝ่ายตรงข้ามก็ต้องเตรียมใจให้พร้อมรับมือการโต้กลับของหญิงสาว
คำพูดของเฟิ่งมู่ชิงทำให้ฉู่หลงเยว่ที่ไม่อยากแพ้เอ่ยปากเหยียดหยามนางว่า “จะเป็นไปได้อย่างไร ข้าคิดว่าการที่พี่หรูเย่ให้ความสนใจเจ้ามันเป็นเพราะเจ้ามีประโยชน์ต่อเขาก็เท่านั้น”
หญิงสาวได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกประหลาดใจ นางไม่คาดคิดว่าจวินหรูเย่จะบอกฉู่หลงเยว่เกี่ยวกับเงื่อนไขการแต่งงานที่พวกนางตกลงกันเอาไว้ นั่นแสดงว่าสตรีผู้นี้จะต้องมีความสำคัญสำหรับเขามากพอสมควร
“ทุกคนต่างก็รู้ดีว่าพี่หรูเย่เป็นคนแบบไหน เขาไม่มีทางยอมแต่งงานตามพระประสงค์ของฮ่องเต้ง่าย ๆ หรอก เขาก็แค่สงสารเจ้าเห็นว่าเจ้าไม่มีที่พึ่งพิง แล้วจวนผู้สำเร็จราชการฯ ก็ใหญ่ขนาดนี้ การจะเลี้ยงเจ้าเพิ่มอีกสักคนหนึ่งก็คงไม่เหลือบ่ากว่าแรงเท่าไหร่”
ฉู่หลงเยว่ที่เห็นท่าทางของเฟิ่งมู่ชิงก็ยิ่งรู้สึกกระตือรือร้นมากขึ้นเรื่อย ๆ ขณะที่นางพูดต่อไปว่า “พี่หรูเย่มีความสามารถถึงเพียงนี้ เขาจะไม่รู้ข่าวคราวของเจ้าได้อย่างไร การที่เขายอมตกลงแต่งงานกับหญิงอัปลักษณ์ที่ไร้ประโยชน์อย่างเจ้า มันเป็นเพราะเขาเป็นคนมีน้ำใจก็แค่นั้น”
บัดนี้พระชายาผู้สำเร็จราชการฯ ยังคงนิ่งเงียบเช่นเคย ส่วนลูกสาวเจ้าสำนักเทียนอีก็กอดอกเชิดหน้ายิ้มอย่างภาคภูมิใจ
บังอาจมาเป็นศัตรูหัวใจของข้า ไม่เจียมกะลาหัวตัวเองเลยสักนิด!
ฉู่หลงเยว่คิดว่าคำพูดพวกนั้นกระทบกระเทือนใจของอีกฝ่าย นางจึงพยายามให้หนักขึ้นไปอีก “หน้ากากของเจ้านั้นประณีตมาก แต่น่าเสียดายที่ของมีค่าเช่นนี้กลับต้องไปประดับอยู่บนใบหน้าที่น่าเกลียดของเจ้า”
ในเมื่อพี่หรูเย่มอบหน้ากากที่วิจิตรงดงามเช่นนี้ให้กับหญิงสาว มันอาจจะเป็นเพราะว่าเขาทนมองใบหน้าอัปลักษณ์ที่อยู่ภายใต้หน้ากากนี้ไม่ไหว
“แต่ถึงอย่างนั้น จวินหรูเย่ก็ไม่ได้แต่งงานกับคู่รักในวัยเด็กอย่างเจ้า…” เฟิ่งมู่ชิงเชือดนิ่ม ๆ ด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
ตอนนี้มีคนกล้ามาหาเรื่องนางถึงในจวน นางคงจะใจกว้างมากถ้าไม่ตอบโต้อีกฝ่ายกลับ และต่อให้ผู้หญิงคนนี้จะมีจวินหรูเย่คอยปกป้อง นางก็ไม่กลัว!
