บทที่ 590: แลกเปลี่ยนตัวประกัน
ใบหน้าของหยินซางเปลี่ยนเป็นถมึงทึงหลังจากได้ยินคำพูดของเหล่าลิ่วล้อ
พอลูกน้องคนอื่นเห็นดังนั้นจึงรีบพูดว่า “ท่านหัวหน้า บางทีพวกมันอาจมาที่นี่โดยบังเอิญแล้วพวกมันไม่รู้ว่าเราจับเด็ก 2 คนนี้มา!”
ผู้ใต้บังคับบัญชาหลายคนพยักหน้าเห็นด้วยกับความคิดที่มองโลกในแง่ดีของเขา
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่หยินซื่อพูดต่อไปทำให้ใบหน้าของทุกคนซีดเผือดลง
“ท่านหัวหน้า หูเจียวเจียวรู้ว่าแม่หมอกับหยินชางอยู่ที่นี่ และนางก็เต็มใจที่จะแลกเปลี่ยนตัวนางกับพวกมัน…”
ทันทีที่พวกหยินซางได้ยินประโยคถัดมา พวกเขาก็ตกตะลึง
“เจ้าพูดว่าอะไรนะ?”
“หูเจียวเจียวบอกว่า… ขอแค่ท่านหัวหน้ายอมปล่อยเด็กทั้ง 2 คนนี้ไป นางเต็มใจที่จะใช้ตัวเองแลกเปลี่ยนกับพวกมัน” หยินซื่อกล่าวซ้ำ
ไม่นานใบหน้าของหัวหน้าเผ่าจากที่ซีดเผือดก็เปลี่ยนเป็นฉงน
“นางคิดที่จะเอาตัวเองมาแลกกับไอ้เด็ก 2 คนนี้อย่างนั้นหรือ?” ชายหนุ่มนึกถึงผู้หญิงที่ได้รับการยกย่องจากคนในเผ่าเยว่หู “ข้าได้ยินมาว่านางเป็นดาวนำโชคของเผ่าเฟิงโชว และได้รับความโปรดปรานจากเทพอสูร มันเป็นเรื่องจริงหรือ?”
เขามองไปที่หยินซื่อแล้วถาม
“ท่านหัวหน้า นั่นคือข่าวลือที่คนเขาพูดกัน” คนเป็นลูกน้องก้มหน้าตอบตามตรง
“น่าสนใจ มันน่าสนใจมากขึ้นเรื่อย ๆ เลย…” หยินซางแสดงท่าทางขี้เล่นพลางลูบคางตัวเองเบา ๆ
เดิมทีเขาคิดว่าหูเจียวเจียวกับคู่ของนางจะเข้ามาขู่กรรโชกให้พวกเขาส่งตัวเด็กคืนไป!
แต่ใครจะไปคาดคิดว่าภูตมังกรนั่นมีดีเพียงแค่ชื่อเท่านั้น
แม้แต่ลูกของตัวเองก็ยังไม่สามารถปกป้องเอาไว้ได้ แล้วในสถานการณ์เช่นนี้เขาก็ยังส่งคู่ของตัวเองมาเสี่ยงอันตรายอีก
เมื่อหยินซางคิดว่าตัวเองจะทำให้ภูตมังกรที่นับว่าทรงพลังที่สุดในโลกมาก้มหัวต่อหน้าตน เขาก็เผยรอยยิ้มชั่วร้าย
“ดูเหมือนว่าหมอผีตัวน้อยคนนี้จะมีความสำคัญต่อพวกมันมากจริง ๆ…”
“ไป พาไอ้เด็ก 2 คนนั่นไปด้วย มาดูกันว่าหูเจียวเจียวคนนี้คิดจะทำอะไร”
กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ เขาอยากจะเหยียบย่ำภูตมังกรเอาไว้ใต้เท้าของตัวเองดูสักครั้งหนึ่ง
หากไม่ได้ทำแบบนั้น แล้วเขาจะทำให้ตัวเองแข็งแกร่งและขึ้นมาเป็นหัวหน้าเผ่าไปเพื่ออะไร?
มันไม่ต่างจากการมีของล้ำค่าอยู่ในมือแล้วไม่ได้นำมันออกมาอวดสู่สายตาประชาชีไม่ใช่หรือไง?
