Only one love รักนี้ แค่เธอ… คนเดียวเท่านั้นนะ [Yuri] Chapter 9
Chapter 9: ขอคืนดีทำไมมันยากขนาดนี้นะ
(ช็อกโกล่าบรรยาย)
วันถัดมา ฉันมาโรงเรียนตามปกติ วันนี้มีภารกิจที่ต้องทำให้เสร็จก็คือ รายงานกลุ่มนั่นเอง
“ช็อกโกล่า” เสียงของซินนามอนเรียกชื่อฉันขึ้นขณะเดินไปเข้าแถว วันนี้พวกเราสามคนมารวมตัวกันตั้งแต่เช้าเพื่อตรวจเช็คความเรียบร้อยของรายงานที่ทำกันไปเมื่อวาน แต่คนที่รับศึกหนักที่สุดคงหนีไม่พ้นซินนามอนอีกตามเคยสินะ
“ว่าไง” ฉันหันไปหาเพื่อนผมฟูข้างๆ ซินนามอนยื่นเอกสารที่เพิ่งเขียนเสร็จสดๆ ร้อนๆ ส่งให้ฉัน ฉันรับมาพลิกๆ อ่านแล้วส่งคืนให้เธอก่อนบอกว่า
“เรียบร้อยดีแล้ว ขอบคุณมากที่ช่วยหาข้อมูลนะ”
“ไม่เป็นไรหรอกจ้ะ เธอก็เหมือนกัน ขอบคุณสำหรับอ้างอิงจ้ะ”
“ไม่เป็นไรหรอก แต่จะดีกว่านี้ถ้ามีใครสักคนแถวนี้ช่วยกันทำบ้างนะ” ฉันจงใจหันไปยักคิ้วใส่มาการงที่กำลังยืนไม่พูดไม่จา วันนี้เธอดูแปลกไปจนฉันอดเป็นห่วงไม่ได้ มาการงเมื่อถูกพาดพิงก็หันมายิ้มแห้งๆ ก่อนพูดด้วยเสียงเบากว่าปกติว่า
“ขอโทษนะทุกคน ฉันแทบไม่ได้ช่วยอะไรเลย เฮ่อ แย่จริงๆ”
“ไม่เป็นไร ไม่ต้องคิดมากหรอกน้า ฉันจัดการให้หมดแล้ว มาการงก็ช่วยในส่วนแรกไปแล้วไงจำไม่ได้เหรอ?” คำพูดของซินนามอนทำให้สีหน้าของมาการงดูดีขึ้น ร่างบางหันมายิ้มขอบคุณก่อนจะรับเอกสารจากมือฉันไป และนำไปให้วาฟเฟิลกับคัสตาร์ดจัดการต่อ
“ข้อมูลเรียบร้อย เหลือแค่ทำรูปเล่ม สองคนนั้นคงจัดการได้แหละนะ” ฉันบอกกับเพื่อนทั้งสอง ได้รับการพยักหน้ารับจากซินนามอน ส่วนมาการงเก็บเอกสารเข้ากระเป๋า และเดินนำพวกเราไปที่แถว
ฉันสังเกตท่าทางของเพื่อนผมม่วงที่ดูเอาการเอางานมากกว่าทุกวัน ความจริงมันก็รู้สึกดีที่เห็นเพื่อนสนิทดูสนใจการเรียนขึ้นมาบ้าง ไม่ทำตัวบ้าๆ บอๆ เหมือนกับเมื่อก่อน มาการงเดินไปคุยงานกับพวกคัสตาร์ด ก่อนจะเดินกลับมาหาพวกเราและแจ้งความคืบหน้าของงานให้รู้ทั่วกัน
“สองคนนั้นบอกว่าเดี๋ยวตอนพักกลางวันจะเอาไปทำรูปเล่มให้”
“งั้นเหรอ ฝากขอบคุณพวกนั้นด้วยนะ” ฉันพยักหน้ารับ ก่อนจะเดินขึ้นห้องพร้อมกับคนอื่นๆ ที่เหลือ
