จดหมายลอยตามลม ฉบับสี่: เรื่อง โลกหน้ามีจริงหรือ?
สวัสดีเคียงรัก เพื่อนรักสุดสายลมถึง
“โลกหน้ามีจริงหรือ?” คำถามที่หลายคนซึ่งไม่มีประสบการณ์เกี่ยวกับโลกหน้า หรือระลึกชาติได้ หรือคนที่ไม่เคยเชื่อ แม้ว่าจะเคยประสบมาบ้าง แต่ก็จะคิดเอาว่า ตาฝาดรึเปล่า อุปทานมั้ย มักตั้งคำถามกัน....แล้วเธอล่ะเคียงรัก เป็นหนึ่งในคนเหล่านี้มั้ย? ถ้าเธอก็เป็นอีกหนึ่งคนที่มีคำถามนี้อยู่ในใจ มันไม่ใช่เรื่องแปลก หรือผิดแต่ประการใดหรอก ขอเพียงอย่าได้ลบหลู่ หรือประมาทต่อการทำความดีไปก็พอ จดหมายครั้งก่อน ที่เกริ่นไว้เล็กน้อยว่า จดหมายคราวนี้จะมาเล่าเรื่อง “โลกหน้ามีจริงไหม?” ให้เธอฟัง ฉันมีเหตุผลนะ และมันคือเหตุผลที่ว่า การมองเห็นว่ามีโลกหน้าอยู่หรือไม่นั้น จะช่วยกระตุ้นความอยากขวนขวายทำดีให้มีมากขึ้น และคนเราจะได้เลิกถามว่า ทำดีไปเพื่ออะไรสักที
เรื่องบางอย่างบนโลกนี้ เป็นเรื่องรู้ได้เฉพาะคน เธอว่ามั้ยเคียงรัก อย่างเรื่องของความรู้สึก ณ เวลาหนึ่งของคน แม้อธิบายอย่างไร ก็ยากที่จะรับรู้ได้เท่ากับคนที่ประสบเองมากับตัว สิ่งที่บางคนรับรู้ไม่ได้ แต่บางคนรับรู้ได้ ก็ไม่ได้หมายความว่าสิ่งนั้นไม่มีเสมอไป ฉันคิดว่าหลายทฤษฎีความรู้บนโลกนี้ เมื่อก่อนผู้คนก็หาว่างมงาย ไม่มีจริง ต่อเมื่อมีคนสามารถหาวิธีพิสูจน์ให้เห็นได้ เราจึงค่อยยอมรับ สำหรับฉัน วิทยาศาสตร์ไม่ได้หมายถึงความล้ำหน้า หากหมายถึงสิ่งที่ทุกคนสามารถพิสูจน์ให้ประจักษ์กับตนได้ต่างหาก วิทยาศาสตร์มีวิธีพิสูจน์สิ่งต่างๆบนโลกด้วยเทคโนโลยี แต่อย่างเรื่องที่เป็นสัมผัสทางใจ ใช่ว่าสมัยนี้จะไม่มีเทคโนโลยีมาพิสูจน์ แต่หลายคนก็คิดว่า นั่นเป็นอุปกรณ์หลอกตารึเปล่า นั่นสิ ขนาดคนเชื่อว่าโลกหน้ามีจริงอย่างฉันก็ยังอดคิดไม่ได้ เพราะอุปกรณ์นั้นเราไม่ใช่คนคิดค้นมาเอง เขาจะสร้างมาแล้วใส่ภาพอะไรเข้าไปหรือไม่ก็ไม่รู้ แต่มีวิธีหนึ่ง ที่เราสามารถพิสูจน์ได้ด้วยตนเอง อย่างหนึ่งคือ การปฏิบัติธรรม แต่ต้องจนถึงขั้นได้ตาทิพย์ หูทิพย์ และสามารถเห็นอดีตหรืออนาคตนะ จึงจะรับรู้โลกหน้าได้ อ่านถึงตรงนี้ เธออาจบ่นว่า เรารึจะทำได้ขนาดนั้น ให้เธอรู้ไว้นะเคียงรัก ไม่มีอะไรที่มนุษย์ผู้มีความตั้งใจและไม่ยอมแพ้จะทำไม่ได้ หรืออย่างสอง เธอเลือกพิสูจน์จากการถามผู้มีความสามารถดังกล่าวไปก่อนหน้าก็ได้ โดยเริ่มถามจากประเด็นที่ว่า ถ้าท่านติดต่อกับคนรู้จักของเธอที่ตายไปแล้วได้ จงถามถึงบางเรื่องที่มีไม่กี่คนรู้ และคนที่รู้ไม่ได้บอกให้ท่านทราบก่อน หรือเรื่องที่เธอและคนในโลกหลังความตายรู้กันเองนั้นคืออะไร สำหรับวิธีที่สองนี้ ต้องบอกก่อนว่า คนจะมีความสามารถมองเห็นโลกต่างมิติกับเราได้ หรือมองเห็นอดีต อนาคตได้ ไม่ใช่ทุกคนที่ท่านบอกว่าสามารถทำอย่างนั้นได้จะทำได้จริงอย่างอ้าง ของจริงก็มี ของปลอมก็มาก ฉะนั้น หากพบของลวงก็จงทำใจเป็นกลาง
