Only one love รักนี้ แค่เธอ… คนเดียวเท่านั้นนะ [Yuri] Chapter 10
Chapter 10: ปีการศึกษาใหม่เริ่มต้นขึ้นแล้ว
เรื่องราวทั้งหมดที่ผ่านมา คือจุดเริ่มต้นที่ทำให้พวกเราทั้งหมดได้รู้จักกัน
แต่เรื่องราวที่แท้จริงนั้น กำลังจะเริ่มต้น ณ บัดนี้…
(ซินนามอนบรรยาย)
สวัสดีค่ะ ฉัน ซินนามอน รับหน้าที่บรรยายในตอนนี้ค่ะ
1 ปีผ่านไปไวเหมือนโกหก วันนี้เป็นวันเปิดเทิมวันแรก ฉันในชุดนักเรียนที่มีดาวปักเพิ่มมาอีก 1 ดวงกำลังเดินไปเข้าแถว รู้สึกเหมือนยังใช้เวลาปิดเทิมที่เพิ่งผ่านไปไม่เต็มอิ่มเท่าไรนัก แต่จะทำอย่างไรได้ เพราะชีวิตก็ต้องเดินต่อไป เปิดเทิมใหม่ทั้งทีฉันจึงพยายามตื่นให้เร็วเพื่อจะได้ไม่มาโรงเรียนสายตั้งแต่วันแรก และก็ทำได้สำเร็จซะด้วยสิ
“สวัสดีจ้า!” น้ำเสียงสดใสของใครคนหนึ่งร้องทักจากเบื้องหลัง ฉันที่กำลังใจลอยเดินคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยรีบชะงักฝีเท้า เพราะเสียงนั้นอยู่ใกล้ตัวมากเหลือเกิน
“เหวอ!...” ร่างของฉันโอนเอนทำท่าจะล้ม โชคดีที่ได้มือบางของเธอคนนั้นช่วยพยุงเอาไว้ เมื่อมองหน้าคนที่ร้องทักเมื่อครู่ชัดๆ จึงเห็นว่าเป็นมาการงนั่นเอง
“ซินนามอนละก็ ทำไมมาเดินใจลอยอยู่ตรงนี้ล่ะ ใกล้เวลาเข้าแถวแล้วน้า”
“แหะๆ ขอโทษจ้ะ ฉันก็กำลังจะเดินไปที่สนามนี่แหละ” คำพูดของฉันดูเหมือนจะเป็นการกลบเกลื่อนเสียมากกว่า ยอมรับว่าเมื่อกี้ใจลอยจริงๆ มาการงมองหน้าฉันอย่างพินิจพิเคราะห์ ก่อนจะชวนให้เดินไปด้วยกัน พวกเราเดินคุยกันไปตลอดทาง แต่มีบทสนทนาช่วงหนึ่งที่ทำให้ฉันยิ้มออกมาเล็กน้อย
“ซินนามอน สูงขึ้นหรือเปล่าเนี่ย” ฉันเลิกคิ้วก่อนตอบ
“ฉันไม่รู้เลยจ้า ช่วงนี้ยังไม่ได้ลองวัดเลย”
“เดี๋ยวพักกลางวันลองไปวัดส่วนสูงกันที่ห้องพยาบาลไหมล่ะ?” เพื่อนสนิทเอ่ยชวน ฉันพยักหน้า ก่อนจะหันไปสำรวจร่างของมาการงบ้าง
“เธอก็สูงขึ้นเหมือนกันน้า” มาการงยิ้มออกมาก่อนอุทาน
