บทที่ 34: อย่าตำหนิท่านพี่หญิง

-A A +A

บทที่ 34: อย่าตำหนิท่านพี่หญิง

“เจ้ามันก็แค่คนที่พ่อแม่ทอดทิ้ง สมควรจะมาพูดต่อหน้าข้าอย่างนั้นหรือ!” ฉู่หลงเยว่เชิดหน้าพูด

นางเป็นคุณหนูเพียงคนเดียวของเจ้าสำนักเทียนอี ฉะนั้นจะเอานางไปเปรียบเทียบกับผู้หญิงที่ไม่มีแม่และพ่อไม่รักแบบนั้นได้อย่างไร 

“เจ้าลองพูดอีกครั้งซิ!!” 

ขณะนี้หญิงสาวทั้งสองยืนเผชิญหน้ากัน พร้อมกับที่สายตาฟาดฟันของทั้งสองปะทะกันอยู่กลางอากาศโดยไม่มีใครยอมใคร

“เจ้ามันเป็นคนขี้แพ้ที่ไม่มีแม่แถมพ่อก็ยังไม่รักอีก!”

เพี้ยะ!!

เสียงฝ่ามือกระทบกับใบหน้าดังก้องไปทั่วริมทะเลสาบอันเงียบสงบ ไม่นานรอยฝ่ามือสีแดงก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของฉู่หลงเยว่

ทางด้านฝ่ายที่ถูกตบรู้สึกถึงความเจ็บปวดที่แล่นจากใบหน้าขึ้นสมอง นางตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งขณะยกมือขึ้นลูบแก้มด้านซ้ายด้วยความเหลือเชื่อก่อนที่ความโกรธจะเข้ามาแทนที่

“เฟิ่งมู่ชิง เจ้ากล้าตบข้างั้นรึ!”

ทันทีที่หญิงสาวพูดจบ นางก็ทำท่าเรียกใช้พลังวิญญาณของตัวเอง ส่งผลให้รากไม้สีเขียวท่อนหนาพุ่งเข้าใส่หน้าเฟิ่งมู่ชิงอย่างรวดเร็ว

เมื่อเฟิ่งมู่ชิงรับรู้ถึงอันตรายก็เบี่ยงตัวหลบการโจมตีได้แบบหวุดหวิด

การจู่โจมที่เกิดขึ้นกะทันหันทำให้เฟิ่งมู่ชิงรู้สึกหนักใจ ในตอนเช้านางได้สั่งให้โม่เยว่ไปที่จวนชานเมืองเพื่อคอยดูแลเฟิ่งเทียนเซียวกับคนอื่น ๆ ดังนั้นตอนนี้นางจึงเหลือตัวคนเดียวไม่มีใครอยู่ข้างกาย

หญิงสาวรู้ตัวเองดีว่าตนอยู่ในขอบเขตกลั่นลมปราณขั้นที่ 7 เท่านั้น ถึงแม้ว่านางจะสามารถต่อสู้ยืดเยื้อกับเฟิ่งหวานหว่านที่อยู่ในขอบเขตสร้างรากฐานขั้นที่ 1 ได้ แต่นางไม่มีทางเอาชนะฉู่หลงเยว่ที่อยู่ในขอบเขตสร้างรากฐานขั้นที่ 2 ได้เลย 

ดูเหมือนว่าทางเลือกเดียวที่เหลืออยู่ตอนนี้ก็คือต้องยื้อเวลาเอาไว้ให้ได้มากที่สุดและให้การต่อสู้นี้อึกทึกครึกโครมจนไปถึงหูของคนที่อยู่ในจวน

ขณะที่เฟิ่งมู่ชิงกำลังใจเต้นแรง จู่ ๆ ฉู่หลงเยว่ก็เหยียดยิ้มเยาะและหายไปจากสายตาจนทำให้หญิงสาวตื่นตระหนก

“กรี๊ดดด!”

