บทที่ 6...2/3
รถกู้ภัยจอดที่ประตูทางเข้าโรงพยาบาล เปลนอนถูกเลื่อนลงมาโดยมีเจ้าหน้าที่กู้ภัยและบุรุษพยาบาลเข็นเข้าไปด้านใน ชานนเดินขนาบมาข้างเตียงไม่ห่าง คนของปรานต์กำลังตามมาที่โรงพยาบาลเพื่อดูแลความปลอดภัย
“อย่ารายงานพ่อนะนน สัญญาสิ”
“ผมสัญญาครับ” ชานนรับปาก แม้ใจจริงไม่อยากรับปาก ความปลอดภัยของปรานต์เป็นหน้าที่ของเขา
“ญาติรอข้างนอกก่อนนะคะ”
ชานนหยุดเดินพร้อมๆ กับพยาบาลปิดประตูห้องฉุกเฉิน ตอนนี้ปรานต์ถึงมือหมอแล้ว ฉะนั้นเขาจะไปทำหน้าที่ของตัวเอง รถได้รับการเปลี่ยนยางแล้ว เขากำลังจะไปสถานีตำรวจพร้อมหลักฐานที่ไม่ได้ถูกเคลื่อนย้ายไปไหน ชายชุดดำ 2 คนถูกสั่งให้เฝ้าหน้าห้องฉุกเฉินไว้ ส่วนหน้าด้านโรงพยาบาลชานนกำชับให้ดูการเข้าออกของคนที่น่าสงสัยไว้ ทว่าพอเขากลับมาที่หน้าห้องฉุกเฉินอีกครั้ง จอมขวัญก็มาอยู่ตรงนี้ เขาไม่แน่ใจว่าเมื่อไหร่เพราะห่วงปรานต์จนไม่ทันสังเกต เขาบกพร่องจริงๆ ที่ไม่ดูแลแขกของเจ้านายให้ดี
“ขอบคุณนะครับ ถ้าไม่ได้คุณจอมขวัญช่วยคงไม่มาถึงโรงพยาบาลได้เร็วขนาดนี้”
จอมขวัญไม่คิดเหมือนกันว่ามาทำข่าวเรื่องปรานต์ในคราวนี้จะกลายเป็นต้องหาทางพาเขามาโรงพยาบาล การที่เขามีปืนอยู่ใกล้ตัวเสมอคงเพราะเหตุผลแบบนี้เองสินะ รอบตัวของเขามีแต่คำว่าเสี่ยงเสมอ
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ช่วยๆ กัน” ถึงไม่ใช่ปรานต์ เธอก็ช่วยอยู่ดี
“ตอนนี้คุณจอมขวัญหิวหรือเปล่าครับ ถ้ายังไงไปหาอะไรกินก่อนไหมครับ เดี๋ยวผมพาไป” ชานนถามเพราะตอนนี้เที่ยงกว่าแล้ว
“รอหมอออกมาบอกว่าคุณปรานต์ไม่เป็นไรแล้วดีกว่าค่ะ กังวลใจแบบนี้ไปกินข้าวก็คงกินไม่ลงอยู่ดี”
ชานนพยักหน้า ก่อนจะเม้มปากราวกับมีบางอย่างไม่สบายใจที่จะพูด แต่หากไม่พูดออกมาคิดว่าคงเกิดเรื่องใหญ่
“เรื่องในวันนี้ผมหวังว่าจะไม่เป็นข่าวออกไป”
จอมขวัญยิ้มพลางพยักหน้า “ค่ะ ฉันไม่ทำข่าวที่แหล่งข่าวไม่อนุญาตเด็ดขาด สบายใจได้ค่ะ”
ชานนค่อยโล่งอกที่จอมขวัญเข้าใจอะไรง่ายๆ การปิดข่าวไม่ใช่เรื่องยาก แต่เขาไม่อยากทำให้จอมขวัญกลัวจนขวัญกระเจิง หากสิ่งใดที่ทำแล้วเป็นผลดีต่อปรานต์ เขาย่อมต้องทำอยู่แล้ว
“ขอบคุณครับ ถ้างั้นผมขอตัวไปจัดการบางอย่างก่อนนะครับ แล้วจะรีบกลับมา”