เวลาเรียนดำเนินไปตามปกติ แต่ฉันเองก็สังเกตเห็นถึงความผิดปกติของเพื่อนผมม่วงข้างๆ ที่แสดงออกมาให้เห็นตั้งแต่เมื่อเช้าได้อยู่ เธอดูเหม่อลอย เหมือนคิดอะไรอยู่ในใจ เมื่อมองดูสมุดที่เคยเห็นจดยิกๆ ก็เห็นยังว่างเปล่า ฉันจึงหันไปกระซิบที่ข้างหูเบาๆ
“มาการง จดสิ” มาการงเงยหน้าขึ้นมองกระดาน ก่อนจะหันมาชำเลืองมองสมุดที่ฉันจดแล้วรีบจดตามให้ทัน ฉันถอนใจและหันไปสนใจกระดานต่อ ตั้งใจว่าช่วงพักจะถามให้รู้เรื่องว่าเธอเป็นอะไรกันแน่ เพราะการที่มาการงดูเหม่อลอยแบบนี้มันผิดวิสัย ฉันอยากให้มาการงที่ร่าเริงคนเดิมกลับมา ไม่ได้ต้องการมาการงที่ดูเหม่อลอยไม่สนใจสิ่งรอบข้างแบบนี้
เมื่อถึงช่วงพักกลางวัน ฉันได้โอกาสเรียกมาการงออกมาคุยกันหลังจากกินข้าวเสร็จ โดยที่ซินนามอนขอตัวไปหารุ่นพี่ในชมรมคนหนึ่ง เหลือเพียงพวกเรานั่งเล่นกันอยู่สองคนที่โต๊ะหินหน้าตึกเรียน
“นี่ ฉันถามอะไรหน่อยสิ” ฉันเริ่มเปิดบทสนทนา มาการงเงยหน้าขึ้นจากหน้าจอโทรศัพท์ก่อนถาม
“อะไรเหรอ?”
“วันนี้เธอเป็นอะไรเนี่ย ฉันเห็นเหม่อมาตั้งแต่เมื่อเช้าแล้วนะ”
“เปล่า” มาการงตอบนิ่งๆ ฉันวางมือบนโต๊ะก่อนจะหันมาจ้องหน้าเพื่อนสนิท ต้องการจะคาดคั้นคำตอบจากปากของเธอให้ได้
“เล่าให้ฉันฟังเถอะน่า มีอะไรจะได้ช่วยกันถูกจุด เธอไม่พูดออกมาฉันก็ไม่รู้นะว่าเป็นอะไร”
“อืม…” มาการงครางในลำคอ เงียบไปสักพักอย่างใช้ความคิด ก่อนจะเอ่ยออกมาลอยๆ
“ฉัน… คงโดนเธอคนนั้นไม่ชอบหน้าแล้วละมั้ง”
“ใคร? พาเฟ่ต์น่ะเหรอ” ฉันถาม ได้รับการพยักหน้ารับจากอีกฝ่าย
“ฉันควรจะทำยังไงดี ช็อกโกล่าช่วยคิดหน่อยสิ” ร่างบางหันมาส่งสายตาอ้อนวอน ฉันรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้อง สายตาแบบนั้นมันทำให้ฉันรู้สึกใจหวิวๆ อย่างบอกไม่ถูก แต่ความรู้สึกกังวลของเพื่อนสนิทต้องมาก่อน ฉันจึงพยายามไม่สนใจความรู้สึกแปลกๆ ที่เกิดขึ้นกับตนแล้วหันไปตอบเธอว่า
“ก็ไปขอโทษซะก็จบแล้ว” ฉันพูด มาการงหันมามองอย่างไม่แน่ใจ ฉันเลิกคิ้วสงสัย
“ฉันพูดอะไรผิดไปเหรอ? เธอไปทำให้พาเฟ่ต์โกรธแล้วไม่คิดจะไปขอโทษหน่อยเหรอ?”
