บทที่ 8...3/3
ชุดแซกสีขาวกับรองเท้าแตะนุ่มๆ ทำให้เมษารู้สึกสบายตัวและเดินได้ไม่เจ็บเท้า พอเธอโทรหาฝ่ายต้อนรับก็มีพนักงานมาพาเธอไปทานอาหารซึ่งน่าจะเป็นห้องใดห้องหนึ่งในโซนอาหาร แต่กลับไม่ใช่ เธอเดินตามพนักงานคนนี้มาเรื่อยๆ จนกระทั่งมาถึงสวนซึ่งมีประตูกั้นไว้ต้องมีกุญแจสำหรับไขเปิด เธอถูกพามาทานอาหารที่ไหนกัน ทำไมถึงดูลึกลับชอบกล
พนักงานคนนั้นบอกว่าถึงแล้ว พอหันไปมองตรงรวงไฟที่ประดับบนต้นมะกอกที่น่าจะปลูกมาหลายปี เมษาถึงได้รู้ว่าเจ้าของสวนน่ารักๆ แห่งนี้คงเป็นภามนั่นเอง เขายืนรอเพื่อพาเธอเดินไปยังโต๊ะที่วางอาหารค่ำไว้เรียบร้อยแล้ว หญิงสาวยิ้มบางเพราะบรรยากาศการทานอาหารค่ำช่างน่ารัก ร่มรื่น สบาย และสวยเหมือนนั่งในคาเฟ่ที่จัดเอาไว้รอลูกค้า แต่ที่นี่ไม่น่าจะเป็นคาเฟ่เพราะมีแค่โต๊ะกับเก้าอี้แค่สองตัว ประตูทางเข้าก็ล็อกไว้อย่างดี
“ตอนนี้คุณคงหิวแล้ว” ภามเอ่ยพลางเลื่อนเก้าอี้ให้เมษานั่ง
หญิงสาวนั่งลงพลางมองเสื้อแขนยาวสีขาวกับกางเกงยีนส์ที่ภามใส่อยู่ ทำไมเธอรู้สึกเหมือนกับเขาเพิ่งเดินออกมาจากบ้านตัวเอง ซึ่งก็คงใช่เพราะที่นี่เป็นโรงแรมของเขานี่นา
“เหตุการณ์เมื่อตอนเย็น ฉันเห็นก่อนที่จะหมดสติไป คุณรู้ไหมคะว่าใครที่ทำแบบนั้น” เมษาถามพลางคลี่ผ้าเช็ดปากมาวางทีขา แล้วจับช้อนส้อม ตอนนี้มีทั้งสเต็กหมู ซุปต่างๆ ข้าวผัด ซูชิ เธอแทบไม่ต้องเลือกเพราะเดี๋ยวจะทานทุกอย่างนั่นแหละ
ภามชะงักไปไม่คิดว่าเมษาจะรู้ว่าเกิดอะไรในตอนนั้น แต่การที่เธอไม่โวยวายมีสติทำให้เขาพอใจอยู่เงียบๆ
“คุณกลัวหรือเปล่าถ้าต้องมาอยู่ใกล้ๆ ผม”
เมษามองภามพลางคิดก่อนที่จะตอบ “คงขึ้นอยู่กับว่าคุณตอบคำถามของฉันยังไงค่ะ”
ขึ้นอยู่กับคำตอบของเขาอย่างนั้นหรือ?
