ตอนที่ 338 รวยระดับพันธมิตร
ตอนที่ 338 รวยระดับพันธมิตร
ณ ฐานทัพของย่าเหวย
“ฉันตัดสินใจแล้วว่าถ้าหากผ่านสงครามในครั้งนี้ไปได้ ฉันจะอนุญาตให้คนของฉันเลือกได้อย่างอิสระว่าพวกเขาอยากจะสมัครเป็นกองกำลังส่วนตัวของนายหรือเปล่า เพราะถ้าหากว่าพวกเขาติดตามฉันต่อไป อย่างมากที่สุดพวกเขาก็คงจะทำได้เพียงแค่เฝ้าฐานทัพแห่งนี้เท่านั้น แต่ถ้าพวกเขาไปทำงานกับนาย อย่างน้อยพวกเขาก็จะมีความเจริญก้าวหน้าในอาชีพการงาน”
“ดังนั้นหลังจากจบสงคราม นายสามารถรับสมัครทหารไปได้มากที่สุดเท่าที่นายต้องการเลย ตราบใดก็ตามที่พวกเขาเต็มใจฉันจะไม่ขัดขวางพวกเขาเลยแม้แต่นิดเดียว” ย่าเหวยกล่าวพร้อมกับถอนหายใจ
“พี่ย่าเหวยช่างเป็นนายพลที่รักลูกน้องเหมือนลูกของตัวเองจริง ๆ ไม่ต้องห่วงนะครับตราบใดก็ตามที่พวกเขาเต็มใจมาเป็นคนของผม ผมก็สัญญาว่าผมจะดูแลพวกเขาเป็นอย่างดี” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ดูเหมือนนายจะมั่นใจมากเลยนะว่าในคราวนี้ภูมิภาคดาวมฤตยูจะเป็นฝ่ายได้รับชัยชนะ?” ย่าเหวยกล่าวหลังจากจิบกาแฟเข้าไปเล็กน้อย
“มันไม่ใช่เรื่องดีเหรอครับที่ผมมั่นใจในตัวพวกคุณ? ถึงยังไงผลประโยชน์ของผมมันก็ขึ้นอยู่กับชัยชนะของพวกคุณอยู่แล้ว ดังนั้นผมเลยทำได้เพียงแต่ฝากความหวังเอาไว้ที่พวกคุณเท่านั้น” เซี่ยเฟยกล่าว
“นายจะฝากความหวังเอาไว้ที่พวกฉันก็ไม่ผิด แต่ฉันก็ไม่รู้ว่าในสถานการณ์จริงอุปกรณ์เสริมพลังชาร์จจะส่งผลกระทบต่อการต่อสู้มากแค่ไหน อีกไม่นานพวกเราจะเริ่มรวบรวมกองกำลังต่อสู้ในศึกครั้งใหญ่ ซึ่งคาดว่าน่าจะมีผู้เข้าร่วมต่อสู้เกินกว่า 30 ล้านคนโดยมียานรบไม่น้อยกว่า 10,000 ลำและมียานบัญชาการเข้าร่วมรบเป็นจำนวนเกือบ 100 ลำ”
“ศึกครั้งนี้เป็นการเดิมพันครั้งใหญ่ ซึ่งถ้าหากว่าพวกเราได้รับชัยชนะพวกเราก็จะขับไล่ข้าศึกออกไปจากดินแดนของพวกเราได้ แต่ถ้าหากว่าพวกเราได้รับความพ่ายแพ้ทุกคนก็คงจะต้องวิ่งหนีเพื่อเอาชีวิตรอด” ย่าเหวยกล่าว
“มันคงจะไม่ดีที่ผมจะเข้าไปยุ่งเรื่องกลยุทธ์ แต่ผมก็ขอให้พวกคุณโชคดีในการต่อสู้ครั้งนี้นะครับ” เซี่ยเฟยกล่าว
“ถึงยังไงนายก็ต้องคอยอวยพรให้พวกเราอยู่แล้ว เพราะผลประโยชน์ของนายมันขึ้นอยู่กับการต่อสู้ของพวกเรานี่” ย่าเหวยกล่าวด้วยรอยยิ้ม จากนั้นทั้งสองก็ส่งเสียงหัวเราะออกมาด้วยกันอย่างเข้าใจความคิดของอีกฝ่าย
“เอาล่ะฉันได้ส่งคนขนเสบียงที่นายต้องการไปให้กับกลุ่มกบฏพวกนั้นแล้ว คนพวกนั้นเป็นสหายของนายเหรอ? แล้วนายต้องการให้ฉันแอบดูแลพวกเขาให้ไหม?” ย่าเหวยกล่าวถาม
