8
คุณหญิงป้าบอกกับทัศให้พารินรดาไปที่โรงเรียนในวันพรุ่งนี้เพื่อจะได้ทดลองสอน และที่สำคัญคุณหญิงป้าก็อยากให้เธอเริ่มงานในทันที โดยให้อนงค์เป็นครูพี่เลี้ยง ส่วนเรื่องวุฒิการศึกษาของรินรดาทัศเป็นผู้รับรองให้โดยที่เขาเองรู้สึกว่าสิ่งที่ทำอาจจะไม่ถูกต้องนักแต่ไม่รู้เป็นเพราะอะไรเขาถึงยอมทำเช่นนั้นทั้งๆที่ยังไม่รู้จักเธอเสียด้วยซ้ำโดยเขาบอกว่าหลักฐานต่างๆของเธออาจจะไม่มีเพราะที่บ้านของเธอไฟไหม้
รินรดาเองที่ได้ยินทัศโกหกเกี่ยวกับตัวเธอ เธอถึงกับตกใจ แต่ท่าทางของเธอคุณหญิงป้าไม่ทันจะสังเกต คุณหญิงป้ากลับไปด้วยความรู้สึกที่ไม่ค่อยจะพอใจเท่าไหร่นักด้วยเหตุ
เมื่อคุณหญิงป้าของทัศกลับ รินรดาก็โวยวายขึ้นในทันทีทันใดว่า
“ชั้นบอกคุณตั้งแต่เมื่อไหร่ว่าจะเป็นครู”
“ผมเห็นว่าคุณสนใจและคุณก็น่าจะทำได้”
“ชั้นไปสนใจอยากเป็นครูให้คุณเห็นตอนไหนหรา”
“ก็ตอนเช้าเห็นอนงค์บอกคุณซักถามเธอ ผมก็ต้องเข้าใจว่าคุณสนใจถ้าคนเราไม่สนใจมีหรือจะถามไถ่”
“นี่! คุ๊น บางทีถามเพราะอยากรู้เฉยๆ ไม่ได้ต้องการอะไรอ่ะเคยเป็นมั้ย”
“ครับ ผมเข้าใจผิดไปเอง”
“คุณก็รับผิดชอบเลย ชั้นไม่ไปสอนชั้นไม่อยากทำงานอยากอยู่บ้านเฉย”
“คุณจะหายใจทิ้งอย่างไร้ประโยชน์ได้อย่างไรล่ะครับ สอนเด็กก็ก่อประโยชน์ดีแท้ อีกทั้งยังจะทำให้คุณป้าชอบคุณอีกด้วย”
“ก่อประโยชน์ดีแล้วทำไมคุณไม่สอนเองล่ะ”
“ผมก็จะสอนสตรีได้อย่างไรล่ะครับ ผมก็มีงานในใจแล้วคือผมรับปากจะไปสอนมหาวิทยาลัย อีกทั้งโรงเรียนคุณป้าเป็นโรงเรียนสตรีผมจะไปสอนดูเป็นการไม่เหมาะสม”
“ครูที่เป็นผู้ชายมีเยอะแยะ แล้วไปสอนที่มหาลัยเหมาะหรา ที่สำคัญตัวเองมีคู่หมั้นอยู่แล้วยังจะมาจุ๊บคนอื่นอีก”
ทัศเลือกที่จะไม่พูดถึงเรื่องคุณหนูแพรที่คุณพ่ออยากจะให้เขาแต่งงานกับเธอ
“ตอนที่คุณคุยกับคุณป้า คุณยังบอกว่า การศึกษาเป็นเรื่องสำคัญในชีวิตและยิ่งในสังคมสำคัญมากๆเพราะถ้าต้องการเปลี่ยนสังคมก็ต้องเริ่มที่การศึกษา เพราะการศึกษาเป็นการวางรากฐานว่าต้องการให้คนในสังคมเป็นแบบไหน และตำราเรียนก็ยิ่งสำคัญเพราะสิ่งที่อยู่ในตำราเรียนเป็นสิ่งที่จะชี้นำสังคมเป็นการปลูกฝั่งค่านิยมที่เราต้องการ คุณพูดจนคุณป้าเอ่อออห่อหมกเห็นดีเห็นงามขนาดนี้ยังบอกว่าจะไม่ทำงานเป็นคุณครูหรือ”
