ตอนที่ 591 ความวุ่นวาย
ตอนที่ 591 ความวุ่นวาย
การประเมินในช่วงเช้าผ่านไปอย่างวุ่นวาย ซึ่งตลอดทั้งการประเมินเจ้าหน้าที่ก็ต้องรีบขนย้ายร่างของผู้สมัครไปรักษาตลอดเวลา
การประเมินดั้งเดิมที่ต้องการจะทดสอบการปราบสัตว์อสูรกลับกลายเป็นการทดสอบการพยายามเอาชีวิตรอดจากสัตว์อสูรไปแล้ว และในตอนนี้เหล่าบรรดาผู้สมัครไม่ได้สนใจเรื่องที่พวกเขาจะปราบสัตว์อสูรได้หรือไม่ได้อีกต่อไป แต่พวกเขากำลังคิดหาวิธีหลบหนีจากสัตว์อสูรที่กำลังบ้าคลั่งอยู่มากกว่า
อย่างไรก็ตามการประเมินของงานชุมนุมมังกรฟ้าก็ยังคงเป็นการประเมินที่โหดเหี้ยม เพราะพวกเขาไม่สนใจเลยว่าผู้สมัครจะเต็มใจหรือไม่ ท้ายที่สุดทุกคนก็ยังคงถูกส่งเข้าไปภายในกรงอยู่ดี
“หลบไป!” แพทย์สนามรีบอุ้มร่างของผู้บาดเจ็บผ่านร่างของเซี่ยเฟยไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งชายหนุ่มก็สามารถจดจำได้ในทันทีว่าชายคนนี้คือคนที่เอามือมาวางบนไหล่ของเขา และทักเขาว่าเขาคือเซี่ยเฟยผู้ซึ่งได้คะแนนติดลบใช่ไหม
ปัจจุบันใบหน้าของชายคนนั้นกำลังซีดเผือดและเขาก็กำลังกัดฟันแน่นเพื่อพยายามระงับความเจ็บปวด โดยแขนทางด้านขวาของเขามีเลือดไหลออกมาตลอดเวลา และในตอนนี้เขาก็ไม่เหลือเวลาไปหัวเราะเยาะดูถูกเซี่ยเฟยอีกต่อไปแล้ว
บาดแผลที่แขนเพียงเท่านี้ไม่เพียงพอที่จะทำให้ถึงตาย แต่มันก็ทำให้ชายหนุ่มคนนี้ไม่ได้รับคะแนนจากการประเมินในวันที่ 4 ด้วยเหมือนกัน
ทันใดนั้นเซี่ยเฟยก็สังเกตเห็นหยูเสี่ยวเป่ยเดินผ่านหน้าเขาไปด้วยท่าทางอันเย็นชา และถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้รับบาดเจ็บจากสัตว์อสูร แต่เขาก็รู้สึกโกรธจนเผลอทำร้ายสัตว์อสูรภายในกรงระหว่างการประเมินไป ซึ่งมันก็หมายความว่าเขาจะได้รับคะแนนติดลบ 100 คะแนน
ท้ายที่สุดหยูเสี่ยวเป่ยก็เป็นชายหนุ่มที่มีความเย่อหยิ่งมาก และเมื่อเขาถูกสัตว์อสูรต้อนจนมุมเขาจึงจำเป็นจะต้องต่อสู้กลับอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แล้วมันก็ทำให้คะแนนของเขาในตอนนี้ต่ำกว่าคะแนนติดลบของเซี่ยเฟยด้วยซ้ำ
“นายเป็นไงบ้าง?”