“ท่านหัวหน้า พวกมันอยู่ทางนั้น…”
หยินซื่อชี้ไปทางหนึ่ง จากนั้นหยินซางก็นำคนของเขาที่คุมตัวหลงหลิงเอ๋อกับหยินชางไปที่นั่น
ในค่ำคืนอันมืดมิดที่มองเห็นสภาพแวดล้อมได้จำกัด จู่ ๆ หยินซื่อก็หายตัวไปหลังหลบพ้นจากสายตาทุกคนแล้ว
ส่วนหัวหน้าเผ่าไป๋ผีที่กำลังรู้สึกลำพองใจมุ่งความสนใจไปแค่เรื่องที่จะทำให้ภูตมังกรต้องก้มหัวให้ตน เขาจึงไม่ทันได้สังเกตเห็นการเคลื่อนไหวของลูกน้องตัวเอง
ทางด้านหูเจียวเจียวกับหลงโม่ พวกเธอเข้ามาในถิ่นที่อยู่อาศัยของภูตเผ่าไป๋ผีอย่างเปิดเผย
ซึ่งภูตที่อยู่ที่นี่ปล่อยให้ทั้งคู่เข้าไปโดยไม่มีใครกล้าเข้ามาขวางสักคน
เนื่องจากจิ้งจอกสาวมีแผนการบางอย่าง เธอจึงไม่สามารถบอกให้ใครรู้ได้ ดังนั้นเธอเลยไม่ให้คนอื่นตามเข้ามา และสั่งให้พวกเขารอสนับสนุนอยู่รอบนอกแทน
การทำแบบนี้นอกจากจะกันไม่ให้คนอื่นล่วงรู้แผนการแล้ว เธอยังลดความเสี่ยงในการติดเชื้อได้ด้วย
และเพื่อเป็นการป้องกันการแพร่กระจายของโรคระบาด ภูตที่รออยู่ด้านนอกจะต้องอยู่ห่างจากที่อยู่อาศัยของภูตเผ่าไป๋ผีในระดับหนึ่ง อีกทั้งสถานที่ที่เธอกับหลงโม่ไปยืนรอเจรจากับหัวหน้าเผ่าไป๋ผีก็เป็นบริเวณที่ไม่ได้อยู่ในสายตาของคนข้างนอก
หลังจากนั้นไม่นาน พวกหยินซางก็มาถึงที่นี่
“หลิงเอ๋อ! หยินชาง!” หูเจียวเจียวเห็นลูก ๆ ถูกจับมัดไว้ด้านหลังฝ่ายตรงข้ามเป็นอย่างแรก
ปัจจุบันเด็กทั้ง 2 คนหน้าตาซีดเซียวและมีคราบเลือดติดอยู่ตามตัว
ในขณะเดียวกัน ภูตเผ่าไป๋ผี 2 คนกดกรงเล็บแหลมของพวกเขาไปที่คอของทั้งคู่จนมีรอยสีแดงปรากฏขึ้นบนผิว ซึ่งท่าทางนั้นบ่งบอกได้เลยว่าถ้าพวกเธอขยับตัวแม้แต่นิ้วเดียว กรงเล็บนั้นก็จะแทงทะลุคอเด็กทันที
ยามนี้ดวงตาของหลงโม่วาวโรจน์
ตามปกติเขามักจะเป็นฝ่ายรุกอยู่ตลอดเวลา
แม้ว่าชายหนุ่มจะเข้มงวดกับลูก ๆ มาก แต่เขาก็จะไม่ยอมให้ใครหน้าไหนมาทำร้ายพวกเขา
ส่วนหลงหลิงเอ๋อก็มองไปที่พ่อแม่ของตนเช่นกันโดยที่ใบหน้าเล็ก ๆ ไม่มีร่องรอยของความหวาดกลัว ตรงกันข้าม นางกลับเผยรอยยิ้มหวาน
“ท่านแม่ ท่านพ่อ เราไม่เป็นไร พวกท่านไม่ต้องห่วง”
ดวงหน้าที่เคยกระจ่างใสของเด็กหญิงบัดนี้ซีดเซียว ประกอบกับน้ำเสียงที่แสร้งทำเป็นเข้มแข็งทำให้แม่จิ้งจอกรู้สึกสะเทือนใจมาก
แล้วยังมีหยินชางที่ทำตัวเหมือนลูกหมาป่ากำลังบาดเจ็บสาหัสคอยต่อต้านศัตรูเต็มกำลังนั้นอีก ในที่สุดเขาก็ได้ที่พักพิงที่ปลอดภัยและหลีกหนีจากการไล่ล่าของเผ่ามาได้สำเร็จแท้ ๆ แต่ตอนนี้เด็กหนุ่มกลับตกอยู่ในอันตรายอีกครั้ง ลึก ๆ ในใจของเขาจะต้องรู้สึกหวาดกลัวอย่างแน่นอน
