บทที่ 6...3/3
ชานนเป็นคนเดินนำโดยมีจอมขวัญเดินตามมา หญิงสาวอยากขอตัวกลับกรุงเทพฯ แต่ต้องห้ามตัวเองไว้เพราะงานต้องมาก่อน หากต้องอยู่ระยองสักคืนก็อยู่สิน่า พรุ่งนี้ทำงานเสร็จแล้วค่อยหาทางกลับ เธอขึ้นมานั่งบนรถ แต่กลับแปลกใจเพราะปลายทางไม่ใช่โรงแรมใกล้ๆ กับโรงพยาบาลอย่างที่ปรานต์บอกไว้ ชานนหันมาเห็นสายตาสงสัยของหญิงสาวพอดีจึงบอกว่า
“คุณปรานต์ให้ผมพาคุณจอมขวัญไปที่โรงงานก่อนน่ะครับ วันนี้จะได้ไม่มาเสียเที่ยว”
อ้อ อย่างนี้นี่เอง จอมขวัญยิ้มออกทันที
“ขอบคุณนะคะ ทั้งที่มีเรื่องอยู่แท้ๆ เลย”
ชานนยิ้มบางไม่ตอบอะไร เขาจะบอกได้อย่างไรว่าปรานต์สั่งเขาไว้ หากให้เธอไปที่โรงแรมในตอนนี้ บางทีเธออาจกลับกรุงเทพฯ แล้วโทรมาขอโทษด้วยเหตุผลอะไรสักอย่าง ในเมื่อสงสัยแล้วก็ต้องทำให้สิ้นสงสัย ค่ำๆ ปรานต์คงเดินทางไปถึงที่หมายเช่นกัน
โรงงานที่รถยนต์กำลังจอดเป็นกิจการเกี่ยวกับการรีไซเคิลสารเคมีซึ่งคนละแนวกับงานที่เกี่ยวกับงานเครื่องประดับ แต่เพราะจอมขวัญได้อ่านประวัติการศึกษาของปรานต์มาแล้วจึงไม่แปลกใจนัก เขาจบปริญญาตรีทางด้านเคมีและต่อปริญญาโทด้านบริหารในระหว่างที่ทำงานไปด้วย
ชานนพาจอมขวัญเดินเข้ามาในส่วนของห้องรับรองซึ่งมีหญิงสาวคนหนึ่งรออยู่ หลังจากแนะนำตัวกันจอมขวัญถึงได้รู้ว่าคนที่มารอชื่อว่าอนงค์เป็นเลขาของผู้จัดการโรงงานที่นี่
“มีอะไรอยากถามหรือสงสัย ตอนนี้ถามได้จากคุณอนงค์ได้เลยนะครับ นอกจากคุณปรานต์ แล้วคนที่รู้งานในโปรเจคมากที่สุดก็คุณอนงค์เนี่ยแหละครับ”
จอมขวัญยิ้มให้อนงค์ที่ดูเป็นมิตร “ถ้างั้นก็ขอรบกวนแล้วก็ถ่ายรูปด้วยนะคะ ตรงไหนถ่ายได้หรือไม่ได้บอกได้เลยนะคะ”
“ค่ะ เชิญทางนี้ก่อนนะคะ”
อนงค์พาจอมขวัญไปที่ห้องเพื่อใส่อุปกรณ์เซฟตี้ก่อนเพราะจะมีการเดินไปในส่วนของไลน์การผลิตด้วย จึงต้องใส่หมวก รองเท้าและหน้ากากกันสารเคมี จอมขวัญถ่ายรูปในจุดที่อนงค์อนุญาตเพื่อนำไปประกอบในบทความซึ่งเป็นข่าวรอง แต่ก็แปลกใจอยู่บ้าง ที่ผ่านมาปรานต์ไม่เคยทำตัวให้เป็นข่าว ไม่เคยให้นักข่าวสัมภาษณ์ ทำไมคราวนี้เขาถึงเปิดเผยตัวเอง หากเป็นเพราะต้องการบุกเบิกธุรกิจเครื่องประดับก็น่าจะเป็นไปได้ แต่มันจะใช่เหตุผลนี้อย่างเดียวเปล่า เธอคิดว่าไม่น่าใช่
เกือบ 1ทุ่มแล้วตอนที่ชานนขับรถออกมาจากโรงงานเพื่อพาจอมขวัญไปยังปลายทางที่ห่างออกไปอีกไม่กี่กิโลเมตร จอมขวัญคิดว่าคงจะกลับเข้าไปในเมืองใกล้กับโรงพยาบาลที่ปรานต์นอนรักษาตัวอยู่
ทว่ากลับผิดคาดเมื่อชานนไม่ได้เข้าเมือง แต่ขับถนนเลียบชายทะเลไปเรื่อยๆ จนกระทั่งมาจอดที่หน้าบ้านริมทะเลหลัง จอมขวัญชักไม่ชอบมาพากลแล้ว ไหนว่าคืนนี้ปรานต์บอกให้เธอไปพักโรงแรมใกล้โรงพยาบาลไงล่ะ
“นี่บ้านใครหรือคะ ไหนว่า...”