แม้ว่าด้านกำลังนางอาจจะยังพ่ายแพ้อยู่บ้าง แต่ถ้าจะสู้กันด้วยคำพูดนางไม่มีวันแพ้แน่นอน
ถ้อยคำทิ่มแทงใจทำให้ฉู่หลงเยว่สะอึกและรีบโต้กลับทันควันว่า “แล้วไงล่ะ เจ้าเป็นเพียงพระชายาในนามเท่านั้น ถ้าพี่หรูเย่ต้องการเขาก็สามารถหย่ากับเจ้าได้ตลอดเวลา!”
เฟิ่งมู่ชิงส่ายหัวเบา ๆ กับการโต้เถียงของอีกคน นางไม่เข้าใจสิ่งที่อยู่ในหัวของสตรีนางนี้เลยสักนิด แค่คำพูดเพียงไม่กี่คำจะทำให้จวินหรูเย่สามารถหย่ากับพระชายาที่ได้รับพระราชทานมาจากฮ่องเต้ได้ง่าย ๆ อย่างนั้นหรือ?
ยิ่งไปกว่านั้น นางเป็นคนที่ซือคงหรูซวนจงใจมอบให้กับชายหนุ่มเพื่อเป็นการหักหน้าเขา แม้ว่าเขาจะอยากหย่ามากแค่ไหน แต่ฮ่องเต้คงไม่ยอมให้เป็นเช่นนั้น
จู่ ๆ ความคิดบางอย่างก็แล่นเข้ามาในหัวทำให้เฟิ่งมู่ชิงตกตะลึง ถ้าอย่างนั้นมันคงเป็นไปไม่ได้ที่นางจะได้รับข้อตกลงการหย่าร้าง*ไม่ใช่หรือ เพราะท้ายที่สุดแล้วฮ่องเต้หนุ่มคงไม่มีทางปล่อยมือจากเรื่องนี้แน่
*ในราชวงศ์ถังและซ่งเรียก ‘ข้อตกลงหย่าร้าง’ ซึ่งแตกต่างจากจดหมายหย่า ข้อตกลงหย่าร้างควรระบุเจตนาของทั้งสองฝ่ายที่จะหย่าร้างโดยสมัครใจและตกลงกันในเรื่องดังกล่าว เช่นค่าเลี้ยงดูบุตร แบ่งทรัพย์สินและการชำระหนี้
ต่อมา หญิงสาวแอบถอนหายใจเงียบ ๆ ดูเหมือนว่านางจะต้องจัดการกับพวกซือคงหรูซวนให้เรียบร้อยเสียก่อน
แล้วบังเอิญที่จวินหรูเย่ก็มีแผนที่จะทำเช่นนี้เหมือนกัน ดังนั้นทั้งสองเป็นพันธมิตรที่มีเป้าหมายร่วมกัน
ทันใดนั้นหัวใจของหญิงสาวก็กระตุก ก่อนที่นางจะเอ่ยถึงข้อเท็จจริง
“ตราบใดที่จวินหรูเย่ยังไม่ได้หย่ากับข้า ข้าก็ยังเป็นพระชายาผู้สำเร็จราชการฯ อยู่ดี หากเจ้าอยากจะแต่งเข้ามาในจวนผู้สำเร็จราชการฯ แห่งนี้ เจ้าจะต้องขอความเห็นชอบจากข้าก่อน แทนที่เจ้าจะมาหาเรื่องข้า ทำไมเจ้าไม่ไปนั่งคิดว่าจะทำอย่างไรให้ข้ารู้สึกพอใจเสียล่ะ หรือว่าเจ้าไม่อยากแต่งเข้ามาอยู่ในจวนผู้สำเร็จราชการฯ แล้ว?”
“เฮอะ! เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใคร เจ้าไม่คู่ควรให้ข้าเอาอกเอาใจหรอกนะ” ฉู่หลงเยว่โต้กลับขณะที่ใบหน้าเปลี่ยนเป็นสีแดงเข้ม
“แล้วเจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใครถึงกล้ามาบังอาจต่อหน้าข้า!” เฟิ่งมู่ชิงพูดเสียงเข้มพร้อมกับทำหน้าเย็นชาไม่ต่างจากน้ำแข็ง
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 229
แสดงความคิดเห็น