“ฉันต้องไปขอโทษอยู่แล้ว แต่ฉันไม่รู้ว่า…” มาการงเงียบไปสักพักก็พูดขึ้นมาว่า “พาเฟ่ต์คนนั้นเรียนอยู่ห้องไหนน่ะสิ”
“นั่นสินะ” ฉันพยักหน้ารับ เพราะตัวเองก็ไม่รู้เหมือนกับมาการงว่าคนที่เป็นแฝดผู้น้องของวาฟเฟิลเรียนอยู่ห้องไหน เวลาพักชอบไปอยู่ที่ใด หรือเป็นเพื่อนสนิทกับใครบ้าง และคนในห้องมีใครพอจะรู้จักเธอคนนั้นบ้างหรือไม่ ฉันหลับตาลงอย่างใช้ความคิด สักพักก็นึกถึงเพื่อนตัวเล็กผมแดงที่มักจะชอบทะเลาะกับมาการงขึ้นมาได้ จึงหันไปหาเพื่อนสนิทผมม่วงที่นั่งซึมอยู่ข้างๆ และพูดว่า
“ฉันพอมีทางออกนะ” มาการงหันมาจ้องฉันแทบจะในทันที ดวงตาเป็นประกายอย่างมีความหวัง “ฉันว่าลองไปถามคัสตาร์ดดูสิ บางทีอาจจะรู้จักพาเฟ่ต์ดีกว่าพวกเราก็ได้”
“จริงด้วย!” มาการงอุทานก่อนจะลุกขึ้น “แล้วคัสตาร์ดอยู่ที่ไหนล่ะ”
“บางทีอาจจะกำลังเล่นวอลเลย์อยู่บนโรงยิมก็ได้ ลองไปดูกันมั้ยล่ะ” ฉันเอ่ยชวน มาการงพยักหน้า พวกเราลุกขึ้นจากม้าหินก่อนจะเดินขึ้นไปที่โรงยิมซึ่งอยู่บนอาคารข้างๆ ตึกที่พวกเราเรียนอยู่
ใช้เวลาไม่นาน ทั้งฉันและมาการงก็มายืนหอบอยู่หน้าประตูโรงยิมจนได้ มาการงผลักประตูเข้าไปข้างใน พบกับพวกนักเรียนที่กำลังเล่นกีฬากันอยู่ บ้างก็เดาะลูกบอล บ้างก็กระโดดเชือก และที่สำคัญ ฉันเห็นคนที่พวกเรากำลังตามหายืนโดดเด่นอยู่ท่ามกลางเพื่อนกลุ่มหนึ่ง จึงเดินเข้าไปหาช้าๆ
“อ้าว! ช็อกโกล่า” คัสตาร์ดร้องทัก ฉันหันไปยิ้มเล็กน้อย ก่อนที่เธอจะมองเรื่อยมาถึงคนที่กำลังยืนอยู่ข้างๆ ฉัน ร่างเล็กเดินออกมาจากกลุ่มเพื่อนตรงมาหาพวกเราก่อนถาม
“มีอะไรหรือเปล่า ขึ้นมาหาฉันถึงบนนี้เลย คงเหนื่อยน่าดู”
“ความจริง คนที่มีธุระน่ะ ไม่ใช่ฉัน” ฉันตอบ ก่อนจะหันมาสะกิดมาการงที่กำลังยืนเงียบอยู่
“อ๋อ ยัยมาการงนี่เอง ขึ้นมาหาฉันถึงบนนี้มีอะไรหรือเปล่าล่ะ” คัสตาร์ดถาม มาการงเงยหน้าขึ้นมองเพื่อนผมแดงที่บนใบหน้าเต็มไปด้วยเหงื่อ ก่อนเอ่ยถามว่า
“เอ่อ คือว่า…” มาการงสูดหายใจเข้าปอดครั้งหนึ่งก่อนเอ่ยต่อ “เธอรู้จักพาเฟ่ต์หรือเปล่า”
“พาเฟ่ต์ ฝาแฝดของวาฟเฟิลน่ะเหรอ?” คัสตาร์ดถาม มาการงพยักหน้า
