บทที่ 12...1/3
เมษามาถึงโรงแรมพริ๊นท์ตันพร้อมกับนักวิทย์ในตอนบ่ายพร้อมผลการตรวจสอบ โดยโมกข์เป็นคนไปรับเพราะภามติดประชุมสำคัญ ซึ่งทางฝั่งของเจนจิราเองก็มีผลการตรวจสอบเช่นกัน เมษาอ่านผลการตรวจสอบจากฝั่งของตัวเองแล้วก็ยิ่งกว่ายกภูเขาออกจากอกเพราะสารเคมีที่เป็นต้นเหตุให้แขกคนนั้นปวดท้องอย่างรุนแรงมาจากบางอย่างที่อยู่ในถาดของโรงแรม แล้วยิ่งรุ่นน้องบอกเธอว่า
“อย่างที่บอกพี่เมไปทางโทรศัพท์ สบายใจได้ว่าขนมของเมไม่มีปัญหา แต่ปัญหามาจากคนอื่น”
คนอื่นงั้นหรือ?
เมษาไม่ได้คิดว่าเป็นเรื่องของการกลั่นแกล้งในตอนแรก แต่พอได้ผลการตรวจสอบแล้วรุ่นน้องบอกแบบนี้เธอคงต้องคิดแบบนั้นเสียแล้ว
“สาร croton globulin และ croton albumin มันคืออะไร”
ทั้งสองเดินเข้ามาในลิฟต์พอดี รุ่นน้องจึงอธิบายต่อเมื่อลิฟต์ปิดลงว่า “ในเมล็ดของสลอดจะมีโปรตีนที่เป็นพิษ ๒ ชนิดคือ croton globulin และ croton albumin มีใครแกล้งพี่เมแน่นอน ของแบบนี้ไม่น่ามีในห้องครัวของโรงแรมได้หรอกค่ะ”
เมษาคิดไม่ออกว่าใครที่ต้องการทำแบบนั้น ต่อให้เจนจิราที่ดูเหมือนว่าจะตั้งแง่กับเธอ แต่การทำแบบนี้มันพิสูจน์ได้ โรงแรมจะเสียชื่อเสียง คนที่เป็นหัวหน้าในองค์กรระดับนี้ไม่น่าที่จะทุบหม้อข้าวตัวเองหรอก แล้วใครกัน?
ภายในห้องประชุมมีปุริม เจนจิรา หัวหน้าฝ่ายประชาสัมพันธ์เหมือนเมื่อวาน อีกด้านมีนักวิทย์ที่เจนจิราจัดหามา เพียงแต่ว่าคราวนี้การประชุมยังไม่เริ่มจนกระทั่งภามเข้ามาในห้อง เมษาแปลกใจอยู่บ้างเพราะเมื่อคืนภามไม่ได้บอกว่าจะเข้าประชุมด้วย ชายหนุ่มมองทุกคนแล้วยิ้มบางๆ ให้เมษา แล้วการประชุมก็เริ่มทันทีโดยเมษาและเจนจิราส่งผลการตรวจสอบให้ทุกคนในห้องได้ดูเพื่อเปรียบเทียบกัน
“ผลการตรวจสอบจากสองแหล่งออกมาเหมือนกันว่าสิ่งที่ทำให้แขกท้องเสียอย่างรุนแรงคือ สลอด ค่ะคุณภาม” เจนจิราเอ่ยเมื่ออ่านผลวิเคราะห์สารที่พบในขนมและสารปนเปื้อนบนถาด
“แต่สิ่งที่น่าสงสัยที่สุดคือ สลอดพบในขนม 2 ชิ้นจาก 23 ชิ้นที่เหลือในถาด อีกทั้งยังพบสลอดที่ถาดด้วย แสดงว่าเริ่มต้นแล้วขนมไม่ได้มีสลอดอยู่ แต่ถูกนำมาใส่หลังจากขนมถูกจัดวางในถาดของโรงแรมแล้ว” เมษาคิดถึงความเป็นไปได้ ขนมที่มาจากร้านจะถูกใส่ถาดพลาสติก พอมาถึงโรงแรม พนักงานจึงนำขนมมาจัดเรียงใส่ถาดสแตนเลส ถ้าเกิดการปนเปื้อนตั้งแต่แรก ขนมทุกชิ้นต้องพบสลอด และถาดคงไม่ปนเปื้อนเพราะสลอดถูกซึมอยู่ในขนม