โลกหน้าที่ฉันกล่าวไปข้างต้น ฉันหมายถึงโลกหลังจากเราหมดลมหายใจแล้ว หรือที่หลายคนเรียกว่า โลกวิญญาณ และเรื่องของชาติหน้า แต่คราวนี้จะพูดถึงโลกหน้า ที่เธอไม่จำเป็นต้องปฏิบัติธรรม หรือถามผู้มีความสามารถพิเศษ เกริ่นเท่านี้ เธอคงเดาได้แล้วว่าฉันหมายถึงอะไรไปไม่ได้ นอกจากอนาคตในอีกหนึ่งวินาที หนึ่งนาที หนึ่งชั่วโมง หนึ่งวัน เดือน ปี หรือสิบปี จนกระทั่งหมดอายุไขของเรา แต่ขึ้นชื่อว่าอนาคต เป็นสิ่งที่ยังมาไม่ถึง เธอสามารถมองเห็นแนวโน้มของเหตุการณ์ที่อาจเกิดได้ แต่ก็ไม่สามารถมั่นใจได้ว่าสิ่งที่เห็นนั้นจะเกิดขึ้นกี่มากน้อย ตอนนี้ยังดีอยู่ อีกไม่กี่วินาทีข้างหน้ามันอาจคงเดิมหรือผกผันไป เหมือนหุ้นที่นักธุรกิจชอบเล่น เหมือนหลายปรากฏการณ์ทั้งในชีวิตเรา คนรอบข้าง หรือโลก ที่อยู่ดีๆจู่ๆก็เกิดเหตุไม่คาดฝัน เราทำความดีไปเพื่ออะไร ก็เพื่อตนเองทั้งสิ้น อนาคตยากรู้ว่าจะอยู่หรือดับไป ชาติหน้ามีจริงหรือไม่ แต่เมื่อชีวิตนี้ยังคงดำเนินอยู่ก็ไม่ควรประมาท เพราะโลกหน้า ที่หมายถึงเวลาข้างหน้ายังอาจมีต่อไป ซึ่งเป็นเหตุผลว่า ปัจจุบันเราควรทำให้ดี เพื่ออนาคตจะได้ออกมาดี บางคนว่า โลกหน้าไม่มีจริงหรอก เขาเหล่านั้นมีอะไรมาพิสูจน์ สุดท้ายก็ใช้ตะกะคาดเดากันไปตามประสบการณ์หรือความชอบ คนกลุ่มนี้พูดว่า ถ้าโลกหน้ามีจริง ทำไมไม่มีใครกลับมาบอก ก็ใช่ว่าโลกนี้ไม่เคยมีคนที่ระลึกอดีตชาติได้ หรือติดต่อกับคนที่ตายไปแล้วได้ แต่เป็นเขาเอง ไม่มีใจอยากจะเชื่อ ทั้งที่คำว่า โลกหน้าไม่มีจริงของเขาก็ไม่มีใครบอกได้จริงๆ
เอาเป็นว่า ฉันกับเธอจะไม่มัวเถียงกันว่า ตกลงใครพูดถูก แต่เรารู้กันว่า เวลาของเราอาจยังดำเนินต่อไป และเราจะก้าวไปถึงโลกหน้าได้สักวัน หากสิ่งที่ฉันต้องการคุยกับเธอจริงๆ ไม่ใช่ให้เชื่อว่าโลกหลังความตายหรือชาติหน้ามีจริงหรือไม่ หากอยากให้เธอรู้และตระหนักว่า แม้ชาติหน้าไม่มีจริง เราก็ไม่ควรประมาทในการทำดีเพื่อชีวิตดีๆของตนเอง อย่าทำเหมือนบางคน ที่คิดว่าชาติหน้าไม่มีจริง คนเราตายแล้วสูญ จึงคิดว่ามีชีวิตอยู่อยากทำอะไรก็ทำ ไม่ว่าเรื่องดีหรือเลว เพื่อเก็บรสชาติชีวิตอันหลากหลายให้คุ้ม ถูกอยู่ ที่เกิดมาครั้งหนึ่งควรใช้ชีวิตให้คุ้ม แต่เหตุใดการใช้ชีวิตของเราต้องไปเบียดเบียนคนอื่น เมื่อเกิดมาครั้งหนึ่ง ใครๆก็อยากมีชีวิตผาสุก เกลียดทุกข์รักสุขเสมอกัน แล้วทำไมบางคนต้องไปเบียดเบียนเวลาความสุขในการเกิดมาครั้งนี้ของเขาเพื่อสนองความต้องการส่วนตน ทั้งหมดที่กล่าวมานี้ ก็เพียงต้องการให้หลายคนไม่ละเลยในความดี เพราะความดีในปัจจุบัน จะเป็นเหตุของการประสบสิ่งดีในอนาคต ซึ่งอนาคตนั้น ไม่จำเป็นต้องรู้ก็ได้ว่าภพหน้ามีจริงหรือไม่ แค่โลกหน้าตราบเท่าที่ยังมีชีวิต ก็เป็นเหตุผลเพียงพอแล้ว และแม้ถึงโลกหน้าจะมีจริง เราก็ไม่ต้องกลัวไปว่าจะไม่พบสิ่งดี เมื่อตลอดชีวิตที่ผ่านมาไม่ได้ละเลยในการทำดีแม้แต่น้อย ก็นับว่าป้องกันไว้ดีกว่าเป็นคนประมาทที่ไม่อาจแก้ไขอะไรได้ทันในวันที่ความจริงปรากฏ
ด้วยรักและหวังดี
ดินประกอบ
มาวันนี้ ก็จะเอาเพจมาฝากด้วยนะคะ อย่างไรขอขอบคุณนักอ่านทุกท่านที่ติดตามกันมาทุกฉบับ หากไม่ลำบากเกินไป รบกวนช่วยคอมเม้นท์ติชมให้หน่อยนะคะ อยากทราบว่าบทความที่เขียนขึ้น ผู้อ่านได้รับอะไรบ้าง หรือคิดเห็นอย่างไรค่ะ
เพจ:
https://m.facebook.com/%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B9%80%E0%B8%82%E0%...
- 👁️ ยอดวิว 1235
แสดงความคิดเห็น