“ใช่ คนที่ฉันเจอที่ห้องสมุดเมื่อวานนั่นแหละ เธอพอจะรู้บ้างมั้ยว่าเรียนอยู่ห้องไหนน่ะ”
“อ๋อ ถ้าพาเฟ่ต์ละก็ เรียนอยู่ห้อง E มีอะไรหรือเปล่าล่ะ เธอก็อยู่ตรงนี้ด้วย”
“ช่วยเรียกให้ฉันหน่อยได้หรือเปล่า” มาการงถาม คัสตาร์ดสังเกตสีหน้าของเพื่อนสาวแวบหนึ่งก่อนจะเดินกลับไปหากลุ่มเพื่อนอีกครั้ง และหันไปคุยอะไรกับคนที่ฉันไม่รู้จักสักครู่ มาการงสะกิดแขนฉันเบาๆ
“ฉันรู้สึกตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูกเลยที่รู้ว่าพาเฟ่ต์ก็ชอบเล่นกีฬาด้วย”
“เรื่องนั้นเอาไว้ก่อนเถอะ แต่ถ้าเธอเจอพาเฟ่ต์แล้วจะขอโทษยังไงล่ะ” มาการงเงียบไปอีกครั้ง ก่อนจะยิ้มออกมา
“ไม่เป็นไรน่า เดี๋ยวฉันจัดการเอง” พูดยังไม่ทันขาดคำก็มีใครคนหนึ่งเดินออกมาจากกลุ่มคนที่กำลังเล่นกีฬากันอยู่ ร่างนั้นเดินตรงเข้ามาทางพวกเรา มาการงดึงมือฉันไปบีบเบาๆ ฉันกระชับมือตอบก่อนกระซิบ
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันอยู่เป็นเพื่อนเธอเอง รีบๆ เดินเข้าไปขอโทษเถอะ เราจะได้กลับห้องกัน”
ร่างนั้นเดินตรงมาหาพวกเราช้าๆ ฉันมองใบหน้าของคนที่กำลังเดินมาก็เห็นว่าเธอคือพาเฟ่ต์ คนที่พวกเราเจอที่ห้องสมุดเมื่อวานจริงๆ ร่างนั้นดูทะมัดทะแมงในชุดพละกับกางเกงวอร์มสีดำ ใบหน้าที่เรียบเฉยหันมามองพวกเราเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยทักขึ้น
“มีอะไร?”
“เอ่อ… ฉันชื่อมาการง เป็นเพื่อนห้องเดียวกับคัสตาร์ด คือว่า ฉันจะมาขอโทษเรื่องที่รบกวนเธอตอนอ่านหนังสือที่ห้องสมุดเมื่อวานน่ะจ้ะ” มาการงพูดเร็วปรื๋อจนฉันฟังแทบไม่ทัน พาเฟ่ต์หันมาสบตากับผู้พูดก่อนจะทำสีหน้าไม่พอใจนัก และพูดเรียบๆ
“ถ้าเรื่องนั้นน่ะไม่เป็นไร” มาการงมองผู้พูดอย่างไม่เข้าใจ ฉันยืนมองเพื่อนสองคนปรับความเข้าใจกันอยู่ห่างๆ โดยคิดว่าจะไม่เข้าไปยุ่งกับเรื่องนี้ถ้าไม่จำเป็น บรรยากาศน่าอึดอัดก่อตัวขึ้นรอบตัวของพวกเรา ก่อนที่พาเฟ่ต์จะพูดขึ้นว่า
“แต่ฉันไม่เข้าใจว่า ทำไมเธอต้องมาใช้ฉันให้หยิบหนังสือให้ด้วย”
มาการงนิ่งอึ้งกับคำพูดเมื่อครู่ ก่อนจะตั้งสติแล้วตอบไปว่า
“ก็ตอนนั้น ฉันนึกว่าเธอคือวาฟเฟิลนี่นา หน้าตาออกจะเหมือนกันขนาดนั้น แถมพวกเราเองก็อยู่คนละห้องกันด้วย ฉันเลยยังไม่รู้จัก…”