ถ้าอย่างนั้นเมษาคงเป็นผู้หญิงที่รับมือกับสิ่งต่างๆได้ หากว่าสิ่งที่รู้นั้นเป็นความจริงที่ไม่ได้แต่งเติมเพื่อความสบายใจใช่ไหมนะ บางครั้งภามก็อยากลองใจคนที่เข้ามาในชีวิต ที่ผ่านมาเขาทำเพราะจำเป็นที่ต้องดูคนให้ออก แต่สำหรับเมษา เขาอยากรู้ว่าเธอคิดและมีท่าทีออกมาอย่างไร
“มีคนลอบยิงผม ที่ผ่านมาเคยเกิดเหตุการณ์แบบนี้มาหนึ่งครั้ง ตอนนั้นผมเดินทางไปโรงแรมในต่างจังหวัดกับพ่อ แต่ผมกับพ่อรอดมาได้ แต่สุดท้ายพ่อก็ตายเพราะโรคหัวใจ ส่วนเหตุการณ์ในครั้งนี้ ผมคิดเป็นอย่างอื่นไม่ได้ว่ามีคนสงสัยแล้วว่าผมกำลังสืบการตายของพี่ภูมิ จากปืนที่โมกข์เห็น โมกข์บอกว่าน่าจะมาขู่เพราะใช้กระสุนปลอม แต่ถ้าโดนจุดสำคัญก็อาจตายได้”
เมษาพยักหน้ากำลังทำความเข้าใจการใช้ชีวิตของภามซึ่งคงเทียบกับการใช้ชีวิตของเธอไม่ได้ เธอไม่ได้มีศัตรูที่ไหนการขายขนมไม่ทำให้มีปัญหากับใครถึงขั้นหมายเอาชีวิตได้หรอก
“คุณคิดว่าใครที่ทำแบบนั้นหรือคะ”
ภามถอนใจเพราะเป็นคำถามที่ยากจะพบคำตอบในตอนนี้ “ผมไม่รู้ แต่ผมสามารถสืบย้อนกลับไปได้ คนที่น่าสงสัยว่าเป็นสายของคนร้ายมีแค่ 2 คน”
“เจ้าของผับกับพ่อของปราบ” เมษาเดา แต่น่าจะใช่เพราะดวงตาของภามที่มองเธอราวกับยอมรับในคำตอบนี้
“ถูกต้อง คนของโมกข์กำลังซุ่มติดตาม 2 คนนั้น ส่วนตอนนี้คุณวางใจได้ ที่นี่โรงแรมของผม ไม่มีใครเข้ามาถึงตัวคุณได้แน่นอน”
เมษายิ้มบางพลางมองภาม บางครั้งคนที่ดูสมบูรณ์แบบอย่างเขา แต่พอได้มาอยู่ใกล้ๆ เธอถึงได้รู้ว่าที่เห็นเขาสบายดีมีความสุขมันเป็นแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น ที่จริงแล้วการเป็นภามอาจไม่ใช่เรื่องง่ายหากชีวิตต้องเสี่ยงแบบนี้
“คนที่คนร้ายอยากเจอตัวไม่ใช่ฉันสักหน่อย คุณต้องระวังตัวแล้วนะคะ อย่าไปไหนคนเดียวอีก”
ภามยิ้มกว้างยอมรับคำเตือนที่ฟังแล้วรู้สึกอุ่นอยู่ในใจ “ถ้างั้นผมคงต้องชวนโมกข์ไปค้างที่ตึกข้างๆ ร้านขนมของคุณแล้ว”
เมษาหัวเราะพลางขมวดคิ้วใส่ภาม “ฉันไม่ได้ความว่าอย่างนั้นค่ะ”
ภามชอบที่จะเห็นรอยยิ้มและเสียงหัวเราะของผู้หญิงที่เขายอมให้มาอยู่ใกล้ตัวเสมอ คนแรกคือแม่ คนที่สองตอนนี้คือเมษา หากไม่ใช่เพราะเธอช่วยให้เขาติดต่อพี่ชายได้ ตอนนี้เธอคงอยู่กับน้องสาวที่บ้าน ไม่มีอันตรายใดๆ แต่ตอนนี้เธอได้ก้าวเข้ามาในห้วงอันตรายที่เขาเพียงเท่านั้นที่สามารปกป้องเธอได้
“ผมเป็นห่วงคุณ ตอนนี้ผมปล่อยคุณให้กลับไปใช้ชีวิตเหมือนเดิมไม่ได้แล้ว อยู่ใกล้ผมอันตรายก็จริง แต่ก็ปลอดภัยที่สุดเหมือนกัน”
เมษาวางช้อนกับซ้อมแล้วกอดอกมองภาม การที่เขาพูดแบบนี้ แม้เธอจะเข้าใจ แต่เขาจะใช้มันเป็นข้ออ้างไม่ได้หรอกนะ
“ฉันไม่ยอมไปเป็นแฟนกำมะลอให้ป้าของคุณเลิกนัดบอดหรอกค่ะ”
สายตาของเมษาบอกภามว่าเธอพูดออกมาจากใจ ไม่ได้เป็นเล่ห์เหลี่ยมเรียกร้องให้เขาสนใจเธอ ชายหนุ่มลุกจากเก้าอี้แล้วเดินมายืนใกล้ๆ ก่อนจะใช้มือข้างหนึ่งเท้าไว้ที่โต๊ะ ส่วนอีกข้างจับพนักเก้าอี้ไว้ ใบหน้าของชายหนุ่มขยับเลื่อนเข้าไปใกล้จนห่างเพียงคืบจากดวงตาที่สบมองเขาไม่หลบเลี่ยง