ทันใดนั้นฉู่หลงเยว่ที่กำลังกรีดร้องก็กระโดดข้ามระเบียงที่กั้นตกลงไปในทะเลสาบ 

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันทำให้เฟิ่งมู่ชิงรู้สึกสับสน แต่ในไม่ช้านางก็สังเกตเห็นน้ำสีใสที่ไหลอาบแก้มของอีกฝ่ายเงียบ ๆ

แต่ไม่ว่าจะคิดอย่างไรหญิงสาวก็ไม่เข้าใจว่านี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่

ในชั่วอึดใจก็มีลมกระโชกพัดผ่านร่างของนางไป ซึ่งนางเห็นมันเป็นเพียงร่างเงาที่มองไม่ค่อยชัดเท่านั้น

“หลงเยว่!” เสียงของผู้ชายวัยกลางคนดังขึ้นและน้ำเสียงของเขาก็เต็มไปด้วยความกังวล

จากนั้นไม่นานก็มีเสียงรถเข็นดังมาจากด้านหลังขณะที่มันเข้าใกล้เฟิ่งมู่ชิงมากขึ้นเรื่อย ๆ แล้วนางก็ต้องหัวเราะกับตัวเองเบา ๆ 

ที่แท้จวินหรูเย่ก็มานี่เอง นี่นางพลาดไปได้อย่างไร?

ชายหนุ่มมาหยุดอยู่ข้างเฟิ่งมู่ชิงพร้อมกับเงยหน้ามองผู้เป็นภรรยาของตน ในขณะที่สายตาของเขาแสดงถึงความรู้สึกซับซ้อน

10 วันแล้ว หากไม่นับวันนี้ก็เป็น 10 วันพอดีที่ข้าไม่ได้พบหน้าชิงชิง ในที่สุดก็สิ้นสุดเสียที

แม้นว่าผู้สำเร็จราชการฯ หนุ่มจะจ้องพระชายาด้วยสายตาที่ร้อนแรงแค่ไหน แต่นางก็ยังคงมีท่าทีเย็นชาดังเดิม

ครู่ต่อมา ฉู่หลงเยว่ที่อยู่ในสภาพเปียกโชกไปทั้งตัวก็ถูกพาขึ้นมาที่ศาลาริมน้ำโดยชายวัยกลางคน เขารีบถอดเสื้อคลุมของตัวเองออกแล้วเอาไปคลุมร่างของหญิงสาวเพื่อปกปิดทรวดทรงที่ถูกเปิดเผยเพราะเสื้อผ้าแนบเนื้อ

หลังจากที่เขาช่วยนางเรียบร้อยแล้ว เฟิ่งมู่ชิงก็มองสำรวจชายแปลกหน้าอย่างละเอียดจนแน่ใจว่าตนไม่เคยพบชายผู้นี้มาก่อน แต่จากความคล้ายคลึงของคนทั้งสองนั้นบ่งบอกได้ว่าเขาน่าจะเป็นพ่อของฉู่หลงเยว่ที่เป็นถึงเจ้าสำนักเทียนอี ฉู่ถิง!

“ท่านพ่อ พี่หรูเย่ อย่าโทษท่านพี่หญิงเลย เป็นเพราะหลงเยว่ประมาทเองจึงทำให้ตกลงไปในทะเลสาบ”

ฉู่หลงเยว่ที่ได้รับการช่วยเหลือเหลือบมองพระชายาด้วยสายตาหวาดกลัวแล้วรีบก้มศีรษะลง

เฟิ่งมู่ชิงเห็นดังนั้นก็เหยียดยิ้มเยาะการแสดงของอีกฝ่าย ในตอนแรกฉู่หลงเยว่คนนี้ตั้งท่าจะเอาชีวิตนางให้ได้ แต่แล้วจู่ ๆ เจ้าตัวก็กระโดดลงไปในทะเลสาบเสียอย่างนั้น ตอนนี้หญิงสาวรู้สึกตั้งตาคอยการแสดงต่อไปของคนตรงหน้าไม่ไหวแล้ว