“คนพวกนั้นไม่ใช่สหายของผมหรอกครับ ให้พวกเขาดูแลตัวเองกันไปเถอะ เอาจริง ๆ ถ้าหากว่าพวกเขายังคงมีชีวิตอยู่พี่วินด์ไชม์ก็คงจะเป็นห่วงพวกเขาอยู่เสมอ” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับเผยรอยยิ้มออกมาอย่างชั่วร้าย
“นายหมายความว่ายังไงกันแน่?” ย่าเหวยผงะเล็กน้อย เพราะท่าทางของชายหนุ่มคล้ายกับเขาต้องการให้พวกกบฏถูกทำลายตายจากไป
“คุณคิดถูกแล้วครับ พี่วินด์ไชม์มีความสำคัญกับคนสำคัญของผม ผมต้องการให้เธอเลิกคิดเรื่องกลุ่มกบฏแล้วทำหน้าที่เป็นภรรยาที่ดี คนของผมจะได้ใช้ชีวิตอย่างสบายใจ” เซี่ยเฟยกล่าวขึ้นมาอย่างเด็ดขาด
“นายนี่เป็นพวกโหดเหี้ยมจริง ๆ ภายนอกดูเหมือนนายต้องการจะช่วยพวกเขา แต่ในความเป็นจริงนายกลับกำลังพยายามฆ่าพวกเขาอย่างลับ ๆ” ย่าเหวยกล่าวพร้อมกับขมวดคิ้ว
“ผมคิดว่าถ้าคุณตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกันคุณก็คงจะใช้วิธีการเดียวกับผม บางครั้งมันก็ไม่สำคัญหรอกว่าเราจะใช้วิธีการที่โหดร้ายหรือไม่ ขอให้มันช่วยทำให้เราบรรลุเป้าหมายที่เราต้องการเอาไว้ก็พอ” เซี่ยเฟยกล่าว
“มันก็จริงของนาย เอาล่ะปล่อยเรื่องนี้ให้เป็นหน้าที่ของฉันเอง ฉันจะจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อยและหมดจดมากที่สุด” ย่าเหวยกล่าวด้วยรอยยิ้มพร้อมกับตบไหล่เซี่ยเฟยเบา ๆ
“ขอบคุณมากครับ ถ้าไม่มีอะไรแล้วผมขอตัวก่อนนะครับ”
“นายจะไปแล้วเหรอ?”
“ตอนนี้เขตทุ่งดาวแห่งความตายกำลังตกอยู่ในสภาวะสงครามนะครับ แต่เชื่อผมเถอะว่าผมจะกลับมาที่นี่แน่นอน เมื่อไหร่ก็ตามที่สงครามสิ้นสุดลงผมจะกลับมาที่นี่อีกครั้งในฐานะของผู้ชนะ” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับส่งเสียงหัวเราะ
—
2 เดือนต่อมา ณ ดาวโลก
ปัจจุบันบุชเชอร์ได้ก่อตั้งทีมสำรวจออกเดินทางไปยังสวนเอเดนตามที่พวกเขาได้วาดฝันเอาไว้แล้ว
ตั้งแต่ที่มันมีข่าวสวนเอเดนปรากฏออกมา มันก็มีทีมสำรวจถูกจัดตั้งขึ้นเป็นจำนวนนับไม่ถ้วน ซึ่งเป้าหมายของพวกเขาก็เหมือน ๆ กันคือความหวังที่จะค้นหาดินแดนของทายาทมนุษย์โบราณที่ถูกตัดขาดออกจากพันธมิตรไป
เหตุการณ์นี้นับเป็นเหตุการณ์แรกที่มนุษย์ได้ก้าวเท้าออกจากดินแดนของตนเพื่อหวังจะได้พบกับดินแดนใหม่ สำหรับบุชเชอร์และนักสู้ที่หนีรอดออกมาจากสังเวียนเลือดก็กำลังรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก เพราะหลังจากที่พวกเขาถูกคุมขังมาเป็นเวลานานพวกเขาก็ได้พบกับเป้าหมายในการมีชีวิตอีกครั้ง มันจึงทำให้พวกเขาเริ่มออกเดินทางด้วยความกระตือรือร้น
ขณะเดียวกันถึงแม้ว่าเซี่ยเฟยจะมีอายุไม่มากนัก แต่เขาก็ค่อนข้างจะดูคนออกว่าใครมีนิสัยที่แท้จริงเป็นยังไง โดยเขาได้ยึดหลักการหนึ่งอยู่เสมอนั่นก็คือจะไม่ดูในสิ่งที่พวกเขาพูด แต่จะดูในสิ่งที่พวกเขาทำ