“ไม่ต้องกังวลครับ นี่บ้านพักตากอากาศของคุณปรานต์ครับ” ชานนรีบบอกไม่อย่างนั้นเขาได้กลายเป็นผู้ร้ายในสายตาของจอมขวัญแน่ๆ
“เชิญครับคุณปรานต์รออยู่”
“คุณปรานต์รออยู่? ได้ยังไงกัน เขานอนอยู่โรงพยาบาลไม่ใช่หรือไงคะ คุณกำลังเล่นตลกอะไรอยู่เนี่ย ฉันไม่ตลกด้วยหรอกนะ ถ้าคุณไม่ว่าง ฉันหาทางกลับบ้านเองก็ได้ค่ะ”
จอมขวัญลงจากรถ แต่รั้วกำลังจะปิดลง เธอวิ่งไปให้เร็วแต่ก็ไม่ทัน พอหันกลับมาเธอเห็นปรานต์เดินออกมาจากบ้าน แม้ใบหน้าจะซีดเซียวไปบ้าง แต่เขาดูแข็งแรงดี ด้านหลังคงเป็นพยาบาลพิเศษที่ตามมาดูแลเขากระมัง คนบ้าบิ่นอะไรแบบนี้ เพิ่งเข้าโรงพยาบาลไปเมื่อตอนบ่าย ตกค่ำกลับมาทำให้เธอโมโหจนอยากชกให้หน้าหงาย
“เสียเวลาน่ะคุณ นี่มันจะสองทุ่มแล้วนะ คิดหรือยังว่าจะไปที่ท่ารถยังไง นั่งรถตอนนี้จะกลับถึงบ้านเมื่อไหร่ แม่ของคุณได้เป็นห่วงกันพอดี”
“คุณจะทำอะไรคะ แค่ฉันกลับบ้านช้ามันไม่น่าห่วงเท่าไม่ได้กลับบ้านหรอกค่ะ” ช่วยไม่ได้จริงๆ ที่เธอรู้สึกว่าสายตาของปรานต์ดูไม่น่าไว้ใจ
“ถูกและผิด”
“คุณชานนช่วยไปส่งฉันที่คิวรถทัวร์ได้ไหมคะ” จอมขวัญแค่ถ่วงเวลาเพื่อหาทางออกทางอื่น มีหรือชานนจะช่วยเธอ
“ไม่ต้องไปสั่งใครหรอกจอมขวัญ ทุกคนที่นี่รับคำสั่งจากผมคนเดียว ถ้าผมสั่งว่าห้ามให้คุณไปไหน ต่อให้คุณบินได้ก็ออกไปจากที่นี่ไม่ได้หรอก”
นั่นไงคำพูดของปรานต์แสดงเจตนาที่ไม่ดีชัดๆ
“คุณทำแบบนี้ทำไม อย่าบอกนะว่า...”
“หยุดเลย” นี่จอมขวัญคิดว่าเขาจะทำอะไรเธองั้นหรือ “ผมไม่ใช่คนลามกอย่างที่คุณคิดสักหน่อย แม่ของคุณอนุญาตแล้ว การขับรถกลับกรุงเทพฯ ตอนดึกๆ ทั้งที่ผมยังไม่หายดีคงไม่ใช่เรื่องที่ควรทำ”
ปรานต์มีเบอร์แม่ของเธอได้อย่างไร แล้วยังถือวิสาสะโทรไปบอกว่าเธอจะค้างที่นี่ เขากับแม่ของเธอรู้จักกับมาก่อนแน่ๆ แล้วทำไมแม่ไม่เคยพูดถึงปรานต์มาก่อนเลย
“แต่ฉันไม่ได้ป่วยอย่างคุณสักหน่อย ฉันจะกลับบ้าน”
“แผ่นเสียงตกร่องหรือไง เอะอะก็จะกลับบ้าน แล้วผมจะปล่อยให้คุณนั่งรถทัวร์กลับไปได้ยังไงล่ะ” ปรานต์ข่มเสียงไว้ เขามองไม่เห็นอนาคตที่สวยงามเลย หากยอมตกลงแต่งงานกับผู้หญิงคนนี้ตามที่พ่อต้องการ
“ถ้างั้นก็ให้คนของคุณขับรถไปส่งฉันที่บ้านก็ได้นี่คะ”
“เป็นสาวเป็นนางจะนั่งรถไปกับผู้ชายแปลกหน้าได้ยังไง”
แล้วการที่เธอต้องมาอยู่บ้านของเขากับผู้ชายอีกเป็นโขยงอย่างนี้เรียกว่าปกติตรงไหนกัน แล้วเขาน่ะน่าไว้ใจตรงไหนบ้าง