สตรีผู้นี้เจ้าเล่ห์มากถึงขั้นกล้าวางแผนใส่ร้ายนาง มันทำให้เฟิ่งมู่ชิงรู้สึกเปิดหูเปิดตามากจริง ๆ

อย่างไรก็ตาม ใครจะไปอยากเชื่อว่าคนที่มีพลังขอบเขตสร้างรากฐานขั้นที่ 2 จะตกลงไปในทะเลสาบได้ง่าย ๆ แบบนี้ ถ้าคนคนนั้นไม่ได้ตาบอดก็น่าจะมองออกว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมีบางอย่างไม่ชอบมาพากล

ฉู่ถิงที่มีจิตใจคิดอยากจะปกป้องลูกสาว เมื่อเขาเห็นสภาพหวาดกลัวของนาง เขาก็หันไปมองเฟิ่งมู่ชิงด้วยสายตาโกรธเกรี้ยว

“เจ้าเป็นใคร กล้าดียังไงมารังแกลูกสาวของข้า!”

ชายผู้ที่ไม่เคยเข้าใจอะไรนอกจากวิชาแพทย์จึงเป็นเรื่องปกติที่เขาจะไม่รู้จักตัวตนของเฟิ่งมู่ชิง

หญิงสาวเองก็ไม่ได้ตอบโต้อะไรออกไป นางทำเพียงมองเข้าไปในดวงตาที่ล้ำลึกแต่แฝงไปด้วยความสุขของจวินหรูเย่

ทันทีที่ทั้งสองสบตากัน หัวใจของชายหนุ่มก็เต้นเร็วขึ้นหลังจากที่มันเงียบไปนานหลายวัน ทว่าเขารู้สึกขัดเขินกับสายตาของภรรยาสาวจึงรีบเบือนหน้าหนีไปอีกทาง

“หรูเย่ เจ้าจะต้องให้ความเป็นธรรมกับหลงเยว่” ฉู่ถิงยังคงส่งสายตาโกรธเคืองให้กับเฟิ่งมู่ชิง จากนั้นจึงเลื่อนสายตาไปหาลูกศิษย์ที่อยู่ข้าง ๆ นาง

ต่อมา จวินหรูเย่หันไปมองฉู่หลงเยว่ที่มีใบหน้าซีดเซียว ขณะนี้นางอยู่ในสภาพที่น่าสงสาร นางกำลังใช้มือข้างหนึ่งจับเสื้อคลุมของผู้เป็นพ่อที่คลุมกายเอาไว้แน่น ส่วนมืออีกข้างพยายามพยุงตัวเองกับเสาด้านหลัง

ร่างกายผอมบางสั่นสะท้านเล็กน้อย ส่วนริมฝีปากไร้สีเลือดของนางก็ถูกเม้มเข้าหากันจนแน่น ทำให้ภาพลักษณ์ที่ปรากฏดูเปราะบางอ่อนแอราวกับว่านางจะบุบสลายได้ทุกเมื่อ

“พี่หรูเย่ มันเป็นความผิดของหลงเยว่เอง มันไม่ได้เกี่ยวข้องกับพระชายาเลย”

ดวงตาคู่สวยของฉู่หลงเยว่เต็มไปด้วยหยาดน้ำตา ในขณะที่นางปล่อยให้มันไหลอาบหน้า

ทางด้านเฟิ่งมู่ชิงขยับตัวยืนกอดอกมองเหตุการณ์ตรงหน้านิ่ง ๆ ประหนึ่งว่านางเป็นเพียงคนนอกที่กำลังมายืนดูการแสดงเท่านั้น

ขณะนี้นางเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าจวินหรูเย่จะจัดการกับเรื่องนี้อย่างไร เพราะตอนนี้ตัวนางกับฉู่หลงเยว่เป็นเหมือนเสือ 2 ตัวที่มิอาจอยู่ในถ้ำเดียวกันได้แล้ว ฉะนั้นเขาจะต้องตัดสินใจเลือก!