สักวันหนึ่งเซี่ยเฟยย่อมต้องนำพวกบุชเชอร์มาช่วยงานเขาแน่ ๆ แต่ก่อนหน้านั้นเขาต้องปล่อยให้คนพวกนี้ออกไปปลดปล่อยความเครียดในจิตใจของพวกเขาสักหน่อย ซึ่งหลังจากที่จิตใจของพวกบุชเชอร์ได้สงบลงแล้วการดึงพวกบุชเชอร์เข้ามาช่วยงานในตอนนั้นก็ยังไม่สาย
เบโอเนทได้มาจอดอยู่บริเวณด้านนอกคฤหาสน์ของอันเดร์เป็นเวลากว่า 3 วันแล้ว ซึ่งในช่วงเวลานี้ซาร่าก็ได้จัดการงานของเธอ และวินด์ไชม์ก็ต้องออกไปจากยานพร้อมกับพอตเตอร์อย่างไม่เต็มใจ แต่ในช่วงเวลานี้เซี่ยเฟยกลับไม่เคยลงมาจากยานเลยแม้แต่ครั้งเดียว ซึ่งเขาก็ได้ส่งข้อความธรรมดาให้ทุกคนครั้งหนึ่งว่า ‘เดี๋ยวเขาค่อยลงไป’ แต่จากนั้นมันก็ไม่มีข่าวคราวใด ๆ จากชายหนุ่มออกมาจากยานอีกเลย
ผู้คนเริ่มเดินทางไปยังคฤหาสน์ของอันเดร์มากยิ่งขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะอู่หลงที่รอคอยอยู่นอกยานอย่างใจจดใจจ่อทุก ๆ วัน และถึงแม้ว่าเขาจะต้องกลับไปทำงานที่ทำเนียบ แต่เขาก็จะรีบกลับมานั่งรอเซี่ยเฟยอย่างรวดเร็วที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้
ในความเป็นจริงมันไม่ได้มีเพียงแต่อู่หลงที่กำลังรอเซี่ยเฟยลงมาจากยานเท่านั้น เพราะไม่ว่าจะเป็นอันเดร์, ชาร์ลี, พอตเตอร์, โบเดนหรือแม้กระทั่งฉินหมางก็กำลังรอให้เขาลงมาจากยานอวกาศเช่นเดียวกัน
หลังจากเวลาผ่านไปกว่า 1 สัปดาห์ในที่สุดเซี่ยเฟยก็เริ่มมีการเคลื่อนไหวครั้งใหม่
“รอบนี้เล่นเอาเหนื่อยไปพอสมควรเลย” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับจุดบุหรี่พ่นควันสีขาวออกมาเป็นวง
“มันก็ปกตินี่ อย่าลืมว่ายิ่งนายมีระดับสูงมากขึ้นเท่าไหร่การฝึกฝนมันก็ยิ่งยากลำบากมากขึ้นไปเท่านั้น ครั้งนี้นายยกระดับมนตราอสูรขึ้นไปจนถึงขั้นที่ 4 และได้ฝึกเทคนิคพลังจิตขั้นที่ 3 ดังนั้นการที่นายฝึก 2 อย่างนี้ได้สำเร็จภายในเวลาเดือนกว่า ๆ มันก็ถือว่าเร็วมากแล้วนะ” อันธกล่าวพร้อมกับยักไหล่
“ฉันต้องการยกระดับมนตราอสูรขึ้นเป็นระดับที่ 6 ให้ได้โดยเร็วที่สุด ฉันจะได้จัดการกับเจ้าค้างคาวเงาดาราและเอายานบัญชาการกลับมาสักที” เซี่ยเฟยกล่าว
“การจัดการกับค้างคาวเงาดาราไม่ใช่เรื่องง่ายและนายยังจำเป็นจะต้องเตรียมการอีกมากมาย อย่างน้อยที่สุดการเดินทางในครั้งนั้นก็จำเป็นจะต้องมีทีมเป็นของตัวเอง ไม่ใช่การว่าจ้างพวกบุชเชอร์แบบในครั้งนี้อีกต่อไป ท้ายที่สุดการร่วมมือกันกับนักสู้หลาย ๆ คนมันก็จะช่วยให้นายจัดการกับค้างคาวเงาดาราได้ดีกว่าการต่อสู้เพียงลำพัง” อันธกล่าว
“ฉันมีคนในใจอยู่แล้ว” เซี่ยเฟยกล่าว