“จริงเหรอ!?” ฉันพยักหน้า ก่อนที่พวกเราจะยืนเทียบว่าใครสูงกว่ากันอยู่ตรงหน้าสนาม ผลสรุปได้ออกมาว่าความสูงของพวกเราไล่เลี่ยกัน ขาดก็แค่ยังไม่รู้ตัวเลขที่ชัดเจนเท่านั้น
เมื่อพวกเราเดินเข้าไปในสนาม เสียงออดเรียกให้เข้าแถวก็ดังขึ้น นักเรียนทุกคนพากันเดินหาแถวของตัวเอง บ้างก็คุยกันเซ็งแซ่ฟังไม่ได้ศัพท์ นักเรียนหญิงกลุ่มใหญ่เดินผ่านหน้าพวกเราไป ฉันสอดส่ายสายตาหาแถวที่เป็นห้องของพวกเรา ไม่นานก็เจอ
กิจกรรมหน้าเสาธงดำเนินต่อไป พร้อมกับมีประกาศให้เลือกชมรมในช่วงบ่าย โดยยึดตามชมรมต่างๆ ที่ถูกก่อตั้งขึ้นเมื่อปีที่แล้ว ฉันเลือกเข้าชมรมคอรัชแบบไม่ต้องเสียเวลาคิด เพราะการร้องเพลงคือสิ่งที่ฉันรัก แม้ว่าปีที่แล้วบทบาทของฉันจะไม่ได้โดดเด่นเหมือนพวกรุ่นพี่ แต่อย่างน้อยก็ยังได้ซ้อมบ้างเป็นครั้งคราว แค่นี้ก็ทำให้มีความสุขแล้วละค่ะ ก็ได้แต่หวังว่าปีนี้บทบาทในชมรมของฉันคงจะมากขึ้นบ้างไม่มากก็น้อยละนะ
“ไง พวกเธอ” เสียงของใครคนหนึ่งดังขึ้นขณะที่ฉัน มาการง และช็อกโกล่ากำลังเดินขึ้นห้องเรียนด้วยกัน
“อ้าว คัสตาร์ด วาฟเฟิล” มาการงหันไปทัก วาฟเฟิลส่งยิ้มให้ ส่วนคัสตาร์ดเอ่ยถามขึ้นลอยๆ ว่า
“ปีนี้มีใครจะเปลี่ยนไปเข้าชมรมอื่นบ้างเหรอ?”
“ฉันไม่เปลี่ยนนะ” ช็อกโกล่าพูดขึ้นมาเป็นประโยคแรกของวัน ฉันหันไปมองเล็กน้อย ถ้าเธอไม่พูดขึ้นมาคงลืมไปแล้วแน่ๆ ว่ากำลังเดินอยู่กับพวกเราด้วย
“ฉันก็ไม่เปลี่ยนจ้ะ พวกพี่ๆ ในชมรมใจดีมากเลย ถ้าเปลี่ยนคงเคว้งน่าดู” มาการงพูดบ้าง ได้รับการพยักหน้ารัวๆ จากคัสตาร์ด
“ฉันก็ไม่เปลี่ยน จะอยู่ชมรมเดินอีกจนกว่าพวกพี่ๆ ในชมรมจะจบเลย”
“แสดงว่า เธอจะอยู่ชมรมศิลปะจนถึงม.3 เลยเหรอ?” มาการงถาม
“ก็แบบนั้นแหละ” คัสตาร์ดตอบ ก่อนจะหันมาหาฉันกับวาฟเฟิลที่เงียบอยู่เพราะไม่รู้จะพูดอะไรดี
“แล้วพวกเธอสองคนล่ะ จะเปลี่ยนชมรมหรือเปล่า?”