“เป็นอะไรยังไงล่ะ พรุ่งนี้ฉันต้องมีคะแนนติดลบน่ะสิ”
“แล้วนายจะไปทำร้ายสัตว์อสูรพวกนั้นทำไม ผู้คุมสอบก็บอกตั้งแต่แรกแล้วไม่ใช่เหรอว่าพวกเราห้ามทำร้ายสัตว์อสูรพวกนั้น”
“นายยังไม่ได้เข้าไปในกรงก็พูดได้สิ ลองนายเข้าไปในกรงแล้วนายจะรู้เองว่าอสูรพวกนั้นมันบ้าแค่ไหน แม้ว่าเราจะสามารถจัดการราชาสัตว์อสูรได้ง่าย ๆ แต่การพยายามปราบพวกมันในระหว่างที่พวกมันกำลังคลั่งก็ไม่ใช่เรื่องที่จะทำได้ง่าย ๆ นะ”
เซี่ยเฟยได้ยินบทสนทนาระหว่างผู้สมัครสองคนที่พวกเขาต่างก็ล้วนแล้วแต่มีระดับพลังสูงมากอย่างไม่ต้องสงสัย แต่น่าเสียดายที่การประเมินในวันนี้ไม่ใช่การประเมินสังหารสัตว์อสูร แต่มันเป็นการประเมินปราบปรามสัตว์อสูรพวกนั้นต่างหาก
มันเป็นที่รู้กันดีว่าการพยายามสังหารง่ายกว่าการพยายามจับกุมสัตว์อสูรมาก แต่การพยายามปราบสัตว์อสูรที่กำลังคลั่งให้ได้โดยห้ามแตะต้องร่างของพวกมันนั้นก็ยิ่งเป็นบททดสอบที่ยากมากยิ่งกว่า
หยูเสี่ยวเป่ยเป็นตัวอย่างของความวุ่นวายในเหตุการณ์นี้ได้ดีมาก เพราะท้ายที่สุดเขาก็เป็นอัจฉริยะที่มีระดับพลังอัศวินกฎขั้นสูงสุดตั้งแต่อายุยังน้อย แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังมีพลังไม่พอที่จะปราบปรามสัตว์อสูรที่กำลังคลั่งได้ และที่เลวร้ายไปมากกว่านั้นคือเขาลงมือจัดการสัตว์อสูรในระหว่างที่เขาถูกต้อนจนมุมด้วย
“ดูนั่น! มีคนปราบอสูรได้ด้วย”
เมื่อเซี่ยเฟยมองไปตามเสียงเขาก็เห็นหญิงสาวผู้ถักผมเปียสามารถปราบสัตว์อสูรได้สำเร็จ ซึ่งสัตว์อสูรที่อยู่ภายในกรงเดียวกับเธอคือค้างคาวหางยาวที่กำลังนั่งตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว และถึงแม้ว่าเซี่ยเฟยจะพยายามใช้วิชามนตราอสูรเพื่อกระตุ้นสัญชาตญาณของมันแล้ว แต่ปฏิกิริยาของมันก็ยังคงสั่นกลัวอยู่เช่นเดิม
“นั่นคุณหนูซูชุนจากตระกูลหลินสินะ เธอมีพลังอยู่ในระดับราชากฎแล้วและมันก็คงจะไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่เธอจะสามารถปราบสัตว์อสูรได้”
คำอธิบายจากใครบางคนทำให้เซี่ยเฟยชะงักไปเล็กน้อย แล้วมันก็ดูเหมือนกับว่าการเคลื่อนไหวของเขาจะได้ผลกับพวกนักรบที่มีพลังอยู่ในระดับอัศวินกฎเท่านั้น แต่ไม่สามารถสร้างปัญหาให้กับผู้สมัครที่อยู่ในระดับราชากฎได้
ยิ่งไปกว่านั้นพื้นที่สำหรับการประเมินกว้างมากจนเกินไป และเซี่ยเฟยต้องใช้พลังในการควบคุมสัตว์อสูรพร้อม ๆ กันถึง 120 ตัว ผลลัพธ์ของการพยายามใช้วิชามนตราอสูรจึงลดลงตามระยะและจำนวนของสัตว์อสูรที่อยู่ในงานประเมิน
เหตุการณ์นี้ทำให้เซี่ยเฟยแบะริมฝีปากออกมาอย่างไม่พอใจเล็กน้อย
“อย่าโลกมากเกินไปหน่อยเลยน่า ครั้งนี้นายทำให้ผู้สมัครส่วนใหญ่วุ่นวายได้มากพอแล้ว การเคลื่อนไหวของนายถึงกับทำให้ผู้สมัครบางคนได้รับคะแนนติดลบมากกว่านายด้วยซ้ำ” อันธกล่าวด้วยรอยยิ้ม
ยิ่งการทดสอบผ่านไปผู้ที่สามารถปราบสัตว์อสูรได้ก็มีให้เห็นมากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งเซี่ยเฟยไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยว่าการแข่งขันที่มีแต่ผู้สมัครอายุน้อยกว่า 30 ปีจะมีราชากฎเข้าร่วมการแข่งขันไม่น้อยกว่า 50 คน
นี่สินะการชุมนุมครั้งใหญ่ที่สุดของดินแดน อัจฉริยะรุ่นเยาว์ทั้งหมดของทั่วทั้งดินแดนต่างก็ล้วนแล้วแต่ได้มารวมตัวกันอยู่ที่นี่!!