จากที่หญิงสาวเคยบอกเอาไว้ จวินหรูเย่เป็นตัวแปรสำคัญของเรื่องทั้งหมด ซึ่งมันจะจบลงได้ก็ต่อเมื่อมีความคิดเห็นของเขา

ผู้สำเร็จราชการฯ หนุ่มนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงหันไปมองภรรยาสาว

“ข้าไม่ได้เป็นคนทำ” เฟิ่งมู่ชิงพูดอย่างใจเย็น

จวินหรูเย่พยักหน้ารับเบา ๆ ก่อนจะพูดขึ้นว่า “ข้าเชื่อเจ้า”

คำพูดที่เรียบง่ายทว่าทรงพลัง 3 คำได้แทงทะลุเข้าไปในส่วนลึกของหัวใจของเฟิ่งมู่ชิง ทำให้จิตใจที่เคยสงบมาเป็นเวลานานปั่นป่วน นอกจากนี้ยังความอบอุ่นไหลเข้ามาจนกระทั่งหญิงสาวเผยรอยยิ้มออกมาแบบไม่ได้ตั้งใจ

พอฉู่หลงเยว่ได้เห็นชายผู้เป็นที่รักแสดงความรักกับหญิงอื่นต่อหน้าต่อตา มันก็ส่งผลให้นางต้องกัดฟันแน่น ขณะมือที่กำเสื้อคลุมอยู่บีบแน่นจนเส้นเลือดปูดโปน

ทำไม?! ทั้งที่ข้าตกอยู่ในสภาพน่าสังเวชเช่นนี้ แต่พี่หรูเย่กลับเข้าข้างผู้หญิงคนอื่น!

เห็นได้ชัดว่าหญิงสาวลืมไปแล้วว่านี่เป็นเพียงละครฉากหนึ่งที่ตนเป็นคนคอยกำกับและแสดงเองเท่านั้น

“หรูเย่!!” ฉู่ถิงรู้สึกว่าท่าทางของลูกศิษย์ผิดปกติจึงตะโกนเรียกเสียงดัง

ชายหญิงทั้งสองนี้มีความรักใคร่กันมาก มันทำให้คนเป็นเจ้าสำนักคาดเดาตัวตนของเฟิ่งมู่ชิงได้ในทันที  ในจวนแห่งนี้คงมีเพียงพระชายาผู้สำเร็จราชการฯ ที่จวินหรูเย่ยินดีจะแต่งงานด้วยเท่านั้นที่สามารถทำให้เขาแสดงความรักแบบชายหญิงออกมาได้

แต่แม้ว่านางจะเป็นพระชายาผู้สำเร็จราชการฯ และนับว่าเป็นสะใภ้ของเขา แต่นางก็ไม่สามารถมาทำร้ายลูกสาวของตนได้อยู่ดี

“ท่านอาจารย์ นี่คือเฟิ่งมู่ชิง ภรรยาของข้า” จวินหรูเย่เอ่ยแนะนำหญิงสาวให้ฉู่ถิงรู้จักด้วยรอยยิ้ม

ยามนี้เฟิ่งมู่ชิงรู้สึกเขินอายมากที่อีกฝ่ายกำลังแนะนำนางในฐานะภรรยาของเขา ไม่ใช่ในฐานะพระชายาผู้สำเร็จราชการฯ

“ข้าไม่สนใจว่านางเป็นใคร ทำไมนางถึงรังแกหลงเยว่แบบนี้ล่ะ?” ดวงตาขุ่นมัวของฉู่ถิงจ้องเฟิ่งมู่ชิงอย่างไม่ลดละ

นางคือหมอเทวดาคนนั้นหรือ?