ชานนรีบเดินทางไปสถานีตำรวจเพื่อแจ้งความและมอบหลักฐาน แม้เรื่องพวกนี้ปรานต์สามารถส่งคนไปจัดการคนที่อาจจะทำได้ แต่ปรานต์ไม่อยากทำแบบนั้น อย่างไรเสียกฎหมายต้องมาก่อน แต่หากกฎหมายช่วยไม่ได้ หลังจากนั้นจะเป็นเรื่องที่ปรานต์จะสั่งเองว่าต้องการให้คนของตนเอง ‘จัดการ’ อย่างไร
จอมขวัญนั่งลงที่เดิม แต่อดไม่ได้ที่จะปรายตามองไปยังบอดี้การ์ดชุดดำทั้งสองคนที่ยืนเฝ้าประตูห้องฉุกเฉินไว้ราวกับเป็นพื้นที่หวงห้าม ทั้งที่ภายในห้องนั้นมีคนเจ็บอีกหลายคน อย่างน้อยปรานต์ก็ไม่ได้ไปละเมิดสิทธิ์การรักษาของใคร เพียงแต่ความปลอดภัยของเขาเป็นเรื่องที่ต้องเข้มงวดและรัดกุม เขาเคยพบเจอออะไรมาหรือถึงต้องมีชีวิตเสี่ยงตายแบบนี้ เท่าที่เธออ่านประวัติในเชิงลึกของเขา ธุรกิจก็ดูดีไม่มีอะไรด่างพร้อย
ทว่าสิ่งที่เธอเห็นในคืนที่อยู่ฟาร์มมินธราว่าเขาออกไปพร้อมคนจำนวนหนึ่ง เบื้องหลังธุรกิจของเขาคงไม่ขาวสะอาดอย่างที่สร้างภาพกระมัง จอมขวัญสงสัยและมั่นใจว่าเมื่อไปทำข่าวที่ฟาร์มของเขา เธอจะได้คำตอบแน่นอน
จอมขวัญเห็นว่าเวลาผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมงแล้ว แต่หมอยังไม่ออกมาบอกว่าปรานต์เป็นอย่างไรบ้างก็ชักไม่สบายใจเพราะตอนที่มาถึงโรงพยาบาลเขาอาการไม่หนักอะไร แต่ทำไมหมอถึงใช้เวลาตรวจนานจนน่าเป็นห่วง เธอลุกขึ้นเดินไปเมียงๆ มองๆ ผ่านกระจกของห้องซึ่งไม่เห็นปรานต์เพราะม่านข้างเตียงที่อยู่ไกลจากสายตาถูกเลื่อนมาปิดจนมิด พอเธอหันมาทางบอดี้การ์ดที่ทำหน้าเรียบก็ยิ่งไม่ได้คำตอบ จึงกลับมานั่งที่เดิม
ชานนวิ่งกระหืดกระหอบมาถึงพอดี ธุระของเขาเสร็จเร็วจึงกลับมาทัน ประตูห้องฉุกเฉินเปิดออกพอดี ชานนเดินไปคุยกับหมอ ในขณะที่จอมขวัญเลือกนั่งรอเพราะเธอมันคนนอก แค่ดันมาร่วมอยู่ในเหตุการณ์ระทึกเท่านั้น
“หมอบอกว่าคุณปรานต์เป็นอะไรหรือคะคุณชานน”
ชานนนั่งลงแล้วไตร่ตรองในคำตอบของเขาเพราะหมอเพิ่งบอกเขาว่า
‘อาการได้รับสารพิษ ผมยังต้องตรวจให้แน่ใจก่อนว่ามีผลต่อร่างกายอย่างไรบ้าง ทางแล็บของโรงพยาบาลกำลังวิเคราะห์ว่าเป็นสารเคมีอะไร พรุ่งนี้คงได้คำตอบครับ’
“ทำงานจนเครียดมากเกินไปน่ะครับ ตอนนี้อาการไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแล้ว เดี๋ยวเราไปเยี่ยมคุณปรานต์กันดีกว่า” ชานนจงใจโกหก แต่เขามีเหตุผลที่ไม่อาจบอกคนนอกได้