ระหว่างการประเมินมีผู้สมัครบางคนที่มีพลังไม่ถึงระดับราชากฎ แต่ก็ยังสามารถปราบปรามสัตว์อสูรที่กำลังคลั่งได้ด้วยเช่นเดียวกัน ซึ่งแต่ละคนต่างก็ล้วนแล้วแต่ใช้วิธีการที่ตกทอดมาในตระกูลของตัวเองในการปราบให้สัตว์อสูรยอมสงบลง
“สมแล้วที่มันคืองานชุมนุมที่รวบรวมอัจฉริยะ วันนี้ฉันได้เปิดหูเปิดตาของตัวเองแล้ว” เซี่ยเฟยพึมพำกับตัวเอง
“ฉันว่านายควรจำคนพวกนั้นเอาไว้และพยายามหลีกเลี่ยงไม่เผชิญหน้ากับพวกเขาในอนาคตจะดีกว่า” อันธกล่าว
แต่เดิมเซี่ยเฟยต้องการที่จะสร้างความวุ่นวายเพื่อแก้แค้นผู้สมัครคนอื่นที่กล้ามาหัวเราะเยาะเขาเท่านั้น แต่การกระทำของเขากลับสามารถแยกผู้สมัครที่แข็งแกร่งออกจากผู้สมัครที่อ่อนแอได้โดยไม่คาดคิด ซึ่งในเวลานี้มันไม่ได้มีเพียงแต่เซี่ยเฟยคนเดียวเท่านั้นที่กำลังแอบจดจำผู้สมัครที่แข็งแกร่งอยู่ เพราะผู้สมัครหลาย ๆ คนก็ยังแอบจดจำผู้สมัครเหล่านั้นเอาไว้ภายในใจของพวกเขาด้วยเช่นกัน
“ไม่นะ มันกำลังจะถึงตาฉันแล้ว!” จู่ ๆ รูดี้ที่อยู่ข้าง ๆ ก็กรีดร้องขึ้นมาด้วยความหวาดกลัว ก่อนที่ร่างของเขาจะส่องแสงสว่างออกมาอย่างเจิดจ้าและไปปรากฏตัวภายในกรง
แม้ว่ารูดี้จะมีพลังอยู่ในระดับอัศวินกฎ แต่ทักษะการต่อสู้ของเขาจัดว่าอยู่ในระดับที่ต่ำมาก ดังนั้นเมื่อเขาได้เผชิญหน้ากับกิ้งก่าสองหัวที่มีท่าทางอันดุร้าย มันจึงทำให้ใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นซีดเผือดด้วยความตกใจ
รูดี้ที่กำลังตื่นตระหนกคุกเข่าลงไปบนพื้นอย่างฉับพลัน และใบหน้าที่เคยซีดเผือดของเขาก็เริ่มเปลี่ยนจากสีขาวจนกลายไปเป็นสีม่วง
อย่างไรก็ตามภาพเหตุการณ์ต่อมาก็เป็นภาพที่ไม่มีใครเคยคาดคิดมาก่อน เพราะจู่ ๆ ท่าทางของกิ้งก่าสองหัวที่อยู่ตรงข้ามรูดี้กลับแสดงท่าทีหวาดกลัวชายหนุ่มเจ้าสำราญคนนี้มาก จนมันรีบกดหัวลงกับพื้นและไม่กล้าที่จะเงยหน้าขึ้นมาแม้ว่ามันจะถูกทรมานจนตายก็ตาม
“ห๊ะ! นี่มันเกิดอะไรขึ้น?” รูดี้ลูบหัวตัวเองด้วยความสงสัย
“คะแนนเต็ม! มันมีคนได้คะแนนเต็ม!!”