“ฉันเหรอจ๊ะ…” วาฟเฟิลเอ่ยขึ้นอย่างใช้ความคิด “ฉันคิดว่าจะไปเดินดูก่อนว่ามีชมรมไหนน่าสนใจบ้าง ถ้าไม่มีที่โดนใจเลยก็จะอยู่ชมรมเดิมจ้ะ”
“แล้วเธอล่ะซินนามอน” ช็อกโกล่าถาม ฉันหันไปสบตาด้วยก่อนจะให้คำตอบ
“ฉันก็ว่าจะไม่เปลี่ยนชมรมจ้ะ”
“ดีแล้วล่ะที่พวกเธอไม่คิดจะไปหาชมรมใหม่ จำตอนที่วิ่งหาชมรมเมื่อปีที่แล้วได้ไหมล่ะ?” คัสตาร์ดถาม ฉันนึกย้อนรำลึกถึงความหลังเมื่อปีที่แล้วก็อดรู้สึกเหนื่อยขึ้นมาไม่ได้ การวิ่งฝ่าฝูงชนที่ออกันอยู่หน้าบูธของแต่ละชมรม ความจอแจกับเสียงตะโกนที่ฟังไม่ได้ศัพท์ ความที่ฉันเป็นคนไม่ชอบความวุ่นวายอยู่แล้วทำให้รู้สึกทั้งท้อทั้งรำคาญในเวลาเดียวกัน และการที่ฉันพลัดหลงกับเพื่อนสนิทอย่างมาการงก็ทำให้รู้สึกเคว้งคว้างขึ้นไปอีก แต่สุดท้ายก็ผ่านมันมาได้ด้วยความช่วยเหลือของรุ่นพี่ชมรมคอรัชที่ช่วยพาเดินเข้าไปในบูธ และรับฉันเป็นสมาชิกของชมรมด้วย
“เพราะแบบนี้ไง ฉันถึงไม่อยากเปลี่ยนชมรม” ช็อกโกล่าตอบ คำพูดเมื่อครู่นั้นตรงกับความคิดของฉันทุกประการ
“ลองคิดดีๆ นะ วาฟเฟิล อยู่ชมรมเดิมก็ดีอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?” ฉันหันไปถามเพื่อนผมเขียวที่เอาแต่เงียบมาได้สักพักแล้ว
“ไม่ใช่ว่าชมรมแฟชั่นไม่ดีหรอกน้า เรื่องเสื้อผ้าก็เป็นสิ่งที่ฉันชอบอยู่แล้ว ฉันแค่อยากหาชมรมอะไรที่น่าสนใจกว่านี้หน่อย แต่ถ้าไม่มีก็คงเข้าชมรมแฟชั่นเหมือนเดิม” วาฟเฟิลให้คำตอบ ในเมื่อเธอยืนกรานแบบนี้ ฉันและเพื่อนที่เหลือก็คร้านที่จะต่อความ พวกเราจึงเปลี่ยนเรื่องคุยและเดินขึ้นห้องเพื่อเรียนวิชาแรกของวัน
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว จนเสียงออดบอกเวลาพักดังขึ้น ฉันและเพื่อนสนิททั้งสองพากันเดินลงมารับประทานอาหารกลางวันที่โรงอาหาร
“เห็นเด็กใหม่ที่เข้ามาปีนี้กันหรือยัง?” จู่ๆ มาการงก็พูดขึ้น ฉันหันมองก็พบกับเด็กนักเรียนหญิงกลุ่มใหญ่ที่เดินผ่านหน้าพวกเราไป มองที่เสื้อเห็นมีดาวปักเพียงดวงเดียว แต่ละคนน่ารักสดใสสมวัย เหมือนกับพวกเราที่เข้ามาโรงเรียนนี้แรกๆ ไม่มีผิด
“ที่เพิ่งเดินผ่านไปเมื่อกี้ก็ ม.1 ไม่ใช่เหรอ?” ช็อกโกล่าถาม ฉันพยักหน้ารับ
“ใช่จ้ะ ม.1 น่ารักดีเหมือนกันนะ เหมือนกับพวกเราตอนแรกๆ เลย” ฉันออกความเห็น
“จริงด้วย พวกเราตอนที่เข้ามาแรกๆ ก็ยังไม่ค่อยรู้อะไรเหมือนกัน” มาการงพูดบ้าง
“แสดงว่าตอนนี้รู้มากขึ้นกว่าเดิมแล้วงั้นสิ” คำพูดนั้นจะเป็นของใครไปไม่ได้นอกจากเพื่อนผมดำที่คลี่ยิ้มมุมปากพร้อมกับส่งสายตาให้มาการงไปด้วย ได้รับรอยยิ้มแหยๆ กับเสียงหัวเราะกลับมา ไม่รู้ว่าฉันตาฝาดไปหรือเปล่า ฉันเห็นรอยแดงระเรื่อที่แก้มใสของมาการงด้วย อาจจะเป็นแสงแดดที่ส่องลงมาและตกกระทบกับแก้มของเธอพอดี ทำให้ดูสดใสเปล่งประกายมากกว่าทุกวันก็เป็นได้