หูเจียวเจียวรู้สึกปวดใจมาก ดวงตาที่คมดั่งเหยี่ยวของเธอเป็นประกายเย็นชาขณะที่เธอจ้องมองหยินซาง
“ข้าไม่สนใจว่าเจ้าคิดที่จะทำอะไร แต่ข้าจะยอมใช้ตัวเองเป็นตัวประกันแทนเด็ก 2 คนนี้”
ในตอนแรก ผู้เป็นหัวหน้าเผ่าไป๋ผีไม่ได้ใส่ใจอีกฝ่ายมากนัก แต่ทันทีที่เขาได้เห็นหน้าของจิ้งจอกสาว ดวงตาของเขาก็สั่นไหว
ปัจจุบันเป็นช่วงภัยแล้งรุนแรง เนื้อตัวของผู้หญิงในเผ่าจึงสกปรกมอมแมม ประกอบกับผิวเปลี่ยนเป็นสีดำคล้ำ
แต่ผู้หญิงคนนี้ยังคงดูสดสวยงดงามดังเดิม รูปร่างอ้อนแอ้นอรชรของนางนั้นน่าดึงดูดยิ่งกว่าผู้หญิงทุกคนที่เขาเคยพบเจอมาในชีวิต
ที่ผ่านมาหยินซางสนใจเพียงความแข็งแกร่งของตัวเองมาโดยตลอด แต่พอได้พบกับหูเจียวเจียว ดูเหมือนว่าทุกอย่างจะเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง เขาหันไปมองหญิงสาวแบบควบคุมไม่ได้
ทว่าวินาทีถัดมา เขาก็รู้สึกเย็นยะเยือกไปทั่วร่าง
ชายหนุ่มบังคับตัวเองให้ละสายตาออกไปจากหญิงสาวตรงหน้า
แล้วเขาก็สบเข้ากับดวงตาของภูตมังกรที่อยู่ด้านหลังจิ้งจอกสาว ก่อนที่เขาจะพ่นลมอย่างเย็นชาเพื่อซ่อนความปรารถนาของตนเอง
ครู่ต่อมา ผู้เป็นหัวหน้าเผ่าพูดด้วยสีหน้าเฉยเมยว่า
“เจ้าไม่ใช่หมอผีที่สามารถรักษาโรคได้ แล้วทำไมข้าจะต้องเอาเจ้ามาแลกเปลี่ยนกับนางด้วย?”
หลังจากที่เขาคิดให้ถี่ถ้วนแล้ว เขาก็ยังใช้เหตุผลในการตัดสินใจ
สิ่งที่สำคัญที่สุดตอนนี้ก็คือ การได้ครอบครองเด็กที่มีสายเลือดของภูตอสูรกับหมอผีเอาไว้ในมือ
เมื่อหูเจียวเจียวเห็นใบหน้าที่น่าเกลียดของหยินซาง เธอก็เยาะเย้ยและพูดประโยคที่เธอเตรียมเอาไว้ก่อนจะมาถึงที่นี่
“เจ้าไม่ได้จับนางเพราะว่าคนในเผ่าของเจ้าบางคนติดโรคและต้องการให้นางช่วยรักษาพวกเขาหรอกหรือ?”
“ข้าเป็นแม่ของนาง ตราบใดที่ข้าอยู่ที่นี่ ข้าย่อมพูดให้นางมารักษาคนของเจ้าได้ทุกเมื่อโดยมีเงื่อนไขว่าเจ้าจะต้องปล่อยพวกเขาไป”
พอหัวหน้าเผ่าไป๋ผีได้ยินคำพูดของอีกฝ่าย เขาก็เหยียดยิ้มดูถูก
“ตอนนี้หมอผีอยู่ในมือของข้าแล้ว ทำไมข้าจะต้องทำอะไรให้มันยุ่งยากด้วย?”
หูเจียวเจียวพ่นลมก่อนจะถามกลับว่า
“เจ้ารู้วิธีเลี้ยงเด็กไหม แล้วเจ้ารู้วิธีการป้องกันโรคระบาดหรือไม่ ถ้าเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นกับหมอผีล่ะ ถึงเวลานั้นเจ้าไม่กลัวหรือไงว่าคนของเจ้าจะไม่มีทางรักษาแล้วพากันล้มตายไปจนหมด?”