เหล่าบรรดาผู้สมัครที่กำลังดูการประเมินของรูดี้อยู่อุทานขึ้นมาด้วยความตกใจ และพวกเขาทุกคนต่างก็ล้วนแล้วแต่เห็นสัตว์อสูรตัวนี้ยอมศิโรราบต่อหน้ารูดี้ด้วยสายตาของพวกเขาเอง
“นั่นเขาใช้วิธีการอะไรกันแน่?”
“ไม่รู้สิ บางทีมันอาจจะเป็นวิชาลับประจำตระกูลของเขาก็ได้”
“แต่ฉันไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยนะว่าตระกูลของเขามีวิชาในการกำราบสัตว์อสูรด้วย”
“บางทีตระกูลของเขาคงจะแอบซ่อนวิชานี้เอาไว้ตลอดเวลา นี่สินะที่เขาเรียกกันว่าวิชาลับขั้นสุดยอดของตระกูล”
“มันจะต้องใช่แน่ ๆ ผู้ที่สามารถผ่านการทดสอบในวันนี้ได้ต่างก็ล้วนแล้วแต่เป็นนักสู้ชั้นยอดอย่างไม่ต้องสงสัย รูดี้จะต้องแกล้งทำตัวกระจอกให้พวกเราเห็นและเก็บงำความแข็งแกร่งเอาไว้แน่ ๆ พวกเราต้องอย่าตกหลุมพรางท่าทางปลิ้นปล้อนที่เขาแสดงออกมา”
เหล่าบรรดาผู้สมัครต่างก็รู้สึกตกตะลึงกับวิธีการคุกเข่าเพื่อปราบสัตว์อสูรของรูดี้ แน่นอนว่าเหล่าบรรดาผู้สมัครเหล่านี้ต่างก็ไม่รู้ว่าเซี่ยเฟยแอบช่วยรูดี้อยู่อย่างลับ ๆ
แว้บ!
เมื่อการประเมินสิ้นสุดลงรูดี้ก็ถูกส่งตัวออกมาจากกรง ผู้สมัครทุกคนจึงรีบหลีกทางให้กับชายหนุ่มคนนี้ในทันที ยิ่งไปกว่านั้นมันยังมีผู้สมัครบางคนพยายามก้าวเท้าออกไปเพื่อประจบประแจงรูดี้อีกด้วย เพราะในขณะนี้ชายหนุ่มเจ้าสำราญได้กลายเป็นสุดยอดปรมาจารย์ในสายตาของผู้สมัครคนอื่นแล้ว
“ยินดีด้วยนะรูดี้ ไม่น่าเชื่อว่านายจะได้ซ่อนความแข็งแกร่งเอาไว้จนผ่านการทดสอบได้อย่างง่ายดายแบบนี้ ดูเหมือนว่าการทดสอบรอบแรกคงจะไม่ใช่ปัญหาสำหรับนายเลยสินะ” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“อย่ามาล้อฉันเล่นเลยน่า! ฉันรู้ดีว่าตัวเองเหลวแหลกแค่ไหน จู่ ๆ กิ้งก่าสองหัวนั่นก็ก้มหัวลงมาเอง ฉันยังไม่ได้ทำอะไรมันเลยแม้แต่นิดเดียว” รูดี้กล่าวพร้อมกับเผยรอยยิ้มแห้ง ๆ ออกมา
“นายนี่เป็นพวกถ่อมตัวสินะ ทุกคนต่างก็เห็นด้วยตาตัวเองหมดแล้วว่านายแข็งแกร่งแค่ไหน ถ้าฉันเดาไม่ผิดอย่างน้อยนายควรจะมีพลังอยู่ในระดับราชากฎแล้วสินะ และในบรรดาผู้สมัครทั้งหมดนายก็คือคนที่สามารถปราบสัตว์อสูรได้เร็วที่สุด ฉันอยากจะรู้จริง ๆ ว่านายใช้วิธีการอะไรถึงได้ซ่อนระดับพลังของนายเอาไว้ได้อย่างแนบเนียนแบบนี้” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยท่าทางที่จริงจัง
เขาปกปิดพลังที่แท้จริงเอาไว้งั้นเหรอ!?