จะว่าไป ฉันสังเกตเห็นความสัมพันธ์ของทั้งมาการงและช็อกโกล่าที่ดีมากขึ้นเรื่อยๆ จริงอยู่ที่ฉันกับมาการง เราเป็นเพื่อนสนิทกันมาก่อน แต่พอมีช็อกโกล่าเข้ามาเพิ่มก็ทำให้กลุ่มของพวกเรามีสีสันมากขึ้น เพราะทั้งฉันและมาการงก็ชอบทำอะไรไม่เข้าท่า ถ้าไม่มีช็อกโกล่าที่คอยห้ามก็ไม่รู้ว่าจะเป็นยังไงเหมือนกันนะคะ
เทิมที่ผ่านมา ฉันไม่ค่อยได้ใช้เวลาร่วมกับเพื่อนสนิททั้งสองคนเท่าไรนัก เพราะช่วงเย็นก็ไปซ้อมร้องเพลงที่ห้องดนตรี จนบางทีก็รู้สึกอยู่เหมือนกันว่าตัวเองกลายเป็นส่วนเกินของกลุ่มไปแล้วหรือเปล่านะ…
เวลาพักผ่านไป เข้าสู่การเรียนในช่วงบ่าย วันเปิดเทิมวันแรกก็ไม่มีอะไรมาก นอกจากแนะนำแต่ละวิชาว่าจะต้องเรียนอะไรบ้าง และเกณฑ์การให้คะแนนเป็นอย่างไร ทำให้การเรียนในวันแรกผ่านไปได้ด้วยดี
และเวลาที่ทุกคนรอคอยก็มาถึง เวลาเลือกชมรมนั่นเอง
ฉันเดินลงจากอาคารเรียนพร้อมกับเพื่อนสนิท ก่อนจะแยกกันเพื่อมุ่งหน้าไปยังชมรมที่หมายตาไว้ เดินมาไม่นานก็มาถึงที่หมาย
ห้องดนตรี…
ที่นี่ เป็นที่ที่ฉันมักมานั่งสิงสถิตอยู่ทุกเย็นหลังเลิกเรียน บางทีก็มาซ้อมร้องเพลง และบางทีก็มานั่งเล่น มีความทรงจำมากมายเกิดขึ้นที่นี่ และฉันก็หวังว่าจะสร้างความทรงจำดีๆ ต่อไปในปีนี้ ในห้องดนตรีแห่งนี้…
“ไงจ๊ะ น้องซิน” เสียงของใครคนหนึ่งเรียกชื่อฉันจากทางด้านหลัง ฉันหันกลับไปมองก็เห็นรุ่นพี่ผมสีชมพูซอยสั้นผู้เป็นหัวหน้าชมรมกำลังยืนยิ้มให้ฉันอยู่
“อ้าว! พี่เชอร์ สวัสดีค่ะ” ฉันร้องทักตามมารยาท พี่เชอร์ หรือชื่อเต็มๆ คือ เชอร์รี่ หัวหน้าชมรมคอรัชผู้ใจดี เป็นเธอคนนี้ที่คอยให้คำแนะนำฉันเสมอเวลาซ้อม และคอยช่วยปลอบใจฉันทุกครั้งเวลาเจอเรื่องไม่ดี พูดได้เต็มปากว่าพี่เชอร์เป็นพลังบวกของฉันก็ไม่ผิดนัก ในชมรมนี้ฉันสนิทกับพี่เขามากที่สุดแล้วละค่ะ ส่วนสมาชิกที่เหลือก็ไม่ใช่ว่าฉันไม่รู้จักเลยนะคะ ฉันรู้จักเหมือนกันแต่ไม่ได้สนิทอะไรขนาดนั้น เราแค่เป็นเพื่อนร่วมชมรมที่ดีก็เท่านั้นเอง
“ปีนี้จะอยู่ชมรมคอรัชเหมือนเดิมใช่มั้ยจ๊ะ?” พี่เขาถามพร้อมกับยื่นกระดาษแผ่นหนึ่งมาตรงหน้าฉัน
“ใช่ค่ะ หนูไม่เปลี่ยนชมรมหรอก” ฉันตอบพร้อมกับหยิบปากกาออกมาจากกระเป๋า เขียนอะไรยิกๆ สักครู่ก็ส่งคืนให้พี่เขา เจ้าตัวรับไปก่อนจะเดินนำฉันเข้าไปในห้องดนตรี
เหตุการณ์จะเป็นอย่างไรต่อไป ติดตามตอนหน้านะคะ
(ติดตามตอนต่อไป)
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 1085
แสดงความคิดเห็น