“...” ชายหนุ่มกัดฟันกรามแน่นในขณะที่พูดอะไรไม่ออก
คนของพวกเจ้าต่างหากที่จะตายกันหมด!
หลังจากหยินซางถูกถามคำถามมากมาย เขาก็ไม่สามารถหาคำตอบมาโต้แย้งได้อีก
ในเวลาเดียวกัน ลูกน้องที่ยืนอยู่ข้างหลังหัวหน้าเผ่าไป๋ผีก็เข้ามากระซิบว่า
“ท่านหัวหน้า สิ่งที่นางพูดฟังดูมีเหตุผลมาก จะเกิดอะไรขึ้นถ้าแม่หมอติดโรคระบาดเหมือนกัน นางไม่สามารถรักษาตัวเองได้แน่นอน ถ้าเป็นแบบนั้น ทุกอย่างคงจบเห่”
“แล้วอีกอย่าง หูเจียวเจียวเป็นลูกของหูหลิน หากนางตกอยู่ในกำมือของเรา ไม่ใช่แค่หมอผีหรือภูตมังกร แม้แต่หูหลินก็ต้องเชื่อฟังคำพูดของเรา”
“ใช่ ขอแค่เรามีนางอยู่ในมือ เราก็จะได้ครอบครองเผ่าเยว่หูทั้งหมด!”
เมื่อหยินซางได้ยินสิ่งที่พวกลูกน้องบอก เขาก็รู้สึกว่ามันสมเหตุสมผล
ต่อมา เขามองไปที่ใบหน้างดงามของหูเจียวเจียว แล้วคิดให้ถี่ถ้วนอีกครั้ง
ถ้าต่อจากนี้เขาได้ควบคุมตัวของผู้หญิงคนนั้น เขาจะสามารถทำอะไรกับนางก็ได้ใช่หรือไม่?
ที่ผ่านมาเขาอยู่ตัวคนเดียวมาโดยตลอดและยังไม่เคยมีคู่เลยสักคน แล้วหากเขาได้ตัวหูเจียวเจียวมาครอบครอง เขาจะยังสามารถเหยียบย่ำภูตมังกรไว้ใต้เท้าของเขาได้ไม่ใช่หรือ?
เพียงได้จินตนาการถึงตอนที่เขาอยู่เหนือกว่าภูตที่แข็งแกร่งที่สุดในสายตาของผู้คน หยินซางก็แทบรู้สึกทนไม่ไหว
“ตกลง” ชายหนุ่มเชิดหน้าขึ้นอย่างลำพองใจขณะมองไปที่หูเจียวเจียวด้วยรอยยิ้ม
“เราสามารถแลกเปลี่ยนตัวเด็กกับเจ้าได้ แต่เพื่อความยุติธรรม… เจ้าจะสามารถใช้ตัวเองแลกเปลี่ยนเด็กไปได้เพียงคนเดียวเท่านั้น ตอนนี้หมอผีกลับไปได้ สำหรับเขานั้นไม่ได้!!”
หยินซางพูดพลางเหลือบไปมองหยินชาง เพราะนี่คือสิ่งสำคัญที่สุดของเขา
แม้ว่าเขาจะต้องตาย เขาก็ไม่อาจปล่อยมือจากลูกของหยินเหลยไปได้อีก
“ท่านแม่ ไม่ได้นะ!”
สีหน้าของหลงหลิงเอ๋อเปลี่ยนไปทันที แล้วนางก็รีบตะโกนห้ามหูเจียวเจียว
นางจะปล่อยให้ท่านแม่มาเสี่ยงได้อย่างไร!
ถ้าท่านแม่ตกไปอยู่ในมือของคนชั่ว นางจะต้องอยู่ภายใต้การควบคุมของเขา
ทางด้านหูเจียวเจียวส่ายหัวให้ลูกสาวน้อย ๆ
จากนั้นเธอก็หันไปมองหยินชางที่อยู่อีกด้านหนึ่ง ก่อนจะขมวดคิ้วครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่
“เอาล่ะ เปลี่ยนกับนางคนเดียวก็ได้ ข้าแค่กลัวว่านางจะไม่ปลอดภัยในระหว่างที่อยู่กับเจ้า”
หญิงสาวเงยหน้าขึ้นอย่างเด็ดเดี่ยวราวกับว่าเธอได้ตัดสินใจเรื่องที่ยากลำบาก
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 282
แสดงความคิดเห็น