ผู้สมัครทุกคนต่างก็ตั้งใจฟังบทสนทนาระหว่างรูดี้กับเซี่ยเฟย
รูดี้เริ่มตกอยู่ในอาการกระวนกระวาย แต่ไม่ว่าเขาจะอธิบายยังไงมันก็ไม่มีใครเชื่อเลยว่ากิ้งก่าตัวนั้นยอมก้มหัวให้กับเขาเองจริง ๆ
“ที่แท้รูดี้ก็มีพลังอยู่ในระดับราชากฎแล้วสินะ”
“รีบไปบอกพวกเราทุกคนเร็ว ๆ เข้า ว่าหลังจากนี้อย่าไปกวนใจรูดี้อีกเด็ดขาด”
—
“ท่านอาจารย์” เคดิร่าอุทานขึ้นมาด้วยความตื่นตระหนก ก่อนที่เขาจะรีบทำความเคารพชายชราที่เดินเข้ามาในห้องสังเกตการณ์
“ผมเป็นพวกไร้ความสามารถ ถึงแม้ว่ามันจะมีเหตุการณ์ประหลาดเกิดขึ้นในห้องสอบ แต่ผมก็ยังหาสาเหตุไม่พบอยู่ดี” เคดิร่าตำหนิตัวเอง
เหตุการณ์ความวุ่นวายในครั้งนี้ทำให้มีผู้บาดเจ็บไปแล้วมากกว่า 5,000 คน โดยมีผู้ที่สามารถผ่านบททดสอบไปได้เพียงแค่ไม่ถึง 5% แล้วมันก็มีผู้สมัครมากกว่า 20% ที่ถูกหัก 100 คะแนน ส่วนผู้สมัครที่เหลือต่างก็ล้วนแล้วแต่ได้ 0 คะแนนทั้งหมด และความวุ่นวายที่เกิดขึ้นในวันนี้คงจะเป็นความวุ่นวายที่มากที่สุดในประวัติศาสตร์ของการประเมินมังกรฟ้าอย่างไม่ต้องสงสัย
“ผู้อาวุโสเนอร่า คุณคือผู้ฝึกสัตว์อสูรระดับต้น ๆ ภายในกลุ่มมังกรฟ้า พวกเราขอรบกวนผู้อาวุโสช่วยหาผู้สร้างความวุ่นวายในครั้งนี้ด้วย พวกเราจะได้ลงโทษเขาที่เข้ามาป่วนการประเมินแบบนี้” ชิลลี่กล่าวด้วยความเคารพ
“ไม่จำเป็นจะต้องลงโทษเขาหรอก การที่เขาสามารถกระตุ้นสัตว์อสูรโดยที่พวกเธอสองคนไม่สามารถตรวจสอบได้แบบนี้ มันก็แสดงว่าเขาเป็นนักรบพรสวรรค์ที่น่าจับตามองแล้ว” เนอร่ากล่าวด้วยรอยยิ้ม
“แต่เขาทำผิดกฎนะคะ” ชิลลี่กล่าวพร้อมกับขมวดคิ้ว
“การลงมือของเขาค่อนข้างที่จะบ้าบิ่นเกินไปจริง ๆ ดูเหมือนว่าฉันคงจะต้องให้บทเรียนกับเขาเล็กน้อยที่กล้ามาสร้างความปั่นป่วนให้กับพวกเราแบบนี้”
“อาจารย์รู้แล้วเหรอครับว่าใครเป็นคนทำ?” เคดิร่ากล่าวถามอย่างเร่งรีบ
“ใช่ พวกเขาเป็นเด็กน้อย 2 คนที่น่าสนใจมาก”
“2 คนงั้นเหรอครับ?”
“จะว่าอย่างนั้นก็ไม่ถูก เอาเป็นว่าคนหนึ่งเป็นมนุษย์ ส่วนอีกคนไม่ใช่มนุษย์ก็แล้วกัน”
***************
เป็นพันธมิตรกับพี่เฟยมันได้สิทธิพิเศษเสมอ อิอิ ว่าแต่เนอร่าจะให้บทเรียนพี่เฟยยังไงน๊อ?
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 198
แสดงความคิดเห็น