“ทางคุณเมษาสรุปง่ายไปไหมคะ ทางโรงแรมไม่ได้อยากเสียชื่อเสียงจนต้องมาทำอะไรแบบนี้หรอกค่ะ ถึงจะรู้ว่าสลอดคือสาเหตุหลักที่ทำให้แขกของโรงแรมท้องเสีย แต่ยังบอกไม่ได้แน่ชัดว่ามาจากการทำขนมของคุณหรือมีการปนเปื้อนตอนมาอยู่ในห้องอาหาร” เจนจิราแย้งซึ่งมันคือความจริง
“แล้วทางฉันจะทำแบบนั้นให้แขกมาทานขนมแล้วท้องเสียเพื่ออะไรหรือคะ ทางที่ดีหากโรงแรมมีกล้องวงจรปิดน่าจะตอบคำถามได้ว่าสลอดไปอยู่ที่ขนมได้อย่างไร” เมษาเสนอ หากสู้กันด้วยหลักฐานน่าจะยอมรับในข้อสรุปได้ง่ายกว่า
เจนจิราเลิกคิ้วรู้สึกไม่ชอบใจเหมือนถูกตำหนิในเรื่องของการทำงาน
“แล้วทางคุณจะกล่าวหาทางโรงแรมข้างเดียวหรือคะ”
“ฉันมีคลิปในการทำขนมรอบที่เกิดปัญหานำมาด้วยค่ะ ระหว่างการทำขนมทางร้านของฉันมีกล้องวงจรปิดในห้องครัวและมีคลิปหน้าร้านตอนที่ทางโรงแรมส่งรถไปรับขนม”
เมษาส่งคลิปให้พนักงานที่ดูแลโปรเจคเตอร์ซึ่งต่อกับโน๊ตบุ้ค ในคลิปจะเห็นว่าคนของเมษาทำงานตามปกติไม่มีอะไรน่าสงสัยว่าจะหยดบางอย่างลงในขนม ตอนที่นำขนมมาที่รถของโรงแรมเป็นไปอย่างเรียบร้อยและไม่มีใครเปิดซีลของขนมรอบถาดออก
เจนจิราพยักหน้ายอมรับว่าทางเมษาไม่มีอะไรให้สงสัยว่าหยดสลอดลงไปในขนม แต่เธอมีหลักฐานว่าทางโรงแรมไม่ได้ทำอะไรให้เกิดความเสียหายเหมือนกัน
“ทางฉันก็มีคลิปค่ะ เปิดได้ตอนนี้เลย”
เมษาเห็นคลิปของอีกฝ่ายแล้วซึ่งไม่มีใครไปยุ่มย่ามกับขนมหลังจากจัดลงถาดสแตนเลสแล้วเหมือนกัน ถ้าอย่างนั้นสลอดไปอยู่ในขนมและก้นของถาดได้อย่างไร
“ไม่มีใครทำอะไรกับขนมจากร้านของคุณหรอกนะคะ” เจนจิราจงใจพูดเสียงเน้นพลางมองไปที่ภาม เธอและคนของเธอไม่ได้ทำอะไรผิด การที่ขนมมีสลอดไม่ได้มาจากคนของเธอเหมือนกัน
ภามไม่ได้โต้แย้งอะไร แต่เขาหันไปกระซิบบางอย่างกับปุริมที่พยักหน้าแล้วเดินมาที่โน๊ตบุ้คก่อนจะยื่นแฟลชไดร์ฟให้พนักงานที่รับหน้าที่ตรงนั้น
“ทางผมก็มีคลิปเหมือนกันครับ พอดีว่าคุณภามสั่งให้หาไว้ตั้งแต่เมื่อวาน แต่อยากรอผลการตรวจสอบก่อน”
เจนจิราชะงักหันไปมองภาม ก่อนจะขมวดคิ้วใส่ปุริม “ถ้าเรื่องนี้คุณปุริมบอกเจนก็ได้นี่คะ”
ปุริมพยักหน้า แต่กลับพูดว่า “ผมยุ่งๆ น่ะครับ แต่ไม่ว่าได้คลิปมาอย่างไร เราก็จะได้รู้คำตอบด้วยกัน”