“แล้วฉันจะมาค้างคืนในบ้านผู้ชายแปลกหน้าได้ยังไงล่ะคะ”
ปรานต์เลิกคิ้วทำหน้าไขสือ ระหว่างเขากับจอมขวัญจะเรียกว่าคนแปลกหน้าได้อย่างไร ป่วยการจะอธิบาย เขาเองก็เหนื่อยแล้ว
“ผมหิวแล้ว คุณจะไปกินข้าวหรือว่าคุณจะยืนบริจาคเลือดให้ยุงก็ตามใจ ผู้หญิงมั่นใจในตัวเองก็น่าดึงดูดให้สนใจอยู่หรอกนะ แต่ถ้าพ่วงความดื้อไม่ยอมฟังเหตุผลมันน่าเบื่อ” ปรานต์เดินเข้าบ้านแบบหักดิบ ดูสิว่าจอมขวัญจะดื้อไปได้แค่ไหน “นนไปกินข้าวกัน”
“คุณจอมขวัญสบายใจเถอะครับ ไม่ได้อะไรน่ากลัวหรอก คุณปรานต์ถึงจะปากร้าย ดูกระด้างไม่ค่อยอ่อนโยน แต่ก็ไม่เคยไปล่วงเกินใครหรอกนะครับ” ชานนช่วยพูดแทนเจ้านาย
ความจริงแล้วการที่ยังไม่กลับในตอนนี้และรั้งจอมขวัญไว้ นอกจากปรานต์อยากหาทางคลายความสงสัยแล้วก็เพื่อความปลอดภัยของเธอด้วย หากพักโรงแรมน่าจะดูแลความปลอดภัยยากกว่า แต่ปรานต์ที่ไม่พึงใจจอมขวัญเพราะเรื่องแต่งงานคงไม่มีทางพูดออกมาหรอก
พอฟังแบบนี้แล้วจอมขวัญก็สบายใจขึ้นมานิดหน่อย ดูท่าแล้วต่อให้เธอปีนรั้วก็ใช่ว่าจะไปไหนได้ บอดี้การ์ดเฝ้าเต็มไปหมดขนาดนี้ เอาเป็นว่าเธอคงได้ร่วมชะตากรรมหากว่ามีคนมายิงถล่มปรานต์ในคืนนี้กระมัง
“ก็ได้ค่ะ โชคดีจริงๆ ที่ฉันไม่สวย แถมยังหัวดื้อไม่ใช่สเปคเจ้านายของคุณ”
“ก็ไม่แน่หรอกครับ” ชานนพูดพึมพึมกับตัวเอง
“อะไรนะคะ”
ได้ยินด้วยหรือ ชานนอยากจะเขกหัวตัวเองที่เผลอพูดเสียงดัง ทั้งที่เบาสุดๆ แล้ว
“ผมบอกว่าเข้าไปข้างในกันดีกว่าครับ”
จอมขวัญสูดหายใจยาวๆ เข้าปอด แค่พักที่บ้านของปรานต์สักคืนคงไม่เป็นไรหรอกน่า คิดเสียว่าพรุ่งนี้จะได้ทำงานต่อ แล้วรีบกลับ พอเข้าไปในบ้านชานนก็พาเธอไปห้องอาหาร แต่คนที่บอกว่าหิวกลับหายไปไหนเสียก็ไม่รู้ ซึ่งดีแล้ว เผื่อท่านเจ้าพ่อเกาะเห็นหน้ากวนโมโหของเธอแล้วคว้าปืนมายิงได้จบเห่กันพอดี
แม้จอมขวัญจะคิดว่าปรานต์ไม่ได้โหดร้ายถึงขนาดนั้น แต่การที่เขามีอันตรายรอบตัวก็ทำให้จอมขวัญอดคิดไม่ได้ว่า เขาคงไปทำคนอื่นเอาไว้เยอะเหมือนกันถึงได้ถูกตามมาเอาคืนแบบนี้
อยากรู้ว่าจอมขวัญเป็นนางนกต่อไหมเลยต้องเอามาอยู่ใกล้ตัว แถมโทรบอกว่าที่แม่ยายให้ด้วย เออ แกมันเข้าทางแม่ยายนี่หว่า
ขอบคุณสำหรับการติดตามอ่านนะคะ
อัมราน_บรรพตี
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 150
แสดงความคิดเห็น