“นายกำลังพูดถึงเฉินตงกับเยว่เกอใช่ไหม? พลังภาพลวงตาของเยว่เกอถือว่ามีประโยชน์ในการต่อสู้ครั้งนี้มากจริง ๆ เพราะค้างคาวเงาดาราเก่งในเรื่องการจู่โจมเป็นวงกว้าง ซึ่งเยว่เกอก็น่าจะทำให้มันรู้สึกสับสนไปชั่วขณะหนึ่งได้ ขณะเดียวกันพลังน้ำแข็งของเฉินตงก็ช่วยจำกัดการเคลื่อนไหวของมันได้เป็นอย่างดี การตั้งทีมร่วมกับพวกเขาก็ถือว่าเป็นทางเลือกที่ไม่เลวเลย”
“แต่การต่อสู้โดยคนเพียงแค่ 3 คนมันก็ยังไม่ใช่ทางเลือกที่ปลอดภัย เพราะระดับพลังของเยว่เกอยังไม่สูงมากนัก บางทีภาพลวงตาของเธออาจจะใช้ไม่ได้ผลกับค้างคาวเงาดาราก็ได้ ทางที่ดีนายควรจะมีนักสู้มาเข้าร่วมทีมเพิ่มอีก 2-3 คน” อันธกล่าว
โครกครากกก
แต่ทันใดนั้นเองเสียงท้องของเซี่ยเฟยก็ร้องคำรามขึ้น
“กว่าที่เราจะกลับไปยังเขตดาววิลเดอร์เนสก็เป็นเวลาอีกนานพอสมควร พวกเราค่อย ๆ วางแผนเรื่องนี้ไปก็ได้ ตอนนี้ฉันขอไปหาอะไรกินก่อนดีกว่า”
—
เซี่ยเฟยรับประทานอาหารคนเดียวท่ามกลางสายตานับสิบ ๆ คู่ที่กำลังจ้องมองมาที่เขาในระยะใกล้ ก่อให้เกิดบรรยากาศแปลก ๆ ที่ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกกระอักกระอ่วนขึ้นมามากพอสมควร
“โอ้พระเจ้า! นายกินอาหารมากกว่าครั้งที่แล้วอีก นั่นมันไก่งวงมากกว่า 8 กิโลแล้วนะ!! บางครั้งฉันก็ไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าร่างกายของนายยัดอาหารพวกนั้นเข้าไปได้ยังไง” อู่หลงอุทานขึ้นมาด้วยความประหลาดใจ
“ในเมื่อวันนี้ทุกคนได้มารวมตัวกันแล้วพวกเราก็มาประชุมกันเลยดีกว่า ผมมีเรื่องจะพูดคุยกับพวกคุณอยู่พอดี” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับเผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อย
ทุกคนต่างก็มีเรื่องที่รอให้เซี่ยเฟยกลับมาตัดสินใจ ดังนั้นทุกคนจึงเห็นด้วยกับการประชุมในทันที แต่ฉินหมางต้องการที่จะปลีกตัวออกไปเพราะว่าเขาไม่ใช่คนของบริษัทควอนตัม
แน่นอนว่าเซี่ยเฟยย่อมเข้ามาห้ามชายชราไว้แล้วบอกให้เขานั่งฟังการประชุมต่อไปได้อย่างไม่มีปัญหา
“คำสั่งซื้ออุปกรณ์เสริมพลังชาร์จเป็นยังไงบ้าง?” เซี่ยเฟยเริ่มถาม
“ความต้องการของกลุ่มทหารน่าทึ่งจริง ๆ คุณลองดูสิว่าพวกเขาสั่งซื้อมาครั้งเดียวเป็นจำนวนมากเท่าไหร่?” ชาร์ลีกล่าวพร้อมกับหยิบเอกสารที่เขาเตรียมไว้ยื่นให้กับเซี่ยเฟย
“100,000 ชุดล่ะมั้ง? ท้ายที่สุดกรมทหารก็เป็นเจ้าของยานรบมากที่สุดในพันธมิตร ความจริงพวกเราไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพวกเขามียานรบครอบครองอยู่กี่ลำ ขนาดสมาพันธ์จัสทิสที่มีกองยานอยู่เกือบ 200 กองยังสั่งอุปกรณ์เสริมพลังชาร์จไปมากกว่า 2,000 ชุดเลย” เซี่ยเฟยกล่าวอย่างคาดเดาก่อนที่เขาจะอ่านเอกสารของชาร์ลี
“1 ล้านชุด! แค่คำสั่งซื้อแรกของกลุ่มทหารก็เป็นจำนวน 1 ล้านชุดแล้วเหรอ?!” เซี่ยเฟยอุทานขึ้นมาด้วยความตกใจ