“ผมไม่ได้มีแผนอะไร ผมแค่เป็นห่วงคุณจากใจจริงๆ” ภามคิดว่าเขาพูดสิ่งที่ตรงกับความรู้สึกมากที่สุดแล้ว “ผมไม่ได้ไร้ความรู้สึกเวลาใกล้กับคุณ นอกจากเรื่องพี่ชายแล้ว ผมอยากรู้จักคุณให้มากกว่านี้ด้วย”
เมษาอยากจะลุกขึ้นหรือเลื่อนใบหน้าห่างออกมาจากภาม การที่เขาทำแบบนี้เธอเองก็ประหม่า เธอไม่รู้เลยว่าที่ผ่านมาเขาทำแบบนี้กับผู้หญิงมากี่คนแล้ว เธอไม่อยากเป็นตัวเลือกที่เขาสนใจในช่วงเวลาหนึ่ง หัวใจของเธอไม่ได้แข็งแรงถึงขนาดนั้น
“ฉันชอบชีวิตตัวเองในตอนนี้มากกว่าค่ะ”
ภามรู้ดีว่าเรื่องแบบนี้ต้องใช้เวลาเพื่อเรียนรู้กันและกัน แต่เขาไม่อยากเริ่มต้นจากการที่เมษามองเขาติดลบเพราะข่าว ชายหนุ่มจับมือของหญิงสาวมาทาบที่อกซ้ายตรงตำแหน่งหัวใจของเขา สิ่งนี้เป็นสิ่งเดียวที่จะยืนยันได้ว่าเขาพูดความจริง
“ผมไม่ได้เจ้าชู้ไปเรื่อยๆ อย่างที่คุณเข้าใจ ผมใจเต้นแรงกับคุณนะ ไม่ได้ใจเต้นแรงกับผู้หญิงคนไหนก็ได้”
เมษารู้สึกได้ถึงหัวใจที่เต้นระรัวแรงอยู่ใต้ฝ่ามือของเธอ ภามรู้ดีว่าเธอจะรับรู้ได้ ทว่าเรียวปากที่เม้มปิดและสายตาที่ไม่แน่ใจคู่นั้นทำให้เขารู้ว่าแค่นี้คงไม่พอ
“มาลองเป็นแฟนกับผมไม่ได้หรือ”
ตั้งแต่ได้พบกับเมษา เขาขอเธอเป็นแฟนถึง 2 ครั้งแล้ว ภามรู้สึกเหมือนผู้ชายช่างตื๊อ เขารู้สึกอย่างไรกับเธอกันแน่ ตอนนี้ไม่ใช่ความรัก แต่มันคืออะไร
“ฉัน...”
เมษารู้สึกเหมือนวินาทีนี้ได้หยุดนิ่งลง ภามแนบริมฝีปากของเขาลงบนริมฝีปากของเธอแล้วยังจับต้นคอของเธอไว้ กลิ่นหอมจากๆ จากน้ำหอมที่ตัวภามทำให้เมษากำมือแน่น การถูกจูบไม่ทำให้เธอหวั่นไหวง่ายๆ เธอเม้มปากหากไม่ตอบสนองกลับไป เขาคงรู้คำตอบของเธอเอง ทว่าเรียวปากของเขากลับขยับห่างออกไปไม่ล่วงล้ำ ไม่ทำให้เธอโมโหไปกว่าเดิม เรียวปากหนาคลี่ออกคล้ายยิ้ม เมษาไม่แน่ใจว่าเขากำลังแกล้งเธอหรือว่าแค่อยากเอาชนะ
“ฉันยังไม่ได้ตอบอะไรเลย คุณจะมาจูบฉันทำไมเนี่ย” เมษาซ่อนความประหม่าไว้ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆ แต่ช่วยไม่ได้ที่เสียงของเธอกำลังสั่นทั้งที่พยายามเก็บอาการแล้ว
ภามเห็นความหวั่นไหวจากเมษา แม้จะคิดไว้ว่าอาจถูกเธอชกเพราะมือทั้งคู่ของหญิงสาวกำไว้แน่น ชายหนุ่มเลื่อนใบหน้าไปใกล้แล้วยิ้มบางก่อนเอ่ยว่า
“คนไทยมีคำว่า ‘ผิดผี’ ไม่รู้ล่ะ คุณผิดผีผมแล้ว ต้องรับผิดชอบ”
เมษารู้สึกว่าใกล้ไปแล้วจึงลุกขึ้น เขาจะดูออกว่าเธอเขินหรือกำลังกลัวก็ตามแต่เถอะ การใกล้แบบนั้นมันอันตรายเกินไป
“ฉันไม่รับผิดชอบอะไรทั้งนั้นค่ะ”
“ถ้างั้นผมรับผิดชอบคุณเองนะเมษา” ภามแปลกใจเหมือนกันที่ตัวเองไม่ลังเลเลยเมื่อบอกเมษาออกไป
เมษาเหมือนถูกต้อนให้จนมุม เธอไม่ได้เดินทางมาไกลเพื่อมามีช่วงเวลานี้สักหน่อย
“คุณภาม...”