“แล้วทำไม ตอนที่เดินเข้ามาเธอไม่ถามชื่อฉันก่อน?” พาเฟ่ต์แทรกขึ้น ฉันรู้สึกว่าสถานการณ์เริ่มจะไม่ดี ถ้าปล่อยไว้อย่างนี้อาจจะมีการทะเลาะกันเกิดขึ้นก็เป็นได้ ฉันจึงเดินเข้ามาร่วมวงและพูดขึ้นช้าๆ
“นี่พาเฟ่ต์ ทีแรกฉันก็เข้าใจผิดว่าเธอคือวาฟเฟิลนะ” ฉันพูดเรียบๆ พาเฟ่ต์หันมามองก่อนถาม
“ถึงหน้าตาฉันกับวาฟเฟิลจะเหมือนกัน แต่พวกเธอดูไม่ออกเลยหรือไงว่าฉันไม่ใช่วาฟเฟิล? แล้วอีกอย่างนะ ฉันก็ไม่ได้มีหน้าที่หยิบหนังสือให้ใครด้วย ในเมื่อเธอยืนอยู่ตรงนั้นแล้วก็หยิบเองได้ไม่ใช่หรือไง?”
“สรุปคือ เธอคงไม่ยกโทษให้เพื่อนฉันแน่ๆ ใช่หรือเปล่า?” ฉันถาม เริ่มจะหมดความอดทนขึ้นมาบ้างเหมือนกัน พาเฟ่ต์สะบัดหน้าก่อนจะเดินเข้าไปร่วมกลุ่มกับพวกคัสตาร์ดอีกครั้ง และเล่นวอลเลย์บอลต่อไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“อ้าว!” มาการงร้องขึ้น ฉันคว้าข้อมือเพื่อนสนิทก่อนจะเดินออกจากโรงยิมและตรงกลับห้องทันที ในใจรู้สึกทั้งโมโหและไม่เข้าใจ คนอะไรก็ไม่รู้ เข้าใจยากชะมัด ในเมื่อไม่ยกโทษให้ก็คงต้องปล่อยเขาไปสินะ
“เฮ่อ… เข้าใจยากจริง” มาการงร้อง ฉันพยักหน้า
“ช่วยไม่ได้นี่นา เราก็ทำได้เท่านี้แหละ ถ้าเขาจะไม่ยกโทษให้ก็ปล่อยให้เป็นเรื่องของเขาแล้วกัน”
“แต่ว่า ฉันก็ยังอยากเป็นเพื่อนกับพาเฟ่ต์นะ”
“โดนว่ามาขนาดนั้นแล้วเธอยังอยากเป็นเพื่อนกับคนแบบนั้นอยู่อีกเหรอเนี่ย?” คราวนี้เป็นฉันที่ต้องหันมามองเพื่อนสนิทบ้าง มาการงพยักหน้ารับ และพูดขึ้นอย่างหนักแน่น
“ฉันว่า พาเฟ่ต์ต้องยกโทษให้ฉันแน่ๆ แม้ว่ามันจะช้าหน่อยก็ไม่เป็นไรหรอก แต่ฉันก็จะรอวันนั้นนะ”
(วาฟเฟิลบรรยาย)
ฉันเดินกลับบ้านพร้อมกับพาเฟ่ต์เหมือนกับทุกวัน คุณผู้อ่านคงจะรู้แล้วละค่ะว่าฉันกับพาเฟ่ต์เราเป็นฝาแฝดกัน จึงไม่แปลกที่จะมีคนเข้าใจผิดบ่อยๆ ว่าฉันคือพาเฟ่ต์ หรือพาเฟ่ต์คือฉัน แต่ถ้ามองดีๆ ก็จะแยกออกนะคะ เพราะพาเฟ่ต์จะดูนิ่งๆ ในขณะที่ฉันจะดูร่าเริงมากกว่า
พวกเราเดินกลับบ้านด้วยกันเงียบๆ เมื่อเดินเข้าไปข้างในตัวบ้านแล้ว ฉันจึงถามผู้เป็นน้องสาวขึ้นว่า
“วันนี้ตอนเย็น พาเฟ่ต์อยากกินอะไรหรือเปล่า?”