“ใช่ครับ ทางกรมทหารสนใจอุปกรณ์เสริมพลังชาร์จมาก และดูเหมือนว่าพวกเขากำลังวางแผนที่จะติดตั้งอุปกรณ์เสริมพลังชาร์จบนยานรบของพวกเขาทุกลำ”
“ถึงแม้ว่ากำไรที่เราขายให้กรมทหารจะไม่มากนัก แต่พวกเราก็ได้กำไรจากอุปกรณ์เสริมพลังชาร์จอยู่ที่ประมาณ 1 ล้านสตาร์คอยน์ต่อชุด ถ้าหากพวกเราส่งมอบอุปกรณ์เสริมพลังชาร์จทั้ง 1 ล้านชุดนี้ได้สำเร็จ มันก็หมายความว่าบริษัทควอนตัมจะได้กำไร 1 ล้านล้านสตาร์คอยน์” ชาร์ลีกล่าวขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น
คำพูดนี้ทำให้ทุกคนยกเว้นฉินหมาง, พอตเตอร์และอันธรู้สึกตกตะลึงจนดวงตาเบิกกว้าง เพราะนี่คือเงินจำนวน 1 ล้านล้านสตาร์คอยน์ครั้งแรกที่พวกเขาเพิ่งเคยมีโอกาสได้สัมผัส
เซี่ยเฟยแตกต่างจากฉินหมางที่ไม่สนใจเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ เพราะเขาต้องคอยระมัดระวังเรื่องค่าใช้จ่ายอยู่เสมอ ย้อนกลับไปในตอนที่เขาได้ครอบครองเงิน 1 ล้านสตาร์คอยน์เป็นครั้งแรก มันก็ทำให้เขารู้สึกตื่นเต้นติดต่อกันเป็นเวลา 3 วัน 3 คืน และเมื่อยอดเงินในบัญชีทะลุ 1 ล้านล้านสตาร์คอยน์ มันก็กลับมาทำให้ชายหนุ่มรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาอีกครั้ง
ในความเป็นจริงค่าใช้จ่ายรายเดือนของเซี่ยเฟยก็ค่อนข้างจะน้อยมากอยู่แล้ว เพราะนอกเหนือจากค่าอาหารอย่างบะหมี่ผัด เซี่ยเฟยก็ชอบที่จะสูบบุหรี่ราคาถูก ๆ เท่านั้น ทำให้ในเดือน ๆ หนึ่งเขาใช้เงินไม่ถึง 10,000 สตาร์คอยน์เลยด้วยซ้ำ
เหนือสิ่งอื่นใดกำไรในก้อนนี้ก็ไม่ใช่สิ่งที่จะมาเพิ่มเติมความหรูหราให้กับเขา แต่มันคือโอกาสที่จะทำให้เขาสานฝันได้อย่างรวดเร็วมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม
การซื้อสมุนไพรระดับสูงจำเป็นจะต้องใช้เงินทุนเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้เขายังมีแผนการพัฒนาในเขตทุ่งดาวแห่งความตาย และถึงแม้ว่าแผนการผลิตไททันจะเป็นแผนการที่อยู่ไกลเกินกว่าจินตนาการ แต่มันก็จำเป็นจะต้องใช้เงินเป็นจำนวนมหาศาลเพื่อต่อเติมฝันครั้งนี้ให้กลายเป็นจริง
ยิ่งไปกว่านั้นผู้หญิงที่เขารักอย่างแอวริลยังมีฐานะทางสังคมที่สูงมาก และถึงแม้ว่าตัวหญิงสาวจะไม่เคยสนใจเรื่องฐานะของเขาเลย แต่เซี่ยเฟยไม่สามารถที่จะมองข้ามเรื่องนี้ไปได้จริง ๆ
“โอ้พระเจ้า! เงินขนาดนั้นซื้อโลกได้หลายสิบใบเลยนะ!! เซี่ยเฟยตอนนี้นายได้กลายเป็นคนรวยระดับพันธมิตรอย่างแท้จริงแล้ว” อู่หลงอุทานขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น
***************
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 120
แสดงความคิดเห็น