ภามเดินเข้าไปใกล้ไม่ได้อยากกดดันอะไรเมษาเลย แต่การที่เธอถอยไปหนึ่งก้าวทำให้เขาลดมือที่กำลังจะยื่นไปจับไหล่บางไว้
“จะเรียกผมว่าภาม หรือพี่ภามก็ได้นะ ผมยอมให้คุณเรียกได้หมด”
เมษามองภามอย่างใช้ความคิด ระยะเวลาที่เธอกับเขาได้พบกันตั้งแต่ที่คลินิกจนถึงตอนนี้คงแค่ 2 เดือนเท่านั้น หากภามทำเพราะอยากรั้งเธอไว้เพื่อจะได้ช่วยเขาเรื่องพี่ชายคงไม่จำเป็นเลย เธอเอ่ยปากไปแล้วว่าจะช่วยเขา ถ้าอย่างนั้นเขาทำแบบนี้ไปเพื่ออะไร การกระทำของเขาช่างมีไมตรีต่อเธออย่างง่ายดาย
“ฉันขอพูดกับคุณตรงๆ นะคะคุณภาม ฉันไม่อยากให้สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเพราะอารมณ์พาไป ฉันไม่อยากเสียใจเพราะถลำลึกกับความรักเพื่อมาพบกับคำตอบว่าเป็นแค่ความสนใจเพียงชั่วคราวของคุณ”
รอยยิ้มหายไปจากเรียวปากของภามทันที ชายหนุ่มเพิ่งรู้ว่าเมษามองเขาอย่างไร การที่เธอระวังตัวและไว้ตัว เขาเข้าใจได้และชื่นชมด้วย แต่เธอคิดได้อย่างไรว่าสิ่งที่เขาเตรียมมาทั้งหมดในค่ำของวันนี้เป็นเพราะอารมณ์พาไป
“ผมไม่เคยคิดแบบนั้น แต่ผมเพิ่งรู้ว่าคุณคิดแบบนั้นกับผม” ภามเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบๆ แม้ว่าภายในใจจะทั้งโกรธและผิดหวัง เมษาไม่ใช่ความสนใจชั่วคราวสำหรับเขา เขาดูเหมือนผู้ชายที่จะหยอดคำหวานหรือหลอกล่อให้ใครมาติดกับ แล้วเขี่ยทิ้งอย่างนั้นหรือ เธอไม่รู้จักเขาเลย “ไม่เป็นไร ผมจะเดินไปส่งคุณที่ห้องแล้วขอรับรองว่าจะไม่รบกวนคุณ พรุ่งนี้เช้าผมจะพาคุณกลับบ้านอย่างปลอดภัย”
ใบหน้าเรียบเฉย สายตาที่มองเธออย่างตัดพ้อคู่นั้นทำให้เมษาคิดว่าพูดแรงไป พอเธอจะพูดว่า...ขอโทษ ภามก็ผายมือให้เธอเดินนำหน้า แล้วเขาเดินตาม ไม่มาเดินเคียงกันอย่างที่ผ่านมา
อย่างนี้คืออาการที่แสดงออกว่าโกรธของภามใช่ไหม?
เมษาเดินไปเรื่อยๆ โดยที่ภามไม่ชวนคุยอย่างเคย เขาแค่ช่วยกดลิฟต์ให้แล้วเดินมาส่งถึงหน้าห้อง ก่อนจะเดินจากไปทันที เมษามองตามรู้สึกผิดที่พูดไปแบบนั้น แต่เขาไม่คิดว่าจะได้รับคำปฏิเสธที่มีเหตุผลชัดเจนจากเธอบ้างเลยหรือ เขาต้องสมหวังทุกอย่างเลยหรือไร
โดยสาวเทครั้งแรกมันก็จะว้าวุ่นหน่อยๆ นะภาม
วันที่ 21 ที่จะถึงนี้ โบว์ลงขาย E-Book แล้วนะคะ แต่นะอัพต่อไปเรื่อยๆ ถึงตอนที่เท่าไหร่เดี๋ยวมาแจ้งอีกทีค่ะ ขอบคุณสำหรับการติดตามอ่านค่ะ
บรรพตี
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 210
แสดงความคิดเห็น