เมษามองไปที่ภามเพิ่งเข้าใจ ที่เขาบอกว่าอยากปกป้องเธอคือแบบนี้เองใช่ไหม ความจริงไม่มีใครเปลี่ยนแปลงได้ แต่การจะพิสูจน์เพื่อไปถึงความจริงต้องมีหลักฐานมากพอ เขาคือคนที่สั่งให้หาหลักฐาน
ในคลิปจะเห็นว่าถาดขนมก่อนถูกนำมาวางในห้องอาหารนั้น มีถาดหนึ่งถูกถือออกไปนอกเส้นทางซึ่งเป็นด้านหลังของครัว คนที่ทำย่อมรู้ดีว่าตรงนั้นไม่มีกล้อง แต่คงไม่รู้ว่าเยื้องมาอีกนิดเดียวรัศมีของกล้องอีกตัวได้บันทึกภาพตอนที่ก่อเหตุไว้ได้พอดี
“แม้จะเป็นมุมที่ไกล แต่พอขยายดูก็จะเห็นว่ามีพนักงานคนหนึ่งได้ทำบางอย่างที่ถาดขนม ส่วนนี่เป็นอีกคลิปที่พนักงานคนนั้นโทรหาใครบางคน”
เจนจิราเห็นพนักงานคนเดิมนำถาดขนมที่เพิ่งจะหยดบางอย่างไปยังห้องอาหารในเวลาต่อมา แล้วรีบออกไปโทรศัพท์หาใครบางคนตามที่ปุริมบรรยายไว้
“แต่มันยังไม่แน่ชัดนี่คะ พนักงานคนนั้นอาจจะเช็ดทำความสะอาดถาดใส่ขนม ก่อนนำไปวางที่ด้านนอกก็ได้นี่นา” เจนจิราแย้งอีกครั้ง เธอรับไม่ได้หากว่าปัญหาที่ร้ายแรงแบบนี้จะมาจากคนในการดูแลของเธอ ที่ผ่านมาเธอไม่เคยบกพร่องขนาดนี้มาก่อน
“แต่คนของผมพบขวดสลอดในห้องพักพนักงาน ตอนนี้กำลังให้ตำรวจตรวจรอยนิ้วมือ” ภามเอ่ยขึ้นพร้อมๆ กับปุริมส่งโทรศัพท์ให้เขาพอดี “อ้อ ผลออกมาแล้ว รอยนิ้วมือเป็นของพนักงานชื่อ นิดา ซึ่งก็ตรงกับพนักงานในคลิปนะเจน”
เจนจิราหมดคำจะโต้แย้งเมื่อหลักฐานมาครบจนไม่มีช่องโหว่อีกแล้ว หญิงสาวรู้สึกหน้าชาเพราะคิดไว้แล้วว่าเป็นความสะเพร่าจากร้านเมนา ไม่ใช่จากคนในแผนกของเธอ แล้วจากที่เห็นมันคือความจงใจ ทำไมนิดาถึงทำแบบนั้น
“เจนจะให้คนไปพาพนักงานที่ชื่อ นิดา เข้ามาค่ะ”
เมษามองไปที่ภามแล้วก้มหน้านิดๆ เพื่อเอ่ยคำว่าขอบคุณ ไม่ได้ออกเสียง แต่ภามอ่านปากของหญิงสาวได้ ชายหนุ่มยิ้มรับก่อนจะทำหน้าเรียบๆ ดังเดิม
ความจริงแล้วเขาทำเพื่อโรงแรมและเมษาไปพร้อมๆ กัน เพราะไม่มีใครเปลี่ยนความจริงได้ แต่การแสดงออกในการรับมือกับปัญหา เมษาถือว่าผ่าน แต่เจนจิรากลับสอบตก ภามถอนใจกำลังคิดว่าจะทำอย่างไรกับคนของตัวเอง
รอไม่ถึง 10 นาที นิดาก็ถูก รปภ. พาตัวเข้ามาในห้องประชุม เจ้าตัวตกใจระคนกลัวเพราะไม่คิดว่าจะถูกจับได้ เรื่องการสอบสวนสาเหตุที่แขกท้องเสียรุนแรงเป็นความลับ ทำให้พนักงานอย่างเธอไม่รู้เลย