แต่การที่นางกลั่นแกล้งผู้อื่นโดยไม่มีเหตุผลมันก็ทำให้ชื่อเสียงในฐานะหมอเทวดาของนางต้องหม่นหมอง

ทางด้านเฟิ่งมู่ชิงยิ้มเยาะก่อนจะค่อย ๆ เดินเข้าไปหาฉู่หลงเยว่

ส่วนฉู่หลงเยว่ที่เห็นคนตรงหน้าเดินเข้ามาใกล้ทีละก้าวก็รู้สึกถึงลางสังหรณ์ไม่ดีอย่างอธิบายไม่ถูกราวกับว่าทุกย่างก้าวที่หนักแน่นนั้นกำลังเหยียบย่ำหัวใจของนาง

หญิงสาวพยายามถอยหลังไปตามสัญชาตญาณ แต่เพราะราวระเบียงที่อยู่ด้านหลังกั้นเอาไว้จึงทำให้นางไม่เหลือทางให้ถอยอีกแล้ว

ทันใดนั้นเฟิ่งมู่ชิงก็เข้าไปประชิดตัวฉู่หลงเยว่พร้อมกับแสยะยิ้มชั่วร้าย “บอกไปสิว่าข้าผลักเจ้าจริงหรือเปล่า?”

คนที่มีชนักติดหลังไม่กล้าสบสายตาที่ดูเหมือนจะขย้ำตนให้แหลก นางเลยทำได้เพียงเสมองไปด้านข้าง “ใช่… ไม่ ๆ… ไม่ใช่”

พอเจ้าสำนักเทียนอีเห็นว่ามีคนมาข่มขู่ลูกสาวของตัวเองต่อหน้าต่อตา เขาก็บันดาลโทสะและกำลังจะก้าวเข้าไปดึงเฟิ่งมู่ชิงออกไปให้ห่าง แต่เขาไม่คิดว่าหญิงสาวจะทำในสิ่งที่ทุกคนคาดไม่ถึง

ซู่ม!

ท่ามกลางสายตาของทุกคน เฟิ่งมู่ชิงได้ลงมือผลักฉู่หลงเยว่ลงไปในทะเลสาบ

“นี่เจ้า!” ฉู่ถิงหันไปมองพระชายา ก่อนจะรีบพุ่งลงไปในทะเลสาบเพื่อช่วยเหลือบุตรสาวของตน

กลายเป็นว่าฉู่หลงเยว่ตกลงไปในน้ำเป็นครั้งที่ 2 และเสื้อคลุมที่อยู่บนกายก็ไม่อาจปกปิดเรือนร่างเปียกโชกของนางได้อีก ซึ่งคราวนี้มันสร้างความอับอายให้นางมากยิ่งขึ้น 

หลังจากที่หญิงสาวถูกผู้เป็นพ่อช่วยขึ้นมา นางก็รู้สึกโมโหมากจนกระทั่งหมดสติล้มลงบนพื้น

“เห็นกันแล้วใช่ไหมว่าข้าเป็นคนผลักนาง” เฟิ่งมู่ชิงมองฉู่หลงเยว่ที่เป็นลมอยู่บนพื้นด้วยสายตาเยาะเย้ย ในขณะที่นางรู้สึกผ่อนคลายและมีความสุขมากขึ้น

จุ๊ ๆ น่าอับอายยิ่งนัก…

 

--------------------------------------------------

พูดคุยท้ายตอนกับเสี่ยวเถียว: อยากให้ทำดีนัก นี่ไง ทำให้เห็นแล้ว!

สวัสดีค่ะนักอ่านทุกท่าน

สำหรับเรื่องนี้ตามสัญญาแล้วทางสำนักพิมพ์สามารถเปิดตอนฟรีได้ถึงแค่ตอนที่ 34 เท่านั้น หากใครชื่นชอบก็ฝากสนับสนุนผลงานแปลของเราต่อไปด้วยนะคะ

ขอบคุณค่ะ

สำนักพิมพ์เซียนอ่าน

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 
 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.