รินรดาฟังเขาก็รู้สึกสงสัยที่เขาใส่ใจเธอ เพราะสิ่งที่เขาพูดนั้นเธอก็พูดเช่นนั้นจริงแต่ที่เธอสงสัยเขาทำไมถึงไม่พูดถึงเรื่องคู่หมั้นล่ะ น่าสงสัยจริงๆ (0_0)
หลังจากที่รินรดาได้เจอกับคุณหญิงป้าของทัศชายหนุ่มเจ้าของบ้านแล้วเธอก็คิดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วไม่ทันได้เตรียมตัว
‘ในชีวิตของคนเรานั้นต้องเตรียมพร้อมกับความเปลี่ยนแปลงที่ไม่สามารถคาดเดาได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ฉะนั้นเธอจะทำดีที่สุดในปัจจุบัน’
เหตุผลที่เธอไม่อยากไปอยู่ที่อื่นเพราะกลัวว่าถ้าย้ายที่แล้วเธออาจจะกลับบ้านไม่ได้ เธอจะรอจนกว่าได้ยินเสียงนั้นคลื่นเสียงที่ส่งเธอทะลุเวลามาที่นี่ ซึ่งเธอเองยังไม่รู้ว่าจะกลับอย่างไรถ้าไม่มีคลื่นเสียงนั้นล่ะ….แต่ทุกสิ่งทุกอย่างเธอมั่นใจว่า
’ในเมื่อเธอมาได้เมื่อถึงเวลาเธอก็ต้องกลับไปได้เช่นเดียวกัน’
หลังจากที่คุณหญิงป้าของทัศกลับไปไม่นานนักเขาก็ออกไปทำธุระข้างนอกรินรดาสงสัยว่าขี้เมาแบบเขาจะมีธุระออกจากบ้าน ที่สำคัญเขาก็ไม่บอกเธอสักคำว่าไปไหนอยู่ๆก็หายไปทำให้เธอต้องเดินไปสำรวจเองว่าเขาไม่อยู่ จนกระทั่งเจอแม่แสงน่าจะเป็นแม่ของอนงค์ที่ยกน้ำชากับขนมช่อม่วงที่อยู่บนจานสามสี่ชิ้น อีกจานเป็นขนมสาลีสีม่วงพาสเทลที่ดู นุ่มฟู น่ากินไม่น้อย และมีขนมหม้อแกงที่โรยหน้าด้วยหอมแดงเจียวกลิ่นหอมซึ่งเป็นของโปรดเธอ โดยเธอขอให้แม่แสงเอาแต่หอมแดงเจียวที่โรยหน้าขนมหม้อแกงมาให้เธออีก รินรดาเดินสำรวจหนังสือของเขาที่ส่วนมากจะเป็นหนังสือเกี่ยวกับประวัติศาสตร์และปรัชญา หนังสือที่เขาอ่านดูย้อนแย้งกับการกระทำของเขามาก เมื่อป้าแสงนำหอมแดงทอดใส่ถ้วยเล็กมาให้รินรดาพร้อมกับบอกเธอว่า
”อย่ากินของทอดเยอะเลยค่ะเดี๋ยวท้องจะอืดนะคะ ตอนเช้าเห็นอนงค์บอกคุณไม่ค่อยสบาย”
”ค่าาาาา แม่แสง ขอบคุณที่เป็นห่วงแค่นี้ไม่เยอะเลยค่ะ รินเคยทานเยอะกว่านี้อีกค่ะ”
แม่แสงมองหญิงแปลกหน้าก็อดเป็นห่วงไม่ได้ดูแม่หนูคนนี้จะไม่ค่อยเต็มบาท ส่วนรินรดาเธอไม่รอช้ารีบถามหาทัศทันทีว่า