“อะไรก็ได้” พาเฟ่ต์ตอบ ฉันเข้าใจดีถึงคำว่า “อะไรก็ได้” เมื่อครู่ จึงเดินไปดูวัตถุดิบที่มีอยู่ในตู้เย็น และเริ่มวางแผนถึงกับข้าวที่จะทำกินกันในมื้อเย็นนี้ พวกเราแยกย้ายกันเข้าห้องไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดลำลอง และเมื่อสมควรแก่เวลาแล้วฉันจึงเดินลงมาข้างล่างเพื่อทำกับข้าว ส่วนพาเฟ่ต์นั่งทำการบ้านอยู่ในห้องข้างบน
พวกเราสองพี่น้องนั่งกินข้าวเย็นด้วยกันเงียบๆ ฉันมองใบหน้าที่มักจะเรียบเฉยอยู่เป็นนิจของน้องสาว พาเฟ่ต์เป็นคนพูดไม่ค่อยเก่ง จึงมักเป็นฉันที่จะเป็นฝ่ายเปิดบทสนทนาขึ้นก่อนเสมอ
“นี่พาเฟ่ต์ จะเอาข้าวเพิ่มอีกหรือเปล่า?” ฉันถามหลังจากสังเกตเห็นข้าวในจานของอีกฝ่ายที่พร่องไปกว่าครึ่ง
“ไม่ละ” พาเฟ่ต์ตอบ ก่อนจะลุกขึ้นและยกจานของตนและของฉันที่กินหมดแล้วไปล้างที่อ่างล้างจานในครัว
“วันนี้เป็นอะไรน่ะ ดูหงุดหงิดแปลกๆ มีอะไรก็เล่าให้พี่ฟังได้นะ” ฉันสังเกตเห็นความผิดปกติของอีกฝ่ายจึงอดถามด้วยความเป็นห่วงไม่ได้
“เอ่อ…” พาเฟ่ต์ช่างใจอยู่สักพัก สุดท้ายก็เอ่ยถามขึ้นว่า
“พี่รู้จักคนที่ชื่อมาการงหรือเปล่า?”
“อ๋อ มาการงเป็นเพื่อนห้องเดียวกับพี่เองจ้ะ มีอะไรเหรอ?”
“วันนี้ยัยนั่นตามมาหาฉันถึงโรงยิม” พาเฟ่ต์พูด ฉันซึ่งพอจะปะติดปะต่อเรื่องราวได้คร่าวๆ จึงถามขึ้นว่า
“มาขอโทษเรื่องเมื่อวานเหรอ?” พาเฟ่ต์พยักหน้า ฉันจึงถามต่อไปว่า
“แล้วพาเฟ่ต์ยกโทษให้มาการงหรือเปล่าล่ะ?”
ได้รับการส่ายหน้าเป็นคำตอบจากน้องสาวฝาแฝด ฉันเลิกคิ้วเป็นเชิงตั้งคำถาม พาเฟ่ต์จึงพูดขึ้นว่า
“เมื่อวานยัยนั่นทักฉันผิดว่าเป็นพี่ แถมยังมาใช้ให้หยิบหนังสือให้ด้วย แล้วมีเหตุผลอะไรที่ฉันต้องหยิบให้งั้นเหรอ ในเมื่อเอื้อมมือไปแค่นิดเดียวก็หยิบได้แล้วน่ะ?”