“หนูขอโทษค่ะ มีคนจ้างหนูมา เขาบอกว่าในขวดเป็นยาทำให้ง่วงแค่นั้น หนูไม่คิดว่าแขกจะถึงกับเข้าโรงพยาบาล” นิดาเองก็เพิ่งรู้ตอนที่ถูกพาตัวมา เพิ่งโล่งใจว่ามีเงินใช้หนี้ ตอนนี้เธอกำลังกลัวว่าจะติดคุก
“ใครจ้าง” ภามถาม
นิดาเพิ่งเห็นท่านประธานก็แทบจะเข่าอ่อนลงไปนั่งกับพื้น หญิงสาวยกมือขึ้นไหว้กำลังร้องไห้ ถ้าท่านประธานลงมาดูเรื่องนี้ด้วยตัวเอง เธออาจไม่พ้นต้องติดคุก
“เป็นผู้ชายคนหนึ่งคะ ใส่แมสสวมหมวก พอดีว่าหนูกำลังมีปัญหาเจ้าหนี้ตามทวงเงินก็เลยรับงานนี้มา อย่าส่งหนูให้ตำรวจเลยนะคะ”
ภามคิดไว้อยู่เหมือนกันว่าอาจเป็นฝีมือคนนอก แต่เขายังไม่ได้ปักใจว่าเป็นใคร โรงแรมของเขาก็มีคู่แข่งไม่น้อย การลดความน่าเชื่อถือด้วยเรื่องนี้ย่อมเป็นไปได้อยู่มาก การสาวถึงต้นเรื่องจึงเป็นสิ่งที่ต้องทำเป็นอย่างแรก
“ผมจะกันคุณเป็นพยาน หากคุณให้ความร่วมมือส่งหลักฐานทุกอย่างที่เกี่ยวกับคนว่าจ้างมาให้ผมทั้งหมด”
“หนูยอมทำทุกอย่างนะคะท่านประธาน ขอแค่ท่านประธานอย่าส่งหนูให้ตำรวจก็พอ” นิดาร้องไห้โฮออกมาในนาทีนั้น
เจนจิราไม่อยากพูดอะไรแล้วเพราะหน้าชาไปหมด คนของเธอติดพนัน ซ้ำยังรับจ้างวางยาในขนม ภามคงตำหนิเธอแน่ที่ปล่อยปละละเลยจนเกิดเรื่อง ในสายตาของเขา เธอเป็นผู้หญิงที่ทำงานเก่งและไม่มีเคยมีเรื่องให้แขกตำหนิได้ ทำไมเรื่องต้องเกิดขึ้นกันเธอด้วย ซ้ำยังไปเกี่ยวกับแฟนของภามอีก
“เจนอยู่ก่อน ทุกคนเชิญออกไปก่อนครับ ปุริมประสานงานและตามเรื่องจนถึงที่สุดด้วย” ภามสั่งเมื่อได้ข้อสรุปของสาเหตุที่แขกท้องเสียอย่างรุนแรงแล้ว ชายหนุ่มหันมามองหญิงสาวที่เด็ดเดี่ยวมั่นใจและกล้ายอมรับหากว่าผลในวันนี้สรุปว่าร้านของเธอผิด “เมไปรอผมที่ห้องทำงานก่อนนะ ข้อเท้ายังเจ็บก็ค่อยๆ เดิน ผมมีบางอย่างต้องจัดการต่ออีกสักหน่อยแล้วจะรีบตามไป”
ทั้งน้ำเสียงและสีหน้าอ่อนโยนยามที่ภามแสดงออกกับเมษาทำให้ทุกคนในห้องประชุมรู้ว่าเขาให้เกียรติเธอ เมษาพยักหน้าแล้วเดินตามปุริมไป
อ่ะ ยัยเจนเธอก็ไม่น่าจะรอดหรอกนะ
ใจดวงนี้สื่อถึงรักลงขายเป็น E-Book ใน MEB แล้วค่ะ หมวดนิยายรัก
โดยโบว์ทำโปรโมชั่นลดเหลือ 149 บาทจาก 329 บาท เหลือเวลา 10 วัน และจะลงให้อ่านถึงบทที่ 14 นะคะ
ขอบคุณสำหรับการติดตามอ่านนะคะ
บรรพตี
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 197
แสดงความคิดเห็น