“เอ่อ! คุณทัศหายไปไหนหราค่ะ”
“เห็นบอกออกไปทำธุระ คุณต้องการอะไรบอกแสงได้นะจ๊ะ”
รินรดาคิดถึงตอนที่เดินสำรวจบ้าน ห้องที่อยู่ถัดจากห้องอาหารไปเป็นเหมือนห้องรับแขกที่มีแกรนด์เปียโนอยู่กลางห้องและด้านริมหน้าต่างมีโซฟายาวทำมาจากหวายวางไว้อยู่สองตัวส่วนอีกมุมเป็นเคาน์เตอร์ไม้ด้านหลังเคาน์เตอร์เป็นตู้ไม้มีประตูตู้เป็นกระจกด้านในตู้เต็มไปด้วยขวดเหล้าฝรั่งเรียงรายอยู่หลายสิบขวดทั้งสองชั้น โดยเธอคิดว่า
‘นี่ คือโอกาสทองที่เธอจะกำจัดต้นเหตุของเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนที่เขาทั้งกอดทั้งจูบเธอเพราะฤทธิ์ของเหล้าพวกนั้น’
รินรดายังคิดต่อว่า
‘ช่วงเวลานี้ช่างเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดที่จะปฏิบัติพิทักษ์ตัวเธอเองให้ปลอดภัย’
รินรดาจึงพูดกับแม่แสงว่า
“แม่แสงค่ะ ช่วยไปต้มชาจีนให้สักหม้อใหญ่ๆเลยนะคะแล้วกรองใบชาออกให้หมดนะคะเอาแบบไม่ต้องเข้มมากนะคะแล้วยกมาที่ห้องเปียโน รินจะรอที่ห้องนะคะ”
เมื่อได้ยินรินรดาพูดในตอนแรกแม่แสงสงสัยไม่น้อยและมีท่าทีลังเล รินรดาจึงคะยั้นคะยอให้แม่แสงรีบไปต้มน้ำชามาเพราะกลัวทัศจะกลับมาก่อน
ห้องครัวไทยหลังบ้านที่เปิดโล่ง
แม่แสงที่เข้าไปต้มชาจีน ยายชื่นก็เข้ามาเห็นพอดีจึงถามว่า
“ต้มชาจีนทำอะไรหือ เยอะแยะตาแปะ”
“ก็คุณนะสิแม่ อยากได้ชาจีน เมื่อตะกี้ก็กินหอมแดงเจียวที่ใส่ขนมหม้อแกงซะเกลี้ยง แล้วนี่ก็เข้าไว้ในห้องเหล้าคุณทัศด้วย ไม่เรียกเมียแล้วจะเรียกอะไรเล่า”
“นั่นสิ คุณทัศเห็นทีจะมีเมียก็คราวนี้ ดีจะได้เป็นผู้เป็นคนกับเขา”
“หน้าตาหรือก็สวยน่าสงสารมีเสียจริต เพี้ยนจนจำบ้านตัวเองก็ไม่ได้แม่ว่ามั้ย”
แม่แสงบอกกับยายชื่นผู้เป็นแม่ด้วยความสงสารรินรดา
“เอ่อ!….จะว่าไปคุณหนูแพรทั้งสวยทั้งผู้ดีคุณทัศก็ไม่ชอบแม้แต่จะชายตามอง นี่หละหนา วาสนาใครก็วาสนาคนนั้น”
ทั้งสองคุยกันไปก็ช่วยกันจับผ้าขาวบางมากรองชาจีนที่ต้มจากนั้นก็ผสมน้ำเย็นลงไปตามที่รินรดาบอก
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 238
แสดงความคิดเห็น