จอมขวัญพยักหน้าเออออ แม้จะมั่นใจว่าตัวเองมองไม่พลาดว่าปรานต์ถูกวางยา แต่หากไม่ใช่งานและเรื่องที่เธอสมควรรู้ เธอจะทำเหมือนเชื่อชานนจะได้ไม่ลำบากใจต่อกัน
“เจ้านายคุณก็เงินมากแล้วไม่น่าเอาแต่ทำงานหนักเลยนะคะ ถ้ามีเงินมากๆ แล้วไม่มีโอกาสได้ใช้จะมีประโยชน์อะไร ฉันไม่เข้าใจคนที่ทำงานจนไม่ห่วงตัวเองเลยจริงๆ”
“ถ้าคุณปรานต์มีแฟนก็คงมีคนคอยห่วงนะครับ ตอนนี้โสดอยู่ก็ต้องดูแลตัวเองไปก่อน” บอดี้การ์ดที่ดีควรช่วยพ่อเจ้านายกล่อมว่าที่เจ้าสาวที่น่าจะยังไม่รู้ตัวว่าถูกจับคู่กับปรานต์อยู่ แต่จอมขวัญกลับทำให้เขาประหลาดใจ เขาพูดอะไรผิดไปงั้นหรือ “คุณจอมขวัญหัวเราะทำไมหรือครับ”
จอมขวัญเม้มปากพยายามหยุดหัวเราะ
“ไม่มีอะไรค่ะ ฉันมันพวกเส้นตื้นนิดเดียวก็หัวเราะแล้ว อย่าใส่ใจเลยนะคะ”
ชานนเลยหัวเราะแห้งๆ ตาม จอมขวัญก้มหน้าพยายามจะไม่หัวเราะ ปรานต์โสดอยู่หรือเปล่า จอมขวัญไม่ได้สนใจหรอก แต่เขาไม่ได้น่าสงสารถึงขนาดนั้น ตอนไปที่เกาะเธอเห็นเขามีผู้หญิงข้างกายถึงสองคนซึ่งไม่รู้ว่าคนไหนคือตัวจริง พอได้ฟังชานนพูดแบบนั้นเธอจะไม่หลุดหัวเราะออกไปได้อย่างไรกัน
เสียงถอนใจยาวเป็นสิ่งแรกที่ปรานต์ได้ยินจากตัวเอง เขาคงหลับไปเพราะฤทธิ์ยาที่หมอให้ ทำให้ตอนนี้ลืมตาขึ้นมาด้วยความรู้สึกที่สบายตัวขึ้นมาก ชายหนุ่มขยับแขนเพื่อยันตัวขึ้นนั่ง แต่เตียงกลับเลื่อนขึ้นเอง ไม่สิ มีใครบางคนที่เขาไม่คิดว่าจะอยู่ด้วยกันในเวลาแบบนี้ช่วยปรับเตียงให้ ตอนนั้นหากไม่ได้จอมขวัญ เขาอาจอาการหนักหรืออาจใกล้ตายไปแล้วก็ได้
“ทำไมคุณถึงอยู่ที่นี่ ทำไมนนไม่พาไปพักที่โรงแรมใกล้ๆ โรงพยาบาล” ปรานต์เพิ่งรู้ว่าเสียงตัวเองแหบจึงมองหาน้ำ ชานนก็รินน้ำมาให้ทันที
“ขอโทษครับ ผมลืมคิดเรื่องนี้ไป”
“ไม่ต้องยุ่งยากหรอกค่ะ เดี๋ยวฉันหารถกลับกรุงเทพฯ สะดวกกว่า เอาไว้ฉันนัดเวลาว่างของคุณอีกรอบก็ได้ค่ะ”
ตอนนี้ปรานต์ปลอดภัยแล้วและเธอไม่อยากอยู่ใกล้เขานานๆ นักเผื่อเป็นอำเภอกระสุนตกซวยไปด้วย ไม่ใช่ว่าคืนนี้มีคนมายิงถล่มเขาอีกหรอกนะ
“ไม่ยุ่งยาก ผมไม่ได้เป็นอะไรมาก พรุ่งนี้คุณอยู่ทำงานให้เสร็จแล้วค่อยกลับ เดี๋ยวผมคุยกับคุณนพดลเอง”
อย่างน้อยจอมขวัญก็เป็นคนหนึ่งที่ช่วยชีวิตเขาไว้ เธออาจจะทำให้เขาขวางหูขวางตา แต่หากไม่มีเรื่องการถูกจับแต่งงาน เธออาจจะเป็นผู้หญิงที่เขายิ้มให้ได้อย่างสบายใจกระมัง
“เอ่อ...”
“นนมีอะไรจะบอกฉันหรือเปล่า”
ชานนมองปรานต์ว่ามาไม้ไหน แต่ก็เออออไปด้วยเพราะเขามีเรื่องจะบอกจริงๆ
“มีครับ ผมขอเวลาส่วนตัวสักครู่นะครับคุณจอมขวัญ”
จอมขวัญพยักหน้าแบบงงๆ เพราะเธอยังไม่ได้บอกว่าจะพักที่ระยองคืนนี้สักหน่อย แต่เหมือนปรานต์ได้รับคำตกลงจากเธอไปแล้วอย่างไรอย่างนั้น เขาจะไม่ฟังเธอสักหน่อยหรือ เผด็จการชะมัด
“ก็ได้ค่ะ เดี๋ยวฉันไปรอข้างนอกนะคะ”
ปรานต์รอจนจอมขวัญออกไปจากห้องแล้วจึงหันมามองบอดี้การ์ดที่เขานับว่าเป็นเพื่อนสนิท คนรอบตัวเขานอกจากชานนคงไว้ใจใครไม่ได้แล้ว
“คุณปรานต์ถูกวางยาครับ” ชานนเอ่ยเพราะรู้ว่าปรานต์ต้องการคำตอบในเรื่องใด “อาจมาจากอาหารหรือเครื่องดื่มที่คุณปรานต์กินไป ผมโทรสั่งให้คุณทินเก็บตัวอย่างแก้วและทุกอย่างที่คุณปรานต์กินไปตรวจอยู่ เพื่อที่จะได้ตรวจเทียบกับผลจากโรงพยาบาล”
ปรานต์พยักหน้าไม่ได้ผิดคาด เพียงแต่ไม่คิดว่าคราวนี้สิ่งที่เกิดจะใกล้ตัวเขาเข้ามาทุกที
“คนของฉันอาจถูกซื้อตัวไปแล้วก็ได้ พนักงานในบริษัทมีเป็นสิบๆ แค่ใครสักคนแอบใส่ยาพิษในน้ำก็ฆ่าฉันได้แล้วล่ะนน”
“คุณปรานต์สงสัยใครหรือครับ” ชานนพอจะมีคำตอบ แต่มันเป็นแค่การคาดเดาเท่านั้น
“เยอะแยะไปหมด รวมทั้งว่าที่เจ้าสาวของฉันด้วย” ปรานต์ถอนใจ เขาแค่สงสัย ยังไม่ได้อยากปรักปรำใคร คนอย่างเขาไว้ใจคนยาก “เมื่อวานฉันเห็นจอมขวัญนัดพบตฤณ ท่าทางที่คุยกันคงสนิทสนมพอสมควร”
ชานนขมวดคิ้วเพราะหากไม่ได้จอมขวัญช่วยปรานต์ในคราวนี้ ปรานต์อาจจะอาการหนักก็ได้ แต่ก็นั่นล่ะ จอมขวัญเข้ามาในเวลาที่คับขันจนอดที่จะสงสัยไม่ได้อยู่ดี
“คุณปรานต์จะให้ผมยังทำยังไงต่อไปครับ”
“ห้ามให้เรื่องของฉันแพร่ออกไป จอมขวัญต้องอยู่ในสายตาของฉันจนกว่าจะกลับกรุงเทพฯ พรุ่งนี้ พ่ออยากให้ฉันใกล้ชิดกับผู้หญิงคนนั้นอยู่แล้วนี่ มันก็ไม่เห็นจะยากตรงไหน” ปรานต์กดยิ้มมุมปากยามมองไปที่บานประตูที่จอมขวัญรออยู่ด้านนอก ก่อนจะหยิบโทรศัพท์เพื่อกดเบอร์ที่เขาไม่คาดคิดว่าจะใช้ได้เร็วกว่าที่คิด
“คุณน้าลลิตาครับ ผมปรานต์กำลังพูดสาย...”
ชานนเพิ่งเข้าใจ เมื่อสงสัยใครสักคน การเก็บไว้ข้างกายแล้วหาคำตอบ ย่อมดีกว่าปล่อยไปโดยง่าย การที่ปรานต์ฟื้นขึ้นมาแล้วบอกให้เขาหาโรงแรมให้จอมขวัญอยู่เพราะเหตุผลนี้เอง ปรานต์รู้คำตอบว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเองก่อนที่เขาจะบอกเสียอีก
ปรานต์ขอพบหมอเพราะเขาประเมินตัวเองแล้วว่าคืนนี้จะไม่นอนที่โรงพยาบาล หากหมออนุญาตโดยมีเงื่อนไขที่เขาทำได้ เขาย่อมยอมทำเพื่อจะได้ไปหาคำตอบด้วยตัวเองว่าจอมขวัญเป็นว่าที่เจ้าสาวที่เขาไม่ต้องการหรือเป็นนางนกต่อของใครกันแน่
จอมขวัญช่วยชีวิตแกไว้นะปรานต์ แกไปส่งสงสัยจอมขวัญได้ยังไง แกนี่มันน่าชกจริงๆ 555
ขอบคุณสำหรับการติดตามอ่านนะคะ
อัมราน_บรรพตี
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 103
แสดงความคิดเห็น