“ไม่เอาน่าน้องพี่” ฉันหันไปปรามน้องสาวของตนที่ทำท่าทางกระฟัดกระเฟียด “ยังไม่ชินอีกเหรอที่โดนทักผิดน่ะ”
พาเฟ่ต์ส่ายหน้าปฏิเสธ “ฉันก็แค่ไม่ชอบให้คนอื่นมาทักผิดก็เท่านั้นน่ะ”
“พี่โดนจนชินแล้วนะ” ฉันตอบยิ้มๆ “ไม่ต้องไปถือหรอกน่า ถ้ามาการงรู้จักพาเฟ่ต์แล้วอีกเดี๋ยวคงเรียกถูกเองนั่นแหละจ้า ยกโทษให้เขาเถอะ โกรธไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมาหรอก จริงมั้ย?”
ฉันเห็นพาเฟ่ต์เงียบไปจึงไม่คิดจะต่อความยาวสาวความยืดให้มากความ และหวังอยู่ลึกๆ ว่าน้องสาวของฉันคงให้อภัยมาการง และคืนดีกันได้โดยเร็ว
(มาการงบรรยาย)
วันถัดมา ฉันมาโรงเรียนสายกว่าปกติเล็กน้อย เพราะมัวแต่เตรียมของที่จะเอามาให้เพื่อนจนเกือบจะมาไม่ทันเข้าแถว ฉันวิ่งกระหืดกระหอบมาหยุดอยู่ที่แถวก่อนจะมองหาช็อกโกล่าและซินนามอนไปด้วย สอดส่ายสายตามองอยู่เพียงไม่นาน ช็อกโกล่าก็เดินมาหยุดอยู่ข้างๆ พร้อมรับของที่ต้องใช้ในวันนี้ไปถือไว้
“เธอมาทันเฉียดฉิวเลยน้า ขอบคุณมากที่เอามาให้” ซินนามอนเดินมาเช็ครายการของที่ต้องใช้เพื่อทำงานกลุ่มในวันนี้ เมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรขาดไปจึงช่วยแบ่งของจากช็อกโกล่าไปถือไว้ ก่อนจะกลับไปยืนในที่ของตน
ช่วงพักกลางวัน ฉันไปกินข้าวกับเพื่อนๆ ตามปกติ เมื่อเห็นว่าใกล้จะหมดเวลาแล้วจึงลุกจากเก้าอี้เตรียมตัวเดินกลับห้อง ทันใดนั้นสายตาก็เหลือบไปเห็นร่างที่คุ้นตากำลังเดินออกจากโรงอาหารไป ฉันหยิบสิ่งของสิ่งหนึ่งออกมาจากกระเป๋า และรีบวิ่งตามร่างนั้นไปอย่างรวดเร็ว
“อ้าว! มาการง!” ได้ยินเสียงของซินนามอนตะโกนตามหลัง แต่ฉันไม่สนใจแล้วละค่ะ ฉันวิ่งตามร่างนั้นไปจนเกือบจะถึงตัว เธอหันมามอง และเมื่อเห็นว่าเป็นฉันจึงวิ่งต่อไปอีก ฉันวิ่งตามไปอย่างไม่ลดละ หวังใจว่าความพยายามขอคืนดีในครั้งนี้ต้องสำเร็จให้ได้ พวกเราวิ่งไล่จับกันมาจนหอบกันทั้งคู่ ฉันเดินเข้าไปใกล้ๆ ก่อนจะเอ่ยปนหอบว่า
“แฮ่กๆ… พาเฟ่ต์… ฟัง… ฉันก่อน” ร่างนั้นหันมาทั้งที่หายใจหอบ ฉันยื่นถุงขนมที่ถืออยู่ในมือส่งให้ พาเฟ่ต์รับไปพินิจพิจารณาสักครู่ก่อนเอ่ยถาม
“เธอ… เอามาให้ฉันทำไม?”
“ฉันขอโทษ” ฉันตอบ ดวงตาสบประสานกับดวงตาสีเขียวมรกตกลมโตนิ่ง “ตอนนั้นฉันไม่รู้จริงๆ ว่าวาฟเฟิลมีฝาแฝด ก็เลยทักผิดคน แต่ตอนนี้ฉันรู้แล้วล่ะ ยกโทษให้ฉันเถอะนะ” พร้อมกับส่งสายตาเว้าวอนไปให้อีกฝ่าย พาเฟ่ต์นิ่งไปสักพัก ก่อนจะพูดขึ้นมาเบาๆ ว่า
“ฉันไม่โกรธเธอแล้ว” ฉันรู้สึกใจชื้นขึ้นมาเล็กน้อย แต่ก็ยังไม่แน่ใจกับสิ่งที่ได้ยิน จึงถามให้แน่ใจว่าไม่ได้ฟังผิดไป “จริงนะ?”
“จริงสิ” พาเฟ่ต์ตอบ และทำท่าจะยื่นถุงขนมที่ฉันให้เมื่อกี้ส่งคืน ฉันจึงรีบพูดขึ้นว่า
“ขนมนี่… ฉันให้เธอนะ ถึงมันจะไม่ได้เป็นขนมที่ฉันทำเอง แต่ฉันก็อยากจะให้ ขอบคุณที่ยกโทษให้ฉันนะ”
พาเฟ่ต์นิ่งอึ้งกับคำพูดของฉันเมื่อครู่ เธอเก็บถุงขนมใส่กระเป๋าที่ถือติดตัวมาด้วย ก่อนจะยิ้มออกมา ฉันยิ้มตอบ ก่อนจะพูดขึ้นมาว่า
“เรามาเป็นเพื่อนกันเถอะนะ” พาเฟ่ต์นิ่งไปสักพักก่อนถาม
“เป็นเพื่อน… กับเธอเหรอ?”
“อื้ม” ฉันยิ้มรับ “หลังจากนี้ถ้ามีอะไรก็เดินมาหาฉันได้นะ ฉันอยู่ ม.1 ห้อง C จากนี้ไปก็ฝากตัวด้วยน้า” ฉันพูด พาเฟ่ต์นิ่งไปอีกครั้ง ก่อนจะพยักหน้ารับ
“นี่ถือว่าเราคืนดีกันแล้ว… ใช่ไหม?” คำพูดที่หลุดออกมาทำให้ฉันขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ
“ถ้าเธอยกโทษให้ฉันแล้ว ก็ถือว่าเราคืนดีกันแล้ว ไม่ใช่เหรอ?” ฉันถาม ร่างบางของเพื่อนผมเขียวเงียบไป ฉันจึงยื่นมือออกไปตรงหน้า ก่อนจะพูดว่า
“ถ้าเธอยกโทษให้ฉันแล้วจริงๆ ช่วยจับมือฉันหน่อยได้ไหม?”
พาเฟ่ต์ลังเล สักพักก็ยอมจับมือกับฉันแต่โดยดี ฉันเขย่ามือกับเธอเบาๆ ก่อนจะปล่อยมือของเธอให้เป็นอิสระ พวกเราคุยอะไรกันอีกสองสามคำ ก่อนฉันจะหันหลังกลับไปที่โรงอาหารและเดินกลับห้องพร้อมกับพวกช็อกโกล่า
วันนี้ฉันรู้สึกมีความสุขมาก เพราะอย่างน้อยก็ได้คืนดีกับพาเฟ่ต์แล้ว และฉันเองก็หวังว่ามิตรภาพของฉันกับเธอจะดำเนินไปได้ด้วยดี ไม่มีเรื่องอะไรที่ทำให้เราต้องทะเลาะกันเช่นวันนี้อีก
(ติดตามตอนต่อไป)
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 597
